จากแฟนเก่าสุดรักครั้งวัยเด็ก ที่เคยเลิกรากันไปนานถึงห้าปี แต่พรหมลิขิตชักพาให้เขาสองคนได้กลับมาเจอกันอีกครั้งในสถานะท่านประธานกับเลขา ________________________ “นายเลิกยุ่งกับฉันได้ไหม ขอร้องละ” ริสาหดลำคอถอยหนีด้วยความกลัว เมื่อก่อนเคยโมโหร้ายยังไง ตอนนี้เขายังคงเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน “แล้วทำไมฉันต้องทำแบบนั้น!?” “....” หญิงสาวน้ำตาคลอเมื่อคนตรงหน้าไม่มีท่าทีว่าจะยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ “เมียเก่าของฉันดูน่าสงสารจังเลยนะ” “เลิกแกล้งฉันสักทีได้ไหม จะทำร้ายความรู้สึกฉันไปถึงเมื่อไหร่กัน?” “พอโดนฉันเอาคืนแค่นี้ ถึงกลับทนไม่ได้เลยเหรอ?” “แล้วต้องให้ฉันทำยังไง จะให้ฉันชดใช้ยังไงก็บอกมาสิ” “มันชดใช้แทนกันไม่ได้หรอก เพราะฉันเจ็บปวดกว่าที่เธอคิดไว้เยอะ” “ฉันก็เจ็บปวดไม่แพ้นายนั่นแหละ” “ถ้าเจ็บปวดแล้วทำไมไม่กลับมา ทำไมต้องทิ้งฉันไปแบบนั้น!” “....”
HUGO SCHOOL
“ดูสภาพยัยริสาสิ น่าเวทนาสิ้นดี”
“กล้าดียังไงมาชอบเหมันต์ คนอะไรไม่รู้จักเจียมเนื้อเจียมตัว”
“ชาตินี้ทั้งชาติ เหมันต์ก็ไม่มีวันชายตาแลหล่อนหรอกย่ะ”
ริสาได้แต่ก้มหน้าเดินผ่านคนพวกนั้นออกไปเงียบๆ ‘เหมันต์’ คือเพื่อนชายร่วมห้องที่เธอแอบชอบมานานหลายปี
แต่นั่นก็ได้แค่คิด เพราะเขาและเธอแตกต่างกันมากเหลือเกิน ไหนจะสถานะทางครอบครัวที่เหมันต์รวยกว่าเธอมากเป็นไหนๆ ไหนจะทางรูปร่างหน้าตา บอกเลยว่าเธอต้องอกหักตั้งแต่ยังไม่เริ่มเลยด้วยซ้ำ
ริสาเป็นเด็กสาวอายุสิบเจ็ด ที่กำลังศึกษาเรียนชั้นมัธยมอยู่ที่โรงเรียนระดับจังหวัด เธอมีรูปร่างอวบอ้วน ผิวขาวเหลืองออกไปทางซีด หน้าตาก็ถือว่างั้นๆ ใส่แว่นตากรอบหนา กับกระโปรงนักเรียนยาวคลุมเข่า
และแล้วความลับที่ปกปิดมานานต้องถูกเปิดเผยเมื่อมีคนเห็นจดหมายสารภาพรักของเธอที่เขียนถึงเหมันต์ พอข่าวหลุดออกไป เพื่อนๆ หลายคนเอาแต่ล้อเธอ โดยที่ไม่สนใจความรู้สึกของเธอเลยสักนิด
“หน้างอมาอีกแล้วเพื่อนฉัน ยัยพวกนั้นมันว่าแกอีกแล้วใช่ไหม?” อิงฟ้าเพื่อนสนิทเอ่ยถามด้วยความเดือดดาลแทนเพื่อนรัก เพราะอุปนิสัยของริสาคือยอมคน และไม่ค่อยทันโลกภายนอกสักเท่าไร
“ช่างมันเถอะ ฉันชินแล้ว” ริสาตอบอย่างไม่ใส่ใจ พลางหยิบขนมปังใส่ปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย ถึงน้ำหนักจะปาเข้าเลขเจ็ด แต่ก็ไม่ได้เป็นอุปสรรคในการกินแต่อย่างใด
แต่แล้วหัวใจดวงน้อยดันกลับมาเต้นแรงอีกครั้งเมื่อเห็นใครบางคนที่กำลังเดินผ่านหน้าเธอไป
ดวงตากลมโตจ้องมองผู้ชายคนนั้นอย่างเคลิบเคลิ้ม เพราะเขาคือเหมันต์คนที่เธอแอบชอบมาโดยตลอด
“หล่อจัง” ริสาเอ่ยเพราะตกอยู่ในภวังค์ความหล่อของเด็กหนุ่มที่เพิ่งเดินผ่านไป
ความสูงของเขาอยู่ที่ราวๆ ร้อยแปดสิบกว่าได้ คิ้วเข้มหนา สันจมูกโด่งคม ผิวหนาเนียนละเอียด ปากสีชมพูอ่อนๆ ที่ไม่ว่าใครได้เห็นก็ต้องชื่นชอบเหมือนเธอ
“ตื่นได้แล้วย่ะ ไอ้เหมันต์ของแกมันเดินไปนู้นแล้ว” อิงฟ้าดึงสติเพื่อนสาวที่ดูเหมือนว่าจะหลุดลอยไปไกล
“…..” ริสาถอนหายใจ ก่อนจะวางหน้าซบลงบนโต๊ะหินอ่อนอย่างหมดอาลัยตายอยาก เธอพยายามอยู่หลายครั้งที่จะเลิกชอบเหมันต์ แต่สุดท้ายก็ใจอ่อนเลิกชอบเขาไม่ได้อยู่ดี
“ริสา คงทวี”
เด็กสาวสะดุ้งตื่นจากภวังค์เมื่อได้ยินเสียงของอาจารย์ที่สอนวิชาภาษาไทยเรียกชื่อ
“ริสามาค่ะ” เธอขานรับ
“คะแนนสอบออกมาแล้วนะ ริสาได้สามสิบคะแนนเต็ม เก่งมากจ้ะ”
เด็กสาวยิ้มกว้างออกมาด้วยความภาคภูมิใจ ที่อย่างน้อยเธอก็ยังพอมีสมองอันชาญฉลาดที่เป็นข้อดีอยู่บ้าง
“เหมันต์ วรตระกูล ได้สามสิบคะแนนเต็มเหมือนกันนะ”
“ฮิ้ววววว เก่งมากๆ เลยเหมันต์” เพื่อนๆ ร่วมห้องต่างพากันปรบมือโห่ร้องแสดงความชื่นชมยินดี ต่างจากริสาที่ไม่ได้กลับมาแม้เสียงปรบมือ
“พอเป็นผู้ชาย ยัยพวกนี่มันสองมาตราฐานชัดๆ เลยแฮะ ยัยพวกกิ้งก่าแอฟริกาใต้ เห็นแล้วหมั่นไส้ อยากจะอ้วก!” อิงฟ้าจิ๊จ๊ะในลำคอด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย ที่เพื่อนผู้หญิงในห้องต่างพากันไม่ชอบริสา ต่างจากเหมันต์ที่ทุกคนต่างพากันรุมล้อมให้ความสนใจ
“ช่างเขาเถอะน่า อย่าไปใส่ใจเลย” ริสาพูดอย่างปลงๆ
“ต่อไปนี้อาจารย์จะให้นักเรียนออกมาจับคู่เพื่อทำโครงงาน กำหนดส่งคืออาทิตย์หน้า มีคะแนนเก็บให้ยี่สิบคะแนน ทุกคนพร้อมไหม?”
“พร้อมค่ะ/พร้อมครับ” นักเรียนในห้องต่างส่งเสียงขานรับพร้อมกัน
“งั้นเรามาเริ่มกันเลย” อาจารย์ประจำวิชาวางโหลแก้วที่มีรายชื่อนักเรียนทุกคนลงบนโต๊ะ
“เลขที่1 เหมันต์ เชิญออกมาจับฉลาก”
“สาธุขอให้จับได้เลขที่ฉันด้วยเถอะ”
“ให้ได้ฉันดีกว่า ฉันอยากคู่กับเหมันต์”
“เหมันต์ต้องจับชื่อฉันได้แน่นอน เพราะเขาเป็นเนื้อคู่ฉัน”
เด็กสาวในห้องต่างพากันจับกลุ่มคุยซุบซิบเมื่อเห็นเหมันต์เดินผ่านหน้าไป ไม่เว้นแม้แต่ริสาที่เหลือบสายตามองตามเขาไปเช่นกัน
“ถ้าพร้อมแล้วจับได้เลยจ้ะ”
เหมันต์ล้วงมือเข้าไปจับฉลากที่อยู่ในโหลแก้วแบบไม่ลังเล พอได้ใบรายชื่อที่ต้องการจึงยื่นมันให้อาจารย์
“เหมันต์จับได้เลขที่27”
“…..” นักเรียนในห้องต่างพากันหันขวับไปมองหาเจ้าของเลขที่27 แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของคนนั้นจะยังไม่ปรากฏตัว
“ใครเลขที่27 รายงานตัวด้วยจ้ะ”
“เลขที่27?” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเป็นปม เมื่อได้ยินอาจารย์เรียกเลขที่ของตัวเอง ริสาเบิกตากว้างด้วยความตกใจสุดขีดเมื่อคิดได้ว่ามันคือเลขที่ของเธอ
“ทำหน้างงอะไร ก็เธอนั่นแหละยัยเผือก” เหมันต์ตะโกนเรียกเด็กสาวที่นั่งอยู่แถวหน้าสุดของห้อง ตอนนี้เธอกำลังทำหน้าตาเหลอหลา
“ริสา คงทวี เธอได้คู่กับเหมันต์นะ”
“คะ…คะ?” ริสาหยัดตัวลุกขึ้นยืนด้วยความงุนงง ตอนนี้มันเหมือนกับความฝันก็ว่าได้
“เวรกรรมอะไรของเหมันต์ที่จับได้ยัยริสา”
“ยัยนี่มันทำบุญด้วยอะไร กรี๊ดดดด”
“ดูสภาพมันสิ หมาวัดกับเครื่องบินชัดๆ เลย”
เด็กสาวถึงกลับนิ่งไปชั่วขณะเมื่อได้เห็นสายตาของเพื่อนๆ และคำซุบซิบที่กำลังหมายถึงเธอ
“จะหุบปากกันได้หรือยัง หนวกหู!” เหมันต์ที่ยืนเงียบอยู่นานพูดแทรกขึ้นด้วยน้ำเสียงราบเรียบ ซึ่งพอเพื่อนๆ ร่วมห้องได้ยินต่างพากันเงียบลงในทันที
อาจจะเป็นเพราะเขานิ่งเงียบ รักสันโดษและไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เลยทำให้คนอื่นๆ รู้สึกเกรงใจอยู่บ้าง
“เอาเป็นว่าเหมันต์ได้คู่กับริสานะ”
“ไม่เป็นไรค่ะอาจารย์ หนูอยากให้เหมันต์จับฉลากใหม่” ริสาพูดอย่างไม่มีทางเลือก ถ้าเธอได้คู่กับเหมันต์จริงๆ มีหวังพวกเพื่อนคงได้เกลียดเธอมากกว่านี้แน่ๆ
“เอางั้นเหรอ?”
“ค่ะอาจารย์ ให้เหมันต์จับฉลากใหม่” ริสายังยืนยันกับอาจารย์ประจำวิชาด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
“ถ้างั้นเหมันต์จับฉลากใหม่อีกทีนะ”
“ไม่ครับ ผมขอเลือกริสา”
“…..”
ในชีวิตนี้ไม่เคยคิดมาก่อนว่าตัวเองจะต้องมีความสัมพันธ์กับผู้ชายสองคนในคราเดียว ยิ่งฉันหนี พวกเขาก็ยิ่งตาม! “ไอ้พระรามมันเคยทำกับน้องกูแบบไหน กูก็จะทำกับน้องมันแบบนั้นแหละ!” ปึง! ไดมอนด์วางแก้วเหล้ากระทบกับโต๊ะกระเบื้องอย่างแรงเพื่อระบายความรู้สึก เมื่อนึกย้อนไปยังเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในอดีต “กูขอเวลาสองเดือน กูจะปิดจ๊อบน้องมันให้ได้” “สองเดือนเลยหรอวะ ระดับคุณไดมอนด์แค่เดือนเดียวก็พอมั้ง?” “ไม่มีปัญหา เดือนเดียวก็เดือนเดียวสิวะ” “แล้วมึงอ่ะไอ้ดิน เห็นด้วยกับไอ้มอนด์หรือเปล่า?” เพื่อนชายในกลุ่มหันไปถามแผ่นดินที่เอาแต่นั่งกอดอกเงียบตั้งแต่มาถึง “เอาดิ! ช่วงนี้กูว่าง ไม่มีอะไรทำ” แผ่นดินแบบไม่ใส่ใจมากนัก “ใครที่ปิดจ๊อบยัยนั่นได้ก่อนเป็นฝ่ายชนะ ตกลงไหม?” ไดมอนด์หันไปกอดคอแผ่นดินที่นั่งอยู่ข้างๆ ก่อนจะกระตุกยิ้มมุมปากด้วยความเย้ยหยัน “ชนะแล้วได้อะไร?” “สามล้าน!” “กูขอห้าล้าน!” แผ่นดินต่อรองพร้อมกับหันไปจ้องหน้าเพื่อนชาย “ถ้าไม่ได้ห้าล้านก็ไม่เล่น เสียเวลา!” สิ้นประโยคนั้นเขาก็หยัดตัวลุกขึ้น แต่ถูกไดมอนด์คว้าแขนเอาไว้เสียก่อน “ได้ดิ! ไม่มีปัญหา ห้าล้านก็ห้าล้าน”
“มึงอยากจะคิดยังไงก็เชิญ แต่กูอยากให้มึงรู้ไว้ ว่ากูไม่เคยรักมัน” “......” “เรยามันก็เหมือนผู้หญิงคนอื่นทั่วๆ ไป ใช้แค่เศษเงินแลกไม่กี่บาทกูก็ได้เอาแล้ว” เคร้งงงง เสียงแจกันที่อยู่แถวนั้นหล่นแตกกระจัดกระจาย เมื่อฉันเดินถอยหลังไปชนแบบไม่ตั้งใจ ทำให้คนที่อยู่ในห้องต่างพากันหันมามองตามเสียง รวมถึงคุณใหญ่ที่กำลังมองมาในแววตาของเขาที่มองฉัน มันไม่หลงเหลือความรู้สึกอะไรอยู่เลย มันมีแต่ความว่างเปล่า น้ำตาของฉันมันค่อยๆ ไหลลงอาบแก้มทั้งสองข้าง เมื่อได้ยินประโยคที่พวกเขานั้นพูดคุยกันก่อนหน้านั้น ที่ผ่านมาคุณใหญ่ไม่เคยรักฉัน มีแต่ฉันที่คิดไปเองว่าเขานั้นรัก แล้วทำไมเขาถึงต้องมาวาดฝันร่วมกับฉัน ให้ฉันคิดไปไกลคิดไปเองคนเดียว ทั้งๆ ที่ความรู้สึกเล่านั้น มันไม่เคยมีอยู่จริง! “แสดงว่าที่ผ่านมา คุณหลอกฉันมาโดยตลอด” ฉันพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ มันเจ็บเหมือนใจมันจะขาดที่ได้เห็นภาพตรงหน้า “ช่วยไม่ได้ เธอมันโง่เอง!” “คุณทำแบบนี้ทำไม คุณหลอกฉันทำไม!?” ฉันกรีดร้องลั่นออกมาจนสุดเสียงที่มี สติของฉันตอนนี้มันแทบไม่มีหลงเหลืออยู่แล้ว “ผู้ชายเวลามันอยากเอา มันก็ทำได้หมดนั่นแหละ!” “......” เมื่อได้ยินดังนั้น ฉันจึงเงียบไม่พูดอะไรต่อ มันหมดเรี่ยวแรงแล้วตอนนี้
เพล้ง! โจเซฟเขวี้ยงแก้วเหล้าที่อยู่ในมือทิ้งลงบนพื้นจนแตกละเอียดกระ จัดกระจายเมื่อนั่งดูคลิปของกล้องวงจรปิดที่พึ่งกู้คืนกลับมา เขาเริ่มประติดประต่อเรื่องราวได้ทั้งหมดว่ามันเป็นแผนของดารินที่เป็นคนจัดฉากนี้ขึ้นมา ที่ผ่านมาเธอคงหลอกใช้เขาและเห็นเขาเป็นแค่ทางผ่านเพื่อไปหาเหมันต์ ไม่ว่าจะพยายามติดต่อหรือใช้เบอร์แปลกโทรไปหา เธอก็รู้และไหวตัวทันไม่ยอมรับสายมันยิ่งทำให้แน่ใจขึ้นไปอีกว่าเรื่องที่ผ่านมาเขากลายเป็นหมากที่ดารินวางไว้ “คิดจะทำแบบนี้กับฉันงั้นเหรอ แล้วเธอจะได้รู้ว่านรกบนดินมันเป็นยังไง” ริมฝีปากหนาแสยะยิ้มพลางมองไปยังรูปถ่ายของดารินที่มีทุกอริยาบถนับร้อยนับพันรูปที่ติดอยู่บนผนังในห้องลับส่วนตัว เขาแอบถ่ายไว้สมัยเรียนมัธยมปลาย ซึ่งเธอไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อน “เบบี้ของฉัน อดใจรออีกนิดนะ เดี๋ยวฉันจะไปรับเธอมาอยู่ด้วยกัน ใบหน้าคมคายโน้มลงไปจูบที่รูปถ่ายของดารินด้วยความหลงไหลและโกรธแค้นไปพร้อมๆ กัน “ฉันแทบจะอดทนรอให้ถึงวันนั้นไม่ไหวแล้วสิ”
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
องค์หญิงสิบสามนามหลินฮุ่ยหมินสตรีผู้ที่งดงามโดดเด่นไม่เป็นรองผู้ใดแต่กลับมีฐานะต่ำต้อยในวังหลวงด้วยพระมารดาเสียชีวิตตั้งแต่นางยังเด็ก ท่ามกลางความคับแค้นใจนางยังต้องคำสาปร้ายต้องกลายร่างเป็นสัตว์ทุกคืนวันพระจันทร์เต็มดวง เขาคือ หยางเอ้อหลาง แม่ทัพหนุ่มผู้มีความสามารถรูปโฉมสง่างามและเป็นวีรบุรุษคนสุดท้ายของสกุลหยาง ทั้งยังเป็นที่รักเคารพของชาวเมือง ทว่าด้วยความสามารถและตำแหน่งใหญ่โต ฮ่องเต้มิอาจวางใจจึงได้คิดกำจัดเขาให้พ้นตำแหน่งเสีย โดยมอบสมรสพระราชทานให้หยางเอ้อหลางกับพระธิดาของตน เดิมทีชีวิตของคนสองคนย่อมไม่บรรจบ เมื่อสตรีที่หมายหมั้นกับหยางเอ้อหลางคือองค์หญิงใหญ่ที่ปักใจรักเขาตั้งแต่เยาว์วัย ทว่าเรื่องไม่เป็นเช่นนั้น เมื่อคนทั้งคู่เกิดอุบัติเหตุจนคนเข้าพิธีสมรสกลายเป็นองค์หญิงสิบสาม ท่ามกลางความหวาดกลัวขององค์หญิงสิบสามที่กลัวความลับจะเปิดเผย ท่ามกลางหยางเอ้อหลางที่พยายามพาสกุลหยางให้รอดพ้น ท่ามกลางการแตกหักของความสัมพันธ์พี่น้องที่แสนรักใคร่ระหว่างองค์หญิงใหญ่และองค์หญิงสิบสามเพราะบุรุษเพียงผู้เดียว หลินฮุ่ยหมินจะทำเช่นใด เพื่อจะยุติเรื่องราวน่าเวียนหัวนี้
หนุ่มวิศวะปีสี่ที่ได้ฉายา เสือยิ้มยาก เขาผู้ไม่เคยยิ้มให้ใครแต่กลับยิ้มให้เธอเห็นเพียงคนเดียว จากคนที่ไม่คิดจะรักใครแต่กลับรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น มารู้ตัวอีกทีก็ไม่อยากเป็นแค่รุ่นพี่แล้วแต่อยากเป็น(ผัว)
เล่อซานเป็นคนใบ้ เธอถูกสามีละเลยมาเป็นเวลาห้าปี ม้แต่เธอตั้งท้องยังถูกแม่สามาีทำร้ายจนแท้งลูก หลังจากการหย่าร้าง สามีของเธอก็ประกาศหมั้นกับคนรักในใจของเขาทันที เธอกุมท้องที่นูนเล็กน้อยไว้ ในที่สุดก็ได้สติและเข้าใจว่าเขาไม่เคยจริงจังกับเธอมาก่อน... เธอหันหลังจากไปอย่างเด็ดขาด และทั้งสองก็กลายเป็นคนแปลกหน้า หลังจากที่เธอจากไป ชายคนนั้นก็ตามหาเธอไปทั่วโลก เมื่อพวกเขาได้พบกันอีกครั้ง เธอก็รักคนอื่นไปแล้ว เป็นครั้งแรกที่เขาถามอย่างถ่อมตัวว่า "ได้โปรดอย่าไป..." ทว่าคำแรกที่เธอพูดก็คือให้เขาไปให้พ้น!
ในช่วงสามปีที่หลูเฉียนหนิงอยู่ข้างๆ เขา โจวเป่ยจิ้งคิดอยู่เสมอว่าเธอเป็นเพียงผู้ช่วยพิเศษ เธอต้องการเงินเพื่อรักษาอาการป่วยของแม่ และจะไม่มีวันจากตนเองไป ครั้งแล้วครั้งเล่า ให้เงินแลกกับความต้องการอย่างชัดเจน ในที่สุด เมื่อเขาเกือบจะหลงใหลนั้น หลูเฉียนหนิงก็ไม่อดทนอีกต่อไป "มีคนรักในใจแล้ว ยังนอนกับฉันทุกวัน คุณชั่วชัดๆ" เมื่อข้อตกลงการหย่าถูกโยนต่อหน้าต่อตา โจวเป่ยจิ้งก็ตระหนักว่าภรรยาลึกลับที่เขาแต่งงานเมื่อหกปีที่แล้วกลับคือเธอ? จากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ขึ้นชื่อเป็นชายเจ้าชู้อละตามจีบภรรยาทั้งยังเอาเปรียบเธอ! เขาอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนด้วยทัศนคติที่เผด็จการและเอาใจเธออย่างเต็มที่ เมื่อทุกคนรังเกียจที่เธอมีภูมิหลังที่ต่ำต้อย เขาก็มอบทรัพย์สินและหุ้นของตระกูลทั้งหมดอย่างตรงๆ และเข้าไปอยู่บ้านของตระกูลหลู จู่ๆ เธอก็กลายเป็นประธานหลู ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินนับไม่ถ้วน และทุกคนอิจฉา แต่โจวเป่ยจิ้งกลับตกลงไปในวังวนที่ใหญ่กว่านั้น...