U6 - ฉันไม่ใช่พวกใฝ่ต่ำนะ ที่จะได้เอาคนใช้มาทำเมีย…
U6 - ฉันไม่ใช่พวกใฝ่ต่ำนะ ที่จะได้เอาคนใช้มาทำเมีย…
• ACTION •
เช้านี้เป็นอีกวันที่ใบหม่อนจะหาเรื่องมารดน้ำต้นไม้อยู่ที่สวนฝั่งซ้ายของคฤหาสน์ เพราะต้องการแอบมองคนที่เธอชอบในทุกเช้า ซึ่งวันนี้เธอก็มีเรื่องสำคัญจะพูดบอกเขาอีกด้วย...
“หาว~” เสียงหาวปากกว้างของคุณชายภูริดังขึ้น ก่อนที่เจ้าของร่างสูงยาวจะยืนบิดขี้เกียจไปมาอยู่ที่ระเบียงห้องนอนชั้นสองของตึกใหญ่ และมีเสียงคุ้นหูน่ารำคาญดังขึ้น เสียงที่ทำให้เขาหงุดหงิดทุกครั้งที่ได้ยิน
“ตอนนี้หม่อนโตเป็นสาวเต็มตัวแล้วนะ~ เพิ่งจะยี่สิบเมื่อวานนี้เอง” เสียงของสาวผมเปียในลุกเสื้อผ้าแสนธรรมดา เงยหน้าขึ้นสูงเพื่อพูดโปรยเสน่ห์ใส่คุณชายคนเล็กของบ้านหลังจากที่ยืนรอเจอหน้าเขาอยู่นาน
“เฮ้อ ใครก็ได้เอายัยนี่ออกไปจากบ้านฉันที” เขาพูดลอยๆ ขึ้นอย่างเอือมละอากับท่าทางของเด็กสาวที่แสดงออกต่อเขาตั้งแต่เธออายุเพียงแค่สิบห้าปีจนตอนนี้โตเป็นสาวอย่างที่เธอว่า
“คุณชายสนใจจะ...”
“ไม่!” เขาตะโกนตอบปฏิเสธทันทีตั้งแต่เธอพูดเสนอตัวยังไม่ทันจบประโยค “ฉันไม่ใช่พวกใฝ่ต่ำนะ ที่จะได้เอาคนใช้มาทำเมีย...”
“เจ็บจัง แต่ไม่เป็นไรค่ะ หม่อนยังรักคุณชายเหมือนเดิม^^” เธอพูดตอบกลับด้วยใบหน้าสดใส แม้ว่าท่าทางร้ายๆ ของเขาจะทำให้เธอเจ็บใจอยู่ลึกๆ
“น่ารำคาญ” พูดจบเขาก็เดินกลับเข้าห้องนอนไป
“น่ารำคาญเหรอคะ? เกลียดอะไรระวังจะได้แบบนั้นนะคะคุณชาย~” ใบหม่อนตะโกนตามหลังคุณชายภูริไปท่าทางอ้อล้อ แต่ไม่มีวี่แววว่าเขาจะหันกลับมาสนใจเธอเลยแม้แต่น้อย อีกทั้งยังแสดงท่าทางรำคาญให้เห็นเหมือนทุกที
หลังครัวที่พักคนใช้...
“ไม่ชอบหม่อนขนาดนั้นเลยเหรอ หม่อนไม่สวยตรงไหน” เธอพูดพรางมองดูสภาพของตัวเองด้วยความมั่นใจว่าเธอก็สวยไม่เป็นลองคนใช้คนไหนในคฤหาสน์หลังนี้
“อ่อยกี่ทีก็ไม่เคยมอง เดี๋ยวเถอะ หม่อนเปลี่ยนใจขึ้นมาแล้วคุณชายจะน้ำตาเช็ดหัวเข่า” เด็กสาวผมเปียไม่พูดเปล่าหยิบกิ่งไม้ฟาดตีใบไม้ริมรั้วเพื่อระบายอารมณ์หงุดหงิด
“วันนึงหม่อนก็จะเป็นสะใภ้ รังเกียจเดียดฉันท์หม่อนขนาดนี้ หม่อนก็…”
“ไปจัดสำรับได้แล้วหม่อน! พร่ำเพ้ออะไรของแกอยู่ เดี๋ยวคุณชายเขาก็ได้ด่าหัวเอาอีกหรอก!”
“รู้แล้วแม่!” ใบหม่อนตะโกนตอบกลับคำพูดของแม่เธอท่าทางเกรี้ยวกราด
คุณแม่ยังสวยวัยสามสิบแปดของใบหม่อนนั้นชอบพูดดุเธออยู่บ่อยๆ กับพฤติกรรมชอบอ่อยคุณชายคนเล็กของบ้าน ใบหม่อนมักโดนคุณชายด่ากับเรื่องที่เธอใฝ่สูงอยากจะเป็นคุณหญิงของคฤหาสน์อย่างไม่เจียมตัว และผู้เป็นแม่ก็รับรู้มาตลอดจึงคอยห้ามปรามพฤติกรรมลูกสาวแต่ก็ไม่เป็นผล
หลังครัว...
“คุณชาย~ คุณชายของหม่อน~”
เสียงของใบหม่อนร้องเล่นอยู่หลังครัวกับคนเป็นแม่ ที่ก็มีตำแหน่งเป็นคนใช้ในบ้านนี้ไม่ต่างกันกับเธอที่เป็นลูกสาว ซึ่งเธอเป็นเด็กที่น่ารักและสดใสในสายตาของผู้เป็นแม่และป้าๆ คนใช้ของเธอเสมอ
“ป้าเอาใจช่วยนะหม่อน ถ้าเองได้เป็นเมียคุณชายจริงๆ แม่เองคงสบาย...” เสียงป้าแม่บ้านคนนึงที่ช่วยกันเตรียมอาหารเช้าให้พวกนายท่านพูดขึ้น
“อีกไม่นานหรอกป้า เดี๋ยวหม่อนก็ได้ไปนั่งๆ นอนๆ อยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่นั้นแล้ว^^” คนขี้เล่นจีบปากจีบคอพูดตอบกลับ
“เฮ้อ ปวดหัวจริงๆ”
คนเป็นแม่ถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นท่าทางลูกสาวของเธอที่อยากมีผัวจนตัวสั่น หนำซ้ำยังเป็นคนที่ใบหม่อนไม่อาจเอื้อมถึงได้ง่ายๆ อีกด้วย และแม้ว่าเธอจะพูดเตือนไปเป็นร้อยๆ พันๆ ครั้งแล้วก็ตาม ว่าเธอไม่เหมาะสมกับเขาที่อยู่สูงกว่า แต่ใบหม่อนก็ไม่เคยท้อแท้เลยสักนิด
แม้จะโดนคุณชายปฏิเสธมาตลอดห้าปี และคนเป็นแม่ก็พอดูออกว่าคุณชายคนเล็กที่ใบหม่อนหมายปองนั้นเขาเกลียดขี้หน้าเธอยิ่งกว่าอะไร...
“หวังไว้สูง ระวังเถอะ...”
“ตกมาแล้วจะเจ็บ...แม่พูดจนหม่อนจำได้แล้วเนี่ย” เธอพูดต่อคำแม่ของเธอได้ทันควันตั้งแต่ที่ได้ยินเธอเกริ่นประโยคนั้นขึ้นมา
“จำได้ แต่ก็ยังไม่เลิกหวัง แทนที่รู้แล้วจะหยุด...”
“จะให้หยุดได้ไงล่ะ ก็คนมันรักไปแล้ว~” สาวขี้เล่นพูดหน้าตาทะเล้นใส่แม่ของเธอ
“เอาเถอะ ยังไงก็อย่าให้เขาไล่ฉันกับแกออกจากบ้านแล้วกัน ไม่งั้นคงได้เร่ร่อนกันสองคนแม่ลูกแน่...”
“ไม่ต้องห่วงหรอกแม่...อย่างน้อยก็ไม่ได้เร่ร่อนคนเดียว”
“อ้าวเด็กนี่...” เธอเงยหน้าขึ้นมองลูกสาวหัวดื้อของเธอ ที่กำลังนั่งทำหน้ามึนใส่อย่างไม่รู้สึกรู้สา “แกนี่มันดื้อเหมือนพ่อแกไม่มีผิด”
“พ่อตายไปตั้งหลายปีแล้ว ยังจะไปขุดเขาขึ้นมาด่าอยู่ได้” เธอพูดเถียงแม่จบก็เดินหนีแม่ไปช่วยป้าแม่ครัวเตรียมอาหาร
“เหอะ! ให้มันได้อย่างนี้สิ” คนเป็นแม่ถอนหายใจเฮือกใหญ่ให้กับลูกสาวของเธอที่นับวันยิ่งเถียงเก่ง และหัวดื้อเป็นที่สุด
คฤหาสน์...
ที่คฤหาสน์หลังนี้มีคุณ ‘ภาคภูมิ’ ที่เป็นเจ้าของคฤหาสน์ โดยอาศัยอยู่ร่วมกันกับลูกชายของเขาทั้งสามคน คุณชาย ‘ภูดิท’ ในวัยสามสิบสองปี คุณชาย ‘ภูผา’ ในวัยสามสิบ และ คุณชาย ‘ภูริ’ ในวัยยี่สิบแปดปี
ทั้งสี่คนพ่อลูกอาศัยอยู่ที่คฤหาสน์หลังนี้ด้วยกัน ซึ่งก็เป็นเวลานานมากแล้วที่แม่ของพวกเหล่าคุณชายจากไป แต่บ้านหลังนี้ก็ยังคงความสุขอยู่เช่นเดิม เพราะมีคุณพ่อที่แสนใจดีอย่างคุณภาคภูมิที่คอยเลี้ยงลูกชายด้วยความรักและความเข้าใจ
ห้องทานข้าว...
“เตรียมตัวพร้อมกับงานคืนนี้กันแล้วใช่ไหม?” เสียงนุ่มทุ้มของท่านภาคภูมิเอ่ยถามกับลูกชายทั้งสองของเขาที่นั่งร่วมโต๊ะทานข้าวด้วยกันเวลานี้
“เตรียมพร้อมแล้วครับพ่อ” ลูกชายคนโตพูดตอบ
“ดี งั้นคืนนี้พ่อฝากช่วยกันรับแขกที่งานด้วยนะ”
“ครับพ่อ” เสียงภูผาพูดรับคำสั่ง
“ว่าแต่เจ้าภูริยังไม่ลงมาอีกเหรอเนี่ย?”
“ให้หม่อนขึ้นไปตามบนห้องให้ไหมคะ?” ใบหม่อนที่ยืนรอตักข้าวให้เจ้านายทั้งสี่เอ่ยปากอาสา แต่ก็ถูกขัดจังหวะขึ้นซะก่อน
“ไม่ต้อง อย่าได้คิดจะขึ้นไปบนห้องฉันเชียว...” เสียงภูริที่เพิ่งเดินมาถึงพูดบอกสาวคนใช้อย่างไร้เยื่อใย จนทำเธอฝันสลายรีบหุบยิ้มลงในทันที
“- -”
“อ๋อจริงสิ เมื่อวานวันเกิดหม่อนใช่ไหม?”
“ใช่ค่ะคุณชาย” ใบหม่อนตอบกลับภูผาคุณชายคนกลางของบ้านท่าทางสดใส
“นี่ ของขวัญ”
“คุณชายให้หม่อนเหรอคะ”
“เสียดายจังที่ฉันไม่รู้ว่าเมื่อวานเป็นวันเกิดหม่อน ไม่งั้นคงได้มีของขวัญมาให้” เสียงเจ้าบ้านพูดขึ้นอย่างเอ็นดูสาวหน้าใส เมื่อเห็นว่าลูกชายคนกลางของตนยื่นของขวัญให้กับเด็กสาวคนใช้ที่พวกเขาต่างก็เอ็นดูเธอ ยกเว้นลูกชายคนเล็กของบ้าน
“ไม่เป็นไรคะคุณท่าน...” ใบหม่อนยิ้มรับคำพูดนั้น
“ในนั้นมีชุดสวยอยู่ เย็นนี้หม่อนใส่ชุดนี้มาหาฉันที่นี่นะ”
“...” เธอไม่เข้าใจในการกระทำของคุณชายภูผาที่บอกกับเธอเช่นนั้น ซึ่งก็มีคนที่สงสัยเหมือนกับเธอเช่นกัน
“นายจะทำอะไร?” ภูดิทเอ่ยถามน้องชายของเขา
“คืนนี้ผมว่าจะพาหม่อนไปออกงานด้วยครับ ถ้ามีสาวสวยไปออกงานด้วยคงดี...” เขาพูดจบก็หันมองหน้าใบหม่อนสาวสวยที่เขาพูดถึง ส่วนน้องชายคนเล็กก็นั่งเบะปากเมื่อได้ยินพี่ชายของตนเอ่ยปากชมสาวคนใช้ว่าสวย
--------------------------------------------------------------------------
[ติดตามตอนต่อไป] - [Follow the next episode]
[-กดใจ -เพิ่มเข้าชั้น -คอมเมนท์ให้กำลังใจ และฝากกดติดตามไรท์ด้วยนะครับ🙏]
S2(ต่อจากเรื่อง ไอมาเฟียนั่นเมียกู) เรื่องราวความรักของคู่ยูมิ และโจอิ น้องชายตัวแสบของโจดิน
U7 - ฉันเพิ่งมารู้ว่าเด็กที่ฉันถูกว่าจ้างให้อุ้มบุญ เป็นลูกของแฟนเก่าที่เลิกกันไปเมื่อสองปีก่อน… (ผู้ชายที่เขาไม่เคยรักฉัน)
เพื่อนของผมดันหาเด็กสาวมาเป็นติวเตอร์ให้ แถมเธอก็กำลังแตกเนื้อสาวซะด้วย ( ความใสซื่อของเธอทำให้ผมสับสนเรื่องตามไปง้อเมียที่เมืองนอกแล้วทำไงดี )
คู่หมั้นของ ‘โจดิน’ มาเฟียผู้ยิ่งใหญ่ ดันเป็น ’ยูมิ’ แฟนสาวผู้อ่อนแอของ ’นิเณอ’ หญิงแกร่งใจกล้า และบุคลิกของเธอมันก็ดันเข้าตาเขาเต็มๆ จนอยากได้เธอมาเป็นเมียแทน…
S2.2 ถ้าเธอไม่หยุด ฉันจะจับเธอทำเมียอีกคน ถือว่าฉันเตือนเธอแล้วนะแสนดี!...
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
ชาติที่แล้วของไห่เฉิงเขาเป็นประมุขมารที่ไม่สมหวังในความรัก มาแสนภพแสนชาติ และภพชาติที่หนึ่งแสนของเขา มีเหตุให้ต้องทำลายดวงจิตมารของตนเอง และเหลือเสี้ยวดวงจิตเอาไว้เพียงน้อยนิด ดวงจิตที่เหลืออยู่เขาอ้อนวอนขอต่อมหาเทพขอให้เขาได้เกิดเป็นมนุษธรรมดา ที่สมหวังในความรักม่ีครอบครัวที่อบอุ่น และไม่ขอจดจำอดีตชาติของตัวเองอีกต่อไป เขาขอเริ่มต้นใหม่ในดินแดนมนุษย์และไม่ว่าจะเกิดอีกกี่ครั้งกี่ภพกี่ชาติ ขอให้เขาได้สมหวังในความรักทุกภพทุกชาติไป
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เสิ่นหยวูแต่งงานกับเหอซวี่ที่เป็นสูติแพทย์ตอนอายุยี่สิบสี่ปี สองปีต่อมา เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ห้าเดือนแล้ว เหอซวี่ก็วางแผนแท้งลูกเธอด้วยมือตัวเอง และหย่าร้างกับเธอ ระหว่างช่วงเวลาที่มืดมนเหล่านี้ ตู้หยวุนปรากฏตัวเข้าในชีวิตของเสิ่นหยวู เขาทำดีต่อเธออย่างอ่อนโยน และให้ความอบอุ่นแก่เธออย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ทำให้เธอต้องเจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนเช่นกัน สุดท้าย เสิ่นหยวูจึงเข้มแข็งขึ้นหลังผ่านพ้นไปกับทุกอย่างแล้ว แต่เมื่อความจริงก็ถูกเปิดเผยในที่สุด เธอจะยอมรับและอดทนได้ไหม? อยู่เบื้องหลังตู้หยวุนผู้ที่หล่อเหลาดูมีเสน่ห์นั้นเป็นใคร?และเมื่อพบคำตอบแล้ว เสิ่นหยวูจะรับมือยังไง ?
เมื่อผู้หญิงที่เพื่อนๆ ตั้งสมญานามว่าแม่ชีอย่างเธอจับพลัดจับผลูต้องมาเจอกับผู้ชายหน้านิ่งที่เอะอะกอด เอะอะจูบอย่างเขา อา…แล้วพ่อคุณก็ดันเป็นโรคนอนไม่หลับ จะต้องนอนกอดเธอเท่านั้นด้วย แบบนี้เธอจะเอาตัวรอดได้ยังไงล่ะ “ชอบอาหารเหนือไหม” “ชอบมากเลยคุณ ให้กินทุกวันยังได้เลย” “มากพอจะอยู่ที่นี่ไหม” “แค่กๆๆ” …………… …………………………………………………………………………………………………………………………. “คุณ! เอากระบอกไฟฉายออกไปวางที่อื่นก่อนได้ไหม มันดันหลังฉัน ฉันนอนไม่หลับ” คนที่ใกล้จะหลับบอกเสียงอู้อี้ “เอ้อ! ไม่มีนี่” เขาบอกเสียงอึกอัก “มันจะไม่มีได้ไง ก็มันดันหลังฉันอยู่เนี่ย” เธอมั่นใจว่ามีแน่ๆ ก็หลักฐานมันทนโท่ขนาดนี้ “อืม! นอนเถอะ ไม่มีหรอก” “จะไม่มีได้ไง ก็นี่ไง” คุณเธอยืนยันด้วยการคว้าหมับเข้าให้ พร้อมหันกลับมา หวังงัดหลักฐานที่อยู่ในมือมาพิสูจน์ให้ได้เห็นกันจะๆ คาตา แต่… ตึก ตึก ตึก อา…! ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่คาตา แต่ยังคามือเธอด้วย เธออ้าปากตาค้างราวกับกำลังตกตะลึงสุดขีด ก่อนจะก้มมองไอ้ที่คิดว่าเป็นกระบอกไฟฉายในมือสลับกับเงยหน้ามองเขา จากนั้นก็… “กรี๊ด…!” เธอร้องลั่นพร้อมกับยื่นเท้าถีบออกไปสุดแรง ตุบ! คนไม่ทันตั้งตัวร่วงตุ้บลงไปบนพื้น ครั้นพอจะลุกขึ้น คุณเธอก็ตะโกนเสียงดังลั่นขึ้นมาอีก “หยุดอยู่ตรงนั้นเลยนะไอ้คนลามก คนเลว คุณมันทุเรศที่สุด คุณให้ฉันจับไอ้นั่นของคุณ มัน…อี๋…! เธอพูดพลางทำท่าขยะแขยง แล้วมาส่องกระบอกไฟฉายพ่อเลี้ยงพร้อมกันนะคะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด