เธอเป็นเด็กในบ้านที่ป้านำมาอุปาการะ แต่แล้ววันหนึ่งกลับพลาดท่าให้กับลูกชายคนเดียวของเจ้าของบ้าน ทำให้เขาจำต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน ทว่ามันไม่ใช่ความรัก เหตุการณ์เลวร้ายต่างๆเริ่มขึ้นนับตั้งแต่วันนั้น
เธอเป็นเด็กในบ้านที่ป้านำมาอุปาการะ แต่แล้ววันหนึ่งกลับพลาดท่าให้กับลูกชายคนเดียวของเจ้าของบ้าน ทำให้เขาจำต้องรับผิดชอบด้วยการแต่งงาน ทว่ามันไม่ใช่ความรัก เหตุการณ์เลวร้ายต่างๆเริ่มขึ้นนับตั้งแต่วันนั้น
บทนำ
ดาริน…ถูกปลุกให้ตื่นด้วยบางอย่างที่กระตุกถูไถอยู่ช่วงบั้นท้ายและการสัมผัสรบกวนบริเวณอกสวยด้วยมือของใครบางคนพร้อมเสียงครางในลำคอที่เบาจน คล้ายกระซิบอยู่ข้างใบหูงามของเธอ สาวสวยพยายามปรือตาหนักๆขึ้นและกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องคุ้นเคยนี้ดารินจำได้ทันที คือ ห้องของ “ภากร” ทายาทคนเดียวของเจ้าของบ้านหลังนี้ที่เธอมาขออาศัยอยู่ในช่วงหลายปีมานี้ แรงบีบเค้นหน้าอกที่แรงขึ้นทำให้เธอสะดุ้งจนต้องเอียงตัวเพื่อดูให้แน่ใจว่ามันเกิดอะไรขึ้น
“พี่ภาค” กรี๊ดดดดดดดด
เสียงกรีดร้องที่ดังพอทำให้อีกคนตื่นจากภวังค์ กายเปลือยเปล่าล่อนจ้อนของทั้งคู่ที่กอดก่ายกันอยู่นั้นแทบจะผละออกจากกันทันทีเมื่อสบสายตากัน ความงุนงงตกใจแล่นเข้ามาในหัวของชายหนุ่ม เขาทำหน้าอย่างกับเห็นผี พยายามขยี้ตาและหันมองไปรอบๆ ตัว เพื่อเรียกสติให้ตัวเอง
“นี่มัน เกิดอะไรขึ้น แล้วทำไมเธอถึงมาอยู่ที่นี่ได้… ไม่สิฉันมาอยู่ที่นี่ได้ไง”
ชายหนุ่มพึงพำออกมาขณะที่สายตายังจับจ้องไปที่สาวสวยหน้าตาจิ้มลิ้มร่างเปลือยเปล่าตรงหน้าไม่วางตา…และจ้องมองเลื่อนต่ำลงไปถึงอกตูมนั่น รอยจ้ำแดงทั่วหน้าอกสวยนั้น นั่นเป็นหลักฐานชี้ชัดว่าเมื่อคืนต้องมีอะไรเกิดขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งคู่
ดารินที่กำลังจ้องชายหนุ่มคุ้นเคยตรงหน้าได้สติรีบดึงผ้าห่มมาคลุมร่างเปลือยของตัวเอง และหันหลังให้ชายหนุ่มด้วยความเขินอายทันที ขณะที่สมองก็เริ่มทบทวนความจำถึงเหตุการณ์เมื่อคืน ทำไมเธอถึงได้มานอนอยู่ที่นี่และมันเกิดอะไรขึ้นบ้าง ยิ่งคิดน้ำตาก็เริ่มไหลอาบพวงแก้มงาม สาวน้อยจำอะไรไม่ได้เลยกับเรื่องเมื่อคืน
ก๊อก ก๊อก ก๊อกกกก ปัง ปัง เสียงเคาะประตูดังขึ้น ที่จริงแล้วมันมันดังคล้ายจะพังประตูเข้ามาเลยล่ะ
“เมย์ อยู่ในนั้นหรือเปล่าลูก แกไปเอากุญแจสำรองมาซิ! ฉันได้ยินเสียงลูกสาวฉันร้องมาจากห้องของคุณภาค ต้องเป็นยัยเมย์แน่ๆ ” สาวสวยวัยกลางคนหันมาออกคำสั่งกับสาวรับใช้ในบ้าน
“ค่ะ คุณผู้หญิง” สาวใช้รับคำและรีบวิ่งไปเอากุญแจสำรองของบ้าน ไม่นานเกินรอหล่อนก็วิ่งกลับมาพร้อมพวงกุญแจพวงใหญ่
เสียงคนหลายคนโหวกเหวกอยู่หลังประตูนั่น คล้ายจะพังประตูกันเข้ามา ทั้งคู่หันมาสบตาเลิ่กลั่กกันอีกครั้ง เมื่อแน่ใจแล้วว่าคนหลังประตูบานนั้นไขกุญแจเข้ามาได้ ดารินรีบแทรกตัวมาด้านหลังของชายหนุ่มเพื่อหาที่กำบังร่างเปลือยเปล่าของตน พร้อมซบหน้าลงกับแผ่นหลังกว้างของเขา
แกรกกก เสียงประตูเปิดออก พร้อมกับเจ้าของเสียงโหวกเหวกนั่นถลาตัวเข้ามาทันที โดยคนอื่นๆ อีก 4-5 คน ยังยืนอยู่ด้านนอก ไม่กล้ามองเข้ามาตรงๆภายในห้องของชายหนุ่มแม้จะอยากมองก็ตาม
“ยัยเมย์ คุณภาค โอ้ยยยฉันจะเป็นลม นี่คุณทำอะไรลูกสาวน้าคะ” หญิงวัยกลางคนเอ่ยขึ้นเมื่อเดินเข้ามาในห้องของภากร ด้วยสีหน้าตกใจสุดขีดกับภาพตรงหน้า และไม่คิดว่าจะมีวันนี้
“แม่….โวยวายอะไรแต่เช้าคะ กะจะปลุกคนทั้งบ้านเลยหรือไง”เสียงแหลมนั่นโวยวายอยู่ด้านหลังของโฉมลดา ทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นต่างหันมองตามเสียงแหลมนั่น
“คุณเมย์”
“ยัยเมย์ ถ้าแกอยู่ตรงนี้แล้วนั่นใครที่อยู่กับคุณภาค อย่าบอกนะว่านั่น…”
คำโปรย :“ไม่น้อยไปหน่อยเหรอสำหรับค่าเปิดซิง” “แน่ใจเหรอที่พูด…แสนเดียวฉันก็เสียดายเงินจะแย่อยู่แล้วกับผู้หญิงแบบเธอ..หึ!!” เรื่องย่อ ให้รักมัดใจ มาลีรินทร์ (ริน) เด็กสาวที่เติบโตในครอบครัวนักธุรกิจที่เพียบพร้อมทุกอย่าง หลังจากที่เธอเดินทางกลับมายังประเทศไทยเธอก็ปวารณาตัวว่าจะนั่งกินนอนกินใช้เงินจากกงสีอย่างไม่ต้องใช้ความรู้ความสามารถที่ร่ำเรียนมาให้เหนื่อย กระนั้นจึงทำให้เธอถูกตัดออกจากกองมรดก ทำให้มาลีรินทร์ต้องแสวงหาชีวิตใหม่ที่สามารถให้เธอได้มากกว่าเงินกงสีที่เคยได้ เธอเริ่มภารกิจด้วยการเดินหน้าเข้างานสังคมเพื่อมองหาใครสักคน โดยใช้ความสวยน่ารัก ความฉลาดและเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์พร้อมกับสินทรัพย์อันมีค่าของเธอเข้าแลกภายใต้เงื่อนไขที่เธอจะต้องเกิดความพอใจสูงสุด จนกระทั่งในคืนหนึ่งที่เธอได้เจอกับนักธุรกิจหนุ่มผู้มีสินทรัพย์ระดับแสนล้าน เธอตัดสินใจมอบดอกไม้แรกแย้มของเธอให้กับแอนดี้ อดิรัตน์ เจ้าของสโมสรทีมฟุตบอลระดับโลกผู้มีสินทรัพย์มหาศาลเพื่อที่จะผูกมัดเขาให้อยู่หมัด อย่างไม่ลังเล และเริ่มเข้าไปมีส่วนร่วมในชีวิตของเขา โดยที่มาลีรินทร์ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เธอวิ่งเข้าหานั้น จะเป็นสิ่งเดียวกันกับที่เธอวิ่งหนีมาตลอดทั้งชีวิตของเธอ...แอนดี้..ผู้ชายที่สาว ๆ ต่างใฝ่ฝันอยากจะครอบครอง ทว่าแท้จริงแล้วเขาเป็นยิ่งกว่าซาตาน เสียอีก…
คำโปรย สาวหม้ายขันหมากช้ำรัก..จนต้องหนีไปเลียแผลใจบนเกาะทางใต้..ได้พบกับนายหัวหนุ่มปากแซ่บที่เข้ามาจิกกัดพร้อมป่วนหัวใจ จนมีความสัมพันธ์อย่างรวดเร็ว รักเก่าก็ตามมา รักใหม่ก็แซ่บกว่า คนสวยก็เลยวุ่นวายเลยทีนี้ เรื่องย่อ หญิงสาวม่ายขันหมากเพราะดันไปพบเข้าว่าว่าที่เจ้าบ่าว (แอนดี้/อดิรัตน์) ซึ่งเป็นคู่หมั้นของเธอกำลังทำบางสิ่งในคืนวันงานสละโสด ทำเอาเธอรับไม่ได้ถึงกับถอนหมั้น ทิ้งงานแต่งแล้วลาพักร้อนอย่างไม่มีกำหนดมาอยู่กับตัวเองบนเกาะเกือบร้าง จนมาพบเข้ากับไลฟ์การ์ดสุดเท่ห์อย่าง (กร/กรรฐา) ซึ่งก็เคยพบเจอกับเหตุการณ์อย่างเช่นที่ (มัท/มาธ่า/มัทนา) เจอมาแล้ว ด้วยความเหมือนจึงเข้าอกเข้าใจกันอย่างรวดเร็วทำให้คนทั้งคู่เริ่มมีใจให้กันทีละน้อย เมื่อกระทั่งความรักของทั้งสองสุขงอมพร้อมที่จะปล่อยอารมณ์ไปกับความสัมพันธ์อันลึกซึ้งในทิศทางที่ดี ทว่าก่อนหน้านั้นอดีตคู่หมั้นได้จ้างนักสืบเอกชนให้พลิกแผ่นดินหาเธอ จนนักสืบ (เอ/เอศรา) เอจ้างเรือข้ามฟากติดตามมาธ่ามายังเกาะส่วนตัวเกาะหนึ่งซึ่งตนเคยมาถึงเมื่อนานมาแล้ว ‘เกาะอัณยา’ จนเอได้พบกับกร เพื่อนเก่าที่ไม่ได้พบเจอกันมาหลายปี เอบอกเล่าเรื่องราวที่ตนมีภารกิจมาตามหามาธ่า โดยเอรู้เพียงแต่ว่ามาธ่านั้นเป็นเพียงนักท่องเที่ยวที่หนีมาหลบเลียแผลใจ ทำให้กรหวั่นไหวไปกับสิ่งที่ได้รับรู้มาเป็นอย่างมาก เพราะกรนั้นก็เคยมีแผลเป็นที่หัวใจฝังติดมาจากอดีตเช่นกัน บนความรู้สึกที่คลอนแคลนยิ่งทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นเมื่อทั้งแอนดี้และริน (รินทร์/มาลีรินทร์) ต่างก็เดินทางมาที่เกาะอัณยาเพื่อตามหาหัวใจตนเองเช่นกัน
“ทุกคำรักแค่หลอกให้เธอตายใจแม้กระทั่งยามนอนกกกอดครามก็มองดาวเหนือเป็นแค่เงาและตัวแทนของคนรักเก่าเท่านั้น” ครามที่ใช้ชีวิตเหมือนตายทั้งเป็นหลังจากที่เขาสูญเสียภรรยา วันนึงเขาเจอกับดาวเหนือ หญิงสาวที่มีใบหน้าคล้ายเมียเก่า เขาจึงวางแผนเข้าหาและครอบครองทันที โดยที่นางเอกไม่รู้เลยว่าคนรักไม่เคยรักที่เธอเป็นเธอสักนิด
เงื่อนไขเดียวที่เขาจะรักษาทุกอย่างไว้ได้ คือต้องแต่งงานล้างหนี้ !! “สมบัติก็อยากได้คืน แต่เมียนี่สิไม่ได้อยากได้เลย” จะเลี่ยงไงได้ ในเมื่อฝ่ายนั้นจัดฉากรวบหัวรวบหาง คงต้องเลยตามเลยแล้วรอเอาคืน ขณะที่ว่าที่พ่อตาวุ่นวายจัดฉากสารพัดเพราะอยากได้เขาเป็นลูกเขยเสียเหลือเกิน ภากรก็แอบไปมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับนาตาลี (ลูกสาวเจ้าสัว) จนกระทั่งเป็นข่าวดัง ทุกอย่างเลยเข้าทางพ่อตาหมด งานแต่งงานจึงเกิดขึ้นอย่างกระทันหัน ระหว่างซ้อนแผนกันไปมาของพ่อตากับลูกเขย คนที่น่าสงสารสุดก็คือ คุณหนูเหมยลี่/นาตาลี เพราะกลายเป็นหมากให้พ่อกับสามีแก้เกมส์ แถมกว่าจะรู้เรื่องก็รักสามีไปหมดใจแล้ว
เมลดา สาวไฮโซสุดฮอต ดีกรีนางแบบดังระดับอินเตอร์ น้องสาวคนเล็กของบ้าน หลังเรียนจบกลับมาปักหลักและรับงานในวงการบันเทิงที่ไทย เรื่องราววุ่นวายเริ่มเกิดขึ้นหลังจากพลาดไปมีความสัมพันธ์ชั่วข้ามคืนกับตำรวจหนุ่มฮอต ที่ดันเป็นเพื่อนสนิทของพี่ชายตัวเอง และดันอยากเป็นสุภาพบุรุษรับผิดชอบกับความสัมพันธ์ครั้งนี้ ความรักและความผูกพัน ที่ก่อตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและทำท่าว่าจะไปได้ดี แต่กลับมีเรื่องราวมาทดสอบความรักของพวกเขา โชคชะตาที่ทำให้เธอต้องเจอกับเรื่องราวเลวร้ายจนสูญเสียความทรงจำและเสียลูกไปในเวลาเดียวกัน การสูญเสียความทรงจำครั้งนี้ เธอลืมแม้กระทั่งความรัก เขาจึงต้องทำทุกวิถีทางให้รักนั้นกลับคืนมาอีกครั้ง เมื่อเขาคือรักแรกของเธอ และเธอคือรักสุดท้ายของเขา….. เรื่องราวของเมลดากับชานนท์ ไรท์มองว่าเป็นเรื่องราวของโชคชะตาและพรหมลิขิตที่ไม่ว่าจะเกิดเรื่องราวอะไร หรือต้องรีเซ็ตเพื่อเริ่มใหม่อีกครั้ง สุดท้ายทั้งคู่ก็วนกลับมาเจอและรักกันใหม่ทุกครั้ง มันเป็นความรักที่เกิดขึ้นครั้งแล้ว ครั้งเล่า ไม่รู้จบ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวภาคต่อจาก เงาซ่อนรัก Love Shadow ( เนื้อเรื่องไม่ต่อเนื่องกัน)
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
ซุนเหยา เจ้าของร้านอาหารจีน ที่มีอยู่หลายสาขาทั่วประเทศ เธอทำงานหนักจนหมกสติไป เมื่อตื่นขึ้นอีกครั้งก็พบว่าตัวเองกำลังนั่งอยู่ในเกี้ยวแปดคนหาม สวมชุดแดงมงคล กำลังจะเข้าพิธีแต่งาน
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
© 2018-now MeghaBook
บนสุด