จากแฟนเก่าสุดรักครั้งวัยเด็ก ที่เคยเลิกรากันไปนานถึงห้าปี แต่พรหมลิขิตชักพาให้เขาสองคนได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในสถานะท่านประธานกับเลขา ________________________ “นายเลิกยุ่งกับฉันได้ไหม ขอร้องละ” ริสาหดลำคอถอยหนีด้วยความกลัว เมื่อก่อนเคยโมโหร้ายยังไง ตอนนี้เขายังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน “แล้วทำไมฉันต้องทำแบบนั้น!?” “....” หญิงสาวน้ำตาคลอเมื่อคนตรงหน้าไม่มีท่าทีว่าจะยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ “เมียเก่าของฉันดูน่าสงสารจังเลยนะ” “เลิกแกล้งฉันสักทีได้ไหม จะทำร้ายความรู้สึกฉันไปถึงเมื่อไหร่กัน?” “พอโดนฉันเอาคืนแค่นี้ ถึงกลับทนไม่ได้เลยเหรอ?” “แล้วต้องให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันชดใช้ยังไงก็บอกมาสิ” “มันชดใช้แทนกันไม่ได้หรอก เพราะฉันเจ็บปวดกว่าที่เธอคิดไว้เยอะ” “ฉันก็เจ็บปวดไม่แพ้นายนั่นแหละ” “ถ้าเจ็บปวดแล้วทำไมไม่กลับมา ทำไมต้องทิ้งฉันไปแบบนั้น!” “....”
HUGO SCHOOL
“ดูสภาพยัยริสาสิ น่าเวทนาสิ้นดี”
“กล้าดียังไงมาชอบเหมันต์ คนอะไรไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว”
“ชาตินี้ทั้งชาติ เหมันต์ก็ไม่มีวันชายตาแลหล่อนหรอกย่ะ”
ริสาได้แต่ก้มหน้าเดินผ่านคนพวกนั้นออกไปเงียบๆ ‘เหมันต์’ คือเพื่อนชายร่วมห้องที่เธอแอบชอบมานานหลายปี
แต่นั่นก็ได้แค่คิด เพราะเขาและเธอแตกต่างกันมากเหลือเกิน ไหนจะสถานะทางครอบครัวที่เหมันต์รวยกว่าเธอมากเป็นไหนๆ ไหนจะทางรูปร่างหน้าตา บอกเลยว่าเธอต้องอกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ
ริสาเป็นเด็กสาวอายุสิบเจ็ด ที่กำลังศึกษาเรียนชั้นมัธยมอยู่ที่โรงเรียนระดับจังหวัด เธอมีรูปร่างอวบอ้วน ผิวขาวเหลืองออกไปทางซีด หน้าตาก็ถือว่างั้นๆ ใส่แว่นตากรอบหนา กับกระโปรงนักเรียนยาวคลุมเข่า
และแล้วความลับที่ปกปิดมานานต้องถูกเปิดเผยเมื่อมีคนเห็นจดหมายสารภาพรักของเธอที่เขียนถึงเหมันต์ พอข่าวหลุดออกไป เพื่อนๆ หลายคนเอาแต่ล้อเธอ โดยที่ไม่สนใจความรู้สึกของเธอเลยสักนิด
“หน้างอมาอีกแล้วเพื่อนฉัน ยัยพวกนั้นมันว่าแกอีกแล้วใช่ไหม?” อิงฟ้าเพื่อนสนิทเอ่ยถามด้วยความเดือดดาลแทนเพื่อนรัก เพราะอุปนิสัยของริสาคือยอมคน และไม่ค่อยทันโลกภายนอกสักเท่าไร
“ช่างมันเถอะ ฉันชินแล้ว” ริสาตอบอย่างไม่ใส่ใจ พลางหยิบขนมปังใส่ปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ถึงน้ำหนักจะปาเข้าเลขเจ็ด แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการกินแต่อย่างใด
แต่แล้วหัวใจดวงน้อยดันกลับมาเต้นแรงอีกครั้งเมื่อเห็นใครบางคนที่กำลังเดินผ่านหน้าเธอไป
ดวงตากลมโตจ้องมองผู้ชายคนนั้นอย่างเคลิบเคลิ้ม เพราะเขาคือเหมันต์คนที่เธอแอบชอบมาโดยตลอด
“หล่อจัง” ริสาเอ่ยเพราะตกอยู่ในภวังค์ความหล่อของเด็กหนุ่มที่เพิ่งเดินผ่านไป
ความสูงของเขาอยู่ที่ราวๆ ร้อยแปดสิบกว่าได้ คิ้วเข้มหนา สันจมูกโด่งคม ผิวหนาเนียนละเอียด ปากสีชมพูอ่อนๆ ที่ไม่ว่าใครได้เห็นก็ต้องชื่นชอบเหมือนเธอ
“ตื่นได้แล้วย่ะ ไอ้เหมันต์ของแกมันเดินไปนู้นแล้ว” อิงฟ้าดึงสติเพื่อนสาวที่ดูเหมือนว่าจะหลุดลอยไปไกล
“…..” ริสาถอนหายใจ ก่อนจะวางหน้าซบลงบนโต๊ะหินอ่อนอย่างหมดอาลัยตายอยาก เธอพยายามอยู่หลายครั้งที่จะเลิกชอบเหมันต์ แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนเลิกชอบเขาไม่ได้อยู่ดี
“ริสา คงทวี”
เด็กสาวสะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงของอาจารย์ที่สอนวิชาภาษาไทยเรียกชื่อ
“ริสามาค่ะ” เธอขานรับ
“คะแนนสอบออกมาแล้วนะ ริสาได้สามสิบคะแนนเต็ม เก่งมากจ้ะ”
เด็กสาวยิ้มกว้างออกมาด้วยความภาคภูมิใจ ที่อย่างน้อยเธอก็ยังพอมีสมองอันชาญฉลาดที่เป็นข้อดีอยู่บ้าง
“เหมันต์ วรตระกูล ได้สามสิบคะแนนเต็มเหมือนกันนะ”
“ฮิ้ววววว เก่งมากๆ เลยเหมันต์” เพื่อนๆ ร่วมห้องต่างพากันปรบมือโห่ร้องแสดงความชื่นชมยินดี ต่างจากริสาที่ไม่ได้กลับมาแม้เสียงปรบมือ
“พอเป็นผู้ชาย ยัยพวกนี่มันสองมาตราฐานชัดๆ เลยแฮะ ยัยพวกกิ้งก่าแอฟริกาใต้ เห็นแล้วหมั่นไส้ อยากจะอ้วก!” อิงฟ้าจิ๊จ๊ะในลำคอด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย ที่เพื่อนผู้หญิงในห้องต่างพากันไม่ชอบริสา ต่างจากเหมันต์ที่ทุกคนต่างพากันรุมล้อมให้ความสนใจ
“ช่างเขาเถอะน่า อย่าไปใส่ใจเลย” ริสาพูดอย่างปลงๆ
“ต่อไปนี้อาจารย์จะให้นักเรียนออกมาจับคู่เพื่อทำโครงงาน กำหนดส่งคืออาทิตย์หน้า มีคะแนนเก็บให้ยี่สิบคะแนน ทุกคนพร้อมไหม?”
“พร้อมค่ะ/พร้อมครับ” นักเรียนในห้องต่างส่งเสียงขานรับพร้อมกัน
“งั้นเรามาเริ่มกันเลย” อาจารย์ประจำวิชาวางโหลแก้วที่มีรายชื่อนักเรียนทุกคนลงบนโต๊ะ
“เลขที่1 เหมันต์ เชิญออกมาจับฉลาก”
“สาธุขอให้จับได้เลขที่ฉันด้วยเถอะ”
“ให้ได้ฉันดีกว่า ฉันอยากคู่กับเหมันต์”
“เหมันต์ต้องจับชื่อฉันได้แน่นอน เพราะเขาเป็นเนื้อคู่ฉัน”
เด็กสาวในห้องต่างพากันจับกลุ่มคุยซุบซิบเมื่อเห็นเหมันต์เดินผ่านหน้าไป ไม่เว้นแม้แต่ริสาที่เหลือบสายตามองตามเขาไปเช่นกัน
“ถ้าพร้อมแล้วจับได้เลยจ้ะ”
เหมันต์ล้วงมือเข้าไปจับฉลากที่อยู่ในโหลแก้วแบบไม่ลังเล พอได้ใบรายชื่อที่ต้องการจึงยื่นมันให้อาจารย์
“เหมันต์จับได้เลขที่27”
“…..” นักเรียนในห้องต่างพากันหันขวับไปมองหาเจ้าของเลขที่27 แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของคนนั้นจะยังไม่ปรากฏตัว
“ใครเลขที่27 รายงานตัวด้วยจ้ะ”
“เลขที่27?” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นปม เมื่อได้ยินอาจารย์เรียกเลขที่ของตัวเอง ริสาเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อคิดได้ว่ามันคือเลขที่ของเธอ
“ทำหน้างงอะไร ก็เธอนั่นแหละยัยเผือก” เหมันต์ตะโกนเรียกเด็กสาวที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดของห้อง ตอนนี้เธอกำลังทำหน้าตาเหลอหลา
“ริสา คงทวี เธอได้คู่กับเหมันต์นะ”
“คะ…คะ?” ริสาหยัดตัวลุกขึ้นยืนด้วยความงุนงง ตอนนี้มันเหมือนกับความฝันก็ว่าได้
“เวรกรรมอะไรของเหมันต์ที่จับได้ยัยริสา”
“ยัยนี่มันทำบุญด้วยอะไร กรี๊ดดดด”
“ดูสภาพมันสิ หมาวัดกับเครื่องบินชัดๆ เลย”
เด็กสาวถึงกลับนิ่งไปชั่วขณะเมื่อได้เห็นสายตาของเพื่อนๆ และคำซุบซิบที่กำลังหมายถึงเธอ
“จะหุบปากกันได้หรือยัง หนวกหู!” เหมันต์ที่ยืนเงียบอยู่นานพูดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ซึ่งพอเพื่อนๆ ร่วมห้องได้ยินต่างพากันเงียบลงในทันที
อาจจะเป็นเพราะเขานิ่งเงียบ รักสันโดษและไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เลยทำให้คนอื่นๆ รู้สึกเกรงใจอยู่บ้าง
“เอาเป็นว่าเหมันต์ได้คู่กับริสานะ”
“ไม่เป็นไรค่ะอาจารย์ หนูอยากให้เหมันต์จับฉลากใหม่” ริสาพูดอย่างไม่มีทางเลือก ถ้าเธอได้คู่กับเหมันต์จริงๆ มีหวังพวกเพื่อนคงได้เกลียดเธอมากกว่านี้แน่ๆ
“เอางั้นเหรอ?”
“ค่ะอาจารย์ ให้เหมันต์จับฉลากใหม่” ริสายังยืนยันกับอาจารย์ประจำวิชาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ถ้างั้นเหมันต์จับฉลากใหม่อีกทีนะ”
“ไม่ครับ ผมขอเลือกริสา”
“…..”
ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะต้องมีความสัมพันธ์กับผู้ชายสองคนในคราเดียว ยิ่งฉันหนี พวกเขาก็ยิ่งตาม! “ไอ้พระรามมันเคยทำกับน้องกูแบบไหน กูก็จะทำกับน้องมันแบบนั้นแหละ!” ปึง! ไดมอนด์วางแก้วเหล้ากระทบกับโต๊ะกระเบื้องอย่างแรงเพื่อระบายความรู้สึก เมื่อนึกย้อนไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต “กูขอเวลาสองเดือน กูจะปิดจ๊อบน้องมันให้ได้” “สองเดือนเลยหรอวะ ระดับคุณไดมอนด์แค่เดือนเดียวก็พอมั้ง?” “ไม่มีปัญหา เดือนเดียวก็เดือนเดียวสิวะ” “แล้วมึงอ่ะไอ้ดิน เห็นด้วยกับไอ้มอนด์หรือเปล่า?” เพื่อนชายในกลุ่มหันไปถามแผ่นดินที่เอาแต่นั่งกอดอกเงียบตั้งแต่มาถึง “เอาดิ! ช่วงนี้กูว่าง ไม่มีอะไรทำ” แผ่นดินแบบไม่ใส่ใจมากนัก “ใครที่ปิดจ๊อบยัยนั่นได้ก่อนเป็นฝ่ายชนะ ตกลงไหม?” ไดมอนด์หันไปกอดคอแผ่นดินที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากด้วยความเย้ยหยัน “ชนะแล้วได้อะไร?” “สามล้าน!” “กูขอห้าล้าน!” แผ่นดินต่อรองพร้อมกับหันไปจ้องหน้าเพื่อนชาย “ถ้าไม่ได้ห้าล้านก็ไม่เล่น เสียเวลา!” สิ้นประโยคนั้นเขาก็หยัดตัวลุกขึ้น แต่ถูกไดมอนด์คว้าแขนเอาไว้เสียก่อน “ได้ดิ! ไม่มีปัญหา ห้าล้านก็ห้าล้าน”
“มึงอยากจะคิดยังไงก็เชิญ แต่กูอยากให้มึงรู้ไว้ ว่ากูไม่เคยรักมัน” “......” “เรยามันก็เหมือนผู้หญิงคนอื่นทั่วๆ ไป ใช้แค่เศษเงินแลกไม่กี่บาทกูก็ได้เอาแล้ว” เคร้งงงง เสียงแจกันที่อยู่แถวนั้นหล่นแตกกระจัดกระจาย เมื่อฉันเดินถอยหลังไปชนแบบไม่ตั้งใจ ทำให้คนที่อยู่ในห้องต่างพากันหันมามองตามเสียง รวมถึงคุณใหญ่ที่กำลังมองมาในแววตาของเขาที่มองฉัน มันไม่หลงเหลือความรู้สึกอะไรอยู่เลย มันมีแต่ความว่างเปล่า น้ำตาของฉันมันค่อยๆ ไหลลงอาบแก้มทั้งสองข้าง เมื่อได้ยินประโยคที่พวกเขานั้นพูดคุยกันก่อนหน้านั้น ที่ผ่านมาคุณใหญ่ไม่เคยรักฉัน มีแต่ฉันที่คิดไปเองว่าเขานั้นรัก แล้วทำไมเขาถึงต้องมาวาดฝันร่วมกับฉัน ให้ฉันคิดไปไกลคิดไปเองคนเดียว ทั้งๆ ที่ความรู้สึกเล่านั้น มันไม่เคยมีอยู่จริง! “แสดงว่าที่ผ่านมา คุณหลอกฉันมาโดยตลอด” ฉันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ มันเจ็บเหมือนใจมันจะขาดที่ได้เห็นภาพตรงหน้า “ช่วยไม่ได้ เธอมันโง่เอง!” “คุณทำแบบนี้ทำไม คุณหลอกฉันทำไม!?” ฉันกรีดร้องลั่นออกมาจนสุดเสียงที่มี สติของฉันตอนนี้มันแทบไม่มีหลงเหลืออยู่แล้ว “ผู้ชายเวลามันอยากเอา มันก็ทำได้หมดนั่นแหละ!” “......” เมื่อได้ยินดังนั้น ฉันจึงเงียบไม่พูดอะไรต่อ มันหมดเรี่ยวแรงแล้วตอนนี้
เพล้ง! โจเซฟเขวี้ยงแก้วเหล้าที่อยู่ในมือทิ้งลงบนพื้นจนแตกละเอียดกระ จัดกระจายเมื่อนั่งดูคลิปของกล้องวงจรปิดที่พึ่งกู้คืนกลับมา เขาเริ่มประติดประต่อเรื่องราวได้ทั้งหมดว่ามันเป็นแผนของดารินที่เป็นคนจัดฉากนี้ขึ้นมา ที่ผ่านมาเธอคงหลอกใช้เขาและเห็นเขาเป็นแค่ทางผ่านเพื่อไปหาเหมันต์ ไม่ว่าจะพยายามติดต่อหรือใช้เบอร์แปลกโทรไปหา เธอก็รู้และไหวตัวทันไม่ยอมรับสายมันยิ่งทำให้แน่ใจขึ้นไปอีกว่าเรื่องที่ผ่านมาเขากลายเป็นหมากที่ดารินวางไว้ “คิดจะทำแบบนี้กับฉันงั้นเหรอ แล้วเธอจะได้รู้ว่านรกบนดินมันเป็นยังไง” ริมฝีปากหนาแสยะยิ้มพลางมองไปยังรูปถ่ายของดารินที่มีทุกอริยาบถนับร้อยนับพันรูปที่ติดอยู่บนผนังในห้องลับส่วนตัว เขาแอบถ่ายไว้สมัยเรียนมัธยมปลาย ซึ่งเธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน “เบบี้ของฉัน อดใจรออีกนิดนะ เดี๋ยวฉันจะไปรับเธอมาอยู่ด้วยกัน ใบหน้าคมคายโน้มลงไปจูบที่รูปถ่ายของดารินด้วยความหลงไหลและโกรธแค้นไปพร้อมๆ กัน “ฉันแทบจะอดทนรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหวแล้วสิ”
เสียงเครื่องยนต์ดังกระหึ่มจนฉันต้องลดหนังสือในมือลงชะเง้อคอมองไปที่ถนน “เสียงท่อรถแบบนี้ ผ่านด่านตรวจมาได้ยังไงวะ?” ความรู้สึกแรกหลังได้ยินเสียงแสบหู ท่อไอเสียที่ถูกตัดแต่งเพิ่มเสียงให้ดังมากขึ้น จนทำให้คนที่ได้ยินเกิดความรำคาญ และฉันเป็นหนึ่งในหลายคนที่เบ้ปากร้องยี๋ แต่ฉันอาจจะอาการหนักกว่าคนอื่นนิดหน่อยก็ได้ เพราะฉันกำลังติดพันกับหนังสือนวนิยายที่เพิ่งได้มา มันเป็นหนังสือนิยายทำมือของนักเขียนท่านหนึ่งแต่ติดเรท ที่ฉันพยายามหลบๆ อ่าน เพราะบางทีสายตาของคนอื่นตอนที่มองปกหนังสือก็ทำให้ฉันหงุดหงิดเล็กๆ ฉันคิดในใจทุกครั้งหากสายตาคนเหล่านั้นพุ่งตรงมาที่หนังสือในมือฉัน ฉันซื้อมาด้วยสตางค์ที่หาได้ ไม่ได้ไปใครขโมยใครมา แล้วทำไมล่ะ ความชอบส่วนตัวของฉันจึงไปขัดตาคนอื่น จบเรื่องนั้นกันก่อนเถอะค่ะ เรามาว่ากันต่อด้วยเรื่องที่กำลังเกิดขึ้น ไอ้รถบิ้กไบค์คันนั้นดันมาจอดใกล้ๆ แปลที่ฉันนอนซุ่มอ่านหนังสือเล่มโปรดอยู่นี่สิ!!
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
ฟาเบียน ฟรองซัว (ฟา) 32 ปีลูกเสี้ยว ไทย-ฝรั่งเศส-จีนผู้กว้างขวาง และร่ำรวยจากการทำชิปปิ้งตัวแทนผู้นำเข้าและส่งออกรายใหญ่ของไทยชายหนุ่มที่ขาดเรื่องบนเตียงไม่ได้แต่เขาเบื่อผู้หญิงที่จ้องจะจับเขา ทิพย์ดารา นวลพรรณ (ดาด้า) นางแบบและนักแสดงสาวมากความสามารถกำลังหัวเสียที่เธอถูกฟาเบียนตัดความสัมพันธ์เธอนั่งบ่นให้กับช่างประจำที่ร้านฟังฟาเบียนบอกเธอว่า "ถ้าผมหิว ผมจะซื้อกินเอง" เพราะคำว่าแต่งงานหรือผูกมัดไม่ใช่ทางของเขา ปองรัก พลอยรัตนา (จิล) 22 ปีเธอกำลังต้องการเงินเพื่อไปช่วยครอบครัวที่กำลังถูกฟ้องและถูกหุ้นส่วนโกงจำนวนเงินอาจจะไม่มากเท่าไหร่แต่มันก็ทำให้ครอบครัวที่เคยอยู่เย็นเป็นสุขต้องเดือดร้อน แทบหมดตัวอีกอย่างตอนนี้เธอก็ยังเรียนไม่จบเหลืออีกเทอมเดียวเท่านั้นด้วยความบังเอิญเธอได้บัตรกำนัลทำผมที่ร้านแห่งหนึ่ง..ฟรี จากเพื่อนรักสุจิรา เดชธนาดล (จิรา)ลูกเจ้าของร้านเพชรชื่อดังในเมืองไทย ชื่อและประวัติของ ฟาเบียนทำให้จิลเห็นทางออกหญิงสาวที่ยังบริสุทธิ์ เธอจะทำยังไงให้ครอบครัวกลับมาอยู่ดีเหมือนเดิมได้เธอยินดี...ทำเธอเดินเข้าไปเสนอขายพรหมจรรย์ให้กับเขาเงินที่เธอร้องขอ สำหรับ ฟาเบียน แค่เศษเงินแค่เห็นหน้าเธอ เขาก็ปิ๊งเสียแล้วฟาเบียน รับข้อเสนอและให้เธอมาเป็น...เมียพาร์ทไทม์ เริ่มต้นก็สนุกเสียแล้ว พลาดได้ไง ขอฝากผลงานเรื่องนี้ไว้ในอ้อมใจของนักอ่านที่น่ารักด้วยนะคะ
เธอได้รับมอบหมายให้สัมภาษณ์นักธุรกิจชื่อดัง แต่ไม่นึกเลยว่าการพบกันครั้งแรกระหว่างเขาและเธอ...จะทำให้เธอสูญเสียพรหมจรรย์ไป เขามีเงิน มีอำนาจ และมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เป็นผู้ชายที่เธอควรหลีกหนีให้ไกลที่สุด เธอตั้งใจจะลืมเรื่องคืนนั้นแล้วใช้ชีวิตตามปกติ แต่ทว่า...เช้ามา เธอก็ตกงาน จากนั้นก็โดนนักเลงมาข่มขู่คุกคาม แถมยังโดนเจ้าของห้องเช่าไล่ออกอีกต่างหาก เธอมั่นใจว่าคนที่หาเรื่องกลั่นแกล้งเธอก็คือคู่หมั้นของนนทิวรรธน์ ที่เธอต้องมาซวยก็เพราะผู้ชายคนนี้คนเดียว !! เธอบุกไปบ้านเขาเพื่อทวงความยุติธรรม เพื่อให้เขามอบความปลอดภัยให้เธอ แต่ไม่นึกเลยว่าเธอจากกลายเป็นเมียลับของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ สถานะเมียลับที่อยู่ในความคุ้มครองของเขา ได้เงินทองมากมาย ใช้ชีวิตสุขสบาย แต่ไม่เคยได้รับความรัก และในวันที่เขาจะแต่งงาน คือวันเดียวกับที่เธอเพิ่งรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ และที่สำคัญสุดคือ...หัวใจทั้งดวงของเธอเป็นของเขาไปแล้ว ซ้ำร้าย…เธอมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดเขาเพียง 1 เดือน ก็โดนเขาขับไล่อย่างไม่ไว้หน้า เธอต้องเก็บเสื้อผ้าออกมาจากชีวิตด้วยความรู้สึกที่ย่ำแย่...ทิ้งสถานะเมียลับให้เป็นเพียงความทรงจำ พร้อมกับฝังความลับเรื่องการตั้งครรภ์ไม่ให้ล่วงรู้ถึงหูเขา 2 ปีต่อมา เธอได้พบกับอดีตสามีอีกครั้ง ในฐานะเลขาชั่วคราวกับท่านประธานบริษัท ความลับเรื่องลูก...เขายังไม่รู้ และจะไม่มีวันได้รู้เด็ดขาด แต่ใครจะนึกล่ะว่าความลับไม่มีในโลก !
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"