U6 - ฉันไม่ใช่พวกใฝ่ต่ำนะ ที่จะได้เอาคนใช้มาทำเมีย…
U6 - ฉันไม่ใช่พวกใฝ่ต่ำนะ ที่จะได้เอาคนใช้มาทำเมีย…
• ACTION •
เช้านี้เป็นอีกวันที่ใบหม่อนจะหาเรื่องมารดน้ำต้นไม้อยู่ที่สวนฝั่งซ้ายของคฤหาสน์ เพราะต้องการแอบมองคนที่เธอชอบในทุกเช้า ซึ่งวันนี้เธอก็มีเรื่องสำคัญจะพูดบอกเขาอีกด้วย...
“หาว~” เสียงหาวปากกว้างของคุณชายภูริดังขึ้น ก่อนที่เจ้าของร่างสูงยาวจะยืนบิดขี้เกียจไปมาอยู่ที่ระเบียงห้องนอนชั้นสองของตึกใหญ่ และมีเสียงคุ้นหูน่ารำคาญดังขึ้น เสียงที่ทำให้เขาหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้ยิน
“ตอนนี้หม่อนโตเป็นสาวเต็มตัวแล้วนะ~ เพิ่งจะยี่สิบเมื่อวานนี้เอง” เสียงของสาวผมเปียในลุกเสื้อผ้าแสนธรรมดา เงยหน้าขึ้นสูงเพื่อพูดโปรยเสน่ห์ใส่คุณชายคนเล็กของบ้านหลังจากที่ยืนรอเจอหน้าเขาอยู่นาน
“เฮ้อ ใครก็ได้เอายัยนี่ออกไปจากบ้านฉันที” เขาพูดลอยๆ ขึ้นอย่างเอือมละอากับท่าทางของเด็กสาวที่แสดงออกต่อเขาตั้งแต่เธออายุเพียงแค่สิบห้าปีจนตอนนี้โตเป็นสาวอย่างที่เธอว่า
“คุณชายสนใจจะ...”
“ไม่!” เขาตะโกนตอบปฏิเสธทันทีตั้งแต่เธอพูดเสนอตัวยังไม่ทันจบประโยค “ฉันไม่ใช่พวกใฝ่ต่ำนะ ที่จะได้เอาคนใช้มาทำเมีย...”
“เจ็บจัง แต่ไม่เป็นไรค่ะ หม่อนยังรักคุณชายเหมือนเดิม^^” เธอพูดตอบกลับด้วยใบหน้าสดใส แม้ว่าท่าทางร้ายๆ ของเขาจะทำให้เธอเจ็บใจอยู่ลึกๆ
“น่ารำคาญ” พูดจบเขาก็เดินกลับเข้าห้องนอนไป
“น่ารำคาญเหรอคะ? เกลียดอะไรระวังจะได้แบบนั้นนะคะคุณชาย~” ใบหม่อนตะโกนตามหลังคุณชายภูริไปท่าทางอ้อล้อ แต่ไม่มีวี่แววว่าเขาจะหันกลับมาสนใจเธอเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังแสดงท่าทางรำคาญให้เห็นเหมือนทุกที
หลังครัวที่พักคนใช้...
“ไม่ชอบหม่อนขนาดนั้นเลยเหรอ หม่อนไม่สวยตรงไหน” เธอพูดพรางมองดูสภาพของตัวเองด้วยความมั่นใจว่าเธอก็สวยไม่เป็นลองคนใช้คนไหนในคฤหาสน์หลังนี้
“อ่อยกี่ทีก็ไม่เคยมอง เดี๋ยวเถอะ หม่อนเปลี่ยนใจขึ้นมาแล้วคุณชายจะน้ำตาเช็ดหัวเข่า” เด็กสาวผมเปียไม่พูดเปล่าหยิบกิ่งไม้ฟาดตีใบไม้ริมรั้วเพื่อระบายอารมณ์หงุดหงิด
“วันนึงหม่อนก็จะเป็นสะใภ้ รังเกียจเดียดฉันท์หม่อนขนาดนี้ หม่อนก็…”
“ไปจัดสำรับได้แล้วหม่อน! พร่ำเพ้ออะไรของแกอยู่ เดี๋ยวคุณชายเขาก็ได้ด่าหัวเอาอีกหรอก!”
“รู้แล้วแม่!” ใบหม่อนตะโกนตอบกลับคำพูดของแม่เธอท่าทางเกรี้ยวกราด
คุณแม่ยังสวยวัยสามสิบแปดของใบหม่อนนั้นชอบพูดดุเธออยู่บ่อยๆ กับพฤติกรรมชอบอ่อยคุณชายคนเล็กของบ้าน ใบหม่อนมักโดนคุณชายด่ากับเรื่องที่เธอใฝ่สูงอยากจะเป็นคุณหญิงของคฤหาสน์อย่างไม่เจียมตัว และผู้เป็นแม่ก็รับรู้มาตลอดจึงคอยห้ามปรามพฤติกรรมลูกสาวแต่ก็ไม่เป็นผล
หลังครัว...
“คุณชาย~ คุณชายของหม่อน~”
เสียงของใบหม่อนร้องเล่นอยู่หลังครัวกับคนเป็นแม่ ที่ก็มีตำแหน่งเป็นคนใช้ในบ้านนี้ไม่ต่างกันกับเธอที่เป็นลูกสาว ซึ่งเธอเป็นเด็กที่น่ารักและสดใสในสายตาของผู้เป็นแม่และป้าๆ คนใช้ของเธอเสมอ
“ป้าเอาใจช่วยนะหม่อน ถ้าเองได้เป็นเมียคุณชายจริงๆ แม่เองคงสบาย...” เสียงป้าแม่บ้านคนนึงที่ช่วยกันเตรียมอาหารเช้าให้พวกนายท่านพูดขึ้น
“อีกไม่นานหรอกป้า เดี๋ยวหม่อนก็ได้ไปนั่งๆ นอนๆ อยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่นั้นแล้ว^^” คนขี้เล่นจีบปากจีบคอพูดตอบกลับ
“เฮ้อ ปวดหัวจริงๆ”
คนเป็นแม่ถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นท่าทางลูกสาวของเธอที่อยากมีผัวจนตัวสั่น หนำซ้ำยังเป็นคนที่ใบหม่อนไม่อาจเอื้อมถึงได้ง่ายๆ อีกด้วย และแม้ว่าเธอจะพูดเตือนไปเป็นร้อยๆ พันๆ ครั้งแล้วก็ตาม ว่าเธอไม่เหมาะสมกับเขาที่อยู่สูงกว่า แต่ใบหม่อนก็ไม่เคยท้อแท้เลยสักนิด
แม้จะโดนคุณชายปฏิเสธมาตลอดห้าปี และคนเป็นแม่ก็พอดูออกว่าคุณชายคนเล็กที่ใบหม่อนหมายปองนั้นเขาเกลียดขี้หน้าเธอยิ่งกว่าอะไร...
“หวังไว้สูง ระวังเถอะ...”
“ตกมาแล้วจะเจ็บ...แม่พูดจนหม่อนจำได้แล้วเนี่ย” เธอพูดต่อคำแม่ของเธอได้ทันควันตั้งแต่ที่ได้ยินเธอเกริ่นประโยคนั้นขึ้นมา
“จำได้ แต่ก็ยังไม่เลิกหวัง แทนที่รู้แล้วจะหยุด...”
“จะให้หยุดได้ไงล่ะ ก็คนมันรักไปแล้ว~” สาวขี้เล่นพูดหน้าตาทะเล้นใส่แม่ของเธอ
“เอาเถอะ ยังไงก็อย่าให้เขาไล่ฉันกับแกออกจากบ้านแล้วกัน ไม่งั้นคงได้เร่ร่อนกันสองคนแม่ลูกแน่...”
“ไม่ต้องห่วงหรอกแม่...อย่างน้อยก็ไม่ได้เร่ร่อนคนเดียว”
“อ้าวเด็กนี่...” เธอเงยหน้าขึ้นมองลูกสาวหัวดื้อของเธอ ที่กำลังนั่งทำหน้ามึนใส่อย่างไม่รู้สึกรู้สา “แกนี่มันดื้อเหมือนพ่อแกไม่มีผิด”
“พ่อตายไปตั้งหลายปีแล้ว ยังจะไปขุดเขาขึ้นมาด่าอยู่ได้” เธอพูดเถียงแม่จบก็เดินหนีแม่ไปช่วยป้าแม่ครัวเตรียมอาหาร
“เหอะ! ให้มันได้อย่างนี้สิ” คนเป็นแม่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับลูกสาวของเธอที่นับวันยิ่งเถียงเก่ง และหัวดื้อเป็นที่สุด
คฤหาสน์...
ที่คฤหาสน์หลังนี้มีคุณ ‘ภาคภูมิ’ ที่เป็นเจ้าของคฤหาสน์ โดยอาศัยอยู่ร่วมกันกับลูกชายของเขาทั้งสามคน คุณชาย ‘ภูดิท’ ในวัยสามสิบสองปี คุณชาย ‘ภูผา’ ในวัยสามสิบ และ คุณชาย ‘ภูริ’ ในวัยยี่สิบแปดปี
ทั้งสี่คนพ่อลูกอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้ด้วยกัน ซึ่งก็เป็นเวลานานมากแล้วที่แม่ของพวกเหล่าคุณชายจากไป แต่บ้านหลังนี้ก็ยังคงความสุขอยู่เช่นเดิม เพราะมีคุณพ่อที่แสนใจดีอย่างคุณภาคภูมิที่คอยเลี้ยงลูกชายด้วยความรักและความเข้าใจ
ห้องทานข้าว...
“เตรียมตัวพร้อมกับงานคืนนี้กันแล้วใช่ไหม?” เสียงนุ่มทุ้มของท่านภาคภูมิเอ่ยถามกับลูกชายทั้งสองของเขาที่นั่งร่วมโต๊ะทานข้าวด้วยกันเวลานี้
“เตรียมพร้อมแล้วครับพ่อ” ลูกชายคนโตพูดตอบ
“ดี งั้นคืนนี้พ่อฝากช่วยกันรับแขกที่งานด้วยนะ”
“ครับพ่อ” เสียงภูผาพูดรับคำสั่ง
“ว่าแต่เจ้าภูริยังไม่ลงมาอีกเหรอเนี่ย?”
“ให้หม่อนขึ้นไปตามบนห้องให้ไหมคะ?” ใบหม่อนที่ยืนรอตักข้าวให้เจ้านายทั้งสี่เอ่ยปากอาสา แต่ก็ถูกขัดจังหวะขึ้นซะก่อน
“ไม่ต้อง อย่าได้คิดจะขึ้นไปบนห้องฉันเชียว...” เสียงภูริที่เพิ่งเดินมาถึงพูดบอกสาวคนใช้อย่างไร้เยื่อใย จนทำเธอฝันสลายรีบหุบยิ้มลงในทันที
“- -”
“อ๋อจริงสิ เมื่อวานวันเกิดหม่อนใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะคุณชาย” ใบหม่อนตอบกลับภูผาคุณชายคนกลางของบ้านท่าทางสดใส
“นี่ ของขวัญ”
“คุณชายให้หม่อนเหรอคะ”
“เสียดายจังที่ฉันไม่รู้ว่าเมื่อวานเป็นวันเกิดหม่อน ไม่งั้นคงได้มีของขวัญมาให้” เสียงเจ้าบ้านพูดขึ้นอย่างเอ็นดูสาวหน้าใส เมื่อเห็นว่าลูกชายคนกลางของตนยื่นของขวัญให้กับเด็กสาวคนใช้ที่พวกเขาต่างก็เอ็นดูเธอ ยกเว้นลูกชายคนเล็กของบ้าน
“ไม่เป็นไรคะคุณท่าน...” ใบหม่อนยิ้มรับคำพูดนั้น
“ในนั้นมีชุดสวยอยู่ เย็นนี้หม่อนใส่ชุดนี้มาหาฉันที่นี่นะ”
“...” เธอไม่เข้าใจในการกระทำของคุณชายภูผาที่บอกกับเธอเช่นนั้น ซึ่งก็มีคนที่สงสัยเหมือนกับเธอเช่นกัน
“นายจะทำอะไร?” ภูดิทเอ่ยถามน้องชายของเขา
“คืนนี้ผมว่าจะพาหม่อนไปออกงานด้วยครับ ถ้ามีสาวสวยไปออกงานด้วยคงดี...” เขาพูดจบก็หันมองหน้าใบหม่อนสาวสวยที่เขาพูดถึง ส่วนน้องชายคนเล็กก็นั่งเบะปากเมื่อได้ยินพี่ชายของตนเอ่ยปากชมสาวคนใช้ว่าสวย
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[-กดใจ -เพิ่มเข้าชั้น -คอมเมนท์ให้กำลังใจ และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
S2.2 ถ้าเธอไม่หยุด ฉันจะจับเธอทำเมียอีกคน ถือว่าฉันเตือนเธอแล้วนะแสนดี!...
สาวใช้ใสซื่อกับคุณชายทั้ง7คนในคฤหาสน์หลังใหญ่ คุณชายทุกคนต่างก็หมายตาต้องใจและอยากที่จะครอบครองสาวงามนั้นมาเป็นของตนเพียงผู้เดียว แต่มันไม่ง่ายเมื่อมีศัตรูหัวใจถึง6คน ที่เป็นสายเลือดเดียวกัน..[ฮาเร็ม]
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"
ในวันแต่งงาน เสิ่นเยวียนถูกคู่หมั้นและน้องสาวของเธอทำร้าย และถูกจำคุกเป็นเวลาสามปีด้วยความทุกข์ทรมาน หลังจากได้รับการปล่อยตัวจากคุก น้องสาวผู้ชั่วร้ายได้คุกคามด้วยชีวิตแม่และพยายามให้เธอมอบตัวกับชายชรา อย่างไรก็ตาม เธอได้พบกับเซียวเป่ยหาน ซึ่งเป็นผู้ทรงอิธิพลที่หล่อเหลาและเย็นชาแห่งแห่งสังคมด้านมืด อย่างไม่คาดคิด และชะตากรรมของเธอก็เปลี่ยนไปตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา แม้ว่าเซียวเป่ยหานจะเย็นชา แต่เขากลับปฏิบัติต่อเสิ่นเยวียนดั่งเป็นสมบัติล้ำค่า นับแต่นั้นมา เธอจัดการคนเสแสร้ง เอาคืนแม่เลี้ยงและไม่ถูกกลั่นแกล้งอีกต่อไป
วังวนแห่งกามราคะ หากเผลอกายถลำใจ ก็ยากนักจะถอนตัว ยิ่งอยากหยุดกลับยิ่งโหยหาลุ่มหลง เพียงสบตา ก็เปียกแฉะร้อนฉ่าไปหมดแล้ว... ++++++++++++++++ EX 1 : “ พี่อาร์มขา ” “ ขา ” “ เราควรจบแค่นี้ หยุดมัน แล้วปล่อยเรไปเถอะนะคะ ” เธอวอนขอเขาอย่างหมดท่า แต่สุ้มเสียงกระเส่าสั่นกับร่างกายที่กำลังอ่อนระทวยมันขัดกับคำพูดเหลือเกิน เธอถูกรั้งเข้าสู่อ้อมอกกว้าง และถูกเขาซุกไซ้ไปทั่วซอกคอ ดมดอม ดูดเม้ม ขณะที่มือหนึ่งล้วงเข้าใต้ชายเสื้อ อีกข้างสอดซุกลงในขอบกระโปรง “ พี่อาร์ม ได้ยินที่เรพูดไหมคะ ” “ ได้ยินค่ะ ” “ ได้ยินแล้วทำไมไม่หยุด ” “ เรอยากให้พี่หยุดจริงเหรอ ” “ จริง... จริงสิคะ ” “ ถ้าอยากให้พี่หยุดจริง มือเรคงไม่กุมเป้ากางเกงพี่แน่นขนาดนี้หรอก ” ................................... EX 2 : เธอซ่านเสียวจนหูอื้อตาลายเมื่อถูกความแข็งแกร่งโอฬารทั้งสามทะลวงลึกทั้งรูหน้า รูหลัง และโพรงปาก ลีลากระทั้นบั้นเด้าที่ไม่มีใครยอมใคร เข้าสุด ออกสุด หนักแน่น ถาโถมจนไม่ได้หายใจหายคอ ส่งเธอสู่จุดหมายปลายทางนับครั้งไม่ถ้วน ก่อนที่พวกเขาจะหลั่งในตัวเธอบ้าง เสียงคำรามลึกแหบห้าวประสานเมื่อพบกับความสุขสมอันร้อนเร่า น้ำใคร่ขาวขุ่นเอ่อล้นในทุกรูร่อง แต่ยัง พวกเขายังไม่พอ ราตรีบนรถทัวร์นี้ยังอีกยาวไกล คืนครบรอบแต่งงานทั้งที ต้องจัดของขวัญให้ภรรยาคนดีอย่างสาสม !
หนุ่มวิศวะปีสี่ที่ได้ฉายา เสือยิ้มยาก เขาผู้ไม่เคยยิ้มให้ใครแต่กลับยิ้มให้เธอเห็นเพียงคนเดียว จากคนที่ไม่คิดจะรักใครแต่กลับรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น มารู้ตัวอีกทีก็ไม่อยากเป็นแค่รุ่นพี่แล้วแต่อยากเป็น(ผัว)
ตลอดระยะเวลาสามปีที่หยุยเอินแต่งงานกับฝู้ถิงหย่วน เธอพยายามทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด เธอคิดว่าความอ่อนโยนของตนจะสามารถละลายใจที่เย็นชาของฝู้ถิงหย่วนได้ แต่ต่อมาเธอก็รู้ตัวว่าไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ผู้ชายคนนี้ก็ไม่มีวันจะตกหลุมรักเธอได้ ด้วยความสิ้นหวังของเธอ สุดท้ายเธอตัดสินใจที่จะยุติการแต่งงานครั้งนี้ ในสายตาของฝู้ถิงหย่วน หยุยเอิน ภรรยาของเขาเป็นผู้หญิงที่โง่ ไม่มีอะไรดีเลยสักอย่าง แต่เขาก็คิดไม่ถึงว่าภรรยาของเขาจะกล้าโยนใบหย่าใส่เขาต่อหน้าคนมากมายในงานเลี้ยงวันครบรอบฝู้ซื่อ กรุ๊ป หลังจากหย่าร้าง ทุกคนต่างคิดว่าพวกเขาจะไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันอีกต่อไป แต่เรื่องราวระหว่างทั้งสองคงไม่ได้จบลงอย่างง่าย ๆ แบบนี้ หยุยเอินได้รับรางวัลบทภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และคนที่เป็นผู้มอบถ้วยรางวัลให้กับเธอก็คือฝู้ถิงหย่วน หยุยเอินคิดไม่ถึงว่าผู้ชายที่สูงส่งและแสนเย็นชาคนนี้จะลดตัวลงอ้อนวอนเธอต่อหน้าผู้ชมทั้งหมด"หยุยเอิน ก่อนหน้านี้คือผมผิดเอง ขอโอกาสให้ผมอีกครั้งได้ไหม"หยุยเอินยิ้มด้วยความมั่นใจ"ขอโทษนะคุณฝู้ ตอนนี้ฉันสนใจแต่เรื่องงาน"ชายหนุ่มคว้ามือเธอไว้ ดวยตานั้นเต็มไปด้วยความผิดหวัง หยุยเอินสบัดมือเขาและเดินจากไปโดยปราศจากความลังเลใด ๆ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด