ดาวน์โหลดแอป ฮิต
หน้าแรก / โรแมนติก / สามีข้าช่างน่าแกล้ง เล่ม 1
สามีข้าช่างน่าแกล้ง เล่ม 1

สามีข้าช่างน่าแกล้ง เล่ม 1

5.0
40 บท
4.4K ชม
อ่านเลย

เกี่ยวกับ

สารบัญ

สูงศักดิ์ดั่งจักรพรรดิ หรือสามัญชนเช่นบัณฑิต ล้วนถูกพิชิตด้วยภรรยาตัวน้อย สามีจวนอื่นข้านั้นไม่รู้ แต่สองอาหลานราชวงศ์จิ่งล้วนถูกภรรยากลั่นแกล้ง ชุนเสี่ยวป๋าย จะให้ทำอย่างไรได้เล่า บัณฑิตเฒ่าผู้นั้นมิเคยมีท่าทีพึงใจในสตรีนางใด หากชุนเสี่ยวป้ายเฝ้ารอให้เขาเข้ามาทำความรู้จักนางเองแล้วนั้นคงไม่มีวันได้ครองรักกันแน่ ดังนั้นนางจึงต้องบอกกล่าวด้วยตัวเองเสียเลย บัณฑิตเฒ่าผู้แสนหล่อเหลาเจ้าคะ ข้าจะไปเกี้ยวท่านเอง... อู่ซุนต้าเอ้อร์ นางถูกเขาจับพลิกแพลงตะแคงคว่ำอยู่นาน เขาก็ยังมิยอมสงบ พายุรักโหมกระหน่ำดูดแรงกายของอู่ซุนต้าเอ่อร์จนแทบหมดสิ้น ทนแทบมิไหว พลั่ก!! โครม!! รู้ตัวอีกทีทั้งห้องก็เงียบสงัดไร้เสียงหอบกระเส่าและครวญครางเหมือนเมื่อครู่ ร่างเปลือยเปล่าล่อนจ้อนของจักรพรรดิน้อยลงไปกองอยู่ข้างตั่งเตียงโดยมีปลายเท้าของนางยื่นออกไป เหลียนไช่ บัณฑิตเหลียนไช่ซุกไซร้ลำคอขาวของภรรยา เขาสูดดมและขบเม้ม ไล้มือไปทั่วกายนุ่มของนางอย่างหลงใหล มิไหวแล้ว... เขามิอาจทนความน่ารักของชุนเสี่ยวป๋ายได้อีกแล้ว.... “ข้าพลาดแล้วจริงๆ ที่สัญญาว่าจะอ่อนโยนกับเจ้า” จิ่งซานหวง “มิใช่ว่าหม่อมฉันต้องปรนนิบัติพระองค์เหมือนสามีภรรยาหรอกหรือเพคะองค์จักรพรรดิ” “ก็มิใช่ว่าข้าให้เจ้าปรนนิบัติอยู่หรอกหรือ” เขาว่าพลางหลับตาลงไม่อยากมองหน้าสนมโจว นางจึงต้องจำใจอ่านตำราให้เขาฟังอย่างเสียมิได้ คิดมิถึงว่าจักรพรรดิน้อยจะหาทางหลบเลี่ยงการร่วมเตียงกับนางจนได้ ล่วงรู้ไปถึงไหนอับอายไปถึงนั่น ท่ามกลางความซ่านเสียวอู่ซุนต้าเอ่อร์ก็อดถอนใจให้กับตนเองมิได้ คราแรกคิดว่าคืนนี้นางจะได้นอนสบายมิต้องโดนเขาเคี่ยวกรำอยู่แล้วแท้ ๆ แล้วเหตุใดนางจึงยังถูกเขาจับกินได้อีกเล่า!!

บทที่ 1 ข้าจะเกี้ยวท่านเอง

แสงแดดยามบ่ายลอดผ่านเหล่ามวลใบไม้ลงมาจนเห็นเป็นเส้น ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ ชุนเสี่ยวป๋าย แอบชะเง้อมองผ่านหน้าต่างบานเล็ก นางแย้มรอยยิ้มออกมาเมื่อเห็นเขาผู้นั้นกำลังตวัดปลายพู่กันแต่งแต้มเป็นตัวอักษร เสียงเด็ก ๆ ท่องตำราดังออกมาจากข้างใน ทว่าเป้าหมายของนางหาใช่เด็กเหล่านั้นไม่ กลับเป็นบัณฑิตเฒ่าผู้เป็นอาจารย์ต่างหากเล่า

“พวกเจ้าคิดเห็นอย่างไรกับคำกล่าวนั้น” เขาเงยหน้าขึ้นจากหนังสือกระดาษและเอ่ยถามเมื่อเห็นเหล่าศิษย์ตัวน้อยทั้งหลายอ่านบทกวีจนจบ

ชุนเสี่ยวป๋ายตาหยาดเยิ้ม นางเคลิบเคลิ้มราวกับต้องมนต์สะกด ดวงตาน้อยสั่นไหววูบเมื่อได้ยินคำสอนจากปากท่านอาจารย์ผู้นั้น ในตอนนี้คล้ายว่านางจะตั้งใจฟังมากกว่าเหล่าศิษย์ตัวน้อยในห้องเรียนเสียอีก

“ถ้าเช่นนั้นจงเริ่มอ่านบทต่อไป แล้ววิจารณ์อย่างละเอียดตามความคิดของพวกเจ้าให้อาจารย์ฟังทีละคน”

น้ำเสียงของเขาช่างนุ่มละมุน ใบหน้าช่างหล่อเหลาจนนางไม่อาจมองข้ามได้ตั้งแต่ครั้งแรกที่เหลียวมอง หนวดเคราสะอาดสะอ้านไม่รกรุงรังเหมือนบัณฑิตท่านอื่น ผมยาวถูกรวบไว้ด้านหลังดูงดงาม ผิวของเขาเนียนละเอียดเสียยิ่งกว่านางที่เป็นสตรี เขากลับดูโดดเด่นเหนือผู้คนที่รายรอบนัก แม้ว่าจะสวมชุดมอซออยู่เสมอหากทว่าแลดูสะอาดสะอ้าน

ถึงแม้ว่านางจะแอบเรียกเขาว่าบัณฑิตเฒ่าเพราะอายุของเขาห่างจากนางถึงสิบเจ็ดปีก็ตามที ทว่าเขากลับเป็นบัณฑิตเฒ่าที่หล่อเหลาที่สุดเท่าที่นางเคยพบเจอมาทั้งชีวิต

“คุณหนู แอบมองบัณฑิตผู้นั้นอีกแล้วหรือเจ้าคะ”

ฮุ่ยหลิน สาวใช้คนสนิทของเสี่ยวป๋ายเดินมาด้านหลังและโพล่งขึ้นมาจนนางสะดุ้งเฮือก หัวใจของคุณหนูตระกูลชุนเกือบหลุดออกมาด้านนอกเมื่อเข้าใจผิดคิดว่าเป็นเสียงของมารดาตน

“โธ่พี่หลินหลิน ข้าตกใจหมด นึกว่าท่านแม่มาเห็นเข้าเสียแล้ว” ชุนเสี่ยวป๋ายโวยวายเสียงเบา

นางรู้ตัวดีว่าตนเองทำไม่ถูกนักหรอก ไม่มีสตรีเรือนใดจะมาสอดส่องบุรุษอย่างเช่นที่นางทำ ยิ่งเป็นในอาณาเขตของตระกูลด้วยแล้ว หากมีผู้คนรู้เห็นคงงามหน้ารับคำครหากันไปหลายสิบปี

“ถ้าเช่นนั้นคุณหนูก็กลับเข้าเรือนดีหรือไม่เจ้าคะ” ฮุ่ยหลินเอ่ย

“หากนายหญิงกลับมา คุณหนูอาจจะโดนทำโทษเอาได้นะเจ้าคะ”

“ท่านแม่คงไม่มีเรี่ยวแรงจะเอ่ยบ่นข้าได้หลายชั่วยามกระมัง” เสี่ยวป๋ายไม่สนใจ

“เกรงว่าจะไม่ใช่แค่คำตักเตือนนะเจ้าคะ” ฮุ่ยหลินว่าตามจริง “ข้าเกรงว่าจะเป็นไม้หวายมากกว่าเจ้าค่ะ”

สตรีผู้ทำผิดถึงกับกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อนึกถึงสีหน้าถมึงทึงของมารดายามถือไม้เรียวที่ทั้งยาวทั้งหนารออยู่ในบ้าน เพียงแค่หวนคิดถึงไม้หวายคู่ใจของมารดา นางก็รู้สึกหนาวขึ้นมาตรงขั้วหัวใจเสียไม่ได้

ชุนเสี่ยวหง มารดาของนางนั้นขึ้นชื่อเรื่องความเข้มงวดกว่าใคร คนในสำนักต่างรู้ดีและไม่มีใครกล้าฝืนกฎที่นางตั้งไว้ จะมีก็แต่เสี่ยวป๋ายผู้เป็นลูกนี่แหละลักลอบกระทำผิดกฎอยู่บ่อยครั้ง แม้จะโดนทำโทษจนท่านตาท่านยายพากันส่ายหน้าระอาแต่นางก็หาได้หลาบจำไม่

“พี่หลินหลินก็อย่าเอ็ดไป ท่านแม่ไม่อยู่ ถ้าพี่ไม่พูดและข้าไม่พูดท่านแม่คงไม่รู้หรอก” เสี่ยวป๋ายเอ่ย

ในตอนนี้ท่านแม่ของนางไม่อยู่เรือน ดังนั้นจึงไม่มีทางรู้ได้หากไม่มีใครพูด

“แต่ถ้านายหญิงรู้ขึ้นมา ข้าโดนหนักเลยนะเจ้าคะ” ฮุ่ยหลินครวญ แม้แต่นางเองก็กลัวเช่นกัน

“เช่นนั้นพี่หลินหลินจึงต้องช่วยข้าปกปิดเรื่องนี้อย่างไรเล่า”

ทั้งสองมัวแต่สนทนากันไปมาไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้าง เมื่อหันมาอีกทีห้องเรียนที่เคยหนาแน่นไปด้วยศิษย์ตัวเล็กทั้งหลายก็ว่างเปล่าเสียแล้ว เด็กน้อยทยอยเดินกลับบ้าน ส่วนเป้าหมายอย่างบัณฑิตเฒ่านั้นก็หายตัวไปด้วย เด็กสาวจึงได้แต่ถอนหายใจก่อนจะนึกบางอย่างขึ้นมาได้

“พี่หลินกลับเข้าไปในเรือนก่อนข้าเถอะ” เสี่ยวป๋ายเอ่ยโน้มน้าว “ข้างนอกนี่ร้อนนัก ข้าเกรงว่าพี่จะเป็นลมไปเสียก่อน”

“คุณหนูต่างหากเล่าเจ้าคะที่ควรรีบกลับเข้าเรือน” ฮุ่ยหลินไม่ยินยอม “ข้าไม่เป็นลมหรอกเจ้าค่ะ เกรงว่าจะเป็นคุณหนูต่างหากที่หมดสติก่อนข้า”

“ข้าแข็งแรงถึงเพียงนี้ ไม่เป็นลมง่าย ๆ หรอก”

“เช่นนั้นข้าก็จะอยู่กับคุณหนูเจ้าค่ะ”

“ข้าอยากกินขนมดอกกุ้ยฮวา” เมื่ออุบายเดิมไม่ได้ผล เสี่ยวป๋ายจึงเริ่มอุบายต่อไป “พี่หลินหลินช่วยไปเตรียมไว้ให้ข้าได้หรือไม่”

“ข้า...”

“ถ้าพี่หลินไม่ไปเตรียมไว้ให้ข้าเสียตั้งแต่ตอนนี้ กว่าข้าจะได้กินคงใกล้ยามเย็นแล้ว”

“แต่...”

“พี่หลินจะขัดคำสั่งข้าหรือ ท่านตาคงไม่พอใจแน่หากพี่ไม่เตรียมขนมไว้ให้หลานรัก”

“เจ้าค่ะ” ฮุ่ยหลินรับคำ แม้จะไม่ค่อยเต็มใจนักแต่ก็ไม่อาจขัดคำสั่งผู้เป็นนายได้อยู่ดี

คุณหนูมากลอุบายนี้ บ่าวอย่างนางจะบ่ายเบี่ยงอย่างไรได้เล่า

เมื่อสาวใช้คนสนิทยอมทำตามแต่โดยดี ชุนเสี่ยวป๋ายก็ยกยิ้มร่าขึ้นในใจ ฮุ่ยหลินเป็นคนเดียวที่รับรู้มาตลอดว่านางแอบมามองเขาทุกเช้าบ่าย ด้วยเพราะตามติดนางมาตั้งแต่เด็กและยังรู้ใจกันเป็นที่สุด แม้จะอยากห้ามปรามกันเพียงใดแต่เสี่ยวป๋ายก็ยังยืนกรานว่านางชื่นชอบบุรุษท่านผู้นั้นเหลือเกิน

จะให้ทำอย่างไรได้เล่า บัณฑิตเฒ่าผู้นั้นไม่เคยมีท่าทีพึงใจในสตรีนางใด หากชุนเสี่ยวป๋ายเฝ้ารอให้เขาเข้ามาทำความรู้จักนางเองแล้วนั้นคงไม่มีวันได้ครองรักกันแน่ ดังนั้นนางจึงต้องบอกกล่าวด้วยตัวเองเสียเลย

บัณฑิตเฒ่าผู้แสนหล่อเหลาเจ้าคะ ข้าจะไปเกี้ยวท่านเอง...

ชุนเสี่ยวป๋ายรอจนกระทั่งสาวใช้คนสนิทของนางเดินจากไปแล้วจึงลอบเดินลัดเลาะผ่านตามแนวป่าซึ่งขนานกันกับหมู่บ้าน เส้นทางนี้ใช้สัญจรไปโผล่ที่ท้ายหมู่บ้านได้โดยไม่ต้องกลัวท่านแม่จะมาเห็น

“ถึงสักที” นางเอ่ยพลางสูดอากาศเข้าปอด ท่าทางหอบเล็กน้อย

ที่นี่เงียบสงบไม่ค่อยมีใครมาอาศัยอยู่ ผู้คนโดยส่วนมากมักจะอยู่รวมตัวกันแถวย่านตลาดเสียมากกว่า จะมีก็แต่เขาผู้นั้นเท่านั้นที่มาอาศัยอยู่ท้ายหมู่บ้านเช่นนี้

“เมื่อใดเจ้าจะเลิกตามข้ามาเสียที”

เสียงทุ้มนุ่มดังออกมาจากด้านในบ้าน ทั้งที่ยังไม่เห็นตัวผู้พูดแต่นางก็รู้ดีว่าเป็นเสียงของเขา เด็กสาวค่อย ๆ เยี่ยมหน้าเข้าไปในชานบ้านซึ่งบัณฑิตเฒ่ามักจะนั่งอ่านตำราอยู่ตรงนี้แทบทุกวัน

“ท่านเห็นข้าด้วยหรือเจ้าคะ”

“หากข้าไม่เห็น แล้วข้าจะเอ่ยถามออกไปได้เช่นใดกันเล่า” เขากล่าวและถอนหายใจออกมาเบาๆ

นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เสี่ยวป๋ายถูกจับได้ว่ามาด้อมๆ มองๆ บริเวณบ้านของเขา แม้จะโดนดุโดนไล่เพียงใดนางก็ยังคงมุ่งมั่นทำอย่างที่ตั้งใจทุกครั้งไป

“แล้วเมื่อใดท่านจะยอมแต่งให้ข้าเล่าเจ้าคะ” ชุนเสี่ยวป๋ายแย้มรอยยิ้มกว้าง “หากท่านยอมแต่งกับข้า ข้าจะเลิกตามท่านทันทีเลยเจ้าค่ะ”

เหลียนไช่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ เขาฟังนางถามคำถามนี้มานับสิบครั้ง ไม่สิ...อาจนับร้อยครั้งแล้วก็เป็นได้ แม้คำตอบของเขาจะยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลงแต่ก็เหมือนว่านางจะไม่ยอมเปลี่ยนใจเช่นกัน

บัณฑิตเฒ่าผู้อยู่คนเดียวมาจวบจนสามสิบสามปีโดยไร้สตรีเคียงกายมองหน้าเด็กสาวอย่างระอา นางเพิ่งพ้นวัยปักปิ่นมาเพียงไม่ถึงขวบปี แต่กลับเกี้ยวพาบุรุษอย่างไม่รู้จักอายราวกลับว่าชาตินี้จะไม่ได้ออกเรือนแล้วกระนั้น

“คงเมื่อข้าอ่านตำราชุดนี้จบ”

“ท่านก็ว่าเช่นนี้ทุกที”

เด็กสาวทำหน้ามุ่ยเมื่อได้รับคำตอบ ใช่ว่าฟังครั้งแรกแต่ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้ง นางก็อดจะขุ่นเคืองใจไม่ได้เสียที เพราะเจ้าตำราที่เขาว่านั้นเขาเคยเล่าให้นางฟังว่ามันยาวนัก สามสิบกว่าเล่มก็ยังไม่จบ แล้วเช่นนั้นนางไม่รอจนแห้งเหี่ยวตายไปก่อนหรอกหรือ

อ่านต่อ
img ไปดูความคิดเห็นเพิ่มเติมที่แอป
ออกใหม่ล่าสุด: บทที่ 40 การละเล่น   08-16 18:26
img
ดาวน์โหลดแอป
icon APP STORE
icon GOOGLE PLAY