“พรีม ๆ หยุดก่อน” เขาร้องเรียกหญิงสาวเอาไว้ เสียงดังฟังชัดทำเอาเด็กน้อยถึงกับหันมามองคนเรียก “คุณลุง” น้องพอวาเห็นหน้าก็จำได้ว่า เขาคือคนที่ได้เจอที่หน้าห้องน้ำเมื่อตอนมาถึงที่ร้าน พริมาภาตกใจไม่น้อยที่ได้ยินบุตรสาวร้องทักเขาขึ้น จริงอยู่ว่าหญิงสาวต้องการให้เขารับรู้ว่าเด็กที่เธอจับมือเอาไว้อยู่นี้คือเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา หากแต่ไม่ใช่ตอนนี้ “น้องพอวา” “คุณลุงจำชื่อน้องพอวาได้ด้วย” เด็กน้อยบอกเสียงแจ๋วด้วยดีใจที่มีคนจำชื่อตัวเองได้ “จำได้สิคะ” “น้องพอวา หนูรู้จักคุณ ... เอ่อ คุณลุงด้วยเหรอคะ” “คุณลุงช่วยน้องพอวากดสบู่ให้ตอนน้องพอวาล้างมือค่ะ” เด็กน้อยบอกเสียงใสเลยทีเดียว “พรีม เด็กคนนี้ ...” “น้องพอวาเป็นลูกสาวพรีมค่ะ” เธอไม่รีรอที่จะบอกออกไปเช่นนั้น เพราะไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องปิดไม่ให้เขารู้ว่าเธอมีลูกแล้ว คำตอบนั้นทำให้ใบหน้าหล่อคมเข้มถึงกับร้อนวูบขึ้นมา พร้อม ๆ กับหลากหลายความรู้สึกที่วิ่งแทรกเข้ามา ซึ่งเขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่ามันเป็นความรู้สึกอะไรกันแน่
บรรยากาศภายในงานประกาศผลรางวัล โครงการ ‘ส่งเสริมให้เด็กได้โชว์ศักยภาพ และความสามารถ เพื่อชิง-ทุนการศึกษา’ ของบริษัทผลิตนมผงคุณภาพระดับพรีเมียมของประเทศ
ซึ่งได้มีการประกวดและตัดสินในบางส่วนไปบ้างแล้ว สำหรับวันนี้เป็นวันที่ประกาศผลว่าเด็กคนไหนจะคว้าทุนการศึกษาหนึ่งล้านบาทไปได้
เสียงที่ดังเจื้อยแจ้วของผู้คนที่มาร่วมงานค่อย ๆ เบาลง และเงียบในที่สุด เมื่อพิธีกรบนเวทีทำการประกาศผลรางวัลที่ทั้งเด็กและผู้ปกครองกำลังรอคอย
“ขอแสดงความยินดีกับ ...”
เสียงดนตรีดังขึ้นเป็นการกระตุ้นความตื่นเต้นให้กับทุกคนที่อยู่บริเวณลานกว้างของห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมือง
“คนเก่งของเราวันนี้คือ ... น้องพอวา ด.ญ.พอวา เมธานนท์ รับทุนการศึกษาหนึ่งล้านบาท ยินดีด้วยครับ”
สิ้นเสียงพิธีกร เสียงปรบมือดังสนั่นขึ้นแทรกในทันที
“กรี๊ดดดด!!! น้องพอวาชนะแล้ว กรี๊ดดดด”
พลอยณิศาส่งเสียงร้องดีใจแข่งกับเสียงปรบมือ และคำชื่น¬ชมในตัวผู้ได้รับรางวัลทันที
‘เด็กหญิงพอวา เมธานนท์’ อายุหกขวบเศษเรียนอยู่ชั้นประถมศึกษาปีที่หนึ่ง ณ โรงเรียนเอกชนแห่งหนึ่ง บุตรสาวคนเดียวของ ‘พริมาภา’ หรือ ‘พรีม’ ซึ่งเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยว โดยมีพิมพ์รดาน้องสาว กับพลอยณิศาเพื่อนเป็นคนช่วยดูแลตั้งแต่เกิด ร่างเล็กมองหน้าบุตรสาวที่นั่งยิ้มกริ่มอยู่กับเพื่อนรักอย่างปลื้มปิติ ด้วยไม่คิดว่าบุตรสาวตัวเองจะเก่งขนาดนี้
แต่ก็ใช่ว่าเด็กน้อยจะไม่เคยผ่านเวทีการประกวดอะไรมา-ก่อนเลย ด้วยความฉลาด ความสามารถของเด็กที่พลอยณิศามองเห็น ทำให้หล่อนผลักดัน และแสวงหาโอกาสให้กับหลานสาวในทุก ๆ ด้าน ที่คิดว่าเจ้าตัวเล็กสามารถทำได้
และเมื่อเห็นว่าเวทีนี้เปิดให้เด็กได้มาโชว์ศักยภาพ ความสามารถ หล่อนจึงไม่รีรอที่จะยื่นใบสมัครให้ ซึ่งน้องพอวาได้แสดงความสามารถด้วยการเล่านิทานภาษาอังกฤษ จีน และไทย โดยถ่ายทอดจินตนาการออกมาจนผู้ชม และผู้ฟังในงานต่างพากันชื่นชมในความสามารถ จนคว้ารางวัลชนะเลิศรับทุนการศึกษาหนึ่งล้านบาทมาในที่สุด
และนอกจากทุนการศึกษาแล้ว ยังได้เป็นพรีเซนเตอร์ให้กับผลิตภัณฑ์ตลอดระยะเวลาหนึ่งปีด้วย
“เชิญน้องพอวาบนเวทีครับ”
เสียงพิธีกรหนุ่มดังขึ้นอีกครั้ง
“แกพาน้องพอวาขึ้นไปรับรางวัลเร็ว”
พลอยณิศารีบหันมาบอกเพื่อนรัก
“แม่จ๋าไปรับรางวัลกับน้องพอวานะคะ”
เด็กน้อยผู้ได้รับรางวัลรีบอ้อนมารดาขึ้นมาทันที
โดยปกติแล้วพริมาภาไม่ค่อยแสดงตัวอยู่แล้ว ส่วนมากจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพลอยณิศาหรือไม่ก็พิมพ์รดา เพราะทั้ง¬สองคนมักเป็นคนจัดการมาตั้งแต่ต้น
การประกวดครั้งนี้ในตอนแรกเธอก็ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร เพราะกลัวว่าจะเป็นการกดดันลูกสาวมากเกินไป ทว่าก็ต้องใจ¬อ่อนเมื่อเจ้าตัวเล็กเป็นคนเอ่ยปากเองว่า อยากไปประกวด
จริง ๆ แล้ววันนี้หญิงสาวไม่สามารถมาร่วมงานได้ด้วยซ้ำ ดีที่ทางบริษัทเลื่อนการประชุมออกไป เธอจึงรีบตามมาส่ง¬กำลังใจให้บุตรสาวทันที
“น้องพอวาไปกับน้าพลอยนะคะ”
“แกน่าจะขึ้นไปด้วยนะ เดี๋ยวฉันถ่ายรูปให้”
“ไม่ละ แกจัดการไปเถอะ ... น้องพอวาไปกับน้าพลอยนะคะ”
“ก็ได้ค่ะ”
น้ำเสียงตอบรับฟังดูติดจะเศร้าไปหน่อย ทว่าเมื่อมารดาอุ้ม¬ร่างเล็กขึ้น แล้วหอมเข้าที่แก้มฟอดใหญ่ ริมฝีปากจิ้มลิ้มก็ยิ้มออกทันที
“แม่จ๋ารออยู่ข้างล่างนะคะคนเก่ง”
เธอบอกพร้อมกับอุ้มร่างเล็กขึ้นมาด้วย
“ค่ะ”
คราวนี้เสียงใสแจ๋วเลยทีเดียว
“งั้นฉันพาน้องพอวาไปรับรางวัลก่อน”
“โอเค ๆ ฉันไปรอหลังเวทีนะ”
หญิงสาวรับคำแล้วก็หยิบโทรศัพท์มาดู เพราะมีเสียงเรียกเข้ามาพอดี ว่าแล้วหญิงสาวก็หอมแก้มบุตรสาวเป็นการให้¬กำลังใจอีกครั้ง ก่อนส่งร่างเล็กให้เพื่อนรัก แล้วก็ปลีกตัวไปทางด้านหลังเวที
ขณะที่หญิงสาวเดินแยกตัวออกมา ได้ยินแต่คนชื่นชมบุตรสาวตัวเอง ยิ่งได้ยินหัวใจยิ่งพองโตรู้สึกภูมิใจตัวเองที่สามารถเลี้ยงดูลูกมาให้เก่ง และกล้าแสดงออกขนาดนี้ และต้องขอบใจเจ้า¬ตัวเล็กด้วยที่ไม่ดื้อ แถมยังยอมรับในสิ่งที่เธอและน้า ๆ ป้อนให้ทุกอย่าง
“เด็กคนนี้เก่ง ๆ มาก ๆ เลยนะคะคุณกิ่ง”
คำชื่นชมของหญิงคนหนึ่งทำเอาพริมาภาที่กำลังเดินอ้อมไปทางด้านหลังเวทีต้องหยุดเท้าแล้วหันมองที่ต้นเสียงนิดหนึ่งแล้วสายตาก็พลันเห็นใครคนหนึ่งในงาน
“คุณกิ่งกาญจน์”
พริมาภาอุทานเรียกชื่อหญิงสูงวัยซึ่งนั่งอยู่ที่ชุดโซฟาของ-ประธานในการจัดงานโดยอัตโนมัติ แล้วก็รีบพาตัวเองหลบไปทางหลังเวทีทันที หัวใจเต้นแรงเร็วอย่างลุ้น ๆ ด้วยกลัวว่าเจ้าของชื่อที่อุทานเรียกเมื่อครู่จะได้ยินแล้วหันมามอง ด้วยตกใจทำให้ลืมไปเสียสนิทว่า ต้องมารับสายโทรศัพท์ที่ดังเรียกเข้ามาเมื่อครู่ พอ¬มาดูอีกทีสายก็ถูกตัดไปแล้ว
หญิงสาวจำหญิงสูงวัยผู้นี้ได้ไม่เคยลืม เพราะท่านเป็นทั้งผู้ให้ที่พักพิง ให้ทั้งเงิน เพื่อให้เธอกับน้องสาวได้เรียนต่อ และก็ยังเป็นคนที่ทำให้ต้องกลายเป็นนกไร้รังอีกครั้ง
แต่หากให้มาคิดอีกทีต้องของคุณด้วยซ้ำที่ทำให้ชีวิตเธอมี-คุณภาพ และมีคุณค่ามากขึ้น เพราะหากไม่ใช่เพราะนาง ดีไม่ดีเธออาจจะยังคงเป็นแค่เด็กรับใช้ และคงไม่มี ดร.พริมาภา กับ เด็กหญิงพอวาในวันนี้ก็ได้
เธอมองหญิงสูงวัยที่ยังคงภูมิฐานเฉกเช่นเดิม แม้เวลาจะล่วงเลยมานานหลายปี ทว่าดูเหมือนว่านางยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง สายตาคู่สวยมองผ่านไปยังเจ้าตัวเล็กบนเวทีแล้วพลอยให้ยิ้มออกมาอีกครั้ง
“เด็กคนนั้นคือสายเลือดของคุณผู้หญิงนะคะ”
ริมฝีปากสวยได้รูปขยับเอ่ยขึ้นเบา ๆ ให้ได้ยินเพียงตัวเองเท่านั้น
“พี่ภีมโกรธวาเรื่องอะไรคะ” “หยุด! ต่อไปนี้เธอไม่ต้องเรียกฉันว่า ‘พี่’ ฉันมียายพลอยเป็นน้องสาวเพียงคนเดียวเท่านั้น” น้ำเสียงดุกร้าวไม่แพ้แววตา “นี่มันอะไรกันคะวางงไปหมดแล้ว พี่ภีมช่วยอธิบายให้วาเข้าใจหน่อยได้ไหมคะ” หญิงสาวร้องขอความกระจ่างจากเขา ยังคงสะอื้นไห้อยู่เช่นเดิม “อธิบายเหรอ... ยังจะต้องให้ฉันอธิบายอะไรอีก หรือต้องการให้ฉันประจานต่อหน้าป้าอิ่มและนวลว่าเธอมันเลวชาติ... หน้าด้าน หน้าทน ขนาดไหน” “คุณภีม! / พี่ภีม!” วาทิตา นางอิ่ม อุทนทานเรียกชื่อเขาพร้อมๆ กันเลยทีเดียว ด้วยคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินคำพูดเหล่านี้ออกจากปากเขาได้ “อยากรู้ว่าตัวเองเลวยังไง ฉันว่าไอ้นี่คงจะอธิบายได้อย่างชัดเจนถึงความเลวของเธอนะวาทิตา” ภาคิน ปาก้อนกระดาษที่เขาขยำไว้ในมืออย่างโกรธแค้นจนกลายเป็นก้อนกลมๆ ใส่หน้าหญิงสาวอย่างแม่นยำ ทว่าหากเวลานี้ในมือเขาสามารถประจุไฟขึ้นมาได้กระดาษแผ่นนั้นคงไม่เป็นก้อนอยู่อย่างที่เห็น มันคงกลายเป็นเถ้ากระดาษไปนานแล้ว วาทิตารีบคลี่ก้อนกระดาษที่เขาปาใส่หน้าเธออย่างเต็มแรงจนแก้มขาวนวลข้างซ้ายขึ้นรอยแดงอย่างเห็นได้ชัดทันที นัยน์ตากลมโตค่อยๆ ไล่อ่านทุกตัวอักษรยิ่งอ่านสีหน้าก็ยิ่งถอดสี ศีรษะส่ายไปมาเล็กน้อย เหมือนต้องการส่งสัญญาณให้บุคคลที่กำลังจ้องมองอยู่ตรงหน้านั้นได้รู้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริงตามข้อความในกระดาษนี้ สายตาชายหนุ่มที่กำลังจ้องมองประดุจเสือร้ายกำลังจ้องกวางน้อยและรอเวลาตะคลุบเหยื่อมาเป็นอาหารอันโอชะอยู่อย่างไม่ละสายตา ทำให้เขาเห็นทุกอากัปกิริยาของเธอ เขากระตุกยิ้มมุมปากนิดหนึ่งอย่างเหยียดๆ “ไม่จริง! นะคะพี่ภีม ไม่จริง”
หากไม่ใช่เพราะพินัยกรรมฉบับนั้นเธอคงไม่ได้เป็นเจ้าสาวของเขาในวันนี้หรอก “ก็แค่สามปี” กัญญ์ณรัณพยายามปรับเสียงให้เป็นปกติที่สุด “ฉันคงไม่ปล่อยให้รตีต้องรอฉันจนถึงสามปีหรอก” “แต่ในพินัยกรรมบอกว่าเราต้องใช้ชีวิตแบบสามีภรรยากันสามปีนะคะ” “เธอก็เป็นเมียฉันไปตามพินัยกรรมบ้าบออะไรนั่นไปสิ ส่วนฉันก็จะเป็นผัวในแบบของฉัน และจำไว้ว่ารตีคือคนที่ฉันรัก และจะเป็นเมียฉันคนเดียวเท่านั้น”
นิยายรัก แบบฉบับครอบครัว นางเอกแยกทางกับพระเอกโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองท้อง แล้วกลับมาเจอกันอีกครั้ง ตอนลูกสาวโตอายุได้ปรมาณ 4 ขวบ
“นี่คุณ ปล่อยฉันนะไม่อย่างนั้นฉันจะตะโกนเรียกคุณป๋า ท่านจะได้รู้ว่าคุณมันไว้ใจไม่ได้” น้ำเสียงเธอตกใจอยู่ไม่น้อยที่จู่ ๆ ก็โดนอีกฝ่ายจู่โจมถึงตัวเอาแบบนี้ “คุณไม่รู้หรอกหรือว่าคุณป๋าคุณเปิดทางให้ผมแค่ไหน” เขากระซิบข้างหูคนตัวเล็กอย่างจงใจ “ปล่อยฉันนะ คุณอย่ามารุ่มร่ามกับฉันแบบนี้นะ” “รุ่มร่ามที่ไหนกันก็แค่กอดเมีย” คนกวนพยายามจะหอมแก้มขาวนวล ทว่าอีกฝ่ายหลบได้ทันเสียก่อน “นี่คุณ” ไม่ได้ห้ามอย่างเดียว ทว่ากำปั่นเล็กทุบเข้าที่หน้าอกเขาเต็มแรง แต่ดูเหมือนคนทุบจะเจ็บมือเองเสียเปล่า ๆ เพราะมันไม่ได้สะทกสะท้านหรือระคายเคืองอะไรกับแผงอกหนาเอาเสียเลย “ถ้ายอมให้หอมก็จะปล่อย” “มันจะมากไปแล้วนะ” เสียงที่ดังลอดไรฟันค่อนข้างเอาเรื่อง “แค่หอมมากไปทีไหนกัน ... โอ๊ย! นี่คุณชาติก่อนเป็นหมาหรือไง” ศิวัฒน์ยังไม่ทันได้กวนโทสะอีกฝ่ายจนสุด ก็ต้องร้องเสียงหลงออกมาเมื่อคนในวงแขนแข็งแรงหันไปกัดเอาที่ต้นแขนนั้นจมเขี้ยว ทำเอาคนที่กำลังคิดว่าตัวมีชัยอยู่ถึงกับต้องปล่อยแขนออกจากเอวบางทันที
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย