เธอเป็นเลขาของเขา ส่วนเขาก็เป็นเจ้านายของเธอ.... อัมพิกาตกหลุมรักนิโคลัสตั้งแต่แรกเห็น ทว่า...สถานะระหว่างเลขากับท่านประธานช่างต่างกันจนเธอไม่อาจคาดหวังเกินตัว 1 ปีผ่านไป จากการได้ทำงานใกล้ชิด เธอยิ่งหวั่นไหวจนยากจะถอนหัวใจ ได้แต่เก็บงำความรักไว้เป็นความลับในใจ ไม่สามารถเอ่ยปากไปได้ จนวันหนึ่ง เธอและเขาต่างเมาด้วยกันทั้งคู่จนมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน เธอยินยอมเพราะรัก แต่เขามีเพียงความใคร่ ในวันที่เสียตัวให้เขาแล้ว เขาพาเธอไปอยู่ด้วยกันที่บ้าน...ที่นั่น ก็มีสาวสวยอยู่แล้วคนหนึ่ง เขาตั้งกติกาว่า ระหว่างเธอกับผู้หญิงคนนั้น...หากใครมีทายาทให้เขาได้ก่อน เขาจะยอมจดทะเบียนสมรสด้วย เพราะสิ่งที่เขาต้องการไม่ใช่ความรัก แต่เป็นทายาทสืบสกุล ! ผู้ชายเลือดเย็นคนนี้น่ะหรือที่เธอรัก...ต่อให้เธอเกิดตั้งท้องขึ้นมาก็อย่าฝันเลยว่าเธอจะยอมให้เห็นหน้าลูก !!
อัมพิกาขับรถเก๋งคันกลางเก่ากลางใหม่เข้าชั้นใต้ดินของตัวตึกขนาดใหญ่ซึ่งเป็นสถานที่จอดรถ เธอเลือกจอดรถในโซนสำหรับพนักงาน ก่อนจะก้าวลงจากรถด้วยความประหม่า
เธออยู่ในชุดยูนิฟอร์มกึ่งๆ สูทกระโปรง สีฟ้าเข้ม ใบหน้าเรียวกระจ่างใสตกแต่งด้วยเครื่องสำอางอ่อนๆ ผมยาวมัดรวบตึงไว้ด้านหลัง
วันนี้เป็นวันแรกที่เธอได้เข้ามาทำงานที่บริษัท N.K ซึ่งเป็นธุรกิจผลิตส่งออกสินค้าไอทีชื่อดัง
ตำแหน่งที่เธอลองสมัครแล้วบังเอิญได้รับเลือกคือ...เลขาของนิโคลัส เจเนเฟอร์ ประธานบริษัทที่มีข่าวลือหนาหูว่าดุสุด เฮี๊ยบสุด และไร้หัวใจที่สุด
แต่คนที่สัมภาษณ์งานเธอเมื่อสัปดาห์ก่อนไม่ใช่นิโคลัส แต่เป็นเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคล ซึ่งได้บอกกับเธอว่าจะทำหน้าที่สัมภาษณ์แล้วส่งข้อมูลให้นิโคลัสคัดเลือกอีกที
ในบรรดาสาวๆ ที่เรียนจบสูง บางคนจบปริญญาโท ต่างพกพาความมั่นใจเต็มที่
เธอไม่คิดเลยว่า...คนที่จะได้รับเลือกจะเป็นเธอ...ผู้ที่เรียนจบปริญญาตรีมาด้วยเกรดเฉลี่ยระดับปานกลาง
เงินเดือนสูงลิ่วถึง ห้าหมื่นต่อเดือน ทำให้เธอแทบจะถวายจิตวิญญาณตั้งมั่นไว้ว่าจะต้องตั้งใจทำงานให้ถึงที่สุดเพื่ออนาคตอันสดใส
มือเรียวกระชับสายกระเป๋าสะพายข้างไว้มั่น สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ท่องไว้ว่า
‘อย่าตื่นเต้น อย่ากลัว นี่เป็นโอกาสที่ดีที่สุด จะต้องคว้าไว้ให้’
“เพิ่งมาใหม่เหรอ...อยู่แผนกไหนจ๊ะ” เสียงกระลิ้มกระเหลี่ยดังจากเบื้องหลัง ทำให้เธอหันขวับกลับไปมองอย่างตกใจ...ชายร่างอ้วนใหญ่ ดวงตาหลุกหลิก แม้จะสวมสูทแต่ก็ไม่ได้ดูมีสง่าราศีเลยสักนิด
“เอ่อ...คือ” ยังไม่ทันจะตอบ ฝ่ายนั้นก็พูดขึ้นมาอีกว่า
“สวยๆ แบบนี้น่าจะไปเป็นดารามากกว่านะ” ไม่เพียงพูดเปล่า มือยังคว้าหมับที่ก้นนุ่ม ทำเอาเธอสะดุ้งโหยง หันไปแหว
“อะไรกัน โรคจิตเหรอ”
“ทำเป็นขัดขืนเล่นตัว รู้ไหมว่าสวยกว่าเธอ ฉันก็ได้มาแล้ว อยากเลื่อนตำแหน่งไหม อยากพัฒนาไปไกลกว่าคนอื่นหรือเปล่า ฉันช่วยเธอได้นะ” พูดพลางคว้าข้อมือเล็กยึดไว้ หญิงสาวเบิกตากว้าง มองหายามรักษาความปลอดภัยแต่ไม่พบ...
ตรงที่จอดรถของเธอมันห่างไกลจากสายตาคนอื่น ราวกับยืนอยู่กับหมูป่าบ้าในที่เวิ้งว้างกว้างขวางอยู่ตามลำพัง เธอขนลุกซู่ ความกลัวเกาะเต็มหัวใจ
“อะ เอ่อ...” กลืนน้ำลายลงคออย่างยากเย็น พยายามบิดข้อมือออก แต่ไม่เป็นผลสำเร็จ “ฉันไม่ได้อยากใช้เต้าไต่นะ ฉันมีความสามารถ”
“แหม เล่นตัวซะจริงๆ คนที่มีความสามารถใช่ว่าจะไปได้ไกล เธอเกิดมามีหน้าตาสวยก็น่าจะใช้หน้าตาให้เป็นประโยชน์สิ”
“งั้นเหรอ...” สองพยางค์นี้ดังมาจากคนอื่น เป็นเสียงที่ห้าวทุ้มและเยือกเย็น เธอเหลือบไปมองก็ได้เห็นผู้ชายตัวสูงใหญ่ในชุดสูทสีดำ ดวงตาเรียวยาวคมกริบสีอำพันที่สามารถเชือดเฉือนหัวใจคนได้ ใบหน้าของเขาหล่อเหลาราวรูปสลัก
หล่อแบบร้ายๆ...
ชายอ้วนรีบปล่อยมือจากเธอ ก่อนจะหันไปก้มหัวให้ผู้มาใหม่ปลกๆ
“อรุณสวัสดิ์ครับ”
“เมื่อกี้ทำอะไรเหรอ”
“ทักทายน่ะครับ เห็นว่าน่าจะเพิ่งมาใหม่เพราะไม่คุ้นหน้า เลยอยากรู้จักกันไว้” ตอบพลางยิ้มเรี่ย เกาท้ายทอยแกรกๆ
ชายหนุ่มนัยน์ตาสีอำพันหันไปมองอัมพิกาแล้วถาม “จริงเหรอครับ”
หญิงสาวคิดไว้แล้วว่าผู้ชายหล่อๆ คนนี้จะต้องตำแหน่งอยู่สูงกว่าไอ้ลามกนั่นแน่ๆ มันถึงได้พินอบพิเทาเขานัก เธอไม่คิดจะปกป้องคนผิด เพราะไม่เช่นนั้นในอนาคตเธออาจจะต้องเจอเหตุการณ์เดิมๆ อีกได้ จึงตอบไปตามความจริงว่า
“ไม่จริงค่ะ มันจับตูดฉัน แล้วก็เสนอให้ฉันนอนกับมันเพื่อตำแหน่งที่สูงขึ้นด้วย” เธอชี้หน้าผู้ชายลามก แล้วฟ้องฉอดๆ
“อ้าวเฮ้ย นังนี่ !” หนุ่มอ้วนตาลุกวาวไม่พอใจ ก่อนจะหน้าสะบัดเมื่อโดนต่อยเข้าที่ใบหน้าเต็มแรง
ผลั๊วะ !
“โอ๊ย !! คุณนิค คุณ...คุณต่อยผมทำไม” ยกมือกุมปากที่มีเลือดไหลซึม
“ถามมาได้ว่าต่อยทำไม การกระทำของคุณโดนแค่นี้ถือว่าน้อย”
“ถะ ถ้าผมแจ้งความ...”
“แจ้งสิ เสียค่าปรับไม่กี่บาทหรอก”
ชายร่างอ้วนพีหน้าซีด เม้มปากแน่น
“กลับไปเข้างานของคุณเถอะ แล้วค่อยคุยกัน” เขาบอกชายตัณหากลับ ซึ่งฝ่ายนั้นก็รีบหันหลังเดินจากไปอย่างรวดเร็ว
อัมพิกามองคนที่เธอเพิ่งรู้ว่าชื่อ ‘นิค’อย่างประหลาดใจแกมพิศวง
“ฉันไม่นึกเลยว่าคุณจะชกหน้าเขา”
“สิ่งที่เขาทำ ผมอยากกระทืบด้วยซ้ำ” ตอบหน้าตาเฉย ก่อนจะตั้งคำถาม “คุณจะมาทำงานที่นี่แผนกอะไร”
“เลขาท่านประธานค่ะ” เธอตอบ ก่อนจะเดินขึ้นลิฟต์ โดยมีเขาตามเข้าไปติดๆ
เพราะน้ำเมาในคืนนั้น เธอจึงพลาดท่า ‘ท้องไม่มีพ่อ’ เธอจำผู้ชายคนนั้นไม่ได้ ไม่รู้ว่าเขาคือใคร สิ่งที่จำได้ดีคือเสียงของเขาเท่านั้น วันเวลาผ่านไป เธอคลอดลูกชายฝาแฝด มีคนแปลกหน้ามาจับตัวเธอและลูกๆไป…คฤหาสน์หลังใหญ่ราวกับวังคือสถานที่เธอและลูกถูกพาตัวมา เธอได้พบใครคนหนึ่งซึ่งมีใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร แต่ทว่าแววตากลับเย็นชาเหมือนน้ำแข็ง เขาเป็นเจ้าของบ้านหลังนี้ “ในที่สุด ผมก็ตามหาคุณเจอเสียทีนะ” เธอจำได้…เสียงทุ้มทรงอำนาจที่ไม่เคยลืมเลย เขาคือผู้ชายในคืนนั้น ! “คุณตามหาฉันเจอได้ยังไง” “ไม่มีอะไรที่ผมต้องการแล้วจะไม่ได้หรอกนะ ถึงแม้จะใช้เวลานานไปหน่อยก็เถอะ” หญิงสาวนั่งคุกเข่ากอดลูกๆแนบอก เนื้อตัวสั่นระริก ถามด้วยเสียงที่สั่นจนควบคุมไม่อยู่ “คุณต้องการอะไร” “ตอนแรกแค่อยากรู้ว่าผู้หญิงคนไหนกันที่มาเสียตัวให้ผมแล้วก็ชิ่งหนีไป แต่พอรู้ว่าคุณมีลูก ผมก็ต้องการลูก” “ไม่ได้นะ” เธอกอดลูกชายทั้งสองแน่นกว่าเดิม “เด็กๆเป็นลูกของฉัน ไม่เกี่ยวกับคุณ” ร่างสูงขยับมายืนใกล้ๆ หรี่ตามองเธอและเด็กๆ ก่อนยกมุมปากเป็นรอยยิ้มหยัน “มีแค่มดลูก คุณจะท้องได้เองหรือไง ถ้าไม่ได้สเปิร์มจากผมไปน่ะ” หญิงสาวหน้าร้อนวูบ… เพิ่งรู้ก็วันนี้เองว่า พ่อของลูกเธอนั้นไม่ใช่ผู้ชายธรรมดา แต่เป็นประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ร่ำรวยมหาศาล ที่สำคัญเขาต้องการลูกๆ เธอจะต้องหนีจากเงื้อมมือของเขาให้ได้ อุตส่าห์อุ้มท้องมาตั้ง 9 เดือน จะยอมให้เขามาพรากลูกไปจากอกไม่ได้เด็ดขาด แม้จะตั้งใจเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าจะต้องหนีให้ได้ แต่ทว่าสุดท้ายแล้ว…นอกจากจะหนีไม่พ้นแล้ว อย่าว่าแต่ลูกเลย แม้แต่หัวใจของเธอก็ตกเป็นของเขา !
ปภาวีหลงรักนัธทวัฒน์ข้างเดียวมานานแล้ว ในวันที่เขาหมั้นหมายกับผู้หญิงคนอื่น เป็นวันที่เธอพลาดพลั้งมีอะไรกับเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ เธอตกอยู่ในสภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก เมื่อพ่อขายเธอให้เป็นเมียเก็บของเขาในราคา 3 ล้าน ตอนกลางวันเธอเป็นคนรับใช้ที่โดนทุกคนในบ้านกดขี่รังแก ส่วนค่ำคืน เธอคือนางบำเรอของท่านประธานที่มองว่าเธอเป็นเพียงของเล่นเท่านั้น เมื่อเธอเกิดตั้งครรภ์ขึ้นมาและอยู่ในความเสี่ยง ‘แท้งคุกคาม’ หนทางเดียวที่จะปกป้องลูกฝาแฝดชายหญิงในท้องไว้ได้คือเธอต้องหนีไปจากเขา...!!
สรวิชญ์คือรักแรกของฝากขวัญ... เธอเป็นลูกสาวหัวหน้าคนงาน ส่วนเขาคือลูกชายเจ้าของไร่สิงห์คำรามที่อายุมากกว่าเธอ 5 ปี ความใกล้ชิดก่อเกิดความสายสัมพันธ์ที่ลึกซึ้ง เธอในวัยเยาว์ ไร้เดียงสา เรียนยังไม่จบมัธยมปลายก็เสียตัวให้เขา เธอวาดฝันถึงอนาคตที่ดี ความรักที่สวยงาม แต่แล้ว...ในวันที่เธอจบการศึกษาชั้น ม.6 คือวันเดียวกับที่ถูกเขาทอดทิ้ง พ่อพาเธอไปอยู่กรุงเทพเพื่อฟื้นฟูสภาพจิตใจ ในขณะที่ท้องของเธอเริ่มโตขึ้นทุกวัน โดยที่สรวิชญ์ไม่เคยรู้เลยว่าเธออุ้มท้องสายเลือดของเขาอยู่ เวลาผ่านไป 6 ปี ลูกสาวของเธออายุ 5 ขวบ เธอได้เดินทางกลับมาที่ไร่สิงห์คำรามเพื่อดูแลสรัณซึ่งเป็นเจ้านายเก่าของพ่อ เธอและเขาได้พบกันอีกครั้ง...เขาไม่เหมือนเดิมอีกแล้ว จากหนุ่มหน้าใส กลายเป็นผู้ชายดุดัน ไว้หนวดเครา ตัวโตร่างใหญ่ ที่สำคัญ...เขามีคู่หมั้นแล้ว แต่เธอไม่มีทางให้เขาสมหวังหรอกนะ เธอเคยเสียใจมากแค่ไหน เขาต้องได้รับความเสียใจมากกว่าเธอ ฝากขวัญไม่รู้เลยว่า...ความอยากเอาคืนในวันนั้น จะทำให้เธอตกหลุมรักอดีตสามีเป็นครั้งที่สอง ทว่าเธอไม่ใช่เด็กสาวม.ปลายผู้ไร้เดียงสาอีกแล้ว เธอไม่มีวันทำผิดพลาดเหมือนเมื่อก่อนแน่ๆ !
เธอเคยคิดว่าเขา รัก’จึงยอมยกให้ทั้งตัวและหัวใจ ทว่าในความจริง เธอเป็นได้แค่ ‘เมียในความลับ’ ที่ทำได้เพียงรอเวลาให้เขามานอนด้วย เจ้าสาวที่เขาจะแต่งงานด้วย ไม่ใช่เธอ แต่เป็นผู้หญิงคนอื่น และฟางเส้นสุดท้ายที่ทำให้ความอดทนของเธอขาดลงก็คือการที่เธอตั้งครรภ์ แต่เขากลับแนะนำให้ไปทำแท้ง พอที...เธอไม่สามารถคบกับผู้ชายใจร้ายเช่นเขาได้อีก พรอุษาตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์ที่มีแต่ความเจ็บปวด อุ้มท้องลูกน้อยหนีไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ 4 ปีผ่านไป บาดแผลในใจเริ่มจางหาย พร้อมลูกสาวที่เติบโตมาอย่างน่ารัก แล้วในวันหนึ่ง...โชคชะตาก็ทำให้เธอบังเอิญพบเจอกับสามีเก่าอีกครั้ง ถ่านไฟที่ยังไม่ทันได้ดับสนิทเริ่มติดไฟขึ้นมาอีกครั้ง...แต่ทว่าเธอจะไม่มีวันยอมผิดพลาดอีกเป็นครั้งที่สองแน่ๆ ...................... “นี่มัน” ชายหนุ่มย่นหัวคิ้ว ดึงแผ่นทดสอบมาดู... ถึงเขาจะเป็นผู้ชาย แต่ก็ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าที่ถืออยู่นี้คืออะไร แล้วความหมายของสองขีดแดงคืออะไร...สายตาคู่คมจ้องหน้าเธออย่างเดือดดาล “เธอท้องเหรอ” “คือ...มัน...เอ่อ” เธออึกอัก “เธอท้อง...” เขากดเสียงให้ต่ำลงไปอีก ส่งผลให้เธอตัวลีบเล็ก อึกอัก “พิมลองตรวจดู ไม่คิดเหมือนกันว่ามันจะขึ้นสองขีด” “ไม่คิดงั้นเหรอ” ชายหนุ่มแค่นเสียง แสยะมุมปาก ปล่อยมือจากเธอพร้อมขยำแผ่นทดสอบปาลงพื้น “ฉันจะถือซะว่าเรื่องนี้ไม่เคยเกิดขึ้น ไปเอาเด็กออกซะ”
เธอได้รับมอบหมายให้สัมภาษณ์นักธุรกิจชื่อดัง แต่ไม่นึกเลยว่าการพบกันครั้งแรกระหว่างเขาและเธอ...จะทำให้เธอสูญเสียพรหมจรรย์ไป เขามีเงิน มีอำนาจ และมีคู่หมั้นอยู่แล้ว เป็นผู้ชายที่เธอควรหลีกหนีให้ไกลที่สุด เธอตั้งใจจะลืมเรื่องคืนนั้นแล้วใช้ชีวิตตามปกติ แต่ทว่า...เช้ามา เธอก็ตกงาน จากนั้นก็โดนนักเลงมาข่มขู่คุกคาม แถมยังโดนเจ้าของห้องเช่าไล่ออกอีกต่างหาก เธอมั่นใจว่าคนที่หาเรื่องกลั่นแกล้งเธอก็คือคู่หมั้นของนนทิวรรธน์ ที่เธอต้องมาซวยก็เพราะผู้ชายคนนี้คนเดียว !! เธอบุกไปบ้านเขาเพื่อทวงความยุติธรรม เพื่อให้เขามอบความปลอดภัยให้เธอ แต่ไม่นึกเลยว่าเธอจากกลายเป็นเมียลับของเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ สถานะเมียลับที่อยู่ในความคุ้มครองของเขา ได้เงินทองมากมาย ใช้ชีวิตสุขสบาย แต่ไม่เคยได้รับความรัก และในวันที่เขาจะแต่งงาน คือวันเดียวกับที่เธอเพิ่งรู้ตัวว่าตั้งครรภ์ และที่สำคัญสุดคือ...หัวใจทั้งดวงของเธอเป็นของเขาไปแล้ว ซ้ำร้าย…เธอมีโอกาสได้อยู่ใกล้ชิดเขาเพียง 1 เดือน ก็โดนเขาขับไล่อย่างไม่ไว้หน้า เธอต้องเก็บเสื้อผ้าออกมาจากชีวิตด้วยความรู้สึกที่ย่ำแย่...ทิ้งสถานะเมียลับให้เป็นเพียงความทรงจำ พร้อมกับฝังความลับเรื่องการตั้งครรภ์ไม่ให้ล่วงรู้ถึงหูเขา 2 ปีต่อมา เธอได้พบกับอดีตสามีอีกครั้ง ในฐานะเลขาชั่วคราวกับท่านประธานบริษัท ความลับเรื่องลูก...เขายังไม่รู้ และจะไม่มีวันได้รู้เด็ดขาด แต่ใครจะนึกล่ะว่าความลับไม่มีในโลก !
“ผมจะให้ทะเบียนสมรสตามที่คุณต้องการ แต่ผมจะไม่มีวันให้หัวใจ” “แล้วคุณจะยอมแต่งงานกับฉันทำไม” หล่อนถามเสียงสั่น “เพราะผมต้องการโสเภณีส่วนตัวที่สามารถใช้งานบนเตียงได้สะดวกทุกเวลาที่ผมมีอารมณ์ยังไงล่ะ ในสังคม…คุณจะเป็นภรรยาไม้ประดับ แต่ในห้องนอน…คุณจะเป็นได้แค่เมียบำเรอที่มีค่าแค่ร่างกายสวยๆเท่านั้น”
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า “ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?” เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า “ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว...” ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา “เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?”
เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น “กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?” เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี
แค่ทะลุมิติมาในโลกยุคโบราณก็นับว่าแย่มากพอแล้ว แต่เคราะห์ซ้ำกรรมซัด เธอต้องมาแต่งงานกับท่านอ๋องที่ขึ้นชื่อว่าอำมหิตมากที่สุดในเมืองหลวง แล้วจางอวิ๋นซีจะเอาตัวรอดจากเงื้อมมือของท่านอ๋องจอมโฉดได้อย่างไร
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
เธอคิดว่าพวกเขาจะต่างคนต่างไปหลังจากการหย่าร้าง โดยเขาใช้ชีวิตของเขาเอง ส่วนเธอก็มีความสุขกับเธอไป-- แต่แล้ว... “ที่รัก ผมผิดไปแล้ว คุณกลับมาได้ไหม” ชายใจร้ายที่เคยหักหลังเธอสุดท้ายก็ก้มหัวที่หยิ่งผยองลง “เราคืนดีกันเถอะ ผมขอร้องล่ะ” ซูเชียนชือผลักดอกไม้ที่ชายคนนั้นมอบให้ออกไปอย่างเย็นชา และตอบอย่างใจเย็น "มันสายไปแล้ว"
หนุ่มวิศวะปีสี่ที่ได้ฉายา เสือยิ้มยาก เขาผู้ไม่เคยยิ้มให้ใครแต่กลับยิ้มให้เธอเห็นเพียงคนเดียว จากคนที่ไม่คิดจะรักใครแต่กลับรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น มารู้ตัวอีกทีก็ไม่อยากเป็นแค่รุ่นพี่แล้วแต่อยากเป็น(ผัว)