จากที่ต้องมาเป็นไม้กันหมาให้กับเจ้านายอย่างธีรวัฒน์ อิงดาวกลับเป็นฝ่ายตกหลุมรักเขาซะเอง หล่อนจะทำยังไงกับความรู้สึกของตัวเองในตอนนี้ คนที่ทั้งหล่อทั้งรวยอย่างเขา มีผู้หญิงสวยๆเข้าหาไม่เว้นแต่ละวัน โอกาสที่เขาจะหันมามองคนที่ทั้งเฉิ่มทั้งเชยอย่างหล่อนแทบไม่มีเลย
แม่คะดาวไปทำงานก่อนนะคะ อิงดาวเอ่ยกับมารดาก่อนที่จะเดินออกจากบ้านไป หล่อนไปขึ้นรถเมล์เพื่อไปทำงานอย่างเช่นทุกวันใช้เวลาไม่นานก็ถึงบริษัท ตั้งแต่เรียนจบมาอิงดาวทำงานที่บริษัทนี้ด้วยความจงรักภักดีตลอด แม้เงินเดือนจะน้อยนิดก็ตาม เพราะหล่อนคิดว่ามันใกล้บ้านและการเดินทางก็สะดวกสบาย เวลามาทำงานก็ไม่ต้องเร่งรีบ
แต่แล้วหล่อนก็โดนไล่ออกจากงาน เพราะว่ามีเรื่องกับผู้จัด การ ก็ไอ้ผู้จัดการบ้ากามนั่นมันลวนลามหล่อนทุกครั้งที่มีโอกาส หล่อนพยายามอดทนมาปีกว่าๆ และแล้วความอดทนของหล่อนมันก็สิ้นสุดลง
“อิงดาวคุณเข้ามาหาผมหน่อย” เสียงนายครรชิตซึ่งเป็นผู้จัด การพูดผ่านโทรศัพท์มา
อิงดาวรีบเข้าไปในห้องทำงานของผู้จัดการทันที คิดว่าเขามีงานอะไรเร่งด่วน แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่หล่อนคิด
“นั่งลงก่อนคุณดาว เราคงต้องคุยกันยาว” เขาพูดก่อนที่จะเดินไปล็อกประตู
“ผู้จัดการมีเรื่องอะไรจะคุยกับดาวเหรอคะ” หล่อนถามพลางพยายามข่มความกลัวเอาไว้
“เรื่องเดิมนั่นแหละคุณดาว ผมก็บอกคุณไปหลายครั้งแล้วนะถึงสาเหตุของการที่เงินเดือนคุณไม่เคยปรับขึ้นสักที คุณก็ไม่ใช่คนที่สวยอะไร ถ้าคุณยอมทำตามข้อเสนอของผม ผมรับรองเลยว่าหน้าที่การงานของคุณต้องไปได้ไกลกว่านี้แน่นอน”
“แต่ผู้จัดการมีภรรยาอยู่แล้วนะคะ อีกอย่างคนอย่างดาวไม่เคยคิดที่จะเอาตัวเข้าแลก แล้วดาวก็บอกผู้จัดการหลายรอบแล้วเหมือนกัน ถึงดาวจะไม่สวย แต่ดาวก็ไม่เคยคิดอยากจะเป็นเมียน้อยใครนะคะ”
“ผมไม่ได้จะให้คุณมาเป็นเมียน้อยผมหรอกดาว แต่ผมจะให้คุณเป็นเมียอีกคนก็เท่านั้นเอง คุณยอมผมดีๆ เถอะอย่าให้ผมต้องลงมือกับคุณเลย”
“อย่าเข้ามานะคะผู้จัดการ ถ้าคุณเดินเข้ามา ดาวจะร้องให้คนมาช่วย”
“อย่าเสียแรงเลยคุณดาว ถึงคุณจะร้องจนคอแตก ก็ไม่มีใครเขาเชื่อว่าคนอย่างผมจะจะทำอะไรผู้หญิงเฉิ่มๆ อย่างคุณหรอก”
ผู้จัดการพูดพลางเดินเข้ามากอดอิงดาว เขาพยายามจะจูบหล่อน แต่หล่อนก็พยายามดิ้นขัดขืน พออิงดาวหลุดจากการพันธนา การ หล่อนก็เอาหัวเข่ากระทุ้งเข้าที่เป้ากางเกงของผู้จัดการบ้ากามนั่นอย่างแรง เขาจุกจนแทบยืนไม่อยู่ได้แต่เอามือกุมของลับของตัวเองก่อนจะทรุดตัวลงนอนกับพื้นด้วยใบหน้าแดงก่ำ
อิงดาวรีบวิ่งออกจากห้องผู้จัดการ ด้วยท่าทางลนลาน ผมเผ้ายุ่งเหยิงไปหมด
“ช่วยด้วยค่ะ ผู้จัดการลวนลามดาวค่ะ” หล่อนพูดละล่ำละลักด้วยความตกใจ แทนที่เพื่อนร่วมงานจะเห็นใจหล่อน แต่กลับมีแต่คนหัวเราะเยาะ
“ดาวเธอจะบ้าหรือเปล่า อย่างผู้จัดการน่ะเหรอเขาจะทำอะไร เธอ ฉันว่าเป็นเธอมากกว่าที่ไปยั่วผู้จัดการแล้วเขาไม่เอา” เพื่อนร่วม งานคนหนึ่งพูดให้หล่อนพร้อมทั้งใช้สายตาเหยียดหยาม
“ถึงผู้จัดการเค้าจะมีอายุแล้ว แต่เขาก็ยังดูดีอยู่ เธอคิดว่าเขาจะมาสนใจคนไม่สวยแบบเธอเหรอดาว ฝันไปหรือเปล่าจ๊ะ” อีกเสียงแทรกขึ้นมา
“ก่อนจะกล่าวหาผู้จัดการดูสภาพตัวเองด้วยนะดาว แต่งตัวก็
เชยยังกับป้าแถมยังแว่นตาหนาเตอะอีก ทรงผมก็โบราณมาก ไม่รู้ว่าชาตินี้เคยเข้าร้านเสริมสวยรึเปล่า ถ้าไม่รู้มาก่อนว่าเธออายุ 24 ปี ฉันคงคิดว่าเธอเป็นป้าอายุ 40 ปีแล้วนะเนี่ย” ผู้หญิงในแผนกอีกคนพูดเสริมขึ้น
แล้วทุกคนก็หัวเราะเยาะหล่อนอย่างสนุกสนาน ไม่มีใครเชื่อที่หล่อนพูดแม้แต่คนเดียว ทั้ง ๆที่หล่อนเป็นผู้ถูกกระทำแท้ๆ เป็นเพราะหล่อนไม่สวยงั้นเหรอ ทุกคนถึงไม่เชื่อว่าหล่อนถูกลวนลาม
“อิงดาว! ผมไล่คุณออก ผมไม่คิดเลยนะว่าคุณจะร้ายกาจขนาดนี้ คุณกล้าดีมากที่เข้ามายั่วผมถึงห้องทำงาน หวังว่าจะใช้เต้าไต่ให้หน้าที่การงานของตัวเองดีขึ้น พอผมไม่เล่นด้วยก็ทำร้ายร่างกายแถมยังพูดจาใส่ร้ายผมอีก ผมผิดหวังในตัวคุณมากคุณดาว นิสัยที่แท้ จริงของคุณมันช่างขัดกับท่าทางเฉิ่มๆ ของคุณจริงๆ”
“เพื่อไม่ให้บริษัทเสื่อมเสีย ผมขอไล่คุณออกตั้งแต่ตอนนี้เลยคุณดาว รีบเก็บของของคุณออกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้” ผู้จัดการพูดพลางชี้หน้าหล่อน
อิงดาวคิดไม่ถึงเลยว่าผู้จัดการจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้ เขากล้าใส่ร้ายผู้หญิงได้ยังไงกัน ช่างไม่มีสามัญสำนึกจริงๆ
“ผู้จัดการตอแหลเก่งกว่าผู้หญิงอีกนะคะ ฉันไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าจะมีผู้ชายที่ตอแหลแบบนี้อยู่ในโลกด้วย”
“ฉันจะบอกทุกคนเอาไว้ตรงนี้เลยนะ พวกคุณจะเชื่อหรือไม่ก็ตาม ทุกครั้งที่ไอ้ผู้จัดการบ้ากามนี่มันเรียกฉันเข้าไปในห้อง มันก็ลวน ลามฉันแทบจะทุกครั้ง ฉันแค่ไม่พูดเฉยๆ เพราะไม่อยากจะมีปัญหา แต่ในเมื่อทุกคนไม่เชื่อ ฉันก็หมดปัญญา ถ้ามีคนตกเป็นเหยื่อไอ้บ้ากามนี่ขึ้นมาจริงๆ อย่าหาว่าฉันไม่เตือนก็แล้วกัน”
“ผู้จัดการคะไหน ๆ ฉันก็จะไปแล้ว ฉันขอสักทีเถอะนะคะ” หล่อนพูดพลางยิ้มหวานให้ผู้จัดการแล้วหล่อนก็ถีบผู้จัดการล้มลงทันที
"อิงดาวคุณมันเกินจะเยียวยา" ผู้จัดการพูดให้หล่อน ก่อนจะร้องโอดครวญด้วยความเจ็บปวด เพราะหล่อนถีบเข้าไปตรงเป้าของเขาพอดี
“คราวหลังอย่าได้เสือกไปทำเหี้ยๆ แบบนี้กับใครอีกนะคะ” หล่อนพูดทิ้งท้ายก่อนจะคว้ากระเป๋าสะพายแล้วเดินออกจากบริษัทไป โดยไม่สนใจเสียงร้องด่าตามมาของผู้จัดการ
โชคดีที่หล่อนไม่มีของอะไรให้เก็บ เลยไม่ต้องเสียเวลา สิ้นสุดกันทีความเฮงซวยของฉัน หวังว่าฉันจะไม่เจอผู้ชายแบบแกอีกนะ ไอ้ผู้จัดการตัณหากลับ หล่อนคิดก่อนจะเดินสวยๆ ออกจากบริษัทไป
"กลับมาแล้วค่ะแม่" อิงดาวส่งเสียงบอกมารดา ก่อนที่จะเดินเข้ามาในบ้าน
“ดาวทำไมกลับมาเร็วจังเลยล่ะลูก ยังไม่ถึงเวลาเลิกงานไม่ใช่เหรอ”
"ดาวโดนไล่ออกจากงานค่ะแม่"
“อ้าว! ทำไมล่ะ งานสมัยนี้มันยิ่งหายากๆ อยู่”
“ผู้จัดการมันลวนลามดาวค่ะแม่ ดาวเลยถีบมันค่ะ” อิงดาวมองหน้ามารดาแล้วหล่อนก็พูดขึ้นว่า
“แม่ก็คงไม่เชื่อดาว เหมือนกับพวกที่อยู่ที่ทำงานสินะคะ ทุกคนคงจะคิดว่าคนขี้เหร่แบบดาว ใครมันจะมาลวนลามใช่มั้ยคะ” หล่อนพูดก่อนจะเดินขึ้นห้องนอนไปด้วยความน้อยใจ
แค่เห็นหน้ากันครั้งแรกก็ไม่ถูกชะตาซะแล้ว แต่ด้วยคำมั่นสัญญาของผู้ใหญ่ทำให้เขาและเธอต้องมาแต่งงานกัน
เตชินท์ไม่เคยคิดมาก่อนว่ามัจจุราชจะพรากพิมพ์ชนกไปจากเขาเร็วขนาดนี้ ผู้หญิงอันเป็นที่รักต้องจากไปด้วยอุบัติเหตุ ด้วยหัวใจรักที่มั่นคงของเธอและปาฏิหาริย์แห่งรัก ทำให้พิมพ์ชนกไปอยู่ในร่างผู้หญิงอีกคน แต่ผู้หญิงคนนั้นกลับเป็นคนที่เตชินท์เกลียดที่สุด เธอจะสามารถเอาชนะใจเขาได้อีกครั้งมั้ย เพราะเจ้าของร่างคือคนที่เป็นต้นเหตุทำให้พิมพ์ชนกต้องตาย นับตั้งแต่วันที่พิมพ์ชนกไม่อยู่บนโลกใบนี้ เตชินท์ก็สัญญากับตัวเอง เขาจะทำทุกวิถีทางเพื่อให้ฟ้าลดาเจ็บปวดที่สุด การแก้แค้นจึงเริ่มต้นขึ้น
หลังจากแต่งงานมาสามปี เสิ่นเนียนอันคิดว่าตนเองสามารถเอาชนะใจโฮ่วอวินโจวได้ แต่กลับพบว่าเขามีเพียงคนรักแรกอยู่ในใจ "ฉันจะปล่อยเธอไปหลังจากที่เธอคลอดลูก" ในวันที่เสิ่นเนียนอันมีปัญหาในการคลอดบุตร โฮ่วอวินโจวได้พาผู้หญิงอีกคนออกจากประเทศด้วยเครื่องบินส่วนตัว "ไม่ว่าคุณจะชอบใครก็แล้วไป สิ่งที่ฉันเป็นหนี้คุณ ฉันคืนให้หมดแล้ว" หลังจากที่เสิ่นเนียนอันจากไป โฮ่วอวินโจวก็เสียใจ "กลับมาหาฉันอีกครั้งได้ไหม"
หากความรักของเราเปรียบเหมือนแก้วใบหนึ่ง แก้วใบนี้คงร้าวจนใกล้แตกเต็มที อีกฝ่ายต้องการประคองรักนี้ไว้อย่างอดทน แต่อีกคนกลับทำลายจนหัวใจของเธอย่อยยับแหลกลาน ความอดทนของคนเรามีวันที่สิ้นสุดน่ะ “หย่า” คงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ถ้าอย่างนั้นก็เชิญเขาไปในที่ชอบ ๆ ทางใครทางมัน แต่เมื่อเวลาพัดผ่าน ด้วยเหตุผลของกามเทพ ทั้งคู่ได้กลับมาเจอกันอีกครั้ง และเมื่อได้พบหน้าเธอ เขาขอแก้ตัว และบอกเธอว่า เขายังรักเธอ ทว่าในวันที่เธอเดินจากไป เธอมีลูกน้อยติดท้องมาด้วย และปัญหาของคนเป็นแม่ เจ้าเด็กน้อยหนูอยากจะมีพ่อครับ แล้วเธอควรทำอย่างไรต่อไป ++++++++++ คำโปรย เมื่อเข้าไปถึง และเห็นภาพตรงหน้า ปริญเขาไม่ได้อยู่คนเดียว ในอ้อมกอดและวงแขนของเขา มีร่างผู้หญิงคนหนึ่ง และสิ่งที่ทำให้หัวใจของทอดาวสลาย ทั้งสองคนกำลังจูบกัน เพล้ง... ข้าวของในมือร่วงลงไป พร้อมกับร่างของทอดาวที่แทบทรุด เธอเซไปจนปะทะกับฝาบ้าน คนสองคนที่กำลังจูบกันอยู่รีบผละออกจากกันแล้วหันมามอง ทอดาวแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองด้วยซ้ำไป เธอไม่เคยคิดเลยว่าปริญเขาจะทำแบบนี้กับเธอ ทำอะไรที่แสนทุเรศในบ้านที่เป็นเรือนหอของเธอกับเขา ทอดาวน้ำตาคลอ เธอพยายามประคองสติโดยใช้ฝาผนังเป็นที่พึ่ง ‘แล้วลูกของเราล่ะ และนี่คืออะไร มันหมายความว่ายังไง ทำไมเขาทำแบบนี้กับฉัน’ ความคิดอันแรก ครอบครัวของเธอต้องแตกแยกแล้ว พร้อมกับคำถามเกิดขึ้นมามากมายในหัวของทอดาว เธอหน้าถอดสีซีดจางจนไม่มีสีเลือด สิ่งที่น่าเจ็บปวด เมื่อผู้หญิงคนนั้นเห็นเธอที่เป็นภรรยาของปริญแล้วจะกระดากอายถอยห่างจากสามีของชาวบ้าน แต่ไม่เลย สองมือของหล่อนคนนั้นยังสอดรัดเอาลำตัวและหน้าอกของตัวเองเบียดไปกับผิวแขนของปริญ
วิญญาณฮองเฮาชั่วร้ายต้องเข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูหลินจื่อเว่ยที่ตายโดยไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะต้องต่อกรกับแม่เลี้ยงใจยักษ์และโหดเหี้ยม งานนี้นางจึงต้องงัดฝีไม้ลายมือเก่า ๆ เอามาใช้ เพียงแต่ว่าเรื่องนี้ช่างยากเย็นนัก เมื่อนางมิได้ต่อสู้กับแม่เลี้ยงใจโฉดเพียงคนเดียว เมื่อบัดนี้กลับต้องเผชิญหน้ากับท่านอ๋องคู่หมั้น ที่วิปริตเย็นชาและยังเป็นโรคประสาทบ้าตัณหาผู้หนึ่ง!
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง