ปารวียังไม่ได้แก่สักหน่อย เอาเป็นว่าอายุเกินวัยเบญจเพสมาปีสองปี แค่วันนี้ชื่อที่ติดอยู่ในความทรงจำเริ่มทำพิษนิดหน่อย เธอทำผิดต่อเขา เท่าๆ กับที่เขาทำผิดต่อเธอ ความผิดในวัยเยาว์ที่น่าจะเจ๊ากันไป แต่ก็สะดุดทุกครั้งที่ได้ยินชื่อนี้
ปารวียังไม่ได้แก่สักหน่อย เอาเป็นว่าอายุเกินวัยเบญจเพสมาปีสองปี แค่วันนี้ชื่อที่ติดอยู่ในความทรงจำเริ่มทำพิษนิดหน่อย เธอทำผิดต่อเขา เท่าๆ กับที่เขาทำผิดต่อเธอ ความผิดในวัยเยาว์ที่น่าจะเจ๊ากันไป แต่ก็สะดุดทุกครั้งที่ได้ยินชื่อนี้
แดดยามบ่ายต้นฤดูหนาวยังส่องแสงจ้า ทำให้คนที่กำลังจะเดินพ้นชายคาสำนักงานหยีตา ปารวีล้วงมือบางนวลเนียนสีน้ำผึ้งเข้าไปในกระเป๋าผ้าใบย่อมที่คล้องไหล่อยู่
สักพักร่มเทาฉาบสีเงินแต่ด้านในเป็นลายตาหมากรุกขาวแดงก็กางออก ป้องกันแสงยามบ่ายอันร้อนแรง แม้เป็นต้นฤดูหนาวแต่อากาศยังอบอ้าว ไม่มีลมพัดมาซักนิด
เดินมาสักสิบนาทีก็เริ่มคอแห้ง ริมถนนข้างทางมีร้านสะดวกซื้อ แต่เธอสมัครใจที่จะเดินต่อเพื่อไปให้ถึงจุดหมายเร็วๆ
ห้านาทีต่อมา ปารวีมาถึงหน้าร้านกระจกใสบานกว้าง ข้างในโชว์สารพัดสารพันดอกไม้สะพรั่ง
สีแดงกำมะหยี่ของกุหลาบกลีบหนา ขาวชมพูจากคาร์เนชั่น ฟ้าครามไฮเดรนเยีย ตัดกับเหลืองจากดอกเบญจมาศ พวกมันบานเริงร่าสดชื่นตัดกับสภาวะอากาศภายนอก
“ว๊าวๆ”
สาวผิวขาวจัด หน้าคม ผมรวบสูงเป็นหางม้าเคลียต้นคอ หันมาแล้วอุทาน คนเพิ่งผลักประตูกระจกใสของร้านเลิกคิ้ว
“มีอะไรคะคุณส้ม”
ปารวีมองหน้าเจ้านายพลางเหลือบดูโทรศัพท์บ้านแบบไร้สายที่เจ้าตัวถืออยู่
“เรามีลูกค้าประจำอีกรายแล้วจ้ะ เขาเพิ่งโทร.มาสั่งดอกไม้”
คุณส้มหรือชื่อจริงเพียงเพ็ญเอาโทรศัพท์แนบหู แล้วลูบมันราวกับของล้ำค่าน่าทะนุถนอม
“เหรอคะ ดีจัง”
ก็เป็นเรื่องน่ายินดีจริงๆ นั่นแหละ ลูกค้าประจำย่อมหมายถึงรายได้ที่แน่นอน เพียงเพ็ญจะได้มีเงินจ้างพนักงานประจำอีกคนนอกเหนือจากเธอบ้าง
แม้ร้านดอกไม้ขนาดตึกแถวหนึ่งคูหานี้จะเล็ก แต่การมีคนทำงานเพียงสองคนก็ทำให้งานล้นมือไป
ไหนจะจัดดอกไม้ รับโทรศัพท์ ไหนจะรับลูกค้าหน้าร้านที่วอล์คอินเข้ามา ยังดีที่ปารวียังไม่ต้องไปส่งดอกไม้เองกรณีลูกค้าอยู่ไกลเพราะเพียงเพ็ญมักใช้บริการวินมอเตอร์ไซด์รับจ้าง
“ไม่ใช่แค่นั้นนะ ลูกค้ารายนี้ยังมีอะไรพิเศษ”
เพียงเพ็ญยิ้มแบบมีเลศนัย ซึ่งไม่ว่าจะยิ้มอย่างไรปารวีก็มองว่าเจ้านายของตนคนนี้ยังสวยมากอยู่ดี
“ฉันรู้สึกว่าเขากำลังอยากจะแต่งงาน”
ไม่ใช่เรื่องแปลกในความคิดของปารวีนะ เพราะโดยมากดอกไม้มักเป็นส่วนประกอบในการขอแต่งงานเสมอ
“เขาถามถึงความหมายของดอกไม้ แถมให้เราจัดดอกไม้ที่มีความหมายดีๆ ไปส่งให้ทุกวัน”
“โห!”
ปารวีอุทานบ้าง นึกในใจว่าผู้ชายคนนี้ “ป๋า” ไม่ใช่เล่น แสดงว่ารวยมาก ชักอยากเห็นเสียแล้วซิว่าหน้าตาของสาวผู้โชคดีขนาดนั้นสวยสักเท่าใดเหนอ
“เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้เลยนะ แต่เราต้องเอาดอกไม้ไปส่งให้ที่บริษัทด้วย เดี๋ยวเขาจะไปจัดการให้คนที่อยากให้เอง”
ปารวีพยักหน้าเข้าใจ พลางคิดว่าอีกเดียวเธอจะโทร.ไปคุยกับวินมอเตอร์ไซด์ขาประจำ เพื่อตกลงราคาเหมาเลยเสียทีเดียว เพราะต้องส่งดอกไม้กันทุกวัน จะได้ประหยัดค่าใช้จ่าย
“แต่มีข้อแม้เดียว” เพียงเพ็ญยังยิ้มอยู่
“เราต้องเอาดอกไม้ไปส่งให้เขาเอง”
“ไหงงั้นละคะ”
ปารวีมองเห็นสัญญานความลำบากของตัวเองขึ้นมาไรๆ เพียงเพ็ญไม่มีทางทิ้งร้านแน่ คนที่ต้องไปส่งดอกไม้คงไม่พ้นเธอแหงๆ เหมือนวันนี้อย่างไรเล่า โชคดีที่ลูกค้าอยู่ไม่ไกลมาก พอเดินไปได้
“ไม่รู้สิ จะยังไงก็แล้วแต่เขาเป็นลูกค้า จะจ่ายประจำ แถมจ่ายหนักด้วย ไม่เกี่ยงงบให้เราจัดดอกไม้ตามใจชอบได้เลย”
อืม...ดูเหมือนจะไม่ใช่“ป๋า”ธรรมดาแล้วสิลูกค้ารายนี้ ควรเรียกว่า“ป๋ามาก”ถึงจะถูก
“เฮ้อ! น่าอิจฉาผู้หญิงที่จะได้รับดอกไม้ทุกวันจัง”
เพียงเพ็ญถอนหายใจ หันตัวกลับไปเอาโทรศัพท์ตั้งไว้ที่เคาน์เตอร์เหมือนเดิม
“ก็ยอมรับคำขอแต่งงานจากบรรดาหนุ่มๆ ที่มาขอซะสิคะ”
ปารวีล้อ เดินอ้อมเคาน์เตอร์ไปเปิดตู้แช่ดอกไม้ เธอซ่อนขวดน้ำดื่มไว้หลังถังใส่ลิลลี่ขาว น้ำดื่มเจือกลิ่นดอกไม้ทำให้ชื่นใจอย่างประหลาด
จนบางทีก็นึกสงสัยว่าปากตนเองที่ดื่มน้ำเวลาพูดจะมีกลิ่นหอมของติดไปด้วยไหมนะ
“ไม่เอา”
เพียงเพ็ญย่นจมูก
“มีมาแต่ไม่ถูกสเปค”
เจ้านายหน้าคม จมูกรั้น ริมฝีปากบางเฉียบ ผิวขาวนวลเนียน แต่เป็นคนเรื่องมาก
เอ๊ย! ละเอียดลออในทุกเรื่อง รวมถึงเรื่องผู้ชาย ไม่น่าแปลกใจเลยที่อยู่เป็นโสดมาได้จนถึงอายุสามสิบปีพอดี
“ผู้ชายน่ะ ต้องเลือกดีๆ เพราะเขาจะอยู่กับเราไปอีกนาน ฉันไม่รีบนะป่าน”
เพียงเพ็ญเอ่ยชื่อเล่นของปารวี เป็นสัญญาณว่ากำลังจะเลคเชอร์เรื่องชีวิตคู่อีกแล้ว เพียงเพ็ญไม่เคยแต่งงาน แต่กลับมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับประสบการณ์ชีวิตคู่ขมๆ มากมายเหลือเกิน
‘เรื่องของเพื่อนน่ะ’
เจ้านายเคยตอบว่าอย่างนั้น เอาล่ะเรื่องของเพื่อนก็ของเพื่อน ปารวีเชื่อตามนั้นโดยคร้านจะโต้แย้ง
“เออ พูดถึงลูกค้าคนนี้ เดี๋ยวบวกค่าส่งดอกไม้ไปด้วยนะ เพราะฉันจะให้ป่านนั่งแท็กซี่ไปส่ง...ที่ทำงานเขาอยู่ที่...”
เพียงเพ็ญเอ่ยชื่อย่านธุรกิจดัง โอ...แหล่งรถติดเลยนะนั่น
“จริงๆ น่าจะให้พี่วินฯไปส่งดีกว่า”
เธอเผยความคิดในใจจนได้
“ช่างปะไร”
เพียงเพ็ญยักไหล่
“ลูกค้าต้องการอะไรเราก็สนองให้ ตราบใดที่เขายอมจ่าย” หลักการง่ายๆ ของการทำธุรกิจพื้นฐานที่เจ้านายให้จำไว้เสมอ
“ลูกค้าเราชื่อคุณคณิตนะ เดี๋ยวป่านไปดูหน่อยว่านามบัตรสวยๆ ยังเหลืออยู่ไหม ถ้าเหลือน้อยก็ไปซื้อเสีย ไปตอนเย็นนะ วันนี้ลูกค้าคงไม่เยอะ”
เพียงเพ็ญพูดไปเรื่อยๆ แต่ความคิดของปารวีสะดุดตั้งแต่ได้ยินชื่อลูกค้า ...คุณคณิต
‘แก่แดด แร่ด!’
ภาพและเสียงล้อของเพื่อนๆ วัยมัธยมลอยมาในทันใด
‘ป่านแร่ด!’
“ป่าน...ป่าน”
“คะ...ค่ะ คุณส้ม”
ปารวีหลุดจากภวังค์ มาสนใจเจ้านายที่จ้องอยู่
“มีอะไรหรือเปล่า เดี๋ยวเย็นนี้ปิดร้านเร็วสักครึ่งชั่วโมงดีกว่านะ เราไปเลือกนามบัตรใหม่กัน อยากเปลี่ยนแล้ว เอาสวยๆ เลย”
เธอยิ้มเจื่อนให้เพียงเพ็ญ แล้วทำเป็นตั้งใจฟังสิ่งที่อีกคนพูด แต่ใจยังลอยวนกลับไปสู่ความทรงจำยามมัธยมเป็นบางช่วงอยู่ดี
ปารวีไขกุญแจห้องพักอย่างเหนื่อยล้า เธอวางกระเป๋าผ้าไว้ที่โต๊ะเครื่องแป้งข้างหัวเตียง ถอนหายใจแล้วล้มตัวลงนอนหงายบนเตียงนั่นเอง
ความจู้จี้จุกจิกในการเลือกนามบัตรของเพียงเพ็ญวันนี้ ไม่ได้ระคายความรู้สึกของเธอเลย มีเพียงสิ่งเดียว...คณิต
‘กินของขม ชมเด็กสาว เล่าความหลัง’
อาจารย์สมัยมหาวิทยาลัยเธอเคยพูดแบบนี้ อันเป็นลักษณะที่อาจารย์เรียกว่า...เป็นสัญญาณของคนเริ่มแก่
ตั้งแต่ฉันได้กุหลาบสีม่วงมาอย่างบังเอิญ ฉันก็เริ่มฝันถึง อัศวินชุดดำ แม่มดในกระท่อม แมวดำ ความตายสีเพลิง ...และดวงตาสีฟ้าปริศนาที่ทำใจเต้นแรงคู่นั้น ++++++++++++++++++++++++ เราสบตากัน ดวงดาวสีฟ้าที่ฉันเคยใฝ่ฝัน ดวงดาวที่ฉันอยากเอื้อมให้ถึง "เจ้าเป็นเพื่อนที่ข้าไว้ใจที่สุด" เขาโกหกฉัน เหมือนที่ฉันก็โกหกเขา ตลอดมาฉันไม่เคยคิดว่าเขาเป็นเพียงเพื่อน ผู้คุมปลดโซ่ ทหารเข้ามาล้อมรอบตัวฉัน ผลักขึ้นสู่บันได ที่มีอีกคนยืนอยู่พร้อมขดเชือกหนา ร้อยรัดมัดร่างกายฉันไว้อย่างแน่นหนา ชายอ้วนเตี้ยพล่ามอะไรอีกแล้ว ฉันไม่ได้ยินเพราะเสียงร้องไห้ระงมของหลายคนบนเสาต้นข้าง ๆ บ้างก็ก่นด่า บ้างตะโกนบอกตนไม่ผิด ดวงดาวสีฟ้ายังส่องแสง ขณะในตาฉันกำลังเลือนรางด้วยน้ำสีแดง กลุ่มเส้นไหมสีทองซบลงที่ไหล่เขา ทันใดนั้นดวงดาวสีฟ้าก็กะพริบ หลุบมองเธอในชุดขาว "ประหารแม่มด" ท่านอาจารย์ที่รับเลี้ยงฉันเคยพูดไว้ หากแผลใดทำเราเจ็บมาก ถึงที่สุดแล้วมันจะชา กระทั่งไม่รู้สึกอะไรอีก "ไม่มีแผลใดที่ไม่มีวันหาย" ฉันยิ้ม นึกเยาะเย้ย อาจารย์โกหกเสียแล้ว ตอนนี้ฉันเจ็บมาก เจ็บปวดเหลือเกิน ทำไมยังไม่ชาอีกล่ะ +++++++++++++++++++++++++ ขอให้อ่านสนุก เฌอเลียร์
ชารีญา เปรียบเสมือนเจ้าสาวที่กลัวฝน เธอหนีงานแต่งมาด้วยเหตุจำเป็นบางอย่าง ทว่าเมื่อหลบซ่อนอยู่ในโรงแรมเธอกลับได้มาพบกับเขา มาเฟียร้ายจอมไร้อารมณ์ เดเมียน จัสติน วินด์ทรอฟ ไม่มีอารมณ์ใครและปรารถนาต่อผู้หญิงคนไหนมาก่อน กระทั่งได้มาพบเธอ ผู้หญิงที่มีดวงตาที่เป็นประกายและช่วยปลุกไฟสวาทของเขาให้ตื่นขึ้นมา ค่ำคืนพลาดพลั้งของทั้งคู่ก่อเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อวันใหม่มาเยือน เธอคนนั้นก็หนีจากไป จนทำให้เขาต้องใช้ทุกวิธีเพื่อตามเธอกลับมา เขายอมกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ มากด้วยแผนการ ยินยอมเป็นมาเฟียที่ชั่วร้ายในสายตาของเธอคนนั้น เพียงเพื่อกักขังเธอไว้ให้อยู่เคียงข้างเขาตลอดไป สถานที่ที่เธอคนนั้นละอยู่ได้บนโลกใบนี้มีเพียงข้างกายเขาเท่านั้น!
วัชรมัยเคยทิ้งไผท ทิ้งลูก แล้ววันนี้กลับมาร้องขอความเป็นแม่อีกครั้ง ไผทจะไม่มีวันให้อภัย! ++++++++++++++++++++++++++ “ฉันไม่รังเกียจหรอกนะ ถ้าเธอจะเคยนอนกับผู้ชายคนอื่น แต่ต้องไม่ใช่ตอนอยู่กับฉัน” ขายาว ๆ ย่างสุขุมเข้ามา หญิงสาวทำตัวลีบเล็ก กระทั่งหลังติดแนบหัวเตียง “ฉันไม่ใช้ผู้หญิงร่วมกับใคร!” “พี่ป้อ...” เอ่ยยังไม่ทันจบ ริมฝีปากซีดก็ถูกประกบด้วยอวัยวะชนิดเดี๋ยวกัน “อื้อ...” ไร้ซึ่งความอ่อนหวาน มีแต่การบังคับดุดัน ไผทดูดดึงริมฝีปากบางจนฮ้อเลือด “เห็นเธอป่วย ว่าจะใจดีให้พักเสียหน่อย แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ถอดเสื้อผ้าออก ฉันจะเช็คของ!” เมื่อจุมพิตอย่างไม่เต็มใจจบลง เสียงทุ้มต่ำดังแหวกเสียงหรีดเรไรข้างนอก ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศหนาวเหน็บชวนขนลุก ไผทแสยะยิ้มร้ายกาจให้คนบนเตียง “ทำสิ ไม่งั้นก็ไสหัวไปออกจากบ้านฉัน ออกไปจากชีวิตลูก” วัชรมัยกลืนทุกความรู้สึกกลับไปในอก มือสั่นถอดเสื้อผ้าออก “จะได้อยู่กับลูก...จะได้อยู่กับปราบ” เสียงในสมองดังก้องสะกดจิตตนเอง เพื่อได้อยู่กับลูก ต่อให้ต้องลงนรกขุมไหนเธอก็จะทน! +++++++++++++++++++++++++++++
ภริยา(ไม่รัก)ของมาเฟีย +++++++++++++++++ “ถ้าฉันไม่มีลูก คุณก็จะไม่มาที่นี่ใช่ไหม” ในใจส่วนลึกคาดหวังคำตอบว่า...ไม่ใช่ เลโอนาร์ดเบนสายตามองเธอนิ่ง “คงจะอย่างนั้นแหละ” ประไพสุดาเม้มริมฝีปากแน่น กายสั่นเทิ้ม “เลโอนาร์ด เบลุซซี่ คุณออกไปจากที่นี่ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก เด็กในท้องนี่เป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น ถ้าอยากได้แกก็ฆ่าฉันเสียเถอะ” ดวงตาดำสนิทลุกวาว มองอดีตสามีดังจะสาปส่งให้สลายเป็นจุณ “ฉันเกลียดคุณ!” +++++++++++++
อย่าเข้ามาค่ะ! ความรัก ++++++++++++++++++ เมื่อคนอกหักมาวันไนต์แสตนด์กัน จากที่คิดว่าแค่วันไนต์ กลายเป็นมีภาคสอง หัวใจที่บอบซ้ำสองดวง จะเปลี่ยนไปอย่าไร ในเมื่อต่างฝ่ายต่างเข็ดกับความรัก ++++++++++++++++++++ "ลูกพี่ลูกน้องของคุณทำว่าที่สาวเจ้าของคุณท้องอย่างนั้นหรือคะ" สีหน้าของฤดีรัตน์ตกใจมาก ๆ เจ็บหัวใจแทนเขาเลย "ครับผม แต่ยังดีที่ยังไม่ได้ร่อนการ์ดเชิญ มันโคตรรู้สึกแย่เลยนะ สามเดือนมาแล้วนะ ทุกอย่างก็ยังไม่ดีขึ้นเลย รู้สึกเจ็บอยู่ข้างในเนี่ย" "ฉันเข้าใจคุณเลยค่ะ เพราะของฉันมากกว่าสามเดือน" "แล้วผมจะเป็นอย่างคุณไหม" "ไม่มั้งคะ เพราะคุณดูมีสติมากกว่าฉันเสียอีกค่ะ แค่หาคนใหม่" ชนิษฐากรอกหูเธอทุกวันเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ทำไม่ได้ แต่เอาคำปรึกษาของเพื่อนมาบอกเขา "หาคนใหม่ยังไง" คิ้วเรียวเลิกขึ้น "หนามยอกให้เอาหนามบ่งยังไงล่ะคะ" ฤดีรัตน์ทำเป็นยกมือป้องปากกระซิบ "ไม่เข้าใจครับ" "คุณก็แค่หาผู้หญิงคนใหม่ ไม่จำเป็นต้องคบก็ได้ค่ะ แค่มาคั่นกลางให้เรารู้สึกดีขึ้น" เธอยักไหล่ แสร้งทำเป็นช่ำชองเรื่องการหาคนใหม่มาดามใจ "แล้วทำไมคุณไม่ทำ" "ก็ฉันยังไม่ได้เจอคนที่ชอบนี่คะ อย่างน้อยก็ต้องชอบก่อน" "ถ้างั้นทฤษฎีนี้ก็ไม่ได้ผลนะ ที่จริงไม่ต้องชอบกันก็ได้มั้ง แค่รู้สึกไม่รังเกียจก็พอ" เขายกเบียร์ขึ้นจิบ ฉุนนิด ๆ ที่ต้องมาฟังทฤษฎีเพ้อเจ้อ "คุณรังเกียจฉันไหม" ฤดีรัตน์หรี่ตาปรือ "ถ้ารังเกียจผมจะให้คุณนั่งโต๊ะเดียวกันเหรอ" "ถ้าอย่างนั้นคืนนี้" หมอคชาจ้องหน้าเธอ "คืนนี้นอนกับฉันได้ไหมคะ วันไนท์สแตนด์ ไม่ผูกมัด ไม่ผูกพัน" +++++++++++++++++++++ มีตัวละครต่อเนื่องจากเรื่อง รักอย่า...หย่ารัก นะคะ อ่านแยกกันได้ค่ะ ไม่งง ขอให้อ่านสนุก เฌอเลียร์
ชนิษฐารักคณิศร แต่เขารักอีกคน อ้อมกอดเขามีให้เธอ แต่ในใจเขาคิดถึงใคร ทำดีสักเท่าไร สุดท้ายคณิสรมองชนิษฐาเป็นเพียงเครื่องมือผลิตลูก การแต่งงานอันหลอกลวงต้องจบลง ถึงเวลาแล้ว ที่เธอจะหย่า! +++++++++++++++++++++++++++++ ชนิษฐาช็อกกับภาพตรงหน้า "ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นได้คนผลิตลูก แม่วัวยังไงล่ะคะดิน แต่สำหรับหวาย หวายคือนางในดวงใจของดิน อ้า อะ อะ อะ..." คงจะเป็นสามีของชนิษฐาด้วยที่เด้งเอวตอบกลับการกระทำของสุธาวี เคล้ง... ข้าวของในมือของชนิษฐาร่วงหล่น คณิศรยกหัวขึ้นมาด้วยความตกใจ สายตาของเขาสบต้องสายตากับชนิษฐา ที่ในเวลานี้น้ำตาที่ไหลลงมากลบม่านตา ยืนปากคอสั่น สิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของชนิษฐาในตอนนี้ คือหนีไปให้ไกลแสนไกล เธอวิ่งออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ตรงไปที่รถของเธอ แล้วขับออกไป คณิศรผลักตัวของสุธาวี "ออกไป พอได้แล้วหวาย หยุดเถอะ คุณกำลังทำให้ชีวิตผมพัง" "หวายทำพังเหรอคะ พังเหรอคะ ดิน... เราสองคนกำลังมีความสุขด้วยกันต่างหาก ดินยอมรับความจริงเถอะค่ะว่าคุณน่ะขาดหวายไม่ได้" ++++++++++++++++++++++++++++++ ติ๊ง... ติ๊ง... มีข้อความเข้า และทุกวันนี้จะเป็นข้อความจากสินเป็นส่วนใหญ่ คณิศรหยิบมือถือขึ้นมา เมื่อเปิดเข้าไปดู รูปที่บาดตาบาดใจ บาดหัวใจ ผู้ชายคนนั้นเปิดประตูให้กับชนิษฐา เธอหันมายิ้มให้เขา และขึ้นไปนั่ง คณิศรถึงกับทิ้งมือถือ และหลับตาลงทันที เขาเศร้าหม่นในหัวใจมาก ทำไมเป็นแบบนี้ มันจะลงเอยแบบนี้ไม่ได้ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
เขาเหลือบสายตามองแก้มบางที่อยู่ไม่ห่างจากปาก จมูกน้อย ๆ ของนางคลอเคลียอยู่ที่ลำคอของเขาเมื่อก้าวเดิน เขาไม่คิดให้เสียเวลา ลดฝีเท้าในการเดินให้ช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วคิดกำไรด้วยการจูบมุมปากและหอมแก้มของเธออย่างเอาเป็นเอาตาย แต่ก็แผ่วเบานุ่มนวล เพราะไม่อยากทำให้นางตื่นจนเสียโอกาส มือไม้ก็ลูบไล้ความนุ่มเนียนจนลื่นมือของผิวแท้ ที่มีเพียงผ้าผืนน้อยปิดกั้นไว้ “สตรีขี้เมามันไม่งาม แต่ข้าก็ชอบถ้าเป็นเจ้า” เขาพึมพำชิดริมฝีปากอวบอิ่ม ประทับจูบลงไปแนบแน่นเมื่อวางร่างของนางลงบนเตียงเรียบร้อยแล้ว...
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
อวิ๋นซือเป็นบุตรสาวของขุนนางใหญ่กับภริยาเอก นางเพียบพร้อมคู่ควรกับฐานะฮูหยินใหญ่ วัยสิบห้าหญิงสาวขึ้นเกี้ยวสีเเดงหลังใหญ่ ใช้แปดคนหามเข้าสู่ตระกูลสามี วัยสิบเจ็ดนางถือหนังสือหย่าออกจากจวนอย่างทระนง เป็นฮูหยินใหญ่เเล้วอย่างไร เมื่อในใจสามียังสู้อนุคนหนึ่งไม่ได้ด้วยซ้ำ
เธอตกหลุมพรางของว่าที่สามีและเพื่อนสนิทของตัวเอง ทำให้เธอสูญเสียไปทุกอย่าง เธอตายอยู่บนถนน เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกที ก็พบว่าสามีของเธอกำลังพยายามรัดคอเธอให้ตาย แต่โชคดี ที่สุดท้ายเธอรอดชีวิตมาได้ แล้วเธอก็ตกลงเซ็นข้อตกลงการหย่ากับสามีของเธออย่างไม่ลังเล ที่เธอคิดไม่ถึงคือ แม่ของเธอได้ทิ้งทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลก้อนหนึ่งให้เธอ ซึ่งช่วยให้เธอได้มีโอกาสแก้แค้นและพลิกสถานการณ์ทั้งหมด จากนั้น ทุกอย่างกำลังจะดีขึ้น และเธอก็ได้รับความรักอีกครั้งกับอดีตสามีของเธอ...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด