เธอได้รับมอบหมายให้สัมภาษณ์นักธุรกิจชื่อดัง แต่ไม่นึกเลยว่าการพบกันครั้งแรกระหว่างเขาและเธอ...จะทำให้เธอสูญเสียพรหมจรรย์ไป เขามีเงิน มีอำนาจ และมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เป็นผู้ชายที่เธอควรหลีกหนีให้ไกลที่สุด เธอตั้งใจจะลืมเรื่องคืนนั้นแล้วใช้ชีวิตตามปกติ แต่ทว่า...เช้ามา เธอก็ตกงาน จากนั้นก็โดนนักเลงมาข่มขู่คุกคาม แถมยังโดนเจ้าของห้องเช่าไล่ออกอีกต่างหาก เธอมั่นใจว่าคนที่หาเรื่องกลั่นแกล้งเธอก็คือคู่หมั้นของนนทิวรรธน์ ที่เธอต้องมาซวยก็เพราะผู้ชายคนนี้คนเดียว !! เธอบุกไปบ้านเขาเพื่อทวงความยุติธรรม เพื่อให้เขามอบความปลอดภัยให้เธอ แต่ไม่นึกเลยว่าเธอจากกลายเป็นเมียลับของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ สถานะเมียลับที่อยู่ในความคุ้มครองของเขา ได้เงินทองมากมาย ใช้ชีวิตสุขสบาย แต่ไม่เคยได้รับความรัก และในวันที่เขาจะแต่งงาน คือวันเดียวกับที่เธอเพิ่งรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ และที่สำคัญสุดคือ...หัวใจทั้งดวงของเธอเป็นของเขาไปแล้ว ซ้ำร้าย…เธอมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดเขาเพียง 1 เดือน ก็โดนเขาขับไล่อย่างไม่ไว้หน้า เธอต้องเก็บเสื้อผ้าออกมาจากชีวิตด้วยความรู้สึกที่ย่ำแย่...ทิ้งสถานะเมียลับให้เป็นเพียงความทรงจำ พร้อมกับฝังความลับเรื่องการตั้งครรภ์ไม่ให้ล่วงรู้ถึงหูเขา 2 ปีต่อมา เธอได้พบกับอดีตสามีอีกครั้ง ในฐานะเลขาชั่วคราวกับท่านประธานบริษัท ความลับเรื่องลูก...เขายังไม่รู้ และจะไม่มีวันได้รู้เด็ดขาด แต่ใครจะนึกล่ะว่าความลับไม่มีในโลก !
เทียนหอมสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เพื่อรวบรวมความกล้า ในมือคือกล้องที่มีสายคล้องคอไว้ เธอใส่เสื้อยืดกับกระโปรงทรงพลีทยาวคลุมเข่า ผมยาวมัดรวบปล่อยเป็นหางม้าไว้ด้านหลัง เปิดเผยดวงหน้าเรียวรูปไข่ที่ประกอบไปด้วยเครื่องหน้าสวยเฉี่ยว ดวงตาโตเรียว ปากอิ่ม จมูกโด่งรั้น เธอแต่งหน้าอ่อนๆ ดูเป็นธรรมชาติ ไม่ได้เสริมแต่งจุดไหนมากเป็นพิเศษ โดยรวมแล้วเธอแต่งตัวเรียบร้อยตามกาลเทศะ แต่แม้จะแต่งเรียบง่าย ทว่าใบหน้าสวยหวานของเธอก็ยังดูผุดผาดโดดเด่นอยู่ดี
เธอมีกระเป๋าสะพายข้างคล้ายถุงย่าม ในนั้นมีทั้งสมุดสำหรับจดบันทึก และปากกา
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเปลี่ยนจากทำข่าวอาชญากรรมมาอยู่ฝ่ายบันเทิง และงานแรกของเธอก็ไม่ใช่การหาข่าวของดารานักร้องหรือบุคคลสาธารณะทั่วไป แต่เป็นการสัมภาษณ์มหาเศรษฐี
นนทิวรรธน์ รดิศไชยนันท์ อายุ 32 ปี มีบิดาเป็นเจ้าของนิคมอุตสาหกรรม ทำธุรกิจนำเข้า – ส่งออกสินค้าและอสังหาริมทรัพย์หลายพันล้าน และมีมารดาเป็นเจ้าของธุรกิจเพชร สตาร์ไดมอนต์
เขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียวที่จะต้องสานต่อธุรกิจของพ่อและแม่ โดยเขาเรียนจบปริญญาโทจากประเทศออสเตรเลีย และตอนนี้ก็อยู่ในช่วงรับงานต่อจากพ่อแม่ เขาจึงเป็นผู้ชายที่เนื้อหอมที่สุดในช่วงนี้ เป็นคนที่ผู้หญิงร้อยละแปดสิบต่างใฝ่ฝัน ติดอันดับ 1 ใน 10 สามีในฝันที่ผู้หญิงทั่วประเทศพากันโหวตให้
และในตอนนี้เขากำลังคบหาดูใจอยู่กับวิมลิน นางเอกสาวดาวรุ่ง จึงยิ่งเป็นที่จับตามองมากขึ้น เธอเองก็มาที่แห่งนี้เพื่อสัมภาษณ์เขาในฐานะที่เขาเป็นนักธุรกิจไฟแรงและเป็นคู่หมั้นของวิมลิน
กว่าจะติดต่อขอสัมภาษณ์ได้ช่างยากเย็น รอนานเป็นเดือนกว่าทางเขาจะตอบรับยอมให้เธอไปทำข่าวได้ ซึ่งดูเหมือนว่าเธอจะเป็นนักข่าวคนแรกที่ได้รับอนุญาต
หญิงสาวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ อีกครั้ง แล้วค่อยๆ ผ่อนลมหายใจออกมา เธอยืนนิ่งอยู่หน้าห้องมาพักใหญ่แล้ว
“เชิญสิครับ คุณนนท์ว่างแค่ชั่วโมงเดียวนะครับ เดี๋ยวก็ต้องเข้าประชุมแล้ว” พิพัฒน์ ชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะหน้าห้อง ในตำแหน่งเลขาได้เอ่ยเตือนสติ
“อ่า...นั่นสินะคะ คงเพราะฉันตื่นเต้นมากเกินไป” เธอกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอ มีเวลาแค่ชั่วโมงเดียว ดังนั้นเธอต้องทำให้ดีที่สุด จะผิดพลาดไม่ได้เด็ดขาด
มือเรียวเคาะประตูตามมารยาท
ก๊อกๆ
“ดิฉันนักข่าวไทยนิวสตาร์ค่ะ ที่มาขอนัดสัมภาษณ์คุณในวันนี้”
“...” ไม่มีเสียงตอบรับจากคนในห้อง เธอหันไปมองหน้าพิพัฒน์ ซึ่งฝ่ายนั้นก็ขมวดคิ้ว ก่อนจะบอกว่า
“เข้าไปได้เลยครับ ผมบอกคุณนนท์ไว้ให้แล้วล่ะ”
“ค่ะ” หญิงสาวพยักหน้า ก่อนผลักประตูเปิดแล้วเดินเข้าไป...ภายในห้องเย็นฉ่ำ แต่นั่นกลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนมีเกล็ดน้ำแข็งเกาะตรงก้อนเนื้อที่อกข้างซ้าย
บรรยากาศในห้องอึมครึม ออกสลัวๆ เพราะไม่ได้เปิดไฟ พื้นที่กว้างขวาง มีโต๊ะทำงานตัวใหญ่ตั้งตระหง่านกลางห้อง ที่ริมผนังห้องด้านหนึ่งเป็นโซฟาตัวยาว
“มาแล้วเหรอ รออยู่พอดี” เสียงห้าวดังจากทางเบื้องหลัง ทำเอาเธอสะดุ้ง ครั้นหันไปมองตามเสียงก็เห็นผู้ชายร่างสูงใหญ่ยืนอยู่....เธอเองก็พอจะเคยเห็นหน้าเขาผ่านทางสื่ออยู่บ้าง แต่พอได้มาเจอตัวจริงในระยะใกล้ถึงได้รู้...ความหล่อที่มากเกินไปจนอยู่ในจุดอันตราย มันเป็นแบบนี้นี่เอง
ใบหน้าหล่อเหลาราวรูปสลัก คิ้วเข้มดำยาวพาดขนานดวงตาสีดำสนิทที่จ้องมองมาเหมือนจะกลืนกินตัวเธอ
“ระ เริ่มงานกันเลยไหมคะ”
“ได้สิ” พูดจบก็คว้าเอวเล็กกระชากจนตัวเธอปลิวมาปะทะลำตัวแกร่ง ก่อนที่ริมฝีปากกระด้างจะทาบทับลงมาที่กลีบปากบาง...หญิงสาวตาโต ดิ้นขลุกขลัก ในสมองปั่นป่วนพอๆ กับช่วงท้อง นี่มันสถานการณ์อะไรกัน เธอไม่เคยคิดว่าจะต้องมาเจออะไรแบบนี้
บ้าสิ... นี่เธอโดนเขาจูบอย่างนั้นเหรอ !
โดนท่านประธานที่ใครๆ พากันบอกว่าเลือดเย็นยิ่งกว่ามัจจุราชจูบเนี่ยนะ
พลันนั้น...เรี่ยวแรงที่เธอมีก็อ่อนกำลังลงดวงตาคู่สวยหรี่ปรือ เมื่อปลายชิวหาสากสอดเข้ามาในโพรงปากเธออย่างสำรวจและจาบจ้วง...จูบแรกของเธอโดนขโมยไปโดยไม่ทันตั้งตัว ทว่าเธอกลับไม่รังเกียจ ซ้ำยังวาบไหวไปกับรสสัมผัสแปลกใหม่ที่ไม่เคยคุ้น
จุ๊บ...~
อา... หัวสมองของเธอขาวโพลน ขาสั่น หากแขนแข็งแกร่งไม่โอบเอวเธอไว้ มีหวังตัวเธอคงรูดลงไปกองที่พื้นแน่ๆ
ชายหนุ่มยกตัวเธอขึ้นอุ้มขวางอก พาไปวางบนโซฟาตัวใหญ่ ก่อนจะปลดเนกไทออก ตามด้วยกระดุมเสื้อด้านบนที่ถูกปลดลงมาสองสามเม็ด เผยให้เห็นแผงอกกว้างกำยำของคนที่ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
“นะ นี่...คุณ ฉัน...” เธอพยายามจะร้องห้าม ก่อนจะชะงักเมื่อเขาหันไปคว้าแก้วทรงสูงซึ่งมีน้ำสีแดงอยู่เกือบครึ่งแก้วบนโต๊ะมาดื่ม แล้วจูบปากเธอ...ส่งแอลกอฮอล์ที่มีกลิ่นองุ่นเข้มข้นเข้ามาในริมฝีปากเธอ และเธอก็เผลอกลืนลงคอโดยอัตโนมัติ...รสชาติซาบซ่านร้อนวาบจากลำคอสู่กระเพาะ หัวใจเธอเต้นแรงขึ้น เมื่อเขาทำแบบเดิมซ้ำอีกครั้ง...
“ผมต้องการคุณ” เขากระซิบ ขณะอ้าปากงับขอบหูเธอ พ่นลมร้อนใส่ ส่วนมือสาละวนอยู่กับการเลิกเสื้อยืดขึ้นไปไว้เหนือทรวงอก ใช้ปลายนิ้วสะกิดตะขอด้านหน้าของบราเซียร์จนหลุดจากกัน ปลดปล่อยก้อนเนื้อสองก้อนให้เป็นอิสระ
ดอกบัวตูมขนาดกะทัดรัด ไม่ได้เล็กมาก แต่ก็ไม่ได้ใหญ่จนเกินไป ท้าทายสายตาเขา มันเคร่งครัดนิ่มหยุ่นและสู้มือยามที่เขาจับบีบขยำ ปลายยอดแข็งเป็นไตจนเขาอดใจไม่ไหวต้องใช้ปลายลิ้นแตะและเล็มก่อนดูดกลืนอย่างกระหายหิว
นาทีนั้น...หญิงสาวหมดแรงจะต่อต้าน เคลิบเคลิ้มไปกับสัมผัสรัญจวน เขาถอดกระโปรงของเธอออก ตามด้วยกางเกงชั้นในที่หลุดพ้นเรียวขา ปลายนิ้วกรีดตามรอยแยกของสงวนส่วนล่าง ก่อนขยี้คลึงเม็ดกระสัน จนเธอเด้งกายบิดเร่า เผลอครางกระเส่าเร่าร้อน เธอเป็นอะไรไปแล้ว...ทำไมถึงต้องการเขา...ต้องการไออุ่น ต้องการอ้อมกอด และต้องการตกเป็นของเขา
นนทิวรรธน์ปลดเข็มขัด ตามด้วยรูดซิบกางเกง จับท่อนเอ็นที่แข็งกร้าวพร้อมเผด็จศึกออกมา รอบลำโคนเต็มไปด้วยเส้นเลือดปูดโปน...ขนาดที่ใหญ่โต ส่วนหัวบานเยิ้มมันวาวด้วยน้ำหล่อลื่นที่หลั่งชโลม ทำให้เธอหายใจติดๆ ขัดๆ
นึกกลัว แต่อยากลองมากกว่า
เขาแนบกายลงมาพร้อมกดส่วนหัวมหึมาเข้าที่ร่องหลืบ ก่อนกระทุ้งดันเข้าไป
“โอ๊ย...! ” ดวงตาคู่สวยเบิกโพลง เจ็บแปลบราวกับร่างกายจะฉีกขาด...ไม่เห็นจะวาบหวามชวนฟินเหมือนที่เคยอ่านในนวนิยายเลย แต่กระนั้นร่างกายของเธอกลับไม่อยากให้เขาถอดถอนตัวออก แม้จะเจ็บ...แสบราวจะปริแยก แต่เธอกลับกอดรัดตัวเขาไว้
ชายหนุ่มจูบเธอซ้ำๆ จูบ...จนเธอเริ่มผ่อนคลาย กุหลาบยอมรับสิ่งแปลกปลอมที่แทรกผ่านเข้ามา ความเจ็บบรรเทาเบาบาง ความหฤหรรษ์มาแทนที่...เธอหลับตาพริ้ม ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับความรัญจวนชวนซ่านหวาม ก้อนเนื้อตรงอกข้างซ้ายเต้นระรัวราวจะปะทุออกมาข้างนอก ลมหายใจติดๆ ขัดๆ ดวงตาคู่สวยหรี่ปรือ ปากอิ่มขบเม้มเป็นเส้นตรง
นนทิวรรธน์เร่งจังหวะ จากเนิบช้าเป็นถี่รัวและกระชั้นถี่ยิบ
ปั้กๆ
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังก้องห้อง เต้าทรวงดีดเด้ง ในขณะที่เขาอ้าปากงับปลายยอด ดูดดุน สลับกับใช้มือนวดเฟ้นเคล้นคลึง เธอเผลอส่งเสียงกระเส่าครวญครางจนแทบไม่อยากเชื่อว่านี่จะเป็นเสียงของเธอเอง
เนิ่นนานเกือบชั่วโมง ในที่สุดเขาก็ถอดถอนแก่นกายออกจากตัวเธอ หลังจากที่ปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นจนหมดทุกหยาดหยดแล้ว เขารูดซิบกางเกง ใส่เข็มขัด พลางปรายตามองร่างระหงที่นอนเปลือยเปล่าบนโซฟา
“เดี๋ยวออกมาคุยด้วย ขอล้างตัวแป๊บหนึ่ง”
เขาเป็นคนรักสะอาด และไม่ชอบให้ตัวเองมีกลิ่นเหงื่อ บวกกับตอนนี้ร่างกายยังคงร้อนผ่าว ทั้งที่เพิ่งเสร็จกามกิจไป เขาไม่เข้าใจว่าตัวเองเป็นอะไรไป สิ่งเดียวที่นึกถึงในยามนี้คือ...น้ำ
ใช่ คงมีเพียงน้ำที่จะดับความร้อนรุ่มให้เขาได้
ร่างสูงเข้าไปในห้องน้ำ ปดประตูตามหลังเสียงดัง ในขณะที่เทียนหอมค่อยๆ ยันกายลุกนั่ง ร้าวระบมไปทั้งตัว โดยเฉพาะตรงหว่างขา เหมือนมันจะบวมๆ จนรู้สึกได้
เธอยกมือเรียวขึ้นลูบใบหน้า กะพริบตาถี่ๆ
นี่เธอ...เสียตัวแล้วอย่างนั้นเหรอ
เสียให้กับผู้ชายที่เพิ่งเจอหน้าเป็นครั้งแรก
บ้าที่สุด นี่มันอะไรกัน....
จะแจ้งความก็คงไม่ได้ จริงอยู่ที่แรกๆ เธอขัดขืน แต่ต่อมาเธอก็เผลอไผลยินยอมเป็นของเขาเองโดยไร้การต่อต้าน แล้วจะให้แจ้งความได้ยังไงกัน
ช่างน่าอับอายเหลือเกินที่ทำตัวใจง่าย
เธอเรียงลำดับความคิดไม่ถูก มันสับสนวุ่นวาย
เธอต้องถอยไปตั้งหลักก่อน...
เทียนหอมกระวีกระวาดลุกขึ้นสวมใส่เสื้อผ้าอย่างรวดเร็ว พร้อมใช้มือลูบผมที่ยุ่งเหยิงแบบลวกๆ แล้วรีบเดินแกมวิ่งออกจากห้องท่านประธาน โดยไม่สนใจสายตาของเลขาหน้าห้องที่มองตามเลย
เธอแต่งงานกับสามีที่เย็นชา หน้าดุ และไม่เคยบอกเธอว่ารักสักคำ เธอจะอบอุ่นแค่ตอนเขาร่วมรักด้วย จากนั้นเธอจะรู้สึกเหน็บหนาวกับความเฉยชาที่เขามีให้ สิ่งเดียวที่ทำให้เธอมีกำลังใจคือการตั้งครรภ์ลูกแฝด เธอไปจากเขาโดยไม่ล่ำลา 4 ปีต่อมา เธอและเขาได้พบกันอีกครั้ง พร้อมเด็กฝาแฝดวัย 3 ขวบที่เรียกเขาว่า ‘พ่อ’
เพราะน้ำเมาในคืนนั้น เธอจึงพลาดท่า ‘ท้องไม่มีพ่อ’ เธอจำผู้ชายคนนั้นไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาคือใคร สิ่งที่จำได้ดีคือเสียงของเขาเท่านั้น วันเวลาผ่านไป เธอคลอดลูกชายฝาแฝด มีคนแปลกหน้ามาจับตัวเธอและลูกๆไป…คฤหาสน์หลังใหญ่ราวกับวังคือสถานที่เธอและลูกถูกพาตัวมา เธอได้พบใครคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร แต่ทว่าแววตากลับเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง เขาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ “ในที่สุด ผมก็ตามหาคุณเจอเสียทีนะ” เธอจำได้…เสียงทุ้มทรงอำนาจที่ไม่เคยลืมเลย เขาคือผู้ชายในคืนนั้น ! “คุณตามหาฉันเจอได้ยังไง” “ไม่มีอะไรที่ผมต้องการแล้วจะไม่ได้หรอกนะ ถึงแม้จะใช้เวลานานไปหน่อยก็เถอะ” หญิงสาวนั่งคุกเข่ากอดลูกๆแนบอก เนื้อตัวสั่นระริก ถามด้วยเสียงที่สั่นจนควบคุมไม่อยู่ “คุณต้องการอะไร” “ตอนแรกแค่อยากรู้ว่าผู้หญิงคนไหนกันที่มาเสียตัวให้ผมแล้วก็ชิ่งหนีไป แต่พอรู้ว่าคุณมีลูก ผมก็ต้องการลูก” “ไม่ได้นะ” เธอกอดลูกชายทั้งสองแน่นกว่าเดิม “เด็กๆเป็นลูกของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ” ร่างสูงขยับมายืนใกล้ๆ หรี่ตามองเธอและเด็กๆ ก่อนยกมุมปากเป็นรอยยิ้มหยัน “มีแค่มดลูก คุณจะท้องได้เองหรือไง ถ้าไม่ได้สเปิร์มจากผมไปน่ะ” หญิงสาวหน้าร้อนวูบ… เพิ่งรู้ก็วันนี้เองว่า พ่อของลูกเธอนั้นไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา แต่เป็นประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ร่ำรวยมหาศาล ที่สำคัญเขาต้องการลูกๆ เธอจะต้องหนีจากเงื้อมมือของเขาให้ได้ อุตส่าห์อุ้มท้องมาตั้ง 9 เดือน จะยอมให้เขามาพรากลูกไปจากอกไม่ได้เด็ดขาด แม้จะตั้งใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะต้องหนีให้ได้ แต่ทว่าสุดท้ายแล้ว…นอกจากจะหนีไม่พ้นแล้ว อย่าว่าแต่ลูกเลย แม้แต่หัวใจของเธอก็ตกเป็นของเขา !
ปภาวีหลงรักนัธทวัฒน์ข้างเดียวมานานแล้ว ในวันที่เขาหมั้นหมายกับผู้หญิงคนอื่น เป็นวันที่เธอพลาดพลั้งมีอะไรกับเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อพ่อขายเธอให้เป็นเมียเก็บของเขาในราคา 3 ล้าน ตอนกลางวันเธอเป็นคนรับใช้ที่โดนทุกคนในบ้านกดขี่รังแก ส่วนค่ำคืน เธอคือนางบำเรอของท่านประธานที่มองว่าเธอเป็นเพียงของเล่นเท่านั้น เมื่อเธอเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาและอยู่ในความเสี่ยง ‘แท้งคุกคาม’ หนทางเดียวที่จะปกป้องลูกฝาแฝดชายหญิงในท้องไว้ได้คือเธอต้องหนีไปจากเขา...!!
เธอเป็นเลขาของเขา ส่วนเขาก็เป็นเจ้านายของเธอ.... อัมพิกาตกหลุมรักนิโคลัสตั้งแต่แรกเห็น ทว่า...สถานะระหว่างเลขากับท่านประธานช่างต่างกันจนเธอไม่อาจคาดหวังเกินตัว 1 ปีผ่านไป จากการได้ทำงานใกล้ชิด เธอยิ่งหวั่นไหวจนยากจะถอนหัวใจ ได้แต่เก็บงำความรักไว้เป็นความลับในใจ ไม่สามารถเอ่ยปากไปได้ จนวันหนึ่ง เธอและเขาต่างเมาด้วยกันทั้งคู่จนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน เธอยินยอมเพราะรัก แต่เขามีเพียงความใคร่ ในวันที่เสียตัวให้เขาแล้ว เขาพาเธอไปอยู่ด้วยกันที่บ้าน...ที่นั่น ก็มีสาวสวยอยู่แล้วคนหนึ่ง เขาตั้งกติกาว่า ระหว่างเธอกับผู้หญิงคนนั้น...หากใครมีทายาทให้เขาได้ก่อน เขาจะยอมจดทะเบียนสมรสด้วย เพราะสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ความรัก แต่เป็นทายาทสืบสกุล ! ผู้ชายเลือดเย็นคนนี้น่ะหรือที่เธอรัก...ต่อให้เธอเกิดตั้งท้องขึ้นมาก็อย่าฝันเลยว่าเธอจะยอมให้เห็นหน้าลูก !!
สรวิชญ์คือรักแรกของฝากขวัญ... เธอเป็นลูกสาวหัวหน้าคนงาน ส่วนเขาคือลูกชายเจ้าของไร่สิงห์คำรามที่อายุมากกว่าเธอ 5 ปี ความใกล้ชิดก่อเกิดความสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง เธอในวัยเยาว์ ไร้เดียงสา เรียนยังไม่จบมัธยมปลายก็เสียตัวให้เขา เธอวาดฝันถึงอนาคตที่ดี ความรักที่สวยงาม แต่แล้ว...ในวันที่เธอจบการศึกษาชั้น ม.6 คือวันเดียวกับที่ถูกเขาทอดทิ้ง พ่อพาเธอไปอยู่กรุงเทพเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ ในขณะที่ท้องของเธอเริ่มโตขึ้นทุกวัน โดยที่สรวิชญ์ไม่เคยรู้เลยว่าเธออุ้มท้องสายเลือดของเขาอยู่ เวลาผ่านไป 6 ปี ลูกสาวของเธออายุ 5 ขวบ เธอได้เดินทางกลับมาที่ไร่สิงห์คำรามเพื่อดูแลสรัณซึ่งเป็นเจ้านายเก่าของพ่อ เธอและเขาได้พบกันอีกครั้ง...เขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จากหนุ่มหน้าใส กลายเป็นผู้ชายดุดัน ไว้หนวดเครา ตัวโตร่างใหญ่ ที่สำคัญ...เขามีคู่หมั้นแล้ว แต่เธอไม่มีทางให้เขาสมหวังหรอกนะ เธอเคยเสียใจมากแค่ไหน เขาต้องได้รับความเสียใจมากกว่าเธอ ฝากขวัญไม่รู้เลยว่า...ความอยากเอาคืนในวันนั้น จะทำให้เธอตกหลุมรักอดีตสามีเป็นครั้งที่สอง ทว่าเธอไม่ใช่เด็กสาวม.ปลายผู้ไร้เดียงสาอีกแล้ว เธอไม่มีวันทำผิดพลาดเหมือนเมื่อก่อนแน่ๆ !
เธอเคยคิดว่าเขา รัก’จึงยอมยกให้ทั้งตัวและหัวใจ ทว่าในความจริง เธอเป็นได้แค่ ‘เมียในความลับ’ ที่ทำได้เพียงรอเวลาให้เขามานอนด้วย เจ้าสาวที่เขาจะแต่งงานด้วย ไม่ใช่เธอ แต่เป็นผู้หญิงคนอื่น และฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ความอดทนของเธอขาดลงก็คือการที่เธอตั้งครรภ์ แต่เขากลับแนะนำให้ไปทำแท้ง พอที...เธอไม่สามารถคบกับผู้ชายใจร้ายเช่นเขาได้อีก พรอุษาตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์ที่มีแต่ความเจ็บปวด อุ้มท้องลูกน้อยหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ 4 ปีผ่านไป บาดแผลในใจเริ่มจางหาย พร้อมลูกสาวที่เติบโตมาอย่างน่ารัก แล้วในวันหนึ่ง...โชคชะตาก็ทำให้เธอบังเอิญพบเจอกับสามีเก่าอีกครั้ง ถ่านไฟที่ยังไม่ทันได้ดับสนิทเริ่มติดไฟขึ้นมาอีกครั้ง...แต่ทว่าเธอจะไม่มีวันยอมผิดพลาดอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ ...................... “นี่มัน” ชายหนุ่มย่นหัวคิ้ว ดึงแผ่นทดสอบมาดู... ถึงเขาจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าที่ถืออยู่นี้คืออะไร แล้วความหมายของสองขีดแดงคืออะไร...สายตาคู่คมจ้องหน้าเธออย่างเดือดดาล “เธอท้องเหรอ” “คือ...มัน...เอ่อ” เธออึกอัก “เธอท้อง...” เขากดเสียงให้ต่ำลงไปอีก ส่งผลให้เธอตัวลีบเล็ก อึกอัก “พิมลองตรวจดู ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะขึ้นสองขีด” “ไม่คิดงั้นเหรอ” ชายหนุ่มแค่นเสียง แสยะมุมปาก ปล่อยมือจากเธอพร้อมขยำแผ่นทดสอบปาลงพื้น “ฉันจะถือซะว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ไปเอาเด็กออกซะ”
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"