เพราะ One night stand ครั้งนั้น... ทำให้นักธุรกิจหนุ่มหล่อวัยสามสิบห้า ต้องมาหลงเสน่ห์เด็กสาววัยยี่สิบเอ็ดอย่างเธอ!! "ไหนคุณบอกว่าเรื่องระหว่างเราเป็นแค่ one night stand ไงคะ" "แล้วถ้าผมไม่ได้อยากให้มันจบลงแค่นั้นล่ะ" "คะ?" "มาอยู่กับผม รับรองว่า คุณจะได้ทุกอย่างที่อยากได้" "ทำไมฉันต้องทำแบบนั้นด้วย" "เพราะไม่ว่ายังไง คุณก็ไม่มีทางหนีผมพ้นหรอก..." "นี่คุณ!" "บอกว่าให้เรียกพี่ภามไง หรือถ้าไม่ถนัดเรียกที่รัก ก็ได้ แต่ถ้ายาวไปเรียกผัว เฉยๆก็ได้เหมือนกัน"
ณ เพนต์เฮาส์ใจกลางเมืองกรุงเทพฯ
ชายหนุ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวปลดกระดุมลงมาจนเห็นแผงอกแน่นนั่งพิงพนักเก้าอี้อยู่หลังโต๊ะทำงานดีไซน์เรียบหรู แขนทั้งสองวางลงยังที่พักข้างตัวพร้อมกับผ่อนคลายร่างกายตัวเอง สายตาคมกริบมองไปยังหญิงสาวในชุดเดรสสีดำรัดติ้วที่แทรกตัวอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้างของเขาซึ่งเธอกำลังทำหน้าที่ปรนเปรอโดยการใช้ลิ้นนุ่มโลมเลียไปทั่วแกนกายขนาดใหญ่พร้อมกับส่งมันเข้าไปในอุ้งปากร้อนแล้วดันเข้าจนสุดทาง หญิงสาวทำอย่างนั้นสลับไปมาเป็นเวลาหลายนาทีอย่างเอาใจ
อ๊อก อ๊อก!!
กรามของเขาขบเข้าหากันอย่างสะกดกลั้นความกระสันเสียว เธอเห็นดังนั้นก็รีบเร่งจังหวะเข้าออกให้ถี่ขึ้นแล้วผ่อนลงตามการตอบสนองของร่างกายคนที่นั่งอยู่ ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะถึงฝั่งฝันในไม่ช้า เขากำมือแน่นแล้วปล่อยอารมณ์ของตัวเองออกมาอย่างเต็มที่ ไม่นานร่างของเขาก็กระตุกแล้วฉีดน้ำรักอุ่นร้อนเข้าไปในโพรงปากของเธอจนหมดทุกหยาดหยดพร้อมกับพ่นลมหายใจออกมาอย่างแรง
หญิงสาวดูดกลืนมันเข้าไปอย่างรู้งานแล้วเช็ดทำความสะอาดจัดการกางเกงแสล็กสีดำของเขาให้กลับไปเข้าที่เข้าทางเหมือนเดิม
ทว่าใจเธอกลับไม่อยากหยุดแค่นั้น ร่างอวบรีบลุกขึ้นแล้วโน้มใบหน้าที่แต่งแต้มด้วยเครื่องสำอางอย่างหนาเข้าใกล้ใบหน้าหล่อเหลาจนหน้าอกขนาดใหญ่ของเธอทะลักออกมาพ้นเดรสที่สวมอยู่เกือบครึ่งเต้า
“ถ้าคุณต้องการมากกว่านี้...” เธอเอ่ยถามน้ำเสียงกระเส่า สายตายั่วยวนไล่มองใบหน้าของเขาด้วยความหลงใหล เธอแค่อยากเป็นผู้หญิงโชคดีที่ได้ครอบครองร่างกายนี้สักครั้งก็เท่านั้น
“ออกไป”สายตาของเขาเหลือบมองไปทางอื่นด้วยความรู้สึกเบื่อหน่ายอย่างไม่ปิดบัง
“ฉันสามารถทำได้ทุกอย่าง รับรองว่าคุณจะติดใจ”เธอไม่ลดละความพยายามยังคงพูดโน้มน้าวเขาอีกครั้ง
“บอกว่าให้ออกไป!”ชายหนุ่มรู้สึกทนไม่ไหวกับความน่ารำคาญนี้อีกต่อไป เขาตวาดออกมาเสียงดังลั่นแล้วผลักเธอให้ออกห่างจากตัวอย่างนึกรังเกียจ หญิงสาวซวนเซออกไปอย่างไม่ทันตั้งตัวและรู้สึกตกใจไม่น้อย เธอไม่คิดว่าผู้ชายที่ดูเงียบแบบนี้พอโกรธขึ้นมาจะน่ากลัวมากเหมือนกัน
สายตาคมกริบฉายแววไม่พอใจยังคงจ้องมองเธออยู่อย่างนั้น จนเธอต้องยอมแพ้แล้วหันหลังเตรียมจะเดินออกไปด้วยความรู้สึกหงุดหงิดกับปฏิกิริยาที่เขาแสดงออกมาว่าไม่สนใจเธอเลย
หญิงสาวที่กำลังเดินออกไปจากห้องทำงานของเขาชะงักกึก เมื่อได้ยินเสียงชายหนุ่มเปล่งออกมาอีกครั้ง
“เดี๋ยว”
เธอยิ้มออกมาอย่างดีใจเพราะคิดว่าเขาอาจจะเปลี่ยนใจแล้วรีบหันกลับไปมองทันทีด้วยรอยยิ้มหวาน แต่คำพูดที่เขาเปล่งต่อมาทำให้เธอต้องชะงักเท้าที่กำลังจะเดินเข้าไป ริมฝีปากอิ่มหุบยิ้มแทบไม่ทัน
“รอบหลังไม่ต้องมาแล้วนะ ไม่ได้เรื่อง!”
ริมฝีปากของเธอเม้มเข้าหากันแน่นอย่างรู้สึกเสียหน้าครั้งแล้วครั้งเล่าพร้อมกับหันหลังแล้วเดินตึงตังออกไปจากห้องด้วยความรู้สึกอารมณ์เสียอย่างถึงขีดสุด
ภาคินัยหรือภาม นักธุรกิจหนุ่มหล่อวัยสามสิบห้าปี ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพร้อมกับเดินไปหยุดยืน ยังกระจกบานใหญ่ตรงหน้า นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มมองวิวด้านนอกในยามค่ำคืนที่เต็มไปด้วยรถรากำลังสัญจรไปมาอย่างหนาแน่นรวมถึงตึกมากมายที่มีแสงไฟสีทองสาดส่องออกมาและรอบๆ ก็เต็มไปด้วยสถานเริงรมย์ ไนต์คลับและอีกมากมาย
สีหน้าเรียบนิ่งยังคงมองไปเบื้องหน้าด้วยความรู้สึกล่องลอยอย่างกับคนไร้ความรู้สึก แต่ลึกๆ แล้วมันกลับไม่ได้เป็นไปอย่างนั้นแม้แต่น้อย ด้วยบุคลิกภายนอกที่เป็นคนเงียบขรึมจนบางครั้งก็ค่อนไปทางเย็นชาทำให้ใครๆ ต่างคิดว่าเขาเป็นคนไร้หัวใจ ทว่าในทางกลับกันบุคลิกแบบนี้ ทำให้พวกผู้หญิงที่เข้าหาเขารู้สึกว่ามันมีเสน่ห์อย่างน่าประหลาด
เสียงเคาะประตูเรียกสติที่กำลังล่องลอยออกไปไกลให้กลับมาอีกครั้ง เสียงฝีเท้าของใครบางคนหยุดยืนอยู่ด้านหลังไม่ไกลจากเขานัก ภาคินัยเอ่ยถามขึ้นโดยไม่ได้หันกลับไปมอง เพราะรู้ดีว่าคนที่เข้ามานั้นเป็นใคร
“มีอะไร”
“คุณภีมชวนไปที่คลับ บอกว่าวันนี้มีเครื่องดื่มพิเศษครับ”
อคินหรือคิน เลขาหนุ่มวัยสามสิบสามปีเอ่ยบอกพร้อมกับขยับขาแว่นสายตาเล็กน้อย ใบหน้าที่อยู่ภายใต้กรอบแว่นสีเงินนั้น หล่อเหลาไม่ต่างจากผู้เป็นเจ้านาย สองคนนี้ไม่ว่าไปที่ไหนก็มักจะมีสายตาของสาวๆ มองมาราวกับต้องมนต์สะกด อคินเป็นเลขาและเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวที่ภาคินัยไว้ใจ
“อะไรของมันอีกล่ะ” ชายหนุ่มพึมพำกับตัวเองเบาๆ ด้วยความสงสัย
“ไปมั้ยครับ ผมจะได้เตรียมรถ” เลขาคนสนิทถามขึ้นอีกครั้งอย่างรอคอยคำตอบ
ภาคินัยยืนใช้ความคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วตัดสินใจพูดออกมา
“ไปเตรียมรถ”
“ครับ”
อคินตอบรับแล้วรีบลงไปเตรียมรถอย่างที่เคยทำพร้อมกับนั่งลงประจำที่คนขับรอผู้เป็นเจ้านาย ไม่นานภาคินัยก็เข้ามานั่งในรถ หลังจากนั้นรถยุโรปคันหรูก็ค่อยๆ เคลื่อนตัวออกไปยังจุดหมายปลายทาง
สักพักรถก็มาจอดยังหน้าคลับที่มีผู้คนกำลังยืนกันอยู่ประปราย ที่นี่เป็นคลับขนาดใหญ่มีพื้นที่แยกออกเป็นหลายส่วนและหลายระดับตามกำลังเงินในกระเป๋าของคนที่มาสังสรรค์ คลับแห่งนี้เป็นธุรกิจของครอบครัวภาคินัยซึ่งมีน้องชายของเขาเป็นผู้ดูแล ส่วนบิดากับมารดานั้นส่งต่อทุกอย่างและหนีไปสวีทกันที่บ้านพักตากอากาศนานหลายเดือนแล้ว
ชายหนุ่มเลือกที่จะเดินเข้าไปทางด้านหลังร้านเพราะเขาไม่ชอบที่แบบนี้มากนัก ครั้นเมื่อเปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าน้องชายเพียงคนเดียวกำลังนั่งคลอเคลียอยู่กับหญิงสาวคนหนึ่งอย่างเมามันบริเวณโต๊ะทำงาน ซึ่งเป็นภาพปกติที่เขาเห็นจนชินตา ชายหนุ่มกับอคินจึงเดินไปนั่งลงบนโซฟาตัวใหญ่กลางห้อง
“มาเร็วจัง”
ภรัณยูหรือภีม หันมาพูดกับพี่ชายพร้อมกระซิบบอกให้ผู้หญิงคนนั้นออกไปก่อน ชายหนุ่มวัยสามสิบสองปียืนขึ้นแล้วรูดซิบกางเกงยีนสีซีดของตัวเองพร้อมกับเดินมานั่งลงตรงข้ามผู้เป็นพี่ ภรัณญูเป็นคนมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว เขามักจะชอบสวมเสื้อยืดสีดำกับกางเกงยีนขาดๆ เส้นผมของเขาถูกย้อมให้เป็นโทนสีเทาจนดูมีออร่า ติ่งหูหนาใส่จิวเพชรเพียงข้างเดียวดูดีอย่างลงตัว
“วันนี้มีเครื่องดื่มอะไรอีกวะ ภีม” ภาคินัยมองหน้าน้องชายนิ่งพร้อมกับเอียงคออย่างรอคำตอบ
“ก็แค่อยากให้ออกมาเที่ยวสาวบ้าง” ภรัณยูแสร้งพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“กู กลับละ” ภาคินัยเตรียมจะลุกขึ้น ทว่าน้องชายกลับรีบห้ามไว้พร้อมกับสาธยายสิ่งที่เขาพึ่งคิดค้นได้เมื่อไม่นานมานี้
“เฮ้ย! ล้อเล่น วันนี้มีเครื่องดื่มพิเศษ ดื่มง่ายแถมอร่อย แต่อานุภาพรุนแรงตามระดับ”
“เลยมาให้กูชิม”
“ก็ชิมกันหลายๆ คนไง แล้ววันนี้มีสาวๆคนใหม่มาด้วย เผื่อพี่สนใจ”
“ไม่” ภาคินัยปฏิเสธเสียงแข็งกร้าว
“ปฏิเสธเร็วจริงๆ พี่ทำให้ผมคิดว่านกเขาพี่มันไม่ขันแล้ว” ภรัณยูมองหน้าพี่ชายอย่างจับผิด
“ก็แค่ยังไม่เจอคนที่ถูกใจ แล้วก็ไม่อยากนอนกับใครมั่วๆ” เขาย้ำคำหลังแล้วมองหน้าภรัณยูพร้อมกับแค่นหัวเราะออกมา
“ผมคัดคนนะคร๊าบ ไม่ได้มั่วอย่างที่พี่คิด”
“...”
"ถ้าพี่ยังไม่เลิกมองผมแบบนั้น.."
"ทำไม?"
"เปล๊าาา"ภรัณยูยักไหล่แล้วหันไปมองทางอื่น ทว่าในใจของเขากลับคิดอะไรสนุกๆออก
เมื่อพี่ชายตัวดีของเธอ...พาน้องสาวของมาเฟียหนุ่มหนีไป อลิสจึงต้องตกเป็นผู้รับกรรมและรอจนกว่าน้องสาวของเขาจะกลับมา แต่ดูเหมือนว่า..การได้มาอยู่กับเขากลับทำให้เธอล่วงรู้ความลับอะไรบางอย่าง ความลับ...ที่พวกเขาพยายามปกปิดเธอมาตลอด “ในเมื่อไม่ยอมบอกว่าพี่ชายของคุณมันพาน้องสาวของผมไปซ่อนไว้ที่ไหน ผมก็จะกักขังคุณไว้ที่นี่” “ก็บอกว่าฉันไม่รู้ไง” “มันก็ช่วยไม่ได้ และผมจะเอาคุณจนกว่าพี่ชายตัวดีของคุณจะโผล่หัวมา แต่ก็ไม่รับรองนะว่ากว่าจะถึงตอนนั้น อะไร อะไร ของคุณมันจะไม่หลวมไปซะก่อน” “ไอ้...” จุ๊ป อืมส์ “ฉันจะฆะ..อาส์” “หึ คุณก็เคลิ้มไปกับผมทุกครั้งอยู่ดี”
ความพลาดพลั้งเพียงครั้งเดียว กลับเปลี่ยนชีวิตของเขาและเธอไปตลอดกาล... เพราะฤทธิ์แอลกอฮอล์ทำให้ธีระหลงคิดว่า เธอคือใครอีกคนที่เขารักหมดหัวใจ ค่ำคืนแห่งความมืดมนผ่านพ้นไปพร้อมความบริสุทธิ์ที่ถูกพราก แต่ถึงอย่างนั้นลลิลกลับไม่แม้แต่จะเรียกร้องสิ่งใดและทำเหมือนว่ามันไม่เคยเกิดขึ้น แต่แล้วทุกอย่างกลับไม่ได้ยุติแค่ตรงนั้น เมื่อเธอรู้ว่าตัวเองกำลังตั้งท้องลูกของเขา...
วันวิวาห์ ตกหลุมรักผู้อุปการะของเธอตั้งแต่แรกพบ หญิงสาวพยายามทำทุกอย่างให้เขาภาคภูมิใจ แต่ดูเหมือนว่าสายตาคู่นั้นจะมองเห็นแค่เพียงเด็กที่ก่อปัญหาวุ่นวายไม่เว้นแต่ละวัน... เธอ พยายามทำทุกวิถีทางเพื่อก้าวข้ามเส้นบางๆ ระหว่างความสัมพันธ์ รามิล นักธุรกิจเจ้าของโรงแรมหรูอย่าง A.W.HOTEL ถึงกับยกมือขึ้นกุมขมับวันละหลายรอบ เมื่อเด็กที่เขาอุปการะไว้เจ็ดปีก่อนกลับมาเยือนแผ่นดินเกิดอีกครั้ง... เขา พยายามรักษาระยะห่าง แต่เธอดันชอบเข้ามาในระยะประชิด กระทั่งวันที่ทั้งสอง ตื่นขึ้นมาบนเตียงเดียวกันครั้งแล้วครั้งเล่า... สิ่งเดียวที่เธอต้องการจากเขาคือ ความรัก แต่สิ่งเดียวที่เขาต้องการจากเธอคือ ความลับ สุดท้ายแล้วความรักที่มาพร้อมความลับมันจะลงเอยแบบไหนกัน?
แอร์โฮสเตสสาวสวยที่คบกับแฟนมาห้าปีถูกบอกเลิกอย่างไร้เยื่อใย โดนบอกเลิกว่าเจ็บแล้ว แต่สิ่งที่ทำให้เธอเจ็บยิ่งกว่าคือ.. เขาพาผู้หญิงคนนั้นมาหยามถึงที่และบอกข่าวดีที่ว่าเขาทั้งคู่กำลังจะแต่งงานกัน! ความเจ็บปวดจากการถูกนอกใจทำให้เธอขาดสติและต้องการประชดชีวิต... จึงไปนอนกับผู้ชายที่เธอจำไม่ได้แม้กระทั่งใบหน้าของเขา!!
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
สังคมภายนอกต่างรับรู้กันว่า ดุจตะวันหรือหมอซันเป็นนายแพทย์ เป็นเจ้าของโรงพยาบาล เป็นหนุ่มหล่อ ผู้ดิบผู้ดี ท่าทีสุขุมนุ่มลึก แต่แท้จริงแล้วเขามีด้านมืดซุกซ่อนอยู่ในภายใน เขามี ‘ ห้องขาว ’ อยู่ติดห้องนอน ใช่ เขาชอบสีขาว ชอบทุกอย่างที่ขาวสะอาดรวมไปถึงผู้หญิงด้วย... บ่อยครั้งที่เขาจะซื้อผู้หญิงบริสุทธิ์สะอาดมาไว้รองรับความใคร่ของตัวเองด้วยราคาแพงลิบลิ่ว แน่นอนว่าพวกเธอต้องยินยอมพร้อมใจ ไม่ได้เกิดจากการบังคับแต่อย่างใด การมอบพรหมจรรย์ให้กับผู้ชายที่ทั้งหล่อและหุ่นดีสูสีดารานายแบบ แลกกับเงินทองและความสะดวกสบายนั้น มันช่วยให้ทำใจได้ง่ายขึ้นเยอะ แค่ต้องเป็นนางบำเรอให้จนกว่าเขาจะเบื่อ สิ่งเดียวที่ต้องบังคับตัวเองให้ไม่ทำนอกเหนือไปจากหน้าที่ คืออย่าเผลอไปตกหลุมรักเขาเด็ดขาด เพราะคนอย่างดุจตะวันไม่มีหัวใจ... ตัวอย่างความคลั่งไคล้ของคูมหมอ : “ ดีไหม ” จู่ ๆ เขาก็ถามขึ้นเล่นเอาเธอตกใจ “ อะไรคะ ” “ เอากับฉัน ดีไหม ” ใบหน้าของเธอร้อนวูบ พวงแก้มซับสีเลือดแดงระเรื่อ เธอกัดริมฝีปากอย่างเขิน ๆ แต่กิริยานั้นทำให้เขาเกิดอารมณ์ ริมฝีปากจิ้มลิ้มน้อย ๆ นั่นน่าแทงของใหญ่เข้าไปชะมัด ! *** “ เจ็บมากหรือเปล่า ” ห่วงหนูด้วยเหรอคะ ตอนขอให้เบาไม่เคยเบา ! เด็กสาวแอบคิดในใจ แต่ก็ตอบออกไปสั้น ๆ อย่างสุภาพ “ ค่ะ ” “ ขย่มฉัน ” เธอเงยหน้ามองเขาอย่างตกใจ ถามอย่างไม่เชื่อหู “ อะไรนะคะ ” “ ฉันอยากให้เธอขย่มฉันในน้ำ ” แล้วจะถามทำไมว่าเจ็บหรือเปล่า ?!
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!