เธอแต่งงานกับสามีที่เย็นชา หน้าดุ และไม่เคยบอกเธอว่ารักสักคำ เธอจะอบอุ่นแค่ตอนเขาร่วมรักด้วย จากนั้นเธอจะรู้สึกเหน็บหนาวกับความเฉยชาที่เขามีให้ สิ่งเดียวที่ทำให้เธอมีกำลังใจคือการตั้งครรภ์ลูกแฝด เธอไปจากเขาโดยไม่ล่ำลา 4 ปีต่อมา เธอและเขาได้พบกันอีกครั้ง พร้อมเด็กฝาแฝดวัย 3 ขวบที่เรียกเขาว่า ‘พ่อ’
ร่างบางสะท้านสะเทือนตามแรงกระแทกกระทั้นที่ฝ่ายชายประเคนใส่ เต้านมคู่อวบสะท้อนขึ้นลง ปลายเม็ดยอดชูชัน สองขาเรียวแยกออกกว้างโดยมีท่อนเนื้อลำใหญ่กำลังผลุบเข้าๆ ออกๆ กลางร่องหลืบที่ปกคลุมด้วยเส้นขนสีดำนุ่ม
เธอปล่อยตัวปล่อยใจไปกับบทเสน่หาที่สามีกระทำอย่างหนักหน่วงและเร่าร้อน
ลมหายใจหอบกระเส่า นิ้วกางออกแล้วครูดไปตามแผ่นหลังกว้าง ใบหน้างามแหงนเงยขึ้น ครางพึมพำ
“อ๊ะ อ๊า... ซี๊ด...”
ชั่วแว่บหนึ่ง เธอได้สบตากับเขา เห็นแววบางอย่างในดวงตาคู่คม ทำให้เธอรู้สึกใจกระตุกชอบกล
“นิ่งเหมือนท่อนไม้” เขาถอดถอนตัวตนออก หลังจากเสร็จกิจ แล้วสวมเสื้อผ้าตามเดิม คว้าบุหรี่มาจุดสูบ ก่อนปรายตามองเธอเป็นระยะ “คุณเคยมีอารมณ์ร่วมบ้างไหม”
“ทำไมถามอย่างนี้ล่ะคะ” เธอถามเสียงเบา ระบมช่วงล่าง มือสั่นระริกคว้าผ้าห่มมาคลุมถึงอก “ฉันให้ความร่วมมือตลอด ไม่เคยขัดเวลาที่คุณต้องการ”
“งั้นเหรอ ตั้งแต่แต่งงานกันมา 4 เดือน คุณดูเหมือนไม่มีอารมณ์อะไรเลย แข็งทื่อ”
เธอกำมือแน่นขึ้น ปากอิ่มขบเม้ม “ขอโทษค่ะ”
“คุณจะขอโทษทำไม คุณเคยนับบ้างไหม ตั้งแต่คบกันมา คุณขอโทษผมไปตั้งกี่ครั้งแล้ว” เขาตะคอก ดวงตาคู่คมวาววับ
“แค่นี้ ทำไมคุณต้องเสียงดังด้วยล่ะคะ”
“ก็คุณ...” เขากัดกรามกรอด
“อยู่ด้วยกันทีไร คุณก็ชอบหงุดหงิดใส่ฉันทุกที มันเป็นเพราะอะไรกันคะ”
“ก็ดูคุณทำตัวซะก่อนสิ”
“ฉันทำอะไร...ฉันก็เป็นของฉันแบบนี้...” เสียงของเธอขาดหาย เมื่อรู้สึกคลื่นไส้ ยกมือปัดไปมาแถวปลายจมูก “เหม็นควัน คุณจะมาสูบทำไมในห้อง”
“ทำไมล่ะ...บ้านนี้เป็นบ้านของคุณหรือไง ผมถึงจะสูบตรงนี้ไม่ได้” คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูง ก่อนจะดับบุหรี่ที่จานรอง แล้วขึ้นเตียงมาคว้าเอวเล็กเข้ามากอด ริมฝีปากสัมผัสไปทั่วตามหน้าผาก แก้ม และซอกคอระหง ในขณะที่มือใหญ่ดึงผ้าห่มเหวี่ยงไปไกลๆ แล้วจับเต้าอวบขยำขยี้
“พะ พอแล้ว ฉันรู้สึกผะอืดผะอม”
“สำออยเก่งซะจริงๆ ” เขายิ้มมุมปาก ก่อนดันตัวเธอให้เอนลงนอนราบ จากนั้นก็ขึ้นคร่อมเธอ จับสองขาเรียวแยกออกกว้างแล้วดันท่อนเอ็นเข้าไปในร่องรักที่ฉ่ำชื้น
ร่างงามสะท้านสะเทือน ยอมให้เขาหาความสุขบนเรือนร่างของเธอ ทว่าในใจกลับกำลังกรีดร้องด้วยความน้อยใจ
เธอและเขาแต่งงานกันเพราะความรัก แรกๆ ทุกอย่างก็ดีและมีความสุข ทว่าเวลาผ่านไปเพียงสามเดือน เขาก็เปลี่ยนไป นี่ 1 เดือนเต็มๆ แล้ว ที่เขาไม่เคยถนอมใจเธอเลย
เธอจะรู้สึกอบอุ่นแค่เฉพาะตอนร่วมรักกับเขา...เมื่อทุกอย่างเสร็จสิ้น ความเย็นชาก็กล้ำกรายเข้ามา
เขาผละออกห่างจากเธอทันทีที่เสร็จกิจ อาบน้ำเสร็จก็สวมเสื้อผ้า แล้วออกไปทำงาน ทิ้งให้เธอนั่งนิ่งอยู่บนเตียง เจ็บร้าวระบมไปหมด และอาการไม่สบายตัวที่เกิดขึ้นก็ทำให้เธอรู้สึกไม่ดีเอาเสียเลย
หญิงสาวลุกวิ่งเข้าห้องน้ำ โก่งคออาเจียนจนน้ำตาไหล
“อาการแบบนี้คงไม่ใช่ว่าท้องหรอกนะคะ” เสียงของหญิงวัยกลางคนดังขึ้นจากหน้าประตูห้องน้ำ ทำให้หญิงสาวชะงัก เธอหยุดการล้างหน้า แล้วหันไปมองสมศรีซึ่งเป็นหัวหน้าคนรับใช้
“ป้าเข้ามาทำไมคะ อยู่ๆ ก็พรวดพราดเข้ามา เคาะประตูสักครั้งก็ไม่มี”
สมศรียักไหล่ “พอดีได้ยินเสียงอ้วก เลยเข้ามาดูน่ะค่ะ ว่าไงคะ คงไม่ใช่ว่าท้องหรอกใช่ไหม”
“ฉันจะเป็นอะไรก็เรื่องของฉัน ออกไปจากห้องได้แล้ว” เธอพูดเสียงเรียบ เธอรู้ดีว่าสาวใช้ทุกคนตั้งท่าเป็นปรปักษ์กับเธอ เริ่มตั้งแต่เมื่อไหร่กันนะ...น่าจะพร้อมๆ กับชยางกูรกระมัง ประมาณเมื่อเดือนที่แล้วที่ทั้งสามีและคนรับใช้ต่างก็ทำท่าทางหมางเมินใส่เธอ เธอไม่เข้าใจเลยว่าเกิดอะไรขึ้น
“แหม...ก็ไม่ได้อยากอยู่นานนักหรอกค่ะ อาเจียนก็อย่าทำเลอะเทอะล่ะ ฉันขี้เกียจทำความสะอาด”
“ป้าลืมสถานะตัวเองแล้วหรือคะ ป้าเป็นคนรับใช้นะ หน้าที่ของป้าคือทำความสะอาด”
“ฉันรับใช้แค่เจ้านายของฉันเท่านั้นแหละ”
ภันทิลาเม้มปากแน่น “ฉันก็ถือเป็นเจ้านายของป้าคนหนึ่งนะ”
หญิงวัยกลางคนเงยหน้าหัวเราะ “งั้นเหรอ แค่เมียที่ไม่มีใบทะเบียนสมรสน่ะเหรอ หัวนอนปลายเท้าก็...”
“หุบปาก” เธอตวาดลั่น “ฉันสามารถไล่ป้าออกจากงานได้นะ”
“อ้อ งั้นเหรอคะ คุณมีอำนาจขนาดนั้นเลยเหรอ ถ้าคิดว่าจะทำได้ก็ลองดูสิคะ” พูดจบก็เชิดหน้าออกไป ภันทิลากำสองมือแน่นด้วยความโมโห...
เธอรอจนเบาคลื่นไส้แล้ว จึงลงไปที่ห้องอาหาร เธอไม่แปลกใจเลยที่เปิดตู้กับข้าวมา เห็นมีแค่ไข่ต้ม 2 ฟอง
“ทุกๆ เช้ากับข้าวเตรียมพร้อมทุกอย่าง แต่พอคุณชวัลไปทำงาน กลับเหลือแค่ไข่ต้ม เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ยังไม่เลิกคิดแกล้งฉันด้วยวิธีเด็กๆ อีกเหรอคะ”
เธอหันไปถามสมศรีที่เดินมายืนอยู่เบื้องหลัง
“ไข่ต้มดีต่อสุขภาพนะคะ ส่วนกับข้าวอื่นๆ พอคุณชวัลไปทำงาน พวกเราก็แบ่งกันกินหมดแล้วล่ะค่ะ”
“ดีจังเนอะคนรับใช้บ้านนี้” หญิงสาวแค่นเสียง “ฉันไม่คิดจะทนอีกแล้วกับการกลั่นแกล้งไร้สาระของพวกคุณ”
“ไม่ทนก็ไล่ฉันออกสิคะ คุยว่าตัวเองมีอำนาจนักหนาไม่ใช่เหรอ งั้นก็ไล่ฉันเลย” หญิงวัยกลางคนลอยหน้าลอยตา
“อย่ามาท้าค่ะ” ภันทิลาสะบัดหน้าพรืดไปเปิดเตาแก๊ส แล้วลงมือทำอาหารง่ายๆ เพิ่มอีก 2 อย่าง โชคดีที่เธอทำกับข้าวเก่ง แต่การที่เธอเป็นนายหญิงของบ้าน แล้วโดนรังแกด้วยเรื่องง่อยๆ แบบนี้ก็ทำให้เธอหงุดหงิดใจไม่น้อย
คืนนั้น...
เธอนั่งอยู่บนเตียง ฝืนทนไว้ไม่ยอมหลับ รอจนสี่ทุ่ม สามีก็เปิดประตูเข้ามา กลิ่นแอลกอฮอล์โชยฉุน เธอเม้มปากแน่น
“ดื่มมาอีกแล้วเหรอ ทำไมต้องดื่มจนเมาก่อนกลับบ้านทุกที”
“คุณเป็นเมีย ไม่ใช่แม่” เขาตอบกลับเสียงเรียบ “และผมก็ไม่ได้เมา”
“ค่ะ ไม่ได้เมา...”
“ปกติคุณนอนสามทุ่มนี่ ป่านนี้แล้วทำไมยังไม่หลับอีก”
“ฉันรอคุยกับคุณน่ะค่ะ”
ดวงตาคู่คมมองเธอนิ่งพักหนึ่ง ก่อนจะปลดเนคไทและก็เสื้อออก “ว่ามา”
“ฉันอยากให้คุณไล่ป้าสมศรีออกค่ะ”
“ทำไม ? ” เขาย้อนห้วนๆ
“เขาพูดจาไม่ดีกับฉัน และก็รังแกฉันค่ะ”
“ป้าสมศรีบอกผมหมดแล้วว่าคุณเอาแต่ใจ กับข้าวเตรียมไว้ให้อย่างดีก็ไม่กิน แล้วไปทำเอง คนรับใช้ทำอะไรก็ผิดในสายตาคุณไปซะหมด อันที่จริงแล้ว วิธีแก้ปัญหานี้ไม่ใช่การไล่คนรับใช้ออก แต่เป็นคุณเองต่างหากที่ต้องปรับตัว”
“ให้ฉันปรับตัวเข้าหาคนรับใช้ที่ไม่ได้ทำดีอะไรกับฉันเนี่ยนะ” เธอย้อนถามเสียงสูง
“ผมอยู่มานานไม่เคยมีปัญหา นั่นเป็นเพราะตัวคุณเองหรือเปล่าที่สร้างปัญหาขึ้นน่ะ”
เธอกำมือแน่นเพื่อระงับความสั่น “โอเคค่ะ ขอบคุณที่รับฟังค่ะ” พูดจบ เธอก็ล้มตัวลงนอนหันหลังให้ เขาถอนหายใจยาว
“ใช้วิธีอื่นเรียกร้องความสนใจจะดีกว่านะพั้นซ์ วิธีนี้มันไม่ค่อยน่ารักสักเท่าไหร่” เขาพูด พลางคว้าผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำ
เธอพยายามกลั้นสะอื้น ไม่อยากให้เขารู้ว่าตอนนี้เธอกำลังอ่อนแอมากแค่ไหน
สิ่งเดียวที่ทำให้เธอทนอยู่ต่อไปได้ คือความทรงจำดีๆ ที่เคยมี เมื่อก่อนชยางกูรดีกับเธอมาก เธอก็คาดหวังว่าสักวันเขาจะกลับไปเป็นคนดีคนเดิมที่รักเธอที่สุด
แต่ทว่า...ยิ่งรอ ยิ่งเจ็บปวด
ไม่มีวี่แววว่าเขาจะกลับเป็นคนเดิมได้เลย
ชายหนุ่มออกจากห้องน้ำ เธอรีบหลับตา แสร้งทำเป็นหลับ ซึ่งเขาก็ไม่พูดอะไร ทิ้งตัวลงนอนข้างๆ ทุกอย่างตกอยู่ในความเงียบงัน...ราวกับคนแปลกหน้าที่บังเอิญมานอนด้วยกันเท่านั้น
ภันทิลาเม้มปาก กลั้นสะอื้น มือกำผ้าห่มแน่น เธอร้องไห้จนเผลอหลับไป
เพราะน้ำเมาในคืนนั้น เธอจึงพลาดท่า ‘ท้องไม่มีพ่อ’ เธอจำผู้ชายคนนั้นไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาคือใคร สิ่งที่จำได้ดีคือเสียงของเขาเท่านั้น วันเวลาผ่านไป เธอคลอดลูกชายฝาแฝด มีคนแปลกหน้ามาจับตัวเธอและลูกๆไป…คฤหาสน์หลังใหญ่ราวกับวังคือสถานที่เธอและลูกถูกพาตัวมา เธอได้พบใครคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร แต่ทว่าแววตากลับเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง เขาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ “ในที่สุด ผมก็ตามหาคุณเจอเสียทีนะ” เธอจำได้…เสียงทุ้มทรงอำนาจที่ไม่เคยลืมเลย เขาคือผู้ชายในคืนนั้น ! “คุณตามหาฉันเจอได้ยังไง” “ไม่มีอะไรที่ผมต้องการแล้วจะไม่ได้หรอกนะ ถึงแม้จะใช้เวลานานไปหน่อยก็เถอะ” หญิงสาวนั่งคุกเข่ากอดลูกๆแนบอก เนื้อตัวสั่นระริก ถามด้วยเสียงที่สั่นจนควบคุมไม่อยู่ “คุณต้องการอะไร” “ตอนแรกแค่อยากรู้ว่าผู้หญิงคนไหนกันที่มาเสียตัวให้ผมแล้วก็ชิ่งหนีไป แต่พอรู้ว่าคุณมีลูก ผมก็ต้องการลูก” “ไม่ได้นะ” เธอกอดลูกชายทั้งสองแน่นกว่าเดิม “เด็กๆเป็นลูกของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ” ร่างสูงขยับมายืนใกล้ๆ หรี่ตามองเธอและเด็กๆ ก่อนยกมุมปากเป็นรอยยิ้มหยัน “มีแค่มดลูก คุณจะท้องได้เองหรือไง ถ้าไม่ได้สเปิร์มจากผมไปน่ะ” หญิงสาวหน้าร้อนวูบ… เพิ่งรู้ก็วันนี้เองว่า พ่อของลูกเธอนั้นไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา แต่เป็นประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ร่ำรวยมหาศาล ที่สำคัญเขาต้องการลูกๆ เธอจะต้องหนีจากเงื้อมมือของเขาให้ได้ อุตส่าห์อุ้มท้องมาตั้ง 9 เดือน จะยอมให้เขามาพรากลูกไปจากอกไม่ได้เด็ดขาด แม้จะตั้งใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะต้องหนีให้ได้ แต่ทว่าสุดท้ายแล้ว…นอกจากจะหนีไม่พ้นแล้ว อย่าว่าแต่ลูกเลย แม้แต่หัวใจของเธอก็ตกเป็นของเขา !
ปภาวีหลงรักนัธทวัฒน์ข้างเดียวมานานแล้ว ในวันที่เขาหมั้นหมายกับผู้หญิงคนอื่น เป็นวันที่เธอพลาดพลั้งมีอะไรกับเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อพ่อขายเธอให้เป็นเมียเก็บของเขาในราคา 3 ล้าน ตอนกลางวันเธอเป็นคนรับใช้ที่โดนทุกคนในบ้านกดขี่รังแก ส่วนค่ำคืน เธอคือนางบำเรอของท่านประธานที่มองว่าเธอเป็นเพียงของเล่นเท่านั้น เมื่อเธอเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาและอยู่ในความเสี่ยง ‘แท้งคุกคาม’ หนทางเดียวที่จะปกป้องลูกฝาแฝดชายหญิงในท้องไว้ได้คือเธอต้องหนีไปจากเขา...!!
เธอเป็นเลขาของเขา ส่วนเขาก็เป็นเจ้านายของเธอ.... อัมพิกาตกหลุมรักนิโคลัสตั้งแต่แรกเห็น ทว่า...สถานะระหว่างเลขากับท่านประธานช่างต่างกันจนเธอไม่อาจคาดหวังเกินตัว 1 ปีผ่านไป จากการได้ทำงานใกล้ชิด เธอยิ่งหวั่นไหวจนยากจะถอนหัวใจ ได้แต่เก็บงำความรักไว้เป็นความลับในใจ ไม่สามารถเอ่ยปากไปได้ จนวันหนึ่ง เธอและเขาต่างเมาด้วยกันทั้งคู่จนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน เธอยินยอมเพราะรัก แต่เขามีเพียงความใคร่ ในวันที่เสียตัวให้เขาแล้ว เขาพาเธอไปอยู่ด้วยกันที่บ้าน...ที่นั่น ก็มีสาวสวยอยู่แล้วคนหนึ่ง เขาตั้งกติกาว่า ระหว่างเธอกับผู้หญิงคนนั้น...หากใครมีทายาทให้เขาได้ก่อน เขาจะยอมจดทะเบียนสมรสด้วย เพราะสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ความรัก แต่เป็นทายาทสืบสกุล ! ผู้ชายเลือดเย็นคนนี้น่ะหรือที่เธอรัก...ต่อให้เธอเกิดตั้งท้องขึ้นมาก็อย่าฝันเลยว่าเธอจะยอมให้เห็นหน้าลูก !!
สรวิชญ์คือรักแรกของฝากขวัญ... เธอเป็นลูกสาวหัวหน้าคนงาน ส่วนเขาคือลูกชายเจ้าของไร่สิงห์คำรามที่อายุมากกว่าเธอ 5 ปี ความใกล้ชิดก่อเกิดความสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง เธอในวัยเยาว์ ไร้เดียงสา เรียนยังไม่จบมัธยมปลายก็เสียตัวให้เขา เธอวาดฝันถึงอนาคตที่ดี ความรักที่สวยงาม แต่แล้ว...ในวันที่เธอจบการศึกษาชั้น ม.6 คือวันเดียวกับที่ถูกเขาทอดทิ้ง พ่อพาเธอไปอยู่กรุงเทพเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ ในขณะที่ท้องของเธอเริ่มโตขึ้นทุกวัน โดยที่สรวิชญ์ไม่เคยรู้เลยว่าเธออุ้มท้องสายเลือดของเขาอยู่ เวลาผ่านไป 6 ปี ลูกสาวของเธออายุ 5 ขวบ เธอได้เดินทางกลับมาที่ไร่สิงห์คำรามเพื่อดูแลสรัณซึ่งเป็นเจ้านายเก่าของพ่อ เธอและเขาได้พบกันอีกครั้ง...เขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จากหนุ่มหน้าใส กลายเป็นผู้ชายดุดัน ไว้หนวดเครา ตัวโตร่างใหญ่ ที่สำคัญ...เขามีคู่หมั้นแล้ว แต่เธอไม่มีทางให้เขาสมหวังหรอกนะ เธอเคยเสียใจมากแค่ไหน เขาต้องได้รับความเสียใจมากกว่าเธอ ฝากขวัญไม่รู้เลยว่า...ความอยากเอาคืนในวันนั้น จะทำให้เธอตกหลุมรักอดีตสามีเป็นครั้งที่สอง ทว่าเธอไม่ใช่เด็กสาวม.ปลายผู้ไร้เดียงสาอีกแล้ว เธอไม่มีวันทำผิดพลาดเหมือนเมื่อก่อนแน่ๆ !
เธอเคยคิดว่าเขา รัก’จึงยอมยกให้ทั้งตัวและหัวใจ ทว่าในความจริง เธอเป็นได้แค่ ‘เมียในความลับ’ ที่ทำได้เพียงรอเวลาให้เขามานอนด้วย เจ้าสาวที่เขาจะแต่งงานด้วย ไม่ใช่เธอ แต่เป็นผู้หญิงคนอื่น และฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ความอดทนของเธอขาดลงก็คือการที่เธอตั้งครรภ์ แต่เขากลับแนะนำให้ไปทำแท้ง พอที...เธอไม่สามารถคบกับผู้ชายใจร้ายเช่นเขาได้อีก พรอุษาตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์ที่มีแต่ความเจ็บปวด อุ้มท้องลูกน้อยหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ 4 ปีผ่านไป บาดแผลในใจเริ่มจางหาย พร้อมลูกสาวที่เติบโตมาอย่างน่ารัก แล้วในวันหนึ่ง...โชคชะตาก็ทำให้เธอบังเอิญพบเจอกับสามีเก่าอีกครั้ง ถ่านไฟที่ยังไม่ทันได้ดับสนิทเริ่มติดไฟขึ้นมาอีกครั้ง...แต่ทว่าเธอจะไม่มีวันยอมผิดพลาดอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ ...................... “นี่มัน” ชายหนุ่มย่นหัวคิ้ว ดึงแผ่นทดสอบมาดู... ถึงเขาจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าที่ถืออยู่นี้คืออะไร แล้วความหมายของสองขีดแดงคืออะไร...สายตาคู่คมจ้องหน้าเธออย่างเดือดดาล “เธอท้องเหรอ” “คือ...มัน...เอ่อ” เธออึกอัก “เธอท้อง...” เขากดเสียงให้ต่ำลงไปอีก ส่งผลให้เธอตัวลีบเล็ก อึกอัก “พิมลองตรวจดู ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะขึ้นสองขีด” “ไม่คิดงั้นเหรอ” ชายหนุ่มแค่นเสียง แสยะมุมปาก ปล่อยมือจากเธอพร้อมขยำแผ่นทดสอบปาลงพื้น “ฉันจะถือซะว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ไปเอาเด็กออกซะ”
เธอได้รับมอบหมายให้สัมภาษณ์นักธุรกิจชื่อดัง แต่ไม่นึกเลยว่าการพบกันครั้งแรกระหว่างเขาและเธอ...จะทำให้เธอสูญเสียพรหมจรรย์ไป เขามีเงิน มีอำนาจ และมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เป็นผู้ชายที่เธอควรหลีกหนีให้ไกลที่สุด เธอตั้งใจจะลืมเรื่องคืนนั้นแล้วใช้ชีวิตตามปกติ แต่ทว่า...เช้ามา เธอก็ตกงาน จากนั้นก็โดนนักเลงมาข่มขู่คุกคาม แถมยังโดนเจ้าของห้องเช่าไล่ออกอีกต่างหาก เธอมั่นใจว่าคนที่หาเรื่องกลั่นแกล้งเธอก็คือคู่หมั้นของนนทิวรรธน์ ที่เธอต้องมาซวยก็เพราะผู้ชายคนนี้คนเดียว !! เธอบุกไปบ้านเขาเพื่อทวงความยุติธรรม เพื่อให้เขามอบความปลอดภัยให้เธอ แต่ไม่นึกเลยว่าเธอจากกลายเป็นเมียลับของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ สถานะเมียลับที่อยู่ในความคุ้มครองของเขา ได้เงินทองมากมาย ใช้ชีวิตสุขสบาย แต่ไม่เคยได้รับความรัก และในวันที่เขาจะแต่งงาน คือวันเดียวกับที่เธอเพิ่งรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ และที่สำคัญสุดคือ...หัวใจทั้งดวงของเธอเป็นของเขาไปแล้ว ซ้ำร้าย…เธอมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดเขาเพียง 1 เดือน ก็โดนเขาขับไล่อย่างไม่ไว้หน้า เธอต้องเก็บเสื้อผ้าออกมาจากชีวิตด้วยความรู้สึกที่ย่ำแย่...ทิ้งสถานะเมียลับให้เป็นเพียงความทรงจำ พร้อมกับฝังความลับเรื่องการตั้งครรภ์ไม่ให้ล่วงรู้ถึงหูเขา 2 ปีต่อมา เธอได้พบกับอดีตสามีอีกครั้ง ในฐานะเลขาชั่วคราวกับท่านประธานบริษัท ความลับเรื่องลูก...เขายังไม่รู้ และจะไม่มีวันได้รู้เด็ดขาด แต่ใครจะนึกล่ะว่าความลับไม่มีในโลก !
ทะลุมิติมาในนิยายยุค 80 ว่ายากลำบากแล้วเธอยังต้องมาเลี้ยงลูกแฝดและวางแผนหนีชะตาชีวิตที่นักเขียนระบุให้ตายอย่างทรมานภายใต้เงื้อมมือของพ่อตัวร้ายอีก สวรรค์!ยังจะมีตัวละครทะลุมิติใดบัดซบเท่าเธออีกหรือไม่
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"