ปภาวีหลงรักนัธทวัฒน์ข้างเดียวมานานแล้ว ในวันที่เขาหมั้นหมายกับผู้หญิงคนอื่น เป็นวันที่เธอพลาดพลั้งมีอะไรกับเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อพ่อขายเธอให้เป็นเมียเก็บของเขาในราคา 3 ล้าน ตอนกลางวันเธอเป็นคนรับใช้ที่โดนทุกคนในบ้านกดขี่รังแก ส่วนค่ำคืน เธอคือนางบำเรอของท่านประธานที่มองว่าเธอเป็นเพียงของเล่นเท่านั้น เมื่อเธอเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาและอยู่ในความเสี่ยง ‘แท้งคุกคาม’ หนทางเดียวที่จะปกป้องลูกฝาแฝดชายหญิงในท้องไว้ได้คือเธอต้องหนีไปจากเขา...!!
เสียงทุบประตูดังปึงปังทำให้ปภาวีงัวเงียตื่นนอน...เธอง่วงมาก...วันนี้เป็นวันที่เธอง่วงที่สุดจนต้องแอบมาหลับอยู่ที่ห้องรับแขก เธอยึดโซฟาตัวนุ่มเป็นที่นอน...เสียงเพลงที่ดังแว่วเข้าหูไม่ได้เป็นอุปสรรคสำหรับเธอเลย
จนกระทั่ง...มีใครบางคนเดินเข้ามาในห้อง มือใหญ่คว้าตัวเธอยกขึ้นอุ้ม และนั่นก็เป็นเหตุให้เธอลืมตาตื่น เตรียมจะส่งเสียงกรีดร้องอยู่แล้ว หากว่าคนผู้นั้นจะไม่ใช่คนคุ้นเคย
“คุณนัธ...” หญิงสาวพึมพำในลำคอ สะลึมสะลือ แต่รู้สึกได้ว่าโดนเขาโยนลงบนเตียงกว้าง ที่นอนยุบยวบนุ่มนิ่ม ทำให้เธอไม่เจ็บ แต่กลับตระหนกแทนเมื่อร่างสูงตามมาคร่อมทับ
“คุณนัธ...” เป็นอีกครั้งที่เธอพึมพำเรียกชื่อเขา ในใจไหววูบ เมื่อโดนเขาจูบริมฝีปาก...ปากเรียวเผยอค้างอย่างไม่ได้ตั้งใจ ส่งผลให้เขาสอดลิ้นเข้ามารุกรานในโพรงปากของเธอได้สะดวก
“อื้อ...” เธอดิ้น พยายามเบือนหน้าหนี สัญชาตญาณบอกเธอว่ามีบางสิ่งผิดปกติ...
ผู้ชายเย็นชาที่แทบจะไม่เคยเหลียวแลเธอเลยสักครั้ง มาวันนี้กลับจูบเธอ ราวกับว่ารักเธอมาก...ไม่สิ ไม่ใช่รัก แต่เป็นความใคร่ต่างหากล่ะ
เธอได้กลิ่นเหล้าจากริมฝีปากของเขา รสขมแต่ซาบซ่านฉุดดึงเธอให้ดำดิ่งสู่อารมณ์ราคะที่เขาเป็นคนจุดขึ้น
ร่างกายของเธอไร้เรี่ยวแรง จากที่ขัดขืนในตอนแรกก็กลายเป็นว่าตัวอ่อนเหมือนขี้ผึ้งโดนไฟลน
เมื่อเขาถอนจูบแล้ว เธอก็ห้ามเสียงสั่น “มะ ไม่ ไม่ได้นะคะคุณนัธ วันนี้เป็นวันหมั้นของคุณนะ ไม่ได้...”
ดวงตาคู่คมหรี่มองเธอ ไม่สนใจคำเตือนนั้นสักนิด ซ้ำยังถอดเสื้อผ้าออกจากตัวเธอ เผยร่างงามเย้ายวนเปลือยเปล่า เธอพยายามยกมือขึ้นปิดทรวงอก หนีบขา ใบหน้าร้อนผ่าวด้วยความอับอาย แต่เขาก็ยังจับขาเธอให้แยกออกกว้าง ดึงมือเธอออกจากเต้าอวบที่อะร้าอร่ามคู่นั้น
ลมหายใจของเขาแรงขึ้น สันกรามบดเข้าหากันแน่น ถอดเสื้อสูทขาวออก พร้อมปลดเข็มขัดรูดซิบกางเกงลง...เผยให้เห็นอวัยวะความเป็นชายที่พร้อมใช้งาน
เหมือนลมหายใจของปภาวีจะสะดุดลงไปครู่หนึ่ง เธอหน้าแดงไม่ต่างจากกุ้งเผา รีบถดกายจะหนี แต่เขาตามยึดยื้อทาบทับจนเธอหมดทางรอด เรี่ยวแรงของเขามหาศาล ต่างจากเธอที่อ่อนเปลี้ยไร้เรี่ยวแรง อาจเป็นเพราะความรักที่มีต่อเขาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ประกอบกับวันนี้รู้สึกงัวเงียเหมือนคนครึ่งหลับครึ่งตื่น ทำให้เธอไม่มีแรงจะขัดขืน
หรือว่านี่จะเป็นความฝัน...ใช่แล้ว ต้องเป็นฝันแน่ๆ
เพราะในโลกความเป็นจริง ไม่มีทางที่นัธวัฒน์จะชายตาแลเธอแน่
แค่ในฝันก็พอ...
เธอปล่อยกายเพลิดเตลิดไปกับสัมผัสเล้าโลมชวนวาบหวาม อกใจไหวระทึกเมื่อริมฝีปากหยักได้รูปจาบจ้วงล่วงเกินปลายยอดถันสลับไปมาทั้งสองเต้า
เธอกระสันซ่านเสียว สูดปาก บิดกายเร่า นิ้วกลางแข็งแรงของเขาสอดเข้าไปใจกลางกลางบุปผา สอดเข้าไปครึ่งข้อนิ้ว เธอนิ่วหน้าเล็กน้อย ในขณะที่เขารู้สึกได้ถึงแรงดูดที่ปลายนิ้ว...มันเร่งเร้าเย้ายวนให้เขาเผด็จศึกครอบครองเธอซะเดี๋ยวนั้น
เนื้อตัวของเขาร้อนผ่าว พอๆ กับเธอ แม้ว่าในตอนนี้จะเป็นฤดูหนาว เขาดึงนิ้วออก จับสองขาเธอแยกให้กว้างสุดแล้วแทรกกายรวมเป็นหนึ่ง
“โอ๊ย ! ” หญิงสาวเบิกตาโพลง อาการง่วงงุนหายวับ เมื่อความเจ็บแปลบแล่นไปทั่วร่องกุหลาบ...ราวกับข้างในนั้นจะฉีกออกจากกัน มันเป็นความเจ็บที่ทำให้เธอรับรู้ได้ว่า...สิ่งที่เกิดไม่ใช่ฝัน แต่ทว่าเป็นความจริง
จะผลักไสตอนนี้ก็สายไปเสียแล้ว เขาเริ่มขยับจังหวะเร่งเร้า ดันแก่นกายเข้าๆ ออกๆ ในตัวเธอ
ความเจ็บในตอนนี้หายไปกว่าครึ่ง ความเสียวมาแทนที่ เธอเด้งกายแอ่นสะโพกเข้ารับ
เสียงเนื้อกระทบเนื้อดังสนั่นห้อง สองเต้าอวบกระเด้งกระดอน เขาหอบหายใจถี่ๆ เร่งความเร็วถี่รัวที่ทำเอาเธอแทบขาดหายใจ
เสียงครางกระเส่า มาพร้อมกับเนื้อตัวที่สั่นไหวตามแรงกระแทกกระทั้น
นัธทวัฒน์ขบกรามแน่น ร่างสูงกระตุกเกร็งเมื่อปลดปล่อยหยดน้ำอุ่นๆ เข้าไปในร่องหลืบของเธอ
เขาแช่ตัวตนค้างไว้เช่นนั้นพักหนึ่ง ก่อนจะถอดถอนออก รูดซิบกางเกง แล้วทิ้งตัวลงนอน ทั้งที่ยังไม่ได้ใส่เสื้อ
ปภาวีดีดตัวลุกนั่งด้วยเนื้อตัวสั่นเทา มองชายร่างสูงที่ในตอนนี้หลับไปแล้ว เธอควานหาเสื้อผ้ามาสวม ทว่าเพิ่งใส่ได้แค่ชุดชั้นใน ประตูก็เปิดออก เธอรีบดึงผ้าห่มมาคลุมตัวไว้ มองผู้ที่ก้าวเข้ามาด้วยสายตาตื่นตระหนก แต่พอรู้ว่าใครเข้ามา เธอก็เริ่มผ่อนคลายความตึงเครียดลง
“พ่อ !”
“หึหึ” ธริศยกมือถือขึ้นถ่ายรูปเธอที่อยู่บนเตียงเดียวกับนัธทวัฒน์ เธอเบิกตาโพลง รีบร้องเสียงดัง
“พ่อ ! พ่อถ่ายรูปทำไมน่ะ”
“เก็บหลักฐานไง”
“ทำไมคะ จะเอารูปพวกนั้นไปทำไม”
“จะเอาไปทำไมเดี๋ยวแกก็รู้เองนั่นแหละ ใส่เสื้อผ้าแล้วรอในนี้ล่ะ” ชายวัยกลางคนสั่ง แล้วก็ออกจากห้องไป ปภาวีรีบสวมเสื้อผ้าต่อ ในใจวุ่นวายสับสน...แววตาของพ่อที่เธอได้เห็นเมื่อครู่นี้ทำให้เธอไม่สบายใจเอาเสียเลย จากที่โล่งใจว่าคนที่เข้ามาเห็นคือพ่อ อย่างน้อยพ่อคงอยู่ข้างเธอ ปกป้องเธอได้ แต่ตอนนี้เธอไม่มั่นใจเอาเสียเลยว่าพ่อจะยอมอยู่เฉยๆ
เธอต้องหว่านล้อมพ่อให้เก็บเรื่องนี้เป็นความลับ...ใช่แล้ว พ่อต้องเห็นใจเธอแน่ๆ เพราะเธอเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของพ่อ
มือเรียวเย็นเฉียบยกกุมขมับ พลางถอนหายใจยืดยาว...
พ่อแม่ของเธอเป็นคนรับใช้ของบ้านภูษิตพิพัธน์...แม่เป็นแม่ครัว มีหน้าที่ทำอาหาร ส่วนพ่อเป็นคนขับรถประจำตระกูล ตั้งแต่จำความได้ เธอก็อาศัยอยู่ที่เรือนเล็กซึ่งเป็นที่พักสำหรับคนรับใช้ที่ได้รับความไว้เนื้อเชื่อใจจากเจ้านายให้มาอาศัยค้างคืนได้ ...เรือนน้อยที่อยู่ท่ามกลางต้นลีลาวดีที่ออกดาวสีขาวสะพรั่ง เธอใช้ชีวิตมีความสุขตามอัตภาพ จนกระทั่งเริ่มแตกเนื้อสาว เธอก็หลงรักลูกชายของเจ้านายพ่อแม่...เขาชื่อนัธทวัฒน์ อายุมากกว่าเธอ 6 ปี
เธอเจียมตัวมาตลอดว่าไม่คู่ควรกับเขาและไม่ควรคิดไปไกลจนเกินเลย เพราะจะมีเพียงเธอเท่านั้นที่ต้องเจ็บปวด
เธอตั้งใจเรียนจนจบ ม.6 แม่ก็เสียชีวิตไป พ่อไม่สามารถส่งเธอเรียนมหาวิทยาลัยได้ เธอเลยเลือกเรียน ปวส. จบการศึกษามาในวัย 20 ปี เธอได้งานทำเป็นพนักงานฝ่ายการตลาดที่บริษัทแห่งหนึ่ง
แม้จะมีงานทำแล้ว แต่เธอก็ยังคงอาศัยอยู่กับพ่อที่เรือนคนรับใช้...ไม่อยากอยู่ห่างจากนัธทวัฒน์ แม้ว่านานๆ จะได้เห็นหน้าเขาชัดๆ สักครั้งก็ตาม ซ้ำเธอยังไม่เคยอยู่ในสายตาเขา เธอก็ไม่เป็นไร...
เธอตั้งปณิธานไว้ว่า...เขาแต่งงานเมื่อไหร่ เธอจะย้ายออกไปอยู่ที่อื่น เพราะคงทำใจลำบากหากต้องเห็นเขาอยู่เคียงข้างผู้หญิงคนอื่น
เวลาผ่านไปจนเธออายุ 23 ปี ส่วนเขาอายุ 29ปี วันที่เธอเสียใจสุดก็มาถึง เมื่อนัธทวัฒน์หมั้นหมายกับเจษิตา...สาวสวยผมสีคาราเมล ทั้งรูปร่างหน้าตาและฐานะทางสังคม เหมาะสมกับเขาทุกอย่าง วันนี้เป็นวันที่จัดพิธีหมั้นของเขาและเจษิตา เธอตั้งใจจะอยู่ช่วยงานเขาให้เต็มที่ แล้ววันพรุ่งนี้จะขนของไปหาห้องเช่าที่อื่นอยู่
เธอจะเลิกอยู่ในโลกความฝัน แล้วมาสู่ความเป็นจริงเสียที...เธอจะตั้งใจทำงาน เก็บเงิน แล้วฝังการแอบรักข้างเดียวนี้ไปกับความทรงจำ
ในวันพรุ่งนี้เธอจะมีชีวิตใหม่...
เธอแต่งงานกับสามีที่เย็นชา หน้าดุ และไม่เคยบอกเธอว่ารักสักคำ เธอจะอบอุ่นแค่ตอนเขาร่วมรักด้วย จากนั้นเธอจะรู้สึกเหน็บหนาวกับความเฉยชาที่เขามีให้ สิ่งเดียวที่ทำให้เธอมีกำลังใจคือการตั้งครรภ์ลูกแฝด เธอไปจากเขาโดยไม่ล่ำลา 4 ปีต่อมา เธอและเขาได้พบกันอีกครั้ง พร้อมเด็กฝาแฝดวัย 3 ขวบที่เรียกเขาว่า ‘พ่อ’
เพราะน้ำเมาในคืนนั้น เธอจึงพลาดท่า ‘ท้องไม่มีพ่อ’ เธอจำผู้ชายคนนั้นไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาคือใคร สิ่งที่จำได้ดีคือเสียงของเขาเท่านั้น วันเวลาผ่านไป เธอคลอดลูกชายฝาแฝด มีคนแปลกหน้ามาจับตัวเธอและลูกๆไป…คฤหาสน์หลังใหญ่ราวกับวังคือสถานที่เธอและลูกถูกพาตัวมา เธอได้พบใครคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร แต่ทว่าแววตากลับเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง เขาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ “ในที่สุด ผมก็ตามหาคุณเจอเสียทีนะ” เธอจำได้…เสียงทุ้มทรงอำนาจที่ไม่เคยลืมเลย เขาคือผู้ชายในคืนนั้น ! “คุณตามหาฉันเจอได้ยังไง” “ไม่มีอะไรที่ผมต้องการแล้วจะไม่ได้หรอกนะ ถึงแม้จะใช้เวลานานไปหน่อยก็เถอะ” หญิงสาวนั่งคุกเข่ากอดลูกๆแนบอก เนื้อตัวสั่นระริก ถามด้วยเสียงที่สั่นจนควบคุมไม่อยู่ “คุณต้องการอะไร” “ตอนแรกแค่อยากรู้ว่าผู้หญิงคนไหนกันที่มาเสียตัวให้ผมแล้วก็ชิ่งหนีไป แต่พอรู้ว่าคุณมีลูก ผมก็ต้องการลูก” “ไม่ได้นะ” เธอกอดลูกชายทั้งสองแน่นกว่าเดิม “เด็กๆเป็นลูกของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ” ร่างสูงขยับมายืนใกล้ๆ หรี่ตามองเธอและเด็กๆ ก่อนยกมุมปากเป็นรอยยิ้มหยัน “มีแค่มดลูก คุณจะท้องได้เองหรือไง ถ้าไม่ได้สเปิร์มจากผมไปน่ะ” หญิงสาวหน้าร้อนวูบ… เพิ่งรู้ก็วันนี้เองว่า พ่อของลูกเธอนั้นไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา แต่เป็นประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ร่ำรวยมหาศาล ที่สำคัญเขาต้องการลูกๆ เธอจะต้องหนีจากเงื้อมมือของเขาให้ได้ อุตส่าห์อุ้มท้องมาตั้ง 9 เดือน จะยอมให้เขามาพรากลูกไปจากอกไม่ได้เด็ดขาด แม้จะตั้งใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะต้องหนีให้ได้ แต่ทว่าสุดท้ายแล้ว…นอกจากจะหนีไม่พ้นแล้ว อย่าว่าแต่ลูกเลย แม้แต่หัวใจของเธอก็ตกเป็นของเขา !
เธอเป็นเลขาของเขา ส่วนเขาก็เป็นเจ้านายของเธอ.... อัมพิกาตกหลุมรักนิโคลัสตั้งแต่แรกเห็น ทว่า...สถานะระหว่างเลขากับท่านประธานช่างต่างกันจนเธอไม่อาจคาดหวังเกินตัว 1 ปีผ่านไป จากการได้ทำงานใกล้ชิด เธอยิ่งหวั่นไหวจนยากจะถอนหัวใจ ได้แต่เก็บงำความรักไว้เป็นความลับในใจ ไม่สามารถเอ่ยปากไปได้ จนวันหนึ่ง เธอและเขาต่างเมาด้วยกันทั้งคู่จนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน เธอยินยอมเพราะรัก แต่เขามีเพียงความใคร่ ในวันที่เสียตัวให้เขาแล้ว เขาพาเธอไปอยู่ด้วยกันที่บ้าน...ที่นั่น ก็มีสาวสวยอยู่แล้วคนหนึ่ง เขาตั้งกติกาว่า ระหว่างเธอกับผู้หญิงคนนั้น...หากใครมีทายาทให้เขาได้ก่อน เขาจะยอมจดทะเบียนสมรสด้วย เพราะสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ความรัก แต่เป็นทายาทสืบสกุล ! ผู้ชายเลือดเย็นคนนี้น่ะหรือที่เธอรัก...ต่อให้เธอเกิดตั้งท้องขึ้นมาก็อย่าฝันเลยว่าเธอจะยอมให้เห็นหน้าลูก !!
สรวิชญ์คือรักแรกของฝากขวัญ... เธอเป็นลูกสาวหัวหน้าคนงาน ส่วนเขาคือลูกชายเจ้าของไร่สิงห์คำรามที่อายุมากกว่าเธอ 5 ปี ความใกล้ชิดก่อเกิดความสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง เธอในวัยเยาว์ ไร้เดียงสา เรียนยังไม่จบมัธยมปลายก็เสียตัวให้เขา เธอวาดฝันถึงอนาคตที่ดี ความรักที่สวยงาม แต่แล้ว...ในวันที่เธอจบการศึกษาชั้น ม.6 คือวันเดียวกับที่ถูกเขาทอดทิ้ง พ่อพาเธอไปอยู่กรุงเทพเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ ในขณะที่ท้องของเธอเริ่มโตขึ้นทุกวัน โดยที่สรวิชญ์ไม่เคยรู้เลยว่าเธออุ้มท้องสายเลือดของเขาอยู่ เวลาผ่านไป 6 ปี ลูกสาวของเธออายุ 5 ขวบ เธอได้เดินทางกลับมาที่ไร่สิงห์คำรามเพื่อดูแลสรัณซึ่งเป็นเจ้านายเก่าของพ่อ เธอและเขาได้พบกันอีกครั้ง...เขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จากหนุ่มหน้าใส กลายเป็นผู้ชายดุดัน ไว้หนวดเครา ตัวโตร่างใหญ่ ที่สำคัญ...เขามีคู่หมั้นแล้ว แต่เธอไม่มีทางให้เขาสมหวังหรอกนะ เธอเคยเสียใจมากแค่ไหน เขาต้องได้รับความเสียใจมากกว่าเธอ ฝากขวัญไม่รู้เลยว่า...ความอยากเอาคืนในวันนั้น จะทำให้เธอตกหลุมรักอดีตสามีเป็นครั้งที่สอง ทว่าเธอไม่ใช่เด็กสาวม.ปลายผู้ไร้เดียงสาอีกแล้ว เธอไม่มีวันทำผิดพลาดเหมือนเมื่อก่อนแน่ๆ !
เธอเคยคิดว่าเขา รัก’จึงยอมยกให้ทั้งตัวและหัวใจ ทว่าในความจริง เธอเป็นได้แค่ ‘เมียในความลับ’ ที่ทำได้เพียงรอเวลาให้เขามานอนด้วย เจ้าสาวที่เขาจะแต่งงานด้วย ไม่ใช่เธอ แต่เป็นผู้หญิงคนอื่น และฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ความอดทนของเธอขาดลงก็คือการที่เธอตั้งครรภ์ แต่เขากลับแนะนำให้ไปทำแท้ง พอที...เธอไม่สามารถคบกับผู้ชายใจร้ายเช่นเขาได้อีก พรอุษาตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์ที่มีแต่ความเจ็บปวด อุ้มท้องลูกน้อยหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ 4 ปีผ่านไป บาดแผลในใจเริ่มจางหาย พร้อมลูกสาวที่เติบโตมาอย่างน่ารัก แล้วในวันหนึ่ง...โชคชะตาก็ทำให้เธอบังเอิญพบเจอกับสามีเก่าอีกครั้ง ถ่านไฟที่ยังไม่ทันได้ดับสนิทเริ่มติดไฟขึ้นมาอีกครั้ง...แต่ทว่าเธอจะไม่มีวันยอมผิดพลาดอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ ...................... “นี่มัน” ชายหนุ่มย่นหัวคิ้ว ดึงแผ่นทดสอบมาดู... ถึงเขาจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าที่ถืออยู่นี้คืออะไร แล้วความหมายของสองขีดแดงคืออะไร...สายตาคู่คมจ้องหน้าเธออย่างเดือดดาล “เธอท้องเหรอ” “คือ...มัน...เอ่อ” เธออึกอัก “เธอท้อง...” เขากดเสียงให้ต่ำลงไปอีก ส่งผลให้เธอตัวลีบเล็ก อึกอัก “พิมลองตรวจดู ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะขึ้นสองขีด” “ไม่คิดงั้นเหรอ” ชายหนุ่มแค่นเสียง แสยะมุมปาก ปล่อยมือจากเธอพร้อมขยำแผ่นทดสอบปาลงพื้น “ฉันจะถือซะว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ไปเอาเด็กออกซะ”
เธอได้รับมอบหมายให้สัมภาษณ์นักธุรกิจชื่อดัง แต่ไม่นึกเลยว่าการพบกันครั้งแรกระหว่างเขาและเธอ...จะทำให้เธอสูญเสียพรหมจรรย์ไป เขามีเงิน มีอำนาจ และมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เป็นผู้ชายที่เธอควรหลีกหนีให้ไกลที่สุด เธอตั้งใจจะลืมเรื่องคืนนั้นแล้วใช้ชีวิตตามปกติ แต่ทว่า...เช้ามา เธอก็ตกงาน จากนั้นก็โดนนักเลงมาข่มขู่คุกคาม แถมยังโดนเจ้าของห้องเช่าไล่ออกอีกต่างหาก เธอมั่นใจว่าคนที่หาเรื่องกลั่นแกล้งเธอก็คือคู่หมั้นของนนทิวรรธน์ ที่เธอต้องมาซวยก็เพราะผู้ชายคนนี้คนเดียว !! เธอบุกไปบ้านเขาเพื่อทวงความยุติธรรม เพื่อให้เขามอบความปลอดภัยให้เธอ แต่ไม่นึกเลยว่าเธอจากกลายเป็นเมียลับของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ สถานะเมียลับที่อยู่ในความคุ้มครองของเขา ได้เงินทองมากมาย ใช้ชีวิตสุขสบาย แต่ไม่เคยได้รับความรัก และในวันที่เขาจะแต่งงาน คือวันเดียวกับที่เธอเพิ่งรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ และที่สำคัญสุดคือ...หัวใจทั้งดวงของเธอเป็นของเขาไปแล้ว ซ้ำร้าย…เธอมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดเขาเพียง 1 เดือน ก็โดนเขาขับไล่อย่างไม่ไว้หน้า เธอต้องเก็บเสื้อผ้าออกมาจากชีวิตด้วยความรู้สึกที่ย่ำแย่...ทิ้งสถานะเมียลับให้เป็นเพียงความทรงจำ พร้อมกับฝังความลับเรื่องการตั้งครรภ์ไม่ให้ล่วงรู้ถึงหูเขา 2 ปีต่อมา เธอได้พบกับอดีตสามีอีกครั้ง ในฐานะเลขาชั่วคราวกับท่านประธานบริษัท ความลับเรื่องลูก...เขายังไม่รู้ และจะไม่มีวันได้รู้เด็ดขาด แต่ใครจะนึกล่ะว่าความลับไม่มีในโลก !
เพื่อช่วยชีวิตแฟนสาวของเขา มือขวาของหลินเทียนจึงพิการ แต่คิดไม่ถึงว่าสิ่งที่ได้มาคือการทรยศของแฟนสาวและเพื่อนสนิทของเขา ขณะที่หลินเทียนกำลังรู้สึกสิ้นหวัง เขาก็ได้พบกับคนคนหนึ่งซึ่งทำให้ชีวิตของเขาเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง คนนั้นมีชื่อว่าหลิวอีเตา เป็นหมอในตำนาน หลินเทียนไม่เพียงแต่ได้กลายเป็นศิษย์ของแพทย์ผู้ไร้เทียมทานผู้นี้ แต่ยังได้รับมรดกอันมหาศาลจากดร.หลิวอีกด้วย จากนั้นเป็นต้นมา หลินเทียนโต้กลับทุกทาง กำจัดอุปสรรคต่าง ๆ จะกระทั่งไปถึงจุดสุดยอดของชีวิต
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
หวังฉีหลิน อายุ 25 ปีสาวเจ้าหน้าที่การเกษตรและพ่วงมาด้วยเจ้าของสวนสมุนไพรรายใหญ่ เสียชีวิตกระทันหันหลังจากกลับมาจากท่องเที่ยวพักผ่อนและเธอได้เก็บเอาก้อนหินสีรุ้งมาจากพระราชวังโปตาลามาได้เพียงสามเดือน ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ หากตายไปแล้วก็ไม่เป็นไรเพราะเธอเองเติบโตมาอย่างโดดเดี่ยวในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าจนกระทั่งมีอายุได้ 18ปี ถึงได้ออกไปใช้ชีวิตด้วยตัวเองตอนนี้เธอ ไม่มีอะไรให้ต้องห่วงแล้ว เพียงแต่เสียดายที่เธอยังไม่ได้ทำตามความฝันของตัวเองเลย เฮ้อ ชีวิตคนเรานั้นมันแสนสั้น อายุ25 แฟนไม่เคยมี สามียังอยากได้ ไหนจะลูกๆที่ฝันอยากจะมีอีก คงต้องหยุดความหวังและความฝันเอาไว้เท่านี้ เหนือสิ่งอื่นใด ตายแล้วตายเลยจะไม่ว่า แต่ดันตื่นขึ้นมาในร่างหญิงชาวนายากจน ชื่อหวังฉีหลินเช่นเดียวกับเธอพ่วงมาด้วยภาระชิ้นใหญ่ อย่างสามีที่ป่วยติดเตียงและลูกชายฝาแฝดทั้งสอง แถมยังมีภาระชิ้นใหญ่ม๊ากกกมาก กอไกล่ล้านตัวอย่างพ่อแม่สามีและน้องๆของสามี ที่โดนบ้านสายหลักกดขี่ข่มเหงรังแก เอารัดเอาเปรียบและบังคับแยกบ้านหลังจากที่สามีของนางได้รับบาดเจ็บสาหัส สาเหตุที่หวังฉีหลินต้องมาตายไปนั้นเพราะโดนลูกสะใภ้บ้านสายหลักผลักตกเขาระหว่างที่กำลังยื้อแย่งโสมคนที่หวังฉีหลินขุดมาได้
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"