เพราะข้อตกลงทางธุรกิจในอดีต ก่อให้เกิดสัญญาผูกมัด ส่งผลให้วันนี้ไอเดน แบรดลี่ ไม่อาจทำอย่างที่ตัวเองต้องการได้ เขากลายเป็นผู้ชายมีพันธะ และต้องการ ‘หย่า’ กับภรรยาทางกฎหมายอย่างเร่งด่วน มินดา เพิ่งรู้ตัววันที่บัตรประชาชนหมดอายุ เธอไม่ใช่ นส. แต่เป็น นาง ลูกสาวนอกคอกที่ทิ้งครอบครัวไปตามหาความฝัน มินดาเลยกลับมาเพื่อ ‘ถาม’ แต่ความจริงที่ได้รู้ ทำให้เธอตัดสินใจใหม่ โนอาร์ เด็กชายวัยห้าปี หลานชายที่มีชื่อเธอเป็นมารดา บุตรชายของไอเดน บิดาที่ไม่ไยดีลูกชายตัวเองเลย มันเป็นความคับแค้นแทน มีนาน้องสาวต่างแม่ น้องสาวผู้อาภัพที่จำใจคลอดลูก แล้วก็เสียชีวิตทันที มินดาเดือดปุดๆ เธอตั้งใจจะไปทวงความยุติธรรมจากบิดาของหลานชาย แต่กลับกลายเป็นว่า...เธอเดินไปให้เขาเชือดถึงที่ ความจริงที่น่าตกใจ เขากลายเป็นผู้ชายมี ‘เมีย’ มี ‘ลูก’ แล้ว การที่คนสองคนตรงหน้าจงใจหลอกลวงเขา ไอเดนเลยตั้งใจตลบหลังเพื่อเอาคืน เขาจะ ‘ฉีกหน้า’ และเฉดหัวหญิงแพศยาคนนี้ กับลูกที่ไม่ใช่ลูกของเขาไปให้พ้น แต่ทว่า...หลังผลตรวจ DNA ปรากฏ ไอเดนมึนตึบ!! เด็กนั่นเป็นลูกเขา แต่แม่เด็กอาจไม่ใช่หญิงผู้นี้
ตอนที่ 1.นี่มันเรื่องอะไรกัน!!
มินดาเดินเหม่อ หลังจัดการเรื่องบัตรประชาชนหมดอายุของเธอที่กงสุลประจำกรุงโรมเสร็จ มันมีเรื่องให้เธอคิด และอยากรู้ จนความคิดในสมองตีกันวุ่นวายไปหมด ‘นาง’ เกิดอะไรขึ้นที่บ้านของเธอ ทำไมคำนำหน้าชื่อของเธอจึงเปลี่ยนไปเช่นนี้
เกือบสี่ปีที่หลังจากหันหลังให้กับครอบครัว เพราะคำประกาศิตของบิดา ‘หากก้าวออกไปจากบ้านเพลงพัด จากนี้ไปก็ให้ถือเสียว่าแกเป็นคนนอกไม่ใช่ครอบครัวของเรา’ คำพูดสุดท้ายของบิดา และนั่นทำให้มินดาเกิดความมานะ แรงทิฐิเหล่านั้นผลักดันจนมินดามาอยู่ตรงจุดนี้ เธอทำงานอยู่ในแกลลอลี่ เป็นศิลปินโนเนมทำงานอยู่ในแกลลอรี่เล็กๆ แห่งหนึ่งที่ฟลอเรนซ์ ดินแดนที่เต็มไปด้วยอารยธรรมและศิลปะ
มินดาชอบศิลปะเป็นชีวิตจิตใจ เธอวาดรูปได้สวย มีฝีมือเรื่องนี้พอตัว แต่...ทางบ้านไม่เห็นด้วย บิดาค้านหัวชนฝาทันทีที่เธอบอกถึงความต้องการของตัวเอง
ไม่มีสมาชิกในบ้านยอมรับความสามารถของมินดา
เอาเถอะ เมื่อทุกคนคิดว่าตัวเองคิดถูก มินดาเลยตั้งใจจะพิสูจน์ให้เห็นด้วยตาตัวเอง ‘ศิลปะ’ สร้างรายได้เลี้ยงตัวเองได้ และไม่ทำให้ใครตกต่ำด้วย
วันที่เธอตัดสินใจออกไปเผชิญโชค ทั้งที่ด้านหลังมีแต่เสียงสาปส่ง มินดาจำได้ไม่ลืม
เธอไม่ได้โกรธบิดา มารดาเลี้ยง หรือแม้แต่น้องสาวเลย เธอแค่อยากทำให้ทุกคนรู้ เธอตัดสินใจถูก พวกเขาต่างหากที่คิดผิด
มินดาใช้ชีวิตอยู่ที่อิตาลี หลังจากพากเพียรอย่างหนัก เธอเก็บหอมรอมริบเป็นปีๆ กว่าจะซื้อตั๋วเครื่องบินได้ กว่าวีซ่าจะผ่าน มินดาต้องใช้ความอดทนอย่างมาก แต่เมื่อมาถึง ‘ฟลอเรนซ์’ มันเกินกว่าที่เธอคาดการณ์ไว้ มินดาทำงานพาร์ทไทม์เพื่อเก็บเป็นรายจ่าย เธอยอมนอนห้องใต้ดินเกือบหกเดือน พอมีเงินเก็บมากหน่อย เลยค่อยๆ ขยับขยาย
วันว่างในวันที่มินดาไม่มีงานพาร์ทไทม์ทำ เธอมักจะไปนั่งที่ริมแม่น้ำอาร์โน ฟลอเรนซ์เป็นเมืองไม่ใหญ่นัก มีประชากรไม่เยอะเหมือนเมืองใหญ่ๆ อย่างโรม หรือมิลาน จุดเด่นของฟลอเรนซ์คือทิวทัศน์ของ แม่น้ำอาร์โน (Arno) ที่ไหลผ่านตึกอาคารทรงโบราณโทนสีอบอุ่นและทิวเขาที่สวยงาม โดยมี สะพานเวคคิโอ (Ponte Vecchio) สะพานเก่าแก่ตั้งแต่ศตวรรษที่ 14 เชื่อมระหว่างสองฝั่งของเมืองเข้าด้วยกัน
เธอวาดรูปจากจุดนี้ได้รูปสวยๆ หลายรูป ขณะวาดรูปอยู่ตรงจุดนั้น มีศิลปินตาดียืนชื่นชมเธออยู่ทางด้านหลัง และเมื่อเธอวาดรูปเสร็จ เขาก็เสนอตัวว่าต้องการรูปวาดฝีมือเธอ นั่นเป็นครั้งแรกที่มินดาขายรูปวาดฝีมือตัวเองได้ เขาให้ราคาที่มินดาเองก็ไม่อยากเชื่อ ศิลปินโนเนม อย่างเธอจะขายรูปวาดสีน้ำด้วยราคาที่สูงเกินคาด ‘1000ยูโร’
นั่นเป็นค่าแรงจากการขายภาพวาดฝีมือตัวเอง
จากนั้นศิลปินคนเดิมก็ชวนมินดาไปทำงานที่แกลลอรี่ของเขา
“คริสเตียนคะ ฉันต้องกลับประเทศของฉันแล้วค่ะ”
คริสเตียนขมวดคิ้ว เขาลดแว่นตาลงจ้องหน้าลูกศิษย์สาวจากต่างแดน ที่มีใจรักในศิลปะเหมือนเขา
“ทำไม?”
มินดาจิปาก เธอยื่นบัตรประชาชนของตัวเองให้คริสเตียนดู หนุ่มใหญ่รับมาถือไว้แต่ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี
“คำนำหน้าชื่อฉันเป็น Mrs. ไม่ใช่ Miss. ค่ะ”
คริสเตียนย่นหน้าผาก “เธอแต่งงานแล้วเหรอมินนี่?”
มินดายิ้มจางๆ สีหน้าพิกล “ฉันจะเอาเวลาตอนไหนไปหาสามีคะคริสเตียนคุณก็เห็น ฉันทำงานแทบไม่มีเวลานอน แบบนี้ผู้ชายที่ไหนจะมาสนใจฉัน”
“แล้วทำไมถึงเป็นแบบนี้”
มินดาไหวไหล่ “ไม่รู้สิคะ คนที่นั่นทำอะไรกับคำนำหน้าชื่อฉัน พวกเขาต้องการอะไรจากฉันกันแน่”
“คนที่นั่น?”
“ครอบครัวฉันเองค่ะ ไม่พ่อก็แม่เลี้ยง คงมีใครสักคนเล่นตุกติกกับฉันอยู่”
“พวกท่านอาจต้องการให้คุณกลับ” คริสเตียนเดา
“คงแบบนั้นแหละคะ แต่ไม่เห็นต้องเล่นแรงแบบนี้เลยนี่คะ แล้วแบบนี้จะมีผู้ชายคนไหนเชื่อละคะว่าฉันโสด” มินดาบ่นอุบอิบ
คริสเตียนอมยิ้ม “ไหนบอกไม่มีเวลามองผู้ชาย”
“แหม ฉันยังสาวนะคะ มันต้องมีบ้าง”
“ผู้ชายที่นี่ไม่น่าใช่สเปกผู้ชายที่คุณชอบก็ได้ คุณอยู่มากี่ปีแล้วนะ ไม่เห็นมีแฟนสักที” คริสเตียนท้วง
ยี่หวาไม่เคยคิดว่าปลายทางชีวิตของเธอจะจบลงแบบนี้ ก่อนที่เธอจะทิ้งอนาคตที่เหลือไปอย่างไร้ค่า เนื่องจากสุดที่จะทนกับความชอกช้ำที่ได้รับมาจากสามีคนเดียว เธอตัดสินใจฝากดวงใจของตัวเองไว้กับน้องสาวฝาแฝด น้องสาวที่ไม่มีคนรอบตัวรู้จัก มันคือความลับที่เธอปิดบังพวกเขาไว้ สมัยเด็กๆ พ่อกับแม่แยกทางกัน ทั้งสองท่านเลยแบ่งลูกไปเลี้ยงดูคนละคน ยี่หวาอยู่กับแม่ ส่วนญาดาไปอยู่กับบิดา สองสาวที่เหมือนกันทุกกระบิ แตกต่างที่นิสัย คนหนึ่งเรียบร้อย พูดน้อย น่ารัก ส่วนอีกคนตรงข้ามทุกอย่าง แกร่ง และกล้าท้าชน… และเพราะแค้นใจแทนพี่สาว ญาดาเลยรับปากก่อนยี่หวาสิ้นลม เธอจะเอาคืนทั้งสองคนนั้นให้สาสม ไม่ว่าจะเป็นปกป้องสามีสุดที่รักของยี่หวา หรือแม้แต่...ฉันทา ว่าที่ภรรยาคนใหม่แสนผยองคนนั้น สองคนนี้ต้องหาความสุขไม่ได้ เธอจะรังควานพวกเขา ให้เหมือนตกนรกทั้งเป็น...การจองเวรคืองานที่เธอควรทำ…ถ้าเป็นดั่งที่ตั้งใจไว้ ญาดาคงไม่กลุ้มใจหนัก ‘ความรัก’ บทจะมาก็มาประชิด เธออยากแก้แค้น แต่ดันไปหลงรัก ผู้ชายเลวคนนั้นเสียอีก หลังจากเฉดหัวฉันทา คงต้องหาทางมัดใจปกป้อง อย่างน้อยก็ทำเพื่อหลาน ถ้าเธอตกนรก เธอจะลากปกป้องตามไปด้วย...
คงไม่มีความซวยไหนเลวร้ายเท่ากับการถูกตราหน้าว่าเป็น ‘เด็กดริ้ง’ ความตั้งใจของณิรินคือไปจับผิดว่าที่พี่เขย แต่กลับกลายเป็นว่าเธอถูกเข้าใจผิดเสียเอง แถมผู้ชายคนนั้นดันเป็นคนสำคัญที่เธอต้องคอยดูแลระหว่างที่เขามาเจรจา เพื่อเป็นคู่ค้ากับบริษัทของลุงกับป้า หน้าที่นั้นเลยถูกโยนมาให้ณิรินรับผิดชอบ ผู้ชายปากร้ายเอาแต่ใจตัวเอง ค่อนข้างงี่เง่าคนนั้น เขาคิดว่าเธอมีอาชีพเสริม และพยายามเกาะแกะจนณิรินโมโห บางครั้งณิรินก็อดคิดไม่ได้ มันเป็นเพราะช่วงเบญจเพศของเธอหรือเปล่า เรื่องซวยๆ เลยเกิดขึ้นกับเธอไม่หยุดหย่อน
เสียงของเขาดังก้องอยู่ในหู ฉันไม่สามารถสลัดเสียงแหบๆ ของเขาออกไปจากความทรงจำได้เลย นี่เกิดอะไรขึ้นกับฉันนะ สิ่งที่ฉันคิดอยู่นี่คือ...ความผิด แม้จะเป็นแค่ความคิด แต่มันเป็นก้าวแรกที่ฉันตั้งใจทำผิดศีลธรรม กับผู้ชายที่มีภรรยาแล้ว!! ฉันกำลังเป็นคนเลว และอีกไม่ช้า ฉันคงโดนคนทั้งโลกประณามหากฉันไม่หยุดความคิดทุเรศๆ นั่นเสียตั้งแต่ตอนนี้ จะทำยังไงดีล่ะ? ฉันคิดอะไรไม่ออกเลย มีเพียงเสียงแหบๆ ของคน คนนั้นดังก้องอยู่ในหูเท่านั้น “สามีของเธอเดินทางไปทำธุรกิจ” “เธอบอกว่าสามีของเธอจะไม่อยู่ประมาณหนึ่งอาทิตย์!!” “มันจะดีแค่ไหนนะ หากฉันเปลี่ยนสิ่งที่ได้ยินได้ เขาน่าจะไปซัก7ปี” ผมพยายามข่มใจให้รู้สึกเศร้าตาม แต่หัวใจของผมกลับเต้นระรัวเกินกว่าจะควบคุมได้ “คุณอยู่ที่ไหน?
รัชศกปีที่สิบ มันเป็นช่วงเวลาแสนสุขที่ลืมไม่ลง แม้เวลาจะผ่านมาเนิ่นนาน ครั้งหนึ่ง ข้าเคยเป็น ‘สาวงาม’ ที่ผู้คนทั้งเมืองหลงใหล เมืองหลวงกว้างใหญ่ใต้แผ่นฟ้าเดียว ข้าผู้มาก่อนกาล เดิมทีข้าคิดว่าเป็นแค่ความฝันหนึ่งตื่น แต่ที่ไหนได้ ทุกเหตุการณ์ที่ข้าพบเจอ คือเรื่องราวที่เกิดขึ้นจริง ความสุขที่ท่วมท้นอยู่ในใจ เป็นความทรงจำเดียวที่ทำให้ข้าอยากมีชีวิตอยู่ต่อ เพื่อ...รอ...ใครบางคน
เมื่อสามีตะโกนใส่หน้า “ผมต้องการหย่ากับเธอ!! คนที่ผมรักเขากลับมาหาผมแล้ว” เมษาเซ็นจำใจชื่อบนใบหย่าพร้อมทั้งน้ำตาที่ไหลพรู เธอตัดสินใจเก็บงำความลับไว้กับตัว พร้อมกับจากไปโดยไม่ปริปากบอกคีรินเลยสักคำ ผ่านไป 5 ปี เด็กชายคนหนึ่งมาตามหาพ่อ... “ผมจะไปหาพ่อผม ปล่อยผมนะ!!” เสียงแผดก้องบริเวณหน้า ล็อบบี้ แม้แต่คีรินเองยังอดสนใจไม่ได้ เด็กชายคนหนึ่งถูก รปภ. รั้งตัวไว้ เขาดิ้นกระแด๋วๆ ตะโกนลั่น ผิวทั้งหน้าแดงก่ำ มีเม็ดเหงื่อผุดเต็มไปหน้า และเมื่อเด็กชายวิ่งตรงมาหาเขา “พ่อคร๊าฟฟฟฟฟ” คิรินเข่าอ่อน สัญชาตญาณบางอย่างเตือน เด็กชายตรงหน้าเขานี่ เป็นเลือดเนื้อส่วนหนึ่งของเขาร้อยเปอร์เซ็นต์
เป็นข้อเสนอที่น่าสนใจไม่หยอก หากสามารถปราบพยศผู้ชายเจ้าอารมณ์ได้ ดานันจะเป็นอิสระจากข้อผูกมัดของบิดา ทว่า...ในความโชคร้าย มีความโชคดีแอบแฝงอยู่ ว่าที่สามีของเธอ เป็นบุตรชายผู้มั่งคั่งของตระกูลใหญ่ แต่เขาเพิ่งสูญเสียดวงตาไปจากอุบัติเหตุ ดานันต้องรองรับความเกรี้ยวกราดเช่นนี้ จนกว่าจะเปลี่ยนความคิดของเขาได้ ครามไม่ได้พิกลพิการมาตั้งแต่กำเนิด เขามีหนทางรักษาได้ ขึ้นอยู่กับว่า...ดานันจะโน้มน้าวว่าที่สามีของเธอได้หรือเปล่า
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี