คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
• ACTION •
วันนี้เป็นวันแรกที่ยูมิไปเรียนในฐานะนักศึกษาไม่ใช่นักเรียนเหมือนเมื่อก่อน เด็กน้อยคนนั้นเวลานี้ก็ยังคงเป็นเด็กน้อยเหมือนเดิม แม้จะโตเป็นสาวและเข้ามหาลัยแล้วแต่เธอก็ยังมีนิสัยเหมือนเด็กๆ ไม่เปลี่ยน
ปึง!
เมื่อสาวร่างเล็กเปิดประตูขึ้นมานั่งบนรถได้ ก็เอาแต่พูดเรื่องตื่นเต้นที่เจอในวันนี้ให้แฟนสาวสุดเท่ห์ของเธอฟัง สีหน้าและท่าทางตื่นเต้นของยูมิมันทำให้นิเฌอเอ็นดูและหลงรักเด็กน้อยคนนี้ทุกครั้ง
“อาจารย์คนนั้นน่ากลัวมากเลย ยูมิพูดจริงๆ นะ...”
“ค่ะ พี่เชื่อยูมิ...แล้ววันนี้มีคนมาจีบยูมิหรือเปล่า?”
“มีค่ะ แต่ยูมิบอกไปแล้วค่ะว่ายูมิมีแฟนแล้ว แถมยังเอารูปให้ดูด้วยนะคะ” เธอพูดตาใส
“ว้าว แฟนใครน่ารักจัง”
“แฟนของพี่นิเฌอไงคะ^^”
ยูมิเป็นเด็กที่น่ารักขี้อ้อนและไม่พูดคำหยาบหรือคำทะลึ่งเลย นั่นยิ่งทำให้เธอมีภาพรักที่เหมือนเด็กบริสุทธิ์ใสซื่อ ทว่าบุคลิกของเธอไม่ได้เข้าตาทุกคนที่เห็น เพราะมีเพื่อนร่วมห้องหลายคนที่ไม่ชอบเธอเพราะความแบ๊วนี้ ทำให้เธอไม่ค่อยมีเพื่อน หรืออาจจะเรียกว่าไม่มีเลย
“แล้วที่ทำงานของพี่นิเฌอเป็นไงบ้างคะ ไม่มีสาวสวยๆ มายุ่งวุ่นวายใช่ไหม?”
“สาวสวยๆ เหรอ? ไม่มีนะ...ถ้าสวยกว่ายูมิก็ไม่มีแล้ว” นิเฌอพูดเอาใจแฟนเด็กเพราะรู้ว่าเธอจะชอบใจเมื่อได้ยินอะไรแบบนี้
“พูดจริงหรือเปล่าคะ เห็นเขาบอกว่าคนแก่ชอบโกหก...”
“แก่เหรอ?” นิเฌอเจ็บปวดทุกครั้งเมื่อได้ยินแฟนเด็กของเธอพูดว่าแก่ด้วยอายุที่ห่างกันถึงเก้าปี “เจ็บจัง...”
“ถึงแก่ยูมิก็รักค่ะ^^” ฟอด~
แก้มคนแก่ที่ว่าถูกแฟนเด็กของเธอหอมฟัดฟอดใหญ่หลายครั้งจนเธอหายน้อยใจ ก่อนที่ทั้งคู่จะขับรถออกจากหน้ามหาลัยเพื่อกลับมาที่บ้านของนิเฌอ
บ้านนิเฌอ...
ทุกครั้งที่ไปรับยูมิจากโรงเรียนนิเฌอก็จะพาแฟนเด็กของเธอแวะที่บ้านก่อนทุกครั้ง เพราะต้องการจะใช้เวลาร่วมกันกับยูมิและไปส่งเธอกลับบ้านในเวลาที่ไม่ดึกมากเพื่อไม่ให้พ่อของเธอเป็นกังวล
ทุกอย่างเป็นแบบนี้อยู่สองปีตั้งแต่ที่ทั้งคู่เริ่มคบกัน แม้ตอนนั้นเธอจะมีอายุเพียงแค่สิบห้าปีเท่านั้น แต่นิเฌอก็ไม่ได้เร่งรัดเรื่องอย่างว่าเพราะเกิดความรักต่อยูมิจริงๆ ซึ่งฝ่ายที่เริ่มกลับเป็นสาวน้อยที่มีความอยากรู้อยากลอง
และไม่เพียงแค่เธอเป็นสุดที่รักของนิเฌอ ยูมิยังเป็นที่รักของครอบครัวนิเฌออีกด้วย ทั้งพ่อและแม่ของนิเฌอต่างก็รักและเอ็นดูเธอเหมือนลูกสาวคนหนึ่ง...
“ยูมิเลิกเรียนแล้วเหรอลูก วันนี้ไปเรียนมหาลัยวันแรกเป็นไงบ้างคะ?”
“หนูเรียนไม่รู้เรื่องเลยสักอย่างค่ะคุณแม่ ไม่มีอะไรเข้าหัวเลยค่ะ ฮ่าๆ” ยูมิพูดตอบคำถามคุณแม่คนใจดีของนิเฌอ
“อย่างนั้นเหรอ ฮ่าๆ”
“งั้นวันนี้อยู่กินข้าวเย็นกับแม่ก่อนนะแล้วค่อยกลับ แม่ตั้งใจว่าจะเลี้ยงฉลองที่พี่นิเฌอได้เข้าทำงานที่ค่ายเพลง...”
“ได้ค่ะคุณแม่^^” เธอพูดตอบกลับเสียงหวานท่าทางสดใสเช่นเคย
ห้องนอนนิเฌอ...
หลังจากทานอาหารเสร็จสองสาวก็เข้ามาใช้เวลาอยู่ด้วยกันในห้อง คนตัวเล็กนอนกลิ้งไปกลิ้งมาอยู่บนที่นอนด้วยความสบายใจ และจะทำหน้าบูดทุกครั้งเมื่อรู้ว่าใกล้เวลาที่จะต้องกลับบ้าน
“อีกยี่สิบนาทีพี่จะไปส่งแล้วนะคะ”
“งือ~ ยูมิไม่อยากกลับบ้าน”
สาวขี้อ้อนถีบขางอแงอยู่บนเตียงเมื่อได้ยินแฟนของเธอพูดแบบนั้น กระโปรงพีทที่สั้นจู๋ถกขึ้นจนเห็นว่าเธอไม่ได้สวมกางเกงซับใน
“ทำไมถึงไม่ใส่ซับใน...”
เสียงแข็งดุของนิเฌอทำให้เท้าเล็กหยุดงอแง และรีบถกกระโปรงลงปิดความสาวเพราะกลัวความผิด “...ยูมิลืมค่ะ”
“ลืมเหรอ?” สาวร่างสูงหุ่นนางแบบดันตัวขึ้นหน้าพรางขมวดคิ้วทำหน้าดุใส่เจ้าของตาใส
พรึบ!
“งา~ อย่าเปิดสิคะพี่นิเฌอ มันโป๊” เธอทำเสียงงอแงขี้อ้อนเหมือนเด็ก แต่ก็ใช้ไม่ได้ผล
“มานี่เลย” เมื่อถกกระโปรงพีทขึ้นสูงจนเห็นกางเกงในตัวน้อย สาวเท่ห์ก็ก้มหน้าลงไปดูดเม้มบริเวรขาอ่อนเล็กขาวเพื่อเป็นการทำโทษ
จ๊วบ~
“พี่นิเฌอ~”
สาวเท่ห์ดูดขาขาวนั้นจนเกิดรอยแดงจ้ำเพื่อแสดงความเป็นเจ้าของ “ทีหลังห้ามลืมใส่อีกรู้ไหมคะ พี่ห่วง...”
“ค่ะ ยูมิรู้แล้ว~” คนตัวเล็กลากเสียงหวานเอียงหน้าอ้อนแฟนของเธอ
“แล้วก็ห้ามใส่กระโปรงสั้นอีกด้วยเข้าใจไหม?”
“ไม่เห็นจะสั้นเลย เพื่อนที่มหาลัยก็ใส่เท่าๆ ยูมิ” เธอพูดเถียงทันควัน
“เถียงเหรอ?” เธอใช้นิ้วโป้งและนิ้วชี้หนีบปากบนและปากล่างของเด็กชั่งพูดเข้าหากัน เมื่อเห็นว่าเธอใช้ปากนั้นพูดเถียงด้วยท่าทางไม่น่ารัก
“อือ~ ยูมิเจ็บนะ”
“เด็กชอบเถียงก็ต้องโดนแบบนี้แหละ...”
“ผู้ใหญ่ขี้แกล้ง นิสัยไม่ดี”
“ด่าผัวเดี๋ยวก็ตกนรกหรอก” นิเฌอแกล้งขึ้นเสียงดุเพื่อขู่ให้ยูมิกลัว
“แล้วพี่นิเฌอด่าเมียไม่กลัวตกนรกหรือไง”
“เดี๋ยวนี้เถียงเก่งแฮะ...”
“เชอะ!”
“ขี้งอนซะด้วย เจอง้อแบบนี้หน่อยเป็นไง^^” นิเฌอล้วงมือเข้าไปใต้กระโปรงพีทสั้นที่แฟนเด็กของเธอสวมอยู่ ก่อนจะนวดคลึงบริเวณใจกลางสาวอย่างชำนาญ
“อย่านะ~”
“อย่าดิ้นสิคะ ให้พี่ง้อก่อน”
“ง้อทำไม ยูมิไม่ได้โกรธจริงสักหน่อย”
“พี่ก็ไม่ได้จะง้อจริงค่ะ แค่หาเรื่องจะเอายูมิเฉยๆ ...” นิ้วชี้ยาวกดขยี้เม็ดเกสรรับความเสียวของคนตัวเล็กจนร่างของเธอกระตุกรับเป็นจังหวะ
“พี่นิเฌอพูดทะลึ่งอีกแล้ว...”
“ก็พี่อยากเอายูมิหนิ ให้พี่เอาหน่อยนะ” เสียงยั่วนั้นดังขึ้นข้างใบหูสวยของสาวร่างเล็ก เพื่อบิ้วท์ให้เธอมีอารมณ์ร่วม
“ห้ามพูดทะลึ่งสิคะ ถ้าพูดทะลึ่งอีกยูมิจะไม่ให้เอานะ อุ๊ย!” เธอหลุดปากพูดคำที่เธอคิดว่ามันทะลึ่งออกไปจนโดนอีกคนพูดแซว
“นั่นไง เมื่อกี้ยูมิพูดทะลึ่ง มาให้พี่เอาซะดี ๆ เลย^^”
นิเฌอพูดจบก็พลิกตัวขึ้นคร่อมร่างเล็กและเบียดเนินอูมของตัวเองขยี้เนินของคนใต้ร่าง ในตอนที่ริมฝีปากสวยของทั้งสองบดจูบกันอย่างมีอารมณ์
จ๊วบ~
“อือ~”
เมื่อล้วงมือเข้าไปเช็คความแฉะด้านในกางเกงผ้าบางตัวน้อย ก็พบว่าหน้าปากทางเข้าแฉะไม่ต่างจากในโพรงปากของสองสาวที่กำลังนัวลิ้นกันอยู่
นิเฌอดันตัวขึ้นเปิดลิ้นชักข้างเตียง เพื่อหยิบบางอย่าง บางอย่างที่เป็นตัวช่วยเพิ่มความเสียวให้กับพวกเธอทั้งสองคน ‘ดุ้นสองทาง’ ขนาดสี่สิบเก้านิ้ว เป็นขนาดที่ไม่ได้ใหญ่มากนัก เพราะช่องรักของพวกเธอสองคนมันมีความฟิตเกินไปที่จะใช้ดุ้นขนาดใหญ่กว่านี้
แจ๊ะๆ!
“อ้า~ รูแฉะขนาดนี้คงไม่ต้องใช้เควายแล้วเนอะ...”
“แล้วของพี่นิเฌอแฉะหรือยังคะ?”
“แฉะนานแล้วค่ะ...” สองสาวพูดยั่วกันไปมาก่อนจะเริ่มทำเรื่องที่พวกเธอต่างก็คลั่งไคล้และให้ความสำคัญกับมันไม่ต่างกัน
จ๊วบ~
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[-กดใจ -เพิ่มเข้าชั้น -คอมเมนท์ให้กำลังใจ และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
S2.2 ถ้าเธอไม่หยุด ฉันจะจับเธอทำเมียอีกคน ถือว่าฉันเตือนเธอแล้วนะแสนดี!...
เพราะความเข้าใจผิด ทำให้ต่างคนต่างก็แสดงท่าทีเย็นชาใส่กัน ทำให้ต่างคนต่างก็พลาดช่วงเวลาแห่งความสุขไป กว่าจะรู้ตัวว่าอีกฝ่ายมีความสำคัญในชีวิตของตนมากแค่ไหน อีกฝ่ายก็ได้จากไปตลอดกาลเสียแล้ว...
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
ความทะเยอทะยานผลักดันให้นางปีนขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาทว่ายังมิทันจะได้เสวยสุข กลับถูกฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีสวมข้อหากบฏวางลงบนศีรษะนาง เกิดใหม่คราวนี้นางไม่ขอเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้สารเลวผู้นั้น ชีวิตนี้ที่ได้มาใหม่อีกครั้ง นางจะลิขิตเอง
เขาบีบบังคับให้เธอขึ้นเตียงได้อย่างง่ายดาย แต่กลับไม่สามารถหลอกล่อให้ตนเองปล่อยเธอไปได้... คีแรน จอห์นสโตน คือผู้ชายสายดาร์ก เขามีพร้อมทั้งอำนาจและเงินตรา ความปรารถนาเดียวของผู้ชายเถื่อนคนนี้ก็คือการได้ครอบครองสาวใช้ของตนเอง เขายอมทำทุกอย่าง แลกด้วยทุกสิ่งที่ตนเองมี เพื่อให้ได้หล่อนมาอยู่ใต้ร่าง โดยไม่สนใจเลยว่าแม่สาวคนสวยที่เขาปรารถนาจะเต็มใจหรือไม่ สำหรับ พราวเนตร เขาคือผู้ชายใจดำอำมหิต เขาเหี้ยมโหด และไม่มีหัวใจ เขาแย่งชิงหล่อนมาจากชายคนรัก หักหาญน้ำใจของหล่อนอย่างป่าเถื่อน กักขังหล่อนเอาไว้ใต้เรือนร่างทรงพลังทุกค่ำคืนด้วยไฟปรารถนา หล่อนเกลียดเขาที่สุด เกลียดผู้ชายแสนเอาแต่ใจ ชอบบงการคนนี้นัก แต่ทำไมหนอหัวใจ ถึงได้หวั่นไหวไปกับจอมมารร้ายตนนี้ ทั้งที่ไม่ควรเลยสักนิด
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
ซูหลีพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจตระกูลซูมาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคำใส่ร้ายของน้องสาวเพียงคำเดียว เรื่องที่ซูหลีเป็นคุณหนูปลอมก็ถูกเปิดเผย ทำให้คู่หมั้นทิ้งเธอ เพื่อนๆ ก็ห่างเหิน และพี่ชายขับไล่เธอออกจากบ้าน บอกให้เธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนาของเธอ ในที่สุดซูหลีก็สิ้นหวังและตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซู ยึดความช่วยเหลือทุกอย่างคืนและไม่อดทนอีกต่อไป แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าชาวนาที่พี่ชายพูดถึงนั้นกลับกลายเป็นตระกูลลั่วผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศ ในคืนเดียวเธอเปลี่ยนจากคุณหนูตัวปลอมที่ถูกทุกคนรังเกียจเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่มีพี่ชายสามคนที่รักเธอ พี่ชายคนโตที่เป็นผู้บริหารใหญ่“เลิกประชุม จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ ฉันอยากดูสิว่าใครกล้าแกล้งน้องสาวฉัน” พี่ชายคนที่สองที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมระดับโลก“หยุดการวิจัย ฉันจะไปรับน้องสาวกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ” พี่ชายคนที่สามที่เป็นนักดนตรีระดับโลก “เลื่อนคอนเสิร์ต ไม่มีอะไรสำคัญเท่าน้องสาวของฉัน” จู่ๆ คนทั้งเมืองจิงก็ต้องตกใจช็อก ตระกูลซูเสียใจจนสุดขีด คู่หมั้นก็กลับมาขอคืนดี ผู้คนที่มาขอจีบเธอก็แห่กันมาถึงหน้าบ้าน ไม่ทันที่ซูหลีจะตอบสนอง ตระกูลชือซึ่งเป็นตระกูลสูงสุดในเมืองจิงและมีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเรือ ก็เสนอใบสมรสให้เธอ ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในสังคมชั้นสูง!
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY