สูงศักดิ์ดั่งจักรพรรดิ หรือสามัญชนเช่นบัณฑิต ล้วนถูกพิชิตด้วยภรรยาตัวน้อย สามีจวนอื่นข้านั้นไม่รู้ แต่สองอาหลานราชวงศ์จิ่งล้วนถูกภรรยากลั่นแกล้ง ชุนเสี่ยวป๋าย จะให้ทำอย่างไรได้เล่า บัณฑิตเฒ่าผู้นั้นมิเคยมีท่าทีพึงใจในสตรีนางใด หากชุนเสี่ยวป้ายเฝ้ารอให้เขาเข้ามาทำความรู้จักนางเองแล้วนั้นคงไม่มีวันได้ครองรักกันแน่ ดังนั้นนางจึงต้องบอกกล่าวด้วยตัวเองเสียเลย บัณฑิตเฒ่าผู้แสนหล่อเหลาเจ้าคะ ข้าจะไปเกี้ยวท่านเอง... อู่ซุนต้าเอ้อร์ นางถูกเขาจับพลิกแพลงตะแคงคว่ำอยู่นาน เขาก็ยังมิยอมสงบ พายุรักโหมกระหน่ำดูดแรงกายของอู่ซุนต้าเอ่อร์จนแทบหมดสิ้น ทนแทบมิไหว พลั่ก!! โครม!! รู้ตัวอีกทีทั้งห้องก็เงียบสงัดไร้เสียงหอบกระเส่าและครวญครางเหมือนเมื่อครู่ ร่างเปลือยเปล่าล่อนจ้อนของจักรพรรดิน้อยลงไปกองอยู่ข้างตั่งเตียงโดยมีปลายเท้าของนางยื่นออกไป เหลียนไช่ บัณฑิตเหลียนไช่ซุกไซร้ลำคอขาวของภรรยา เขาสูดดมและขบเม้ม ไล้มือไปทั่วกายนุ่มของนางอย่างหลงใหล มิไหวแล้ว... เขามิอาจทนความน่ารักของชุนเสี่ยวป๋ายได้อีกแล้ว.... “ข้าพลาดแล้วจริงๆ ที่สัญญาว่าจะอ่อนโยนกับเจ้า” จิ่งซานหวง “มิใช่ว่าหม่อมฉันต้องปรนนิบัติพระองค์เหมือนสามีภรรยาหรอกหรือเพคะองค์จักรพรรดิ” “ก็มิใช่ว่าข้าให้เจ้าปรนนิบัติอยู่หรอกหรือ” เขาว่าพลางหลับตาลงไม่อยากมองหน้าสนมโจว นางจึงต้องจำใจอ่านตำราให้เขาฟังอย่างเสียมิได้ คิดมิถึงว่าจักรพรรดิน้อยจะหาทางหลบเลี่ยงการร่วมเตียงกับนางจนได้ ล่วงรู้ไปถึงไหนอับอายไปถึงนั่น ท่ามกลางความซ่านเสียวอู่ซุนต้าเอ่อร์ก็อดถอนใจให้กับตนเองมิได้ คราแรกคิดว่าคืนนี้นางจะได้นอนสบายมิต้องโดนเขาเคี่ยวกรำอยู่แล้วแท้ ๆ แล้วเหตุใดนางจึงยังถูกเขาจับกินได้อีกเล่า!!
แสงแดดยามบ่ายลอดผ่านเหล่ามวลใบไม้ลงมาจนเห็นเป็นเส้น ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ ชุนเสี่ยวป๋าย แอบชะเง้อมองผ่านหน้าต่างบานเล็ก นางแย้มรอยยิ้มออกมาเมื่อเห็นเขาผู้นั้นกำลังตวัดปลายพู่กันแต่งแต้มเป็นตัวอักษร เสียงเด็ก ๆ ท่องตำราดังออกมาจากข้างใน ทว่าเป้าหมายของนางหาใช่เด็กเหล่านั้นไม่ กลับเป็นบัณฑิตเฒ่าผู้เป็นอาจารย์ต่างหากเล่า
“พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไรกับคำกล่าวนั้น” เขาเงยหน้าขึ้นจากหนังสือกระดาษและเอ่ยถามเมื่อเห็นเหล่าศิษย์ตัวน้อยทั้งหลายอ่านบทกวีจนจบ
ชุนเสี่ยวป๋ายตาหยาดเยิ้ม นางเคลิบเคลิ้มราวกับต้องมนต์สะกด ดวงตาน้อยสั่นไหววูบเมื่อได้ยินคำสอนจากปากท่านอาจารย์ผู้นั้น ในตอนนี้คล้ายว่านางจะตั้งใจฟังมากกว่าเหล่าศิษย์ตัวน้อยในห้องเรียนเสียอีก
“ถ้าเช่นนั้นจงเริ่มอ่านบทต่อไป แล้ววิจารณ์อย่างละเอียดตามความคิดของพวกเจ้าให้อาจารย์ฟังทีละคน”
น้ำเสียงของเขาช่างนุ่มละมุน ใบหน้าช่างหล่อเหลาจนนางไม่อาจมองข้ามได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เหลียวมอง หนวดเคราสะอาดสะอ้านไม่รกรุงรังเหมือนบัณฑิตท่านอื่น ผมยาวถูกรวบไว้ด้านหลังดูงดงาม ผิวของเขาเนียนละเอียดเสียยิ่งกว่านางที่เป็นสตรี เขากลับดูโดดเด่นเหนือผู้คนที่รายรอบนัก แม้ว่าจะสวมชุดมอซออยู่เสมอหากทว่าแลดูสะอาดสะอ้าน
ถึงแม้ว่านางจะแอบเรียกเขาว่าบัณฑิตเฒ่าเพราะอายุของเขาห่างจากนางถึงสิบเจ็ดปีก็ตามที ทว่าเขากลับเป็นบัณฑิตเฒ่าที่หล่อเหลาที่สุดเท่าที่นางเคยพบเจอมาทั้งชีวิต
“คุณหนู แอบมองบัณฑิตผู้นั้นอีกแล้วหรือเจ้าคะ”
ฮุ่ยหลิน สาวใช้คนสนิทของเสี่ยวป๋ายเดินมาด้านหลังและโพล่งขึ้นมาจนนางสะดุ้งเฮือก หัวใจของคุณหนูตระกูลชุนเกือบหลุดออกมาด้านนอกเมื่อเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเสียงของมารดาตน
“โธ่พี่หลินหลิน ข้าตกใจหมด นึกว่าท่านแม่มาเห็นเข้าเสียแล้ว” ชุนเสี่ยวป๋ายโวยวายเสียงเบา
นางรู้ตัวดีว่าตนเองทำไม่ถูกนักหรอก ไม่มีสตรีเรือนใดจะมาสอดส่องบุรุษอย่างเช่นที่นางทำ ยิ่งเป็นในอาณาเขตของตระกูลด้วยแล้ว หากมีผู้คนรู้เห็นคงงามหน้ารับคำครหากันไปหลายสิบปี
“ถ้าเช่นนั้นคุณหนูก็กลับเข้าเรือนดีหรือไม่เจ้าคะ” ฮุ่ยหลินเอ่ย
“หากนายหญิงกลับมา คุณหนูอาจจะโดนทำโทษเอาได้นะเจ้าคะ”
“ท่านแม่คงไม่มีเรี่ยวแรงจะเอ่ยบ่นข้าได้หลายชั่วยามกระมัง” เสี่ยวป๋ายไม่สนใจ
“เกรงว่าจะไม่ใช่แค่คำตักเตือนนะเจ้าคะ” ฮุ่ยหลินว่าตามจริง “ข้าเกรงว่าจะเป็นไม้หวายมากกว่าเจ้าค่ะ”
สตรีผู้ทำผิดถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อนึกถึงสีหน้าถมึงทึงของมารดายามถือไม้เรียวที่ทั้งยาวทั้งหนารออยู่ในบ้าน เพียงแค่หวนคิดถึงไม้หวายคู่ใจของมารดา นางก็รู้สึกหนาวขึ้นมาตรงขั้วหัวใจเสียไม่ได้
ชุนเสี่ยวหง มารดาของนางนั้นขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดกว่าใคร คนในสำนักต่างรู้ดีและไม่มีใครกล้าฝืนกฎที่นางตั้งไว้ จะมีก็แต่เสี่ยวป๋ายผู้เป็นลูกนี่แหละลักลอบกระทำผิดกฎอยู่บ่อยครั้ง แม้จะโดนทำโทษจนท่านตาท่านยายพากันส่ายหน้าระอาแต่นางก็หาได้หลาบจำไม่
“พี่หลินหลินก็อย่าเอ็ดไป ท่านแม่ไม่อยู่ ถ้าพี่ไม่พูดและข้าไม่พูดท่านแม่คงไม่รู้หรอก” เสี่ยวป๋ายเอ่ย
ในตอนนี้ท่านแม่ของนางไม่อยู่เรือน ดังนั้นจึงไม่มีทางรู้ได้หากไม่มีใครพูด
“แต่ถ้านายหญิงรู้ขึ้นมา ข้าโดนหนักเลยนะเจ้าคะ” ฮุ่ยหลินครวญ แม้แต่นางเองก็กลัวเช่นกัน
“เช่นนั้นพี่หลินหลินจึงต้องช่วยข้าปกปิดเรื่องนี้อย่างไรเล่า”
ทั้งสองมัวแต่สนทนากันไปมาไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง เมื่อหันมาอีกทีห้องเรียนที่เคยหนาแน่นไปด้วยศิษย์ตัวเล็กทั้งหลายก็ว่างเปล่าเสียแล้ว เด็กน้อยทยอยเดินกลับบ้าน ส่วนเป้าหมายอย่างบัณฑิตเฒ่านั้นก็หายตัวไปด้วย เด็กสาวจึงได้แต่ถอนหายใจก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้
“พี่หลินกลับเข้าไปในเรือนก่อนข้าเถอะ” เสี่ยวป๋ายเอ่ยโน้มน้าว “ข้างนอกนี่ร้อนนัก ข้าเกรงว่าพี่จะเป็นลมไปเสียก่อน”
“คุณหนูต่างหากเล่าเจ้าคะที่ควรรีบกลับเข้าเรือน” ฮุ่ยหลินไม่ยินยอม “ข้าไม่เป็นลมหรอกเจ้าค่ะ เกรงว่าจะเป็นคุณหนูต่างหากที่หมดสติก่อนข้า”
“ข้าแข็งแรงถึงเพียงนี้ ไม่เป็นลมง่าย ๆ หรอก”
“เช่นนั้นข้าก็จะอยู่กับคุณหนูเจ้าค่ะ”
“ข้าอยากกินขนมดอกกุ้ยฮวา” เมื่ออุบายเดิมไม่ได้ผล เสี่ยวป๋ายจึงเริ่มอุบายต่อไป “พี่หลินหลินช่วยไปเตรียมไว้ให้ข้าได้หรือไม่”
“ข้า...”
“ถ้าพี่หลินไม่ไปเตรียมไว้ให้ข้าเสียตั้งแต่ตอนนี้ กว่าข้าจะได้กินคงใกล้ยามเย็นแล้ว”
“แต่...”
“พี่หลินจะขัดคำสั่งข้าหรือ ท่านตาคงไม่พอใจแน่หากพี่ไม่เตรียมขนมไว้ให้หลานรัก”
“เจ้าค่ะ” ฮุ่ยหลินรับคำ แม้จะไม่ค่อยเต็มใจนักแต่ก็ไม่อาจขัดคำสั่งผู้เป็นนายได้อยู่ดี
คุณหนูมากลอุบายนี้ บ่าวอย่างนางจะบ่ายเบี่ยงอย่างไรได้เล่า
เมื่อสาวใช้คนสนิทยอมทำตามแต่โดยดี ชุนเสี่ยวป๋ายก็ยกยิ้มร่าขึ้นในใจ ฮุ่ยหลินเป็นคนเดียวที่รับรู้มาตลอดว่านางแอบมามองเขาทุกเช้าบ่าย ด้วยเพราะตามติดนางมาตั้งแต่เด็กและยังรู้ใจกันเป็นที่สุด แม้จะอยากห้ามปรามกันเพียงใดแต่เสี่ยวป๋ายก็ยังยืนกรานว่านางชื่นชอบบุรุษท่านผู้นั้นเหลือเกิน
จะให้ทำอย่างไรได้เล่า บัณฑิตเฒ่าผู้นั้นไม่เคยมีท่าทีพึงใจในสตรีนางใด หากชุนเสี่ยวป๋ายเฝ้ารอให้เขาเข้ามาทำความรู้จักนางเองแล้วนั้นคงไม่มีวันได้ครองรักกันแน่ ดังนั้นนางจึงต้องบอกกล่าวด้วยตัวเองเสียเลย
บัณฑิตเฒ่าผู้แสนหล่อเหลาเจ้าคะ ข้าจะไปเกี้ยวท่านเอง...
ชุนเสี่ยวป๋ายรอจนกระทั่งสาวใช้คนสนิทของนางเดินจากไปแล้วจึงลอบเดินลัดเลาะผ่านตามแนวป่าซึ่งขนานกันกับหมู่บ้าน เส้นทางนี้ใช้สัญจรไปโผล่ที่ท้ายหมู่บ้านได้โดยไม่ต้องกลัวท่านแม่จะมาเห็น
“ถึงสักที” นางเอ่ยพลางสูดอากาศเข้าปอด ท่าทางหอบเล็กน้อย
ที่นี่เงียบสงบไม่ค่อยมีใครมาอาศัยอยู่ ผู้คนโดยส่วนมากมักจะอยู่รวมตัวกันแถวย่านตลาดเสียมากกว่า จะมีก็แต่เขาผู้นั้นเท่านั้นที่มาอาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้านเช่นนี้
“เมื่อใดเจ้าจะเลิกตามข้ามาเสียที”
เสียงทุ้มนุ่มดังออกมาจากด้านในบ้าน ทั้งที่ยังไม่เห็นตัวผู้พูดแต่นางก็รู้ดีว่าเป็นเสียงของเขา เด็กสาวค่อย ๆ เยี่ยมหน้าเข้าไปในชานบ้านซึ่งบัณฑิตเฒ่ามักจะนั่งอ่านตำราอยู่ตรงนี้แทบทุกวัน
“ท่านเห็นข้าด้วยหรือเจ้าคะ”
“หากข้าไม่เห็น แล้วข้าจะเอ่ยถามออกไปได้เช่นใดกันเล่า” เขากล่าวและถอนหายใจออกมาเบาๆ
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เสี่ยวป๋ายถูกจับได้ว่ามาด้อมๆ มองๆ บริเวณบ้านของเขา แม้จะโดนดุโดนไล่เพียงใดนางก็ยังคงมุ่งมั่นทำอย่างที่ตั้งใจทุกครั้งไป
“แล้วเมื่อใดท่านจะยอมแต่งให้ข้าเล่าเจ้าคะ” ชุนเสี่ยวป๋ายแย้มรอยยิ้มกว้าง “หากท่านยอมแต่งกับข้า ข้าจะเลิกตามท่านทันทีเลยเจ้าค่ะ”
เหลียนไช่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาฟังนางถามคำถามนี้มานับสิบครั้ง ไม่สิ...อาจนับร้อยครั้งแล้วก็เป็นได้ แม้คำตอบของเขาจะยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงแต่ก็เหมือนว่านางจะไม่ยอมเปลี่ยนใจเช่นกัน
บัณฑิตเฒ่าผู้อยู่คนเดียวมาจวบจนสามสิบสามปีโดยไร้สตรีเคียงกายมองหน้าเด็กสาวอย่างระอา นางเพิ่งพ้นวัยปักปิ่นมาเพียงไม่ถึงขวบปี แต่กลับเกี้ยวพาบุรุษอย่างไม่รู้จักอายราวกลับว่าชาตินี้จะไม่ได้ออกเรือนแล้วกระนั้น
“คงเมื่อข้าอ่านตำราชุดนี้จบ”
“ท่านก็ว่าเช่นนี้ทุกที”
เด็กสาวทำหน้ามุ่ยเมื่อได้รับคำตอบ ใช่ว่าฟังครั้งแรกแต่ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้ง นางก็อดจะขุ่นเคืองใจไม่ได้เสียที เพราะเจ้าตำราที่เขาว่านั้นเขาเคยเล่าให้นางฟังว่ามันยาวนัก สามสิบกว่าเล่มก็ยังไม่จบ แล้วเช่นนั้นนางไม่รอจนแห้งเหี่ยวตายไปก่อนหรอกหรือ
เรื่องราวนี้ได้เริ่มจากการที่ “ที่รัก” สาวสวยพนักงานใหม่ ตกลงยินยอมแกล้งเป็นแฟนปลอม ๆ ให้ “กันต์ธี” ประธานบริษัทหนุ่มสุดหล่อมาดนิ่ง เจ้าของธุรกิจมากมายรวมทั้งบริษัทที่เธอได้ทำงานอยู่ แต่จากแค่แกล้งเป็นแฟนปลอม ๆ หลายสิ่งหลายอย่างก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อทั้งคู่เริ่ม “แอบมีใจให้กัน” เพราะตอนที่ใช้เวลาร่วมกันนั้นได้มีเหตุการณ์เกิดขึ้นมากมาย ทั้งวายป่วงน่าปวดหัว สนุก มีความสุข และอบอุ่นหัวใจ แต่ด้วยเงื่อนไขที่ตกลงกันไว้ในตอนต้น ด้วยสถานะทางสังคมที่ต่างกันโดยสิ้นเชิง พวกเขาจะกล้าก้าวข้ามเส้นความแตกต่างนั้นหรือไม่? ความรักของทั้งสองจะก่อเกิดขึ้นมาได้จริงหรือ?
สวี่กงเหมย บุตรสาวบุญธรรมของปรมาจารย์หมื่นพิษ ต้องคอยเป็นผู้ดูแลและปรุงยาให้กับเขา ท่านแม่ทัพแห่งแดนเหนือ ตั้งแต่อยู่บนหุบเขาหมื่นพิษ แล้วยังต้องตามไปดูแลถึงชายแดนเหนือและในเมืองหลวงจนกว่าจะครบหนึ่งปี เซวียนจางหย่ง แม่ทัพแห่งชายแดนเหนือ ผู้ที่มีศักดิ์และฐานะอันสูงส่ง ในชีวิตนี้ คุณหนูนางใด หญิงสาวคนไหน ที่ว่ามีความเพียบพร้อมในทุกด้าน ตัวเขากลับมิเคยชายตาแล แต่คงใช้ไม่ได้กับสาวน้อยบ้านป่าคนนี้ เจอกันครั้งแรกนางก็หมายยิงเขาด้วยธนูเสียเเล้ว จากนั้นตัวเขาและนางก็กลายเป็นเหมือนน้ำมันกับไฟ ถึงแม้นางจะกลั่นแกล้งเขาไว้มากน้อยเพียงไหนในตอนที่อยู่ในหุบเขาหมื่นพิษ เขากลับมิเคยโกรธ และไม่รู้ว่านานเพียงใด ที่ไม่ว่ายามหลับหรือยามตื่น สายตาของเขาก็มีไว้เพียงมองนางเท่านั้น
สูงศักดิ์ดั่งจักรพรรดิ หรือสามัญชนเช่นบัณฑิต ล้วนถูกพิชิตด้วยภรรยาตัวน้อย สามีจวนอื่นข้านั้นไม่รู้ แต่สองอาหลานราชวงศ์จิ่งล้วนถูกภรรยากลั่นแกล้ง ชุนเสี่ยวป๋าย จะให้ทำอย่างไรได้เล่า บัณฑิตเฒ่าผู้นั้นมิเคยมีท่าทีพึงใจในสตรีนางใด หากชุนเสี่ยวป้ายเฝ้ารอให้เขาเข้ามาทำความรู้จักนางเองแล้วนั้นคงไม่มีวันได้ครองรักกันแน่ ดังนั้นนางจึงต้องบอกกล่าวด้วยตัวเองเสียเลย บัณฑิตเฒ่าผู้แสนหล่อเหลาเจ้าคะ ข้าจะไปเกี้ยวท่านเอง... อู่ซุนต้าเอ้อร์ นางถูกเขาจับพลิกแพลงตะแคงคว่ำอยู่นาน เขาก็ยังมิยอมสงบ พายุรักโหมกระหน่ำดูดแรงกายของอู่ซุนต้าเอ่อร์จนแทบหมดสิ้น ทนแทบมิไหว พลั่ก!! โครม!! รู้ตัวอีกทีทั้งห้องก็เงียบสงัดไร้เสียงหอบกระเส่าและครวญครางเหมือนเมื่อครู่ ร่างเปลือยเปล่าล่อนจ้อนของจักรพรรดิน้อยลงไปกองอยู่ข้างตั่งเตียงโดยมีปลายเท้าของนางยื่นออกไป เหลียนไช่ บัณฑิตเหลียนไช่ซุกไซร้ลำคอขาวของภรรยา เขาสูดดมและขบเม้ม ไล้มือไปทั่วกายนุ่มของนางอย่างหลงใหล มิไหวแล้ว... เขามิอาจทนความน่ารักของชุนเสี่ยวป๋ายได้อีกแล้ว.... “ข้าพลาดแล้วจริงๆ ที่สัญญาว่าจะอ่อนโยนกับเจ้า” จิ่งซานหวง “มิใช่ว่าหม่อมฉันต้องปรนนิบัติพระองค์เหมือนสามีภรรยาหรอกหรือเพคะองค์จักรพรรดิ” “ก็มิใช่ว่าข้าให้เจ้าปรนนิบัติอยู่หรอกหรือ” เขาว่าพลางหลับตาลงไม่อยากมองหน้าสนมโจว นางจึงต้องจำใจอ่านตำราให้เขาฟังอย่างเสียมิได้ คิดมิถึงว่าจักรพรรดิน้อยจะหาทางหลบเลี่ยงการร่วมเตียงกับนางจนได้ ล่วงรู้ไปถึงไหนอับอายไปถึงนั่น ท่ามกลางความซ่านเสียวอู่ซุนต้าเอ่อร์ก็อดถอนใจให้กับตนเองมิได้ คราแรกคิดว่าคืนนี้นางจะได้นอนสบายมิต้องโดนเขาเคี่ยวกรำอยู่แล้วแท้ ๆ แล้วเหตุใดนางจึงยังถูกเขาจับกินได้อีกเล่า!!
กู้เฟยหลง หัวหน้าหน่วยอวี้หลิน ขุนนางผู้ซึ่งทำงานขึ้นตรงต่อองค์ฮ่องเต้ เสียชีวิตจากการตามสืบราชการลับ ทั้งที่ได้ให้สัญญาไว้กับฮูหยินของตนเองว่าจะรีบกลับมาฉลองเทศกาลหยวนเซียวด้วยกัน หยางลี่อิน หญิงสาวที่เข้มแข็ง มีความรู้ทางด้านการแพทย์ ต้องสูญเสียสามีไปอย่างไม่มีวันหวนกลับ แต่ด้วยความสามารถพิเศษ ทำให้นางรู้ว่าสามีของนางยังไม่จากไปไหน แต่จะทำเช่นไร เมื่อสามีกลับจำนางไม่ได้ เพราะรักจึงท้าทายสวรรค์ ฝืนหวนกลับคืนมายังโลกเบื้องหลัง แต่สวรรค์ใช่ว่าใครก็สามารถท้าทายได้ ราคาที่ต้องจ่าย มักแพงกว่าเสมอ…
อานนท์ ชายหนุ่มโสดอายุ 25 ปี หน้าตาดาษดื่น เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้าอุ่นไอรัก อาชีพหลักคือการขายอาหารตามสั่งในฟู๊ดเซนเตอร์ห้างดัง อาชีพรองเป็นผู้ช่วยนักเขียนนิยาย รับจ้างหาข้อมูลต่าง ๆ ส่งให้กับนักเขียน งานไหนได้เงิน อานนท์ทำทั้งหมด ในวันหยุดยาว กลางวันนอกจากต้องไปยืนทำอาหารตามสั่ง กลางคืนยังต้องมานั่งหาข้อมูลส่งให้ผู้ว่าจ้างงานด่วนอีก ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ วิญญาณจึงบ๊ายบายจากโลกเก่า ไปเกิดใหม่ในร่างของจางอี้หมิง บุตรชายตัวน้อยอายุ 5 ขวบของบัณฑิตจาง ที่ถูกบ้านหลักมอบหนังสือแยกบ้าน พร้อมขับไล่ครอบครัวให้มาอยู่บ้านนอก อุตส่าห์ได้กลับมาเกิดใหม่ทั้งทีในครอบครัวที่อบอุ่น มีพ่อ แม่ และย่าตามที่อานนท์เคยฝันไว้ แต่ทำไมถึงแถมความยากจนมาให้เขาด้วย ชาติก่อนก็สู้ชีวิตจนตาย มาชาตินี้ชีวิตสู้กลับยิ่งกว่านิยายที่เขาเคยอ่านเสียอีก นี่สินะ!!! ของฟรีไม่มีในโลก มันต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ
อานนท์ ชายหนุ่มโสดอายุ 25 ปี หน้าตาดาษดื่น เติบโตมาจากบ้านเด็กกำพร้าอุ่นไอรัก อาชีพหลักคือการขายอาหารตามสั่งในฟู๊ดเซนเตอร์ห้างดัง อาชีพรองเป็นผู้ช่วยนักเขียนนิยาย รับจ้างหาข้อมูลต่าง ๆ ส่งให้กับนักเขียน งานไหนได้เงิน อานนท์ทำทั้งหมด ในวันหยุดยาว กลางวันนอกจากต้องไปยืนทำอาหารตามสั่ง กลางคืนยังต้องมานั่งหาข้อมูลส่งให้ผู้ว่าจ้างงานด่วนอีก ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ วิญญาณจึงบ๊ายบายจากโลกเก่า ไปเกิดใหม่ในร่างของจางอี้หมิง บุตรชายตัวน้อยอายุ 5 ขวบของบัณฑิตจาง ที่ถูกบ้านหลักมอบหนังสือแยกบ้าน พร้อมขับไล่ครอบครัวให้มาอยู่บ้านนอก อุตส่าห์ได้กลับมาเกิดใหม่ทั้งทีในครอบครัวที่อบอุ่น มีพ่อ แม่ และย่าตามที่อานนท์เคยฝันไว้ แต่ทำไมถึงแถมความยากจนมาให้เขาด้วย ชาติก่อนก็สู้ชีวิตจนตาย มาชาตินี้ชีวิตสู้กลับยิ่งกว่านิยายที่เขาเคยอ่านเสียอีก นี่สินะ!!! ของฟรีไม่มีในโลก มันต้องมีสิ่งแลกเปลี่ยนกันอย่างสมน้ำสมเนื้อ
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"