ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / โรแมนติก / สวี่กงเหมย ดวงใจท่านแม่ทัพ
สวี่กงเหมย ดวงใจท่านแม่ทัพ

สวี่กงเหมย ดวงใจท่านแม่ทัพ

5.0
65 บท
48.4K ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

สวี่กงเหมย บุตรสาวบุญธรรมของปรมาจารย์หมื่นพิษ ต้องคอยเป็นผู้ดูแลและปรุงยาให้กับเขา ท่านแม่ทัพแห่งแดนเหนือ ตั้งแต่อยู่บนหุบเขาหมื่นพิษ แล้วยังต้องตามไปดูแลถึงชายแดนเหนือและในเมืองหลวงจนกว่าจะครบหนึ่งปี เซวียนจางหย่ง แม่ทัพแห่งชายแดนเหนือ ผู้ที่มีศักดิ์และฐานะอันสูงส่ง ในชีวิตนี้ คุณหนูนางใด หญิงสาวคนไหน ที่ว่ามีความเพียบพร้อมในทุกด้าน ตัวเขากลับมิเคยชายตาแล แต่คงใช้ไม่ได้กับสาวน้อยบ้านป่าคนนี้ เจอกันครั้งแรกนางก็หมายยิงเขาด้วยธนูเสียเเล้ว จากนั้นตัวเขาและนางก็กลายเป็นเหมือนน้ำมันกับไฟ ถึงแม้นางจะกลั่นแกล้งเขาไว้มากน้อยเพียงไหนในตอนที่อยู่ในหุบเขาหมื่นพิษ เขากลับมิเคยโกรธ และไม่รู้ว่านานเพียงใด ที่ไม่ว่ายามหลับหรือยามตื่น สายตาของเขาก็มีไว้เพียงมองนางเท่านั้น

บทที่ 1 กำเนิดมังกร

เหตุผลหลักที่ทำให้แคว้นจิ้งเข้มแข็งและเรืองอำนาจกว่าแคว้นอื่นใดในอาณาจักรปกครองตนเอง หลักด้วยฮ่องเต้มากความสามารถกรอปกับแม่ทัพกล้าหาญและเชี่ยวชาญการรบ เช่น เซวียนจางหย่ง ผู้พิทักษ์แผ่นดินข้างกายพระปิตุลา

เขาคือบุตรชายของเซวียนกั๋วกงแม่ทัพใหญ่และองค์หญิงรองเยวี่ยหลี พระธิดาในอุทรของไทเฮาผู้เป็นพระขนิษฐาร่วมสายโลหิตของฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน(เยวี่ยจั้น) พ่อ แม่ ลูก พร้อมหน้าได้เพียงไม่ถึงหนึ่งหนาวพระมารดาก็ต้องมาจากไปทั้งที่เซวียนจางหย่งยังไม่อาจได้จดจำใบหน้ามารดาได้ด้วยซ้ำ เยวี่ยหลีผู้อาภัพจากลาบุตรและสามีของนางอย่างไม่มีวันกลับ รวดเร็วเกินกว่าที่เซวียนกั๋วกงจะรับโชคชะตาอันเป็นไปนี้ได้

“ขอพระองค์ทรงลงพระราชโองการด้วยเถิด” น้ำเสียงห้าวหาญของแม่ทัพใหญ่เซวียนกั๋วกงก้องกร้าวไปทั่วท้องพระโรง สองเข่าคุกลงก้มหน้าต่อราชบัลลังก์ที่ว่างเปล่าเช่นนั้นอยู่สามชั่วยาม เรื่องถึงพระกรรณฮ่องเต้ พระองค์จึงได้เสด็จออกท้องพระโรงในเวลาต่อมา

“ฮ่องเต้เสด็จ” เสียงเบิกทางขานก้องระหว่างทางพระราชดำเนิน ก่อนที่เงาแห่งอำนาจจะทอดยาวผ่านประตูท้องพระโรงที่ไม่ได้ลงดานตลอดสามวัน

“เหตุใดท่านจึงอยากจะออกทัพเล่า ทหารที่หัวเมืองเหนือของเราก็ยังเข้มแข็ง ทั้งจางหย่งก็เพิ่งจะได้เพียงสามหนาว” ซุ่มเสียงทรงอำนาจเอ่ยเนิบนาบเต็มไปด้วยความปรานี

“หัวเมืองเหนือกำเริบด้วยคนเถื่อนแตกออกเป็นก๊กเป็นเหล่า อาจสั่นคลอนแคว้นจิ้งพ่ะย่ะค่ะ” เซวียนกั๋วกงเอ่ยตอบสิ่งที่มีความจริงเจืออยู่เพียงเสี้ยวด้วยมิอาจเพ็ดทูลความเป็นจริงที่อยู่ภายในใจของเขา เขาจะกราบทูลมูลเหตุว่านับวันที่จางหย่งน้อยเติบโตใบหน้าเล็กของเขาก็ยิ่งละม้ายหญิงอันเป็นที่รักผู้จากไปอย่างไม่มีวันกลับได้อย่างไรกัน ถ้าเขาเพ็ดทูล[ พูดกับเจ้านาย]ออกไปเช่นนั้นนอกจากพระองค์จะไม่ทรงลงราชโองการแล้วเขาอาจจะต้องอาญาในฐานะบิดาที่ทอดทิ้งบุตรได้

“อืม หากท่านเห็นดีเช่นนั้น ข้าก็คงห้ามอะไรไม่ได้สินะ” เซวียนกั๋วกงได้ยินพระบรมราชานุญาตก็เผลอลืมตัวเงยหน้าขึ้นสบพระพักตร์ฮ่องเต้ สายพระเนตรที่ทอดมองเขาเต็มไปด้วยความเมตตา เขาได้แต่นึกคิดอยู่ในใจด้วยไม่รู้จะเอ่ยปากเรื่องจางหย่งน้อยบุตรชายของเขากับองค์ฮ่องเต้อย่างไร

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณพ่ะย่ะค่ะ” เขาจรดหน้าผากลงเสมอพื้นแสดงความเคารพบุคคลตรงหน้า ในขณะที่ซุนเหย้าถิงขันทีหน้าหอก้าวเข้าไปยืนต่อหน้าพระพักตร์ พานให้เซวียนกั๋วกงเผลอเงยหน้าขึ้นมอง แต่ก็ไม่ทันที่จะรู้ได้ว่าฮ่องเต้มีคำสั่งใดต่อซุนเหย้าถิง[ ขันทีคนสุดท้ายของจีน]

“บุตรชายของท่าน ฮ่องเต้จะทรงรับอุปการะในฐานะพระราชนัดดาของพระองค์” ทันทีที่ซุนเหย้าถิงเอ่ยจบ ความรู้สึกยินดีสายหนึ่งก็แล่นเข้าสู่กลางใจเซวียนกั๋วกง ทว่าเขาก็ไม่อาจแสดงความดีใจที่มีล้นอกต่อพระพักตร์ฮ่องเต้ได้ ทำได้แต่จรดหน้าผากลงกับพื้นแสดงสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ตนและบุตรได้รับ

“เป็นพระมหากรุณาธิคุณอย่างหาที่สุดมิได้พ่ะย่ะค่ะ”เขาคำนับอยู่เช่นนั้นสามครั้งจนกระทั่งฮ่องเต้เสร็จออกจากท้องพระโรง เขารีบแต่งทัพทันทีที่พระบรมราชโองการมาถึงเพื่อเดินทางสู่หัวเมืองเหนือในสามวันถัดไป

หลังจากที่กั๋วกงผู้เป็นบิดาแต่งทัพสู่หัวเมืองเหนือในเช้าวันนั้น จางหย่งน้อยก็ได้เดินทางเข้าสู่พระราชวังภายใต้การจัดแจงของซุนเหย้าถิง ความซุกซนน่ารักของจางหย่งน้อยทำให้นางในต่างก็ปั่นป่วนไปด้วยรอยยิ้ม พานให้ความสุขขององค์ไทเฮา[ ตำแหน่งไท่โฮ่ว (ไทเฮา) - เป็นพระอัครมเหสีของฮ่องเต้องค์เก่า อาจเป็นแม่ของฮ่องเต้รัชกาลปัจจุบันหรือไม่เป็นก็ได้]ก็ทวีคูณตามไปด้วย

“องค์ชายน้อยทางนี้เพคะ” เสียงหัวเราะคิกคักสลับเสียงหัวเราะร่าของเด็กน้อยวัยเตาะแตะก้องไปทั่วสวนดอกไม้งดงาม พาให้ข้ารับใช้ต่างก็กระซิบกระซาบในสิ่งที่พวกนางได้เห็น

“ดูรอยยิ้มของไทเฮาสิ ข้าไม่เคยเห็นเช่นนั้นมาก่อนเลย”

“นั่นสิ นั่นสิ”

หลังจากที่องค์ฮ่องเต้รับเซวียนจางหย่งไว้ในพระราชอุปการะ เด็กน้อยวัยสามหนาวก็ได้เข้าพำนักในวังหลวง สายป่านชีวิตของเขาถูกเปลี่ยนจากมือคุณชายจวนกั๋วกงมาเป็นองค์ชายชั้นรองฐานะพระราชนัดดาของฮ่องเต้และองค์ไทเฮา เขาถูกชุบเลี้ยงเฉกเช่นกับเหล่าองค์ชายองค์อื่น ๆ ท่ามกลางความรักของพระปิตุลา[ ราชาศัพท์ แปลว่า ลุง]และพระอัยยิกา[ ราชาศัพท์ แปลว่า ย่า,ยาย]บนวิถีชีวิตที่เรียบง่ายจนเติบใหญ่ เขาเข้านอกออกวังเล็กวังน้อยที่อยู่ภายในวังหลังได้อย่างทะลุปรุโปร่งและมักแวะเวียนไปหาองค์ไทเฮาที่วังโซ่วคังกง ทั้งยังร่วมเสวยพระกระยาหารมื้อเช้ากับฮ่องเต้ที่ตำหนักกลางเสมอ ก่อนที่จะไปร่วมชั้นเรียนกับเหล่าองค์ชายที่วังนอก

ถึงแม้จางหย่งจะเป็นองค์ชายแต่เขาก็เป็นเพียงได้แค่องค์ชายรองไม่อาจมีพระศักดิ์เทียบเท่ากับองค์รัชทายาทผู้เป็นราชบุตรสายตรงจากองค์ฮ่องเต้

ถึงกระนั้นก็ยังมีคำล่ำลือกันเป็นวงกว้างว่าจางหย่งน้อยอาจได้รับการแต่งตั้งให้เป็นองค์รัชทายาทเมื่อเติบใหญ่ ด้วยนับวันความปรีชาชาญทั้งบู๊และบุ๋นของเขาก็ทวีขึ้นรอบด้าน คำล่ำลือนั้นจึงใกล้ที่จะเป็นจริงขึ้นในทุกวัน

“ขอฝ่าบาท ได้โปรดพิจารณาด้วยเถิด!”

“ได้โปรดทรงพิจารณาด้วยเถิดพ่ะย่ะค่ะ!!”เสียงอื้ออึงของเหล่าเสนาบดีกึกก้องท้องพระโรงอยู่ซ้ำ ๆ ต่อหน้าบัลลังก์ เพื่อให้พิจารณาการวินิจฉัยแต่งตั้งองค์รัชทายาทนอกสายเลือดนั้นเป็นเรื่องนอกรีต[ จารีต ประเพณี การปฏิบัติกันสืบเนื่องมายาวนาน ]

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ออกใหม่ล่าสุด: บทที่ 65 ตอนพิเศษ 5 รักแท้ของข้า   08-18 18:26
img
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY