U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
• ACTION •
คฤหาสน์มาเฟีย...
แง~ แง~
เสียงเด็กน้อยวัยสามเดือนร้องงอแงอยู่ไม่หยุด ไม่มีใครทราบสาเหตุว่าเกิดจากอะไรถึงทำให้เขาร้องไห้จนหน้าแดงเช่นนี้ และสิ่งที่ไม่รู้เหตุผลนี้ก็ยิ่งทำคนเป็นย่าใจจะขาด
“โอ๋ๆ ~ ไม่ร้องนะคะคนเก่งของย่า ...หยุดร้องเถอะลูก ย่าใจจะขาดอยู่แล้ว”
คุณหญิง ‘ภาดา’ นายหญิงใหญ่ของบ้านอุ้มหลานชายขึ้นมาปลอบขวัญให้เสียงร้องงอแงนั้นหยุดลง และใกล้ๆ กันนั้นก็มี ‘ศิธา’ ลูกชายเพียงคนเดียวของเธอยืนมองดูการกระทำของผู้เป็นแม่อยู่ ซึ่งเขาก็เป็นพ่อของ ‘ศรันย์’ หนุ่มน้อยวัยสามเดือนนี้ พ่อที่เพิ่งรู้ก่อนหน้าสามเดือนว่าตนมีลูกน้อย
“แม่ครับ ผมไปทำงานก่อนนะ” เสียงเข้มของคนนิ่งขรึมพูดบอกกับแม่ของตน แต่ยังไม่ทันจะเดินออกจากบ้าน ผู้เป็นแม่ก็อุ้มเด็กน้อยเดินเข้ามาขวางหน้าเขาไว้ก่อน
“เดี๋ยวตาศิธา ช่วยแม่ปลอบตาหนูหน่อยสิ ร้องงอแงตั้งแต่เช้าแล้วยังไม่หยุดเลย” เธอพูดบอกลูกชายสีหน้าเป็นกังวลเพราะเป็นห่วงหลานชาย และการที่เด็กน้อยร้องอย่างไม่มีสาเหตุแบบนี้ก็ทำให้เธอจิตตกตามไปด้วย
“จะให้ผมปลอบเด็กเหรอครับ ผมเนี่ยนะ?”
“ใช่ แกเป็นพ่อตาศรันย์นะ โอ๋ลูกหน่อยสิ” พูดจบเธอก็พยายามยัดเยียดให้ลูกชายอุ้มเด็กน้อยที่เกิดจากอสุจิของเขาแต่ไม่ใช่ความรัก
เมื่อได้ยินคำว่า ‘ลูกของแก’ ทีไร ศิธาเป็นต้องถอนหายใจเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อยใจกับแม่ของตน เพราะเขาไม่เคยเต็มใจที่จะมีลูกชายคนนี้เลย หากแต่ว่าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นแผนการของคุณหญิงภาดาทั้งหมด
“เป็นอะไร ร้องไห้ทำไม?” เขาทำเสียงแข็งท่าทางไม่อ่อนโยนใส่หนุ่มน้อยร่างเล็กจิ๋วที่อุ้มอยู่ ทว่าหนูน้อยกลับเงียบเสียงงอแงลง และเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มเมื่อเห็นท่าทางดุๆ ของศิธา ความเกรี้ยวกราดที่เหมือนกับยักนั้นทำหนูน้อยระบายยิ้มออกมาทีละนิด จนเห็นเหงือกสีชมพูที่อยู่ด้านในโพรงปากเล็กจิ๋ว
“เงียบแล้วเห็นไหม หลานย่าเก่งที่สุด~”
“งั้นผมไปทำงานก่อนนะครับ” เขาทำท่าจะคืนหนุ่มน้อยให้กับผู้เป็นแม่ แต่เธอก็รีบพูดหยุดลูกชายไว้
“เดี๋ยวก่อนสิ อยู่เล่นกับลูกแกก่อนไม่ได้หรือไง ไปช้าสักวันลูกน้องแกคงไม่ประท้วงไล่แกออกจากบริษัทหรอก”
“เด็กนี่ไม่ใช่ลูกของผมครับ แม่หลอกให้ผมไปรีดน้ำเชื้อ พอผ่านไปเก้าเดือนก็พาเด็กนี่เข้ามาที่บ้าน แล้วก็พูดกรอกหูผมทุกวันว่าเด็กนี่เป็นลูกของผม...”
เขาพูดความอัดอั้นนั้นออกมา เพราะเขารับไม่ได้ที่จู่ๆ ผู้เป็นแม่จะยัดเยียดเด็กคนนี้ว่าเป็นลูกของตน หลังจากที่หลอกให้ตนไปฝากไข่แต่กลับได้มาเป็นตัว และเขาก็ไม่เคยรู้เลยว่าเด็กคนนี้เกิดจากหญิงสาวคนไหนที่ให้กำเนิด
“แต่ยังไงเขาก็เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของแกนะ แกก็ให้ความรักกับเขาหน่อยสิ” ถึงจะรู้ว่าตัวเองทำไม่ถูกที่แอบทำเรื่องอุ้มบุญหลานชายแบบลับๆ หลอกให้ลูกชายอย่างศิธาเซ็นเอกสารมากมาย แต่เธอก็อยากให้ผู้เป็นพ่อให้ความรักกับเด็กน้อยบ้าง เพราะหวังจะให้หลานชายเติบโตมาด้วยความรักและความอบอุ่นที่ครอบครัวมอบให้
“แม่เป็นคนอยากมีหลาน ก็ให้ความรักเองแล้วกันนะครับ วันนี้ผมมีประชุม ขอตัวไปทำงานก่อน” ร่างเล็กจิ๋วถูกส่งคืนให้กับคุณหญิงภาดาผู้เป็นย่า ก่อนที่คำพูดทิ่มแทงใจดำจะหลุดออกจากปากของผู้เป็นแม่
“เพราะแกบ้างานแบบนี้ไง แฟนแกถึงได้ทิ้งไป”
“…”
เธอพูดจี้ใจดำลูกชายจบ ก็หอบหลานชายขึ้นชั้นสองของบ้านไป เพราะหงุดหงิดกับลูกชายแสนใจดำของเธอที่ไม่มีหัวใจรักใครไม่เป็น แม้กระทั่งลูกแท้ๆ ที่เธอเป็นคนจัดสรรมาให้
บนรถ ระหว่างเดินทางไปทำงาน...
คำพูดจี้ใจนั้นทำให้ศิธาหวนคิดถึงใครบางคนที่จากเขาไปเมื่อสองปีก่อน คนที่ทำให้เขาไม่สามารถเริ่มต้นความรักครั้งใหม่กับใครได้อีก เพราะยังติดอยู่กับเธอคนนั้น
“ได้ข่าวเธอหรือยัง?” เสียงเข้มของผู้เป็นนายเอ่ยถามกับ ‘ทีม’ ลูกน้องคนสนิทถึงเรื่องที่เขาสั่งให้ตามสืบ
“ยังไม่ได้ข่าวอะไรเลยครับนาย ผมพึ่งให้เพื่อนช่วยตามสืบ ถ้าได้เรื่องยังไงจะบอกทันทีเลยนะครับ”
“...อือ”
ภายใต้ใบหน้านิ่งขรึมนั้นแฝงไปด้วยความรู้สึกมากมาย แม้เขาไม่เคยแสดงออกหรือพูดอย่างตรงไปตรงมาเกี่ยวกับความรู้สึกที่มีลึกๆ แต่แววตาโดดเดี่ยวที่เต็มไปด้วยความคิดถึงใครบางคนก็ปิดไว้ไม่อยู่...
เพนท์เฮ้าส์หรูใจกลางเมือง...
‘ธัญ ธัญญาดา’ สาวร่างเล็กนั่งปั๊มนมอยู่ที่กลางห้องนั่งเล่นสุดหรู สถานที่ที่เธอใช้อยู่อาศัยเป็นการชั่วคราว และจะจากไปหลังจากงานสิ้นสุดลง ซึ่งก็อีกไม่นานนี้...
“ธัญต้องปั๊มนมอีกกี่ถุงคะพี่ว่าน?”
“อีกห้าถุงค่ะ” เสียงของ ‘ว่าน’ สาวหน้านิ่งเจ้าระเบียบ เอเจนซี่และผู้ช่วยส่วนตัวของธัญ พูดตอบถึงสิ่งที่เธอต้องทำอยู่เป็นประจำทุกวัน
“เฮ้อ~”
เธอถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่เพราะรู้สึกเบื่อหน่ายกับหน้าที่ที่ต้องทำซ้ำเดิมทุกวันตลอดสามเดือนที่ผ่านมา คือลุกขึ้นมาปั๊มนมวันละหลายๆ ถุงเพื่อส่งมอบให้กับลูกชายที่เธอถูกว่าจ้างจากคนรวยให้อุ้มบุญ
เต้าอวบทั้งสองข้างของเธอถูกปั๊มนมนานถึงยี่สิบนาที และหยุดพักสิบนาที เพื่อทำสิ่งนั้นต่อไปจนกว่านมจะเกลี้ยงเต้า ราวกับเธอเป็นเครื่องจักรผลิตนม
ซึ่งตั้งแต่ที่คลอดลูกออกมา เธอไม่ได้มีโอกาสได้เห็นหน้าของเด็กน้อยที่เธออุ้มท้องมาถึงเก้าเดือนเลย และก็ไม่รู้ว่าใครคือผู้ว่าจ้าง รู้เพียงแค่เธอจะได้เงินมากถึงสิบล้านในการอุ้มบุญครั้งนี้ ซึ่งเป็นราคาที่มากกว่าราคาทั่วไปที่เขาจ้างอุ้มบุญกัน
เพราะผู้ว่าจ้างต้องการแม่พันธุ์ที่ดีที่สุด ตรงตามที่วางไว้ทั้งรูปร่าง หน้าตา สีผิว พื้นฐานความรู้ รวมถึงประวัติคู่นอนต้องเคยผ่านผู้ชายไม่เกินหนึ่งคน และจากผู้หญิงที่เข้ามาสมัครเป็นสิบๆ คน เธอเป็นคนเดียวที่ผ่านการคัดเลือก และถูกตาต้องใจผู้ว่าจ้างมากที่สุด
เงินมากมายที่เธอนั่งนับวันรอจะได้รับ ชีวิตอิสระที่เธอต้องการจะได้ใช้ หลังจากที่จบงานนี้เธอก็จะย้ายไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่ต่างประเทศลำพัง
“ถึงเวลาอาหารว่างแล้ว เดี๋ยวฉันมานะคะ”
“อาหารว่างมื้อนี้เป็นอะไรเหรอคะ?”
“ฟักทองนึ่งค่ะ”
“เอ่อ..ขอเปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ไหมคะ ธัญเบื่อฟักทองนึ่งแล้ว”
“งั้นเป็นผลไม้รวมแล้วกันนะคะ”
“ได้ค่ะ” สาวผิวขาวแก้มป่องพูดบอกกับผู้ช่วยของเธอ คนที่อยู่กับเธอตั้งแต่วันแรกก่อนตั้งท้องจนถึงตอนนี้
เธอจะได้รับอาหารที่ครบห้าหมู่อยู่เสมอในทุกวัน อาหารที่มีประโยชน์ที่สุด น้ำดื่มที่สะอาดและปลอดภัยที่สุด วิตามินบำรุงราคาแพง และอีกมากมายที่เธอได้รับและต้องกินของพวกนั้นทุกวัน ทำสิ่งนั้นเป็นประจำซ้ำๆ เพื่อให้ได้ผลผลิตที่ดีที่สุด เช่นนมจากเต้าที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อเด็กน้อย
และทุกอย่างนี้เป็นการดูแลจากผู้ว่าจ้างของเธอทั้งหมด จนกว่าสัญญาจ้างจะสิ้นสุดลง เมื่อนั้นเธอจะได้รับเงินส่วนที่เหลือและได้มีชีวิตอิสระอย่างที่ต้องการ
“ธัญต้องอยู่ที่นี่อีกแค่อาทิตย์เดียวใช่ไหมคะ?”
“ประมาณนั้นค่ะ” ผู้ช่วยเจ้าระเบียบพูดตอบน้ำเสียงเรียบเฉยเหมือนทุกครั้ง แม้จะอยู่ด้วยกันนานนับปีแต่ทั้งคู่ก็ดูเหมือนคนที่ไม่สนิทกัน
เมื่อได้ยินคำยืนยันนั้น ธัญก็มองภาพในจอมือถือที่ปรากฏให้เห็นรูปบ้านที่เธอจะย้ายเข้าไปอยู่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า บ้านหลังใหม่ที่อยู่ประเทศเกาหลี เส้นทางใหม่ของชีวิต...
“อีกแค่อาทิตย์เดียว...”
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[-กดใจ -เพิ่มเข้าชั้น -คอมเมนท์ให้กำลังใจ และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
S2.2 ถ้าเธอไม่หยุด ฉันจะจับเธอทำเมียอีกคน ถือว่าฉันเตือนเธอแล้วนะแสนดี!...
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
"ท่านครับ คนยังไม่ตาย ต้องการชนอีกทีไหมครับ" "จัดการเลย" เสิ่นอันหยูซึ่งกำลังจมอยู่ในกองเลือด ได้ยินคำสั่งของสามีกับหู เธอกับเขาไม่เคยเป็นสามีภรรยาที่แท้จริง และด้วยเหตุนี้พวกเขาจึงไม่เคยมีลูก อย่างไรก็ตาม การแต่งงานที่ไม่มีบุตรทำให้แม่สามีกล่าวหาว่าเสิ่นอันหยูมีบุตรยาก ตอนนี้ สามีของเธอไม่เพียงนอกใจเธอเท่านั้น แต่เขาต้องการให้เธอตายด้วย! เขาก็หย่ากับเธอได้ แต่นี่เขาพยายามจะฆ่าเธอ... ในวันที่หย่ากัน เสิ่นอันหยูที่เคยรอดตายมาได้อย่างหวุดหวิดนั้นก็แต่งงานกับชายอีกคนหนึ่งทันที สามีคนที่สองของเธอเป็นคนที่โดดเด่นที่สุดในเมือง เธอสาบานว่าจะใช้อำนาจของเขาให้เป็นประโยชน์และแก้แค้นคนที่เคยทำร้ายเธอ! เดิมทีการแต่งงานของพวกเขาในครั้งนี้ควรเป็นเพียงข้อตกลงที่หาประโยชน์สำหรับทั้งสองฝ่ายเท่านั้น แต่สุดท้าย เธอกลับถูกชายที่ดื้อรั้นคนนี้ตรึงไว้กับกำแพง "เอาจริงเลยได้ไหม ผมอยากอยู่กับคุณตลอดไป"
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
เสิ่นหยวูแต่งงานกับเหอซวี่ที่เป็นสูติแพทย์ตอนอายุยี่สิบสี่ปี สองปีต่อมา เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว เหอซวี่ก็วางแผนแท้งลูกเธอด้วยมือตัวเอง และหย่าร้างกับเธอ ระหว่างช่วงเวลาที่มืดมนเหล่านี้ ตู้หยวุนปรากฏตัวเข้าในชีวิตของเสิ่นหยวู เขาทำดีต่อเธออย่างอ่อนโยน และให้ความอบอุ่นแก่เธออย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ทำให้เธอต้องเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน สุดท้าย เสิ่นหยวูจึงเข้มแข็งขึ้นหลังผ่านพ้นไปกับทุกอย่างแล้ว แต่เมื่อความจริงก็ถูกเปิดเผยในที่สุด เธอจะยอมรับและอดทนได้ไหม? อยู่เบื้องหลังตู้หยวุนผู้ที่หล่อเหลาดูมีเสน่ห์นั้นเป็นใคร?และเมื่อพบคำตอบแล้ว เสิ่นหยวูจะรับมือยังไง ?
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด