ชารีญา เปรียบเสมือนเจ้าสาวที่กลัวฝน เธอหนีงานแต่งมาด้วยเหตุจำเป็นบางอย่าง ทว่าเมื่อหลบซ่อนอยู่ในโรงแรมเธอกลับได้มาพบกับเขา มาเฟียร้ายจอมไร้อารมณ์ เดเมียน จัสติน วินด์ทรอฟ ไม่มีอารมณ์ใครและปรารถนาต่อผู้หญิงคนไหนมาก่อน กระทั่งได้มาพบเธอ ผู้หญิงที่มีดวงตาที่เป็นประกายและช่วยปลุกไฟสวาทของเขาให้ตื่นขึ้นมา ค่ำคืนพลาดพลั้งของทั้งคู่ก่อเกิดขึ้นอย่างไม่ทันตั้งตัว แต่เมื่อวันใหม่มาเยือน เธอคนนั้นก็หนีจากไป จนทำให้เขาต้องใช้ทุกวิธีเพื่อตามเธอกลับมา เขายอมกลายเป็นคนเจ้าเล่ห์ มากด้วยแผนการ ยินยอมเป็นมาเฟียที่ชั่วร้ายในสายตาของเธอคนนั้น เพียงเพื่อกักขังเธอไว้ให้อยู่เคียงข้างเขาตลอดไป สถานที่ที่เธอคนนั้นละอยู่ได้บนโลกใบนี้มีเพียงข้างกายเขาเท่านั้น!
“คุณคนนั้นล่ะครับ ว่าที่นายผู้หญิง”
เสียงกระซิบจากบอดี้การ์ดหนุ่มในสูทสีเข้ม บอกนายผู้เป็นเจ้าของหน้าตาหล่อคมคายตามแบบฉบับหนุ่มลูกครึ่งยุโรปเอเชีย
ขณะโน้มหน้าเข้ามาใกล้ใบหูเพื่อรายงานอยู่นั้นบอดี้การ์ดก็วางสายตาไปยังร่างบางของหญิงสาวชาวไทยในชุดสีฟ้าขาวแบบโบฮีเมียนสไตล์ที่นั่งบนโซฟาสีน้ำตาลเข้มบนเวที
เธอกำลังเสวนาเรื่องผลิตภัณฑ์นมผงเด็กสำหรับแม่ยุคใหม่ หญิงสาวมาร่วมงานในฐานะอินฟลูเอนเซอร์ทางโซเชียลผู้มีอิทธิพลทางความคิดของผู้ติดตามจำนวนหนึ่ง
ส่วนใหญ่ล้วนเป็นแม่ยุคใหม่ ไม่ว่าจะเป็นแม่บ้านคุณภาพ ซิงเกิ้ลมัมคุณแม่สายสตรอง หรือแม้แต่คุณแม่วัยใส ด้วยเนื้อหาเสวนาในวันนี้มุ่งเน้นที่จะพูดคุยถึงการเลี้ยงลูก
สำหรับชารีญานั้น สังคมรู้จักเธอในฐานะซิงเกิ้ลมัมสายสตรองที่มีลูกชายวัยสองขวบครึ่งที่กำลังน่ารักน่าชัง ช่างเจรจาและมีผู้ติดตามแซงหน้าผู้เป็นแม่ไปแล้วเสียด้วยซ้ำ
ชายหนุ่มจดจ้องร่างอรชรนั้นอยู่นานสองนาน
“จากตรงนี้... เธอก็ดูไม่เลว”
ถ้อยคำนั้นจะเรียกว่าคำชมได้ไหม แต่แววตาคมกล้าหรี่แคบลงอย่างพินิจพิจารณาร่างแบบบางของหญิงสาว แม้จะอยู่ในระยะไกลเกินร้อยเมตรจากเวทีถึงจุดที่
เขานั่งในร้านกาแฟชื่อดัง ซึ่งอยู่ชั้นบนของห้าง สามารถทอดสายตามองลงมายังเวทีได้อย่างชัดเจน ไร้สิ่งบดบังทัศนียภาพ
จังหวะนั้น ภาพทรงจำในค่ำคืนเสน่หาเมื่อเวลาเกือบห้าปีที่ผ่านมาก็ผุดพรายขึ้นเป็นฉาก ๆ เขาไม่รู้แม้แต่ชื่อเธอ จดจำได้เพียงกลิ่นหอมละมุนดุจแป้งเด็กก็เพียงเจือจาง
รูปร่างทรวดทรงที่ระบุได้สั้น ๆ ว่า... ‘เข้ามือ’ แต่ใครจะไปคาดคิดว่าเพียงสัมพันธ์ชั่วคืน เขาจะกลายเป็นพ่อคนทั้งที่เกลียดเด็กเต็มหัวจิตหัวใจ...
หญิงสาวหุ่นเพรียวบอบบางตามแบบฉบับสาวไทยไซซ์มินิ เรือนร่างเล็กก็จริงหากสมส่วนได้รูป มีส่วนโค้งส่วนเว้า ชวนเร้าใจแม้แต่งตัวเรียบร้อยมิดชิดไม่ได้โชว์เนื้อหนังมังสาใด ๆ เลยแม้จนนิดเดียว
ยามเธอแย้มยิ้มกับคู่สนทนาบนเวทีก็ทำเอาใครบางคนที่ลอบมองเธอในฐานะ แม่ของลูก ได้หัวใจเต้นแรงโดยไม่ทราบสาเหตุ
เส้นผมดำเงางามสะบัดพลิ้วดูนุ่มสลวยยามเธอส่ายหน้าประกอบถ้อยคำสนทนา ยิ่งส่งให้ดวงหน้าสวยแบบแทบไม่ปรุงแต่งของเธอดูเป็นธรรมชาติ อาจไม่ใช่คนสวยจัด หากดึงดูดสายตาให้มองได้เรื่อย ๆ ยิ่งมองกลับไม่อาจหาญกล้าที่จะละสายตาจากเธอได้เลยแม้จนวินาทีเดียว
ปากบางเฉียบได้รูปสีชมพูระเรื่อ แก้มสีพีชกลาย ๆ ดูอ่อนจาง จมูกโด่งงดงามจิ้มลิ้ม รวม ๆ แล้วเป็นเครื่องหน้าที่ส่งให้ชารีญาเป็นสาวไทยที่สวยละมุน มีเสน่ห์ และยิ่งดูมีความเจ้าเล่ห์แสนซนน้อย ๆ
เมื่อเธอหลุดเสียงหัวเราะสดใส ปล่อยตัวเองให้เป็นไปตามธรรมชาติ ทุกอิริยาบถงดงามกระแทกใจของหญิงสาว อยู่ในสายตาเขาตลอดเวลานาที
นี่คือหลักฐานยืนยันอย่างแท้จริงว่า ตั้งแต่เขาเดินทางมาถึงประเทศไทยจวบจนกระทั่งทิ้งกายแกร่งนั่งจิบกาแฟตรงนี้ สายตาเขาก็ไม่มีเหลือไว้มองผู้หญิงคนไหนได้อีกเลย
ผ่านมาแล้วเกือบห้าปี... ชายหนุ่มเพิ่งเข้าใจในวันนี้ว่า เขาจะเกลียดเด็กและรังเกียจการมีลูกไปอีกทำไม ในเมื่อคู่กรณีของเขาสวยสดใสและน่ารักขยี้ใจได้ถึงเพียงนี้
ผ่านไปสามชั่วโมงกว่าๆ นับเป็นเรื่องน่าอัศจรรย์มากที่ผู้ชายอย่างเดเมียน จัสติน วินด์ทรอฟจะมีความอดทนกับการนั่งอยู่กับที่นานสองนาน เพียงเพื่อลอบมองผู้หญิงคนหนึ่งที่เคยพบกันเพียงครั้งเดียวเมื่อนานมาแล้ว
หากการพบกันก็ทำเอาชีวิตเขาเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือชนิดว่าพลิกคว่ำคะมำหงาย
จากมาเฟียแบดบอยผู้ร้ายกาจ
กลายมาเป็นมาเฟียพ่อลูกอ่อน แถมยังเป็นพ่อที่ลูกไม่รู้จักอีกต่างหาก!
อันที่จริงแล้วเขาไม่ควรต้องมาอยู่ตรงนี้เลย... ถ้าไม่เพราะบิดาของเขาคะยั้นคะยอแกมบังคับให้มาที่นี่เพื่อทวงเด็กน้อยที่เกิดกับหญิงสาวคนนั้น
ซึ่งนับว่าเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของตระกูล... ‘วินด์ทรอฟ’ ตระกูลมาเฟียอันมีความเป็นมายาวนานและสูงศักดิ์!
‘ลืมไปเลยนะเนี่ยว่าเคยไข่ทิ้งไว้... ว่าแต่แม่นั่นก็ดูไม่เลวนะ’ เดเมียนจับจ้องไปที่ชารีญาอย่างไม่วางตา
เดเมียน จัสติน วินด์ทรอฟ มาเฟียหนุ่มเชื้อลูกครึ่งเอเชียวัย 32 ปี เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาสะกดใจ นัยน์ตาคมกล้าเจ้าเสน่ห์สีอำพัน หากซ่อนเพลิงไฟในแววตาร้ายกาจน่ากริ่งเกรงเอาไว้ในคราวเดียวกัน
ภายนอกนั้นช่างดูสุขุม กึ่งไปทางเย็นชา ไม่ผิดกับคนไร้หัวใจ บางเวลาก็เกรี้ยวกราดเจ้าอารมณ์และเอาแต่ใจ
หากแต่ในเชิงธุรกิจ นับว่าเขาเป็นชายหนุ่มผู้ทรงอิทธิพลที่ประสบความสำเร็จอย่างงดงามง่ายดายตั้งแต่อายุยังน้อยแม้จะมีเชื้อสายเอเชีย
ทว่าเกิดและเติบโตในอเมริกา ด้วยรกรากของต้นตระกูลมาเฟียของวินด์ทรอฟนั้นอยู่ที่นี่ แต่ด้วยความเป็นทายาทเพียงคนเดียว ทุกความคาดหวังจึงมาตกอยู่ที่เขาเพียงคนเดียว
เดเมียน จัสติน วินด์ทรอฟ ชายหนุ่มที่สังคมรู้จักเขาในฐานะของทายาทหนุ่มหล่อของมาเฟียสายแข็ง เจ้าของอาณาจักรธุรกิจขนส่งพาณิชย์หลากหลายรูปแบบ กระจายเครือข่ายสาขาอยู่ทั่วทุกมุมโลก
ความยิ่งใหญ่ของธุรกิจที่ประจักษ์ในความร่ำรวยชนิดที่เทียบชั้นอภิมหาเศรษฐีหลาย ๆ คนในอเมริกา หากไม่เป็นที่เปิดเผย
เพราะไม่มีใครไม่รู้ว่าตระกูลนี้มีอิทธิพล และแหล่งเงินที่ได้มามักจะพัวพันกับธุรกิจสีเทาโดยไม่ต้องสงสัย หากก็ได้ชื่อว่าธุรกิจสีเทาเท่านั้น มิได้ข้องเกี่ยวกับสิ่งผิดกฎหมายไม่ว่าอาวุธหรือยาเสพติด
และการมาเยือนประเทศไทยในครั้งนี้ก็มีเพียงจุดประสงค์เดียวเท่านั้น และเขาจะไม่ยอมพลาดโดยเด็ดขาด
“ผมไปเตรียมรถนะครับ”
คาลอสบอดี้การ์ดหนุ่มโน้มตัวลงมากระซิบข้างหูอีกครั้ง เพราะบรรยากาศโดยรอบนั้นเสียงดังอื้ออึง เนื่องด้วยอยู่ท่ามกลางบรรยากาศงานอีเว้นท์ ซึ่งความจริงข้อนี้เขาย่อมรู้ดี
มาเฟียหนุ่มมองหาร้านกาแฟโซนโอเพ่นแอร์ ตั้งใจจะหาที่สูบบุหรี่สักมวน
เพราะตั้งแต่มาถึงที่นี่ เพื่อแอบดู แม่ของลูก
ความน่ามองของเธอทำเขาเพลินตาจนลืมอาการอยากนิโคตินไปนานกว่าสามชั่วโมง
พลันนั้นสายตาคู่คมก็มองเห็นร้านกาแฟเล็ก ๆ ที่ไม่ใช่แบรนด์ระดับโลกที่ทั่วไปรู้จักคุ้นชิน หากเป็นร้านกาแฟที่รู้จักเฉพาะกลุ่มเท่านั้น ซึ่งก็คือร้านกาแฟออ์กานิค
พลันขายาวก้าวเดินด้วยจังหวะสม่ำเสมอ เปิดประตูเข้าไปภายในร้าน ก่อนตรงเข้าไปที่เคาน์เตอร์แล้วหยุดสั่งเครื่องดื่ม
ยังไม่ทันจะสั่งอะไรเพิ่มเติม ชายหนุ่มก็รู้สึกถึงแรงกระตุกเบา ๆ บริเวณขากางเกงจึงก้มลงไปมอง
ตั้งแต่ฉันได้กุหลาบสีม่วงมาอย่างบังเอิญ ฉันก็เริ่มฝันถึง อัศวินชุดดำ แม่มดในกระท่อม แมวดำ ความตายสีเพลิง ...และดวงตาสีฟ้าปริศนาที่ทำใจเต้นแรงคู่นั้น ++++++++++++++++++++++++ เราสบตากัน ดวงดาวสีฟ้าที่ฉันเคยใฝ่ฝัน ดวงดาวที่ฉันอยากเอื้อมให้ถึง "เจ้าเป็นเพื่อนที่ข้าไว้ใจที่สุด" เขาโกหกฉัน เหมือนที่ฉันก็โกหกเขา ตลอดมาฉันไม่เคยคิดว่าเขาเป็นเพียงเพื่อน ผู้คุมปลดโซ่ ทหารเข้ามาล้อมรอบตัวฉัน ผลักขึ้นสู่บันได ที่มีอีกคนยืนอยู่พร้อมขดเชือกหนา ร้อยรัดมัดร่างกายฉันไว้อย่างแน่นหนา ชายอ้วนเตี้ยพล่ามอะไรอีกแล้ว ฉันไม่ได้ยินเพราะเสียงร้องไห้ระงมของหลายคนบนเสาต้นข้าง ๆ บ้างก็ก่นด่า บ้างตะโกนบอกตนไม่ผิด ดวงดาวสีฟ้ายังส่องแสง ขณะในตาฉันกำลังเลือนรางด้วยน้ำสีแดง กลุ่มเส้นไหมสีทองซบลงที่ไหล่เขา ทันใดนั้นดวงดาวสีฟ้าก็กะพริบ หลุบมองเธอในชุดขาว "ประหารแม่มด" ท่านอาจารย์ที่รับเลี้ยงฉันเคยพูดไว้ หากแผลใดทำเราเจ็บมาก ถึงที่สุดแล้วมันจะชา กระทั่งไม่รู้สึกอะไรอีก "ไม่มีแผลใดที่ไม่มีวันหาย" ฉันยิ้ม นึกเยาะเย้ย อาจารย์โกหกเสียแล้ว ตอนนี้ฉันเจ็บมาก เจ็บปวดเหลือเกิน ทำไมยังไม่ชาอีกล่ะ +++++++++++++++++++++++++ ขอให้อ่านสนุก เฌอเลียร์
วัชรมัยเคยทิ้งไผท ทิ้งลูก แล้ววันนี้กลับมาร้องขอความเป็นแม่อีกครั้ง ไผทจะไม่มีวันให้อภัย! ++++++++++++++++++++++++++ “ฉันไม่รังเกียจหรอกนะ ถ้าเธอจะเคยนอนกับผู้ชายคนอื่น แต่ต้องไม่ใช่ตอนอยู่กับฉัน” ขายาว ๆ ย่างสุขุมเข้ามา หญิงสาวทำตัวลีบเล็ก กระทั่งหลังติดแนบหัวเตียง “ฉันไม่ใช้ผู้หญิงร่วมกับใคร!” “พี่ป้อ...” เอ่ยยังไม่ทันจบ ริมฝีปากซีดก็ถูกประกบด้วยอวัยวะชนิดเดี๋ยวกัน “อื้อ...” ไร้ซึ่งความอ่อนหวาน มีแต่การบังคับดุดัน ไผทดูดดึงริมฝีปากบางจนฮ้อเลือด “เห็นเธอป่วย ว่าจะใจดีให้พักเสียหน่อย แต่ตอนนี้ฉันเปลี่ยนใจแล้ว ถอดเสื้อผ้าออก ฉันจะเช็คของ!” เมื่อจุมพิตอย่างไม่เต็มใจจบลง เสียงทุ้มต่ำดังแหวกเสียงหรีดเรไรข้างนอก ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศหนาวเหน็บชวนขนลุก ไผทแสยะยิ้มร้ายกาจให้คนบนเตียง “ทำสิ ไม่งั้นก็ไสหัวไปออกจากบ้านฉัน ออกไปจากชีวิตลูก” วัชรมัยกลืนทุกความรู้สึกกลับไปในอก มือสั่นถอดเสื้อผ้าออก “จะได้อยู่กับลูก...จะได้อยู่กับปราบ” เสียงในสมองดังก้องสะกดจิตตนเอง เพื่อได้อยู่กับลูก ต่อให้ต้องลงนรกขุมไหนเธอก็จะทน! +++++++++++++++++++++++++++++
ภริยา(ไม่รัก)ของมาเฟีย +++++++++++++++++ “ถ้าฉันไม่มีลูก คุณก็จะไม่มาที่นี่ใช่ไหม” ในใจส่วนลึกคาดหวังคำตอบว่า...ไม่ใช่ เลโอนาร์ดเบนสายตามองเธอนิ่ง “คงจะอย่างนั้นแหละ” ประไพสุดาเม้มริมฝีปากแน่น กายสั่นเทิ้ม “เลโอนาร์ด เบลุซซี่ คุณออกไปจากที่นี่ อย่ามาให้ฉันเห็นหน้าอีก เด็กในท้องนี่เป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น ถ้าอยากได้แกก็ฆ่าฉันเสียเถอะ” ดวงตาดำสนิทลุกวาว มองอดีตสามีดังจะสาปส่งให้สลายเป็นจุณ “ฉันเกลียดคุณ!” +++++++++++++
อย่าเข้ามาค่ะ! ความรัก ++++++++++++++++++ เมื่อคนอกหักมาวันไนต์แสตนด์กัน จากที่คิดว่าแค่วันไนต์ กลายเป็นมีภาคสอง หัวใจที่บอบซ้ำสองดวง จะเปลี่ยนไปอย่าไร ในเมื่อต่างฝ่ายต่างเข็ดกับความรัก ++++++++++++++++++++ "ลูกพี่ลูกน้องของคุณทำว่าที่สาวเจ้าของคุณท้องอย่างนั้นหรือคะ" สีหน้าของฤดีรัตน์ตกใจมาก ๆ เจ็บหัวใจแทนเขาเลย "ครับผม แต่ยังดีที่ยังไม่ได้ร่อนการ์ดเชิญ มันโคตรรู้สึกแย่เลยนะ สามเดือนมาแล้วนะ ทุกอย่างก็ยังไม่ดีขึ้นเลย รู้สึกเจ็บอยู่ข้างในเนี่ย" "ฉันเข้าใจคุณเลยค่ะ เพราะของฉันมากกว่าสามเดือน" "แล้วผมจะเป็นอย่างคุณไหม" "ไม่มั้งคะ เพราะคุณดูมีสติมากกว่าฉันเสียอีกค่ะ แค่หาคนใหม่" ชนิษฐากรอกหูเธอทุกวันเรื่องนี้ ทั้ง ๆ ที่ตัวเองก็ทำไม่ได้ แต่เอาคำปรึกษาของเพื่อนมาบอกเขา "หาคนใหม่ยังไง" คิ้วเรียวเลิกขึ้น "หนามยอกให้เอาหนามบ่งยังไงล่ะคะ" ฤดีรัตน์ทำเป็นยกมือป้องปากกระซิบ "ไม่เข้าใจครับ" "คุณก็แค่หาผู้หญิงคนใหม่ ไม่จำเป็นต้องคบก็ได้ค่ะ แค่มาคั่นกลางให้เรารู้สึกดีขึ้น" เธอยักไหล่ แสร้งทำเป็นช่ำชองเรื่องการหาคนใหม่มาดามใจ "แล้วทำไมคุณไม่ทำ" "ก็ฉันยังไม่ได้เจอคนที่ชอบนี่คะ อย่างน้อยก็ต้องชอบก่อน" "ถ้างั้นทฤษฎีนี้ก็ไม่ได้ผลนะ ที่จริงไม่ต้องชอบกันก็ได้มั้ง แค่รู้สึกไม่รังเกียจก็พอ" เขายกเบียร์ขึ้นจิบ ฉุนนิด ๆ ที่ต้องมาฟังทฤษฎีเพ้อเจ้อ "คุณรังเกียจฉันไหม" ฤดีรัตน์หรี่ตาปรือ "ถ้ารังเกียจผมจะให้คุณนั่งโต๊ะเดียวกันเหรอ" "ถ้าอย่างนั้นคืนนี้" หมอคชาจ้องหน้าเธอ "คืนนี้นอนกับฉันได้ไหมคะ วันไนท์สแตนด์ ไม่ผูกมัด ไม่ผูกพัน" +++++++++++++++++++++ มีตัวละครต่อเนื่องจากเรื่อง รักอย่า...หย่ารัก นะคะ อ่านแยกกันได้ค่ะ ไม่งง ขอให้อ่านสนุก เฌอเลียร์
ชนิษฐารักคณิศร แต่เขารักอีกคน อ้อมกอดเขามีให้เธอ แต่ในใจเขาคิดถึงใคร ทำดีสักเท่าไร สุดท้ายคณิสรมองชนิษฐาเป็นเพียงเครื่องมือผลิตลูก การแต่งงานอันหลอกลวงต้องจบลง ถึงเวลาแล้ว ที่เธอจะหย่า! +++++++++++++++++++++++++++++ ชนิษฐาช็อกกับภาพตรงหน้า "ผู้หญิงคนนั้นก็เป็นได้คนผลิตลูก แม่วัวยังไงล่ะคะดิน แต่สำหรับหวาย หวายคือนางในดวงใจของดิน อ้า อะ อะ อะ..." คงจะเป็นสามีของชนิษฐาด้วยที่เด้งเอวตอบกลับการกระทำของสุธาวี เคล้ง... ข้าวของในมือของชนิษฐาร่วงหล่น คณิศรยกหัวขึ้นมาด้วยความตกใจ สายตาของเขาสบต้องสายตากับชนิษฐา ที่ในเวลานี้น้ำตาที่ไหลลงมากลบม่านตา ยืนปากคอสั่น สิ่งที่เกิดขึ้นในหัวของชนิษฐาในตอนนี้ คือหนีไปให้ไกลแสนไกล เธอวิ่งออกจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ตรงไปที่รถของเธอ แล้วขับออกไป คณิศรผลักตัวของสุธาวี "ออกไป พอได้แล้วหวาย หยุดเถอะ คุณกำลังทำให้ชีวิตผมพัง" "หวายทำพังเหรอคะ พังเหรอคะ ดิน... เราสองคนกำลังมีความสุขด้วยกันต่างหาก ดินยอมรับความจริงเถอะค่ะว่าคุณน่ะขาดหวายไม่ได้" ++++++++++++++++++++++++++++++ ติ๊ง... ติ๊ง... มีข้อความเข้า และทุกวันนี้จะเป็นข้อความจากสินเป็นส่วนใหญ่ คณิศรหยิบมือถือขึ้นมา เมื่อเปิดเข้าไปดู รูปที่บาดตาบาดใจ บาดหัวใจ ผู้ชายคนนั้นเปิดประตูให้กับชนิษฐา เธอหันมายิ้มให้เขา และขึ้นไปนั่ง คณิศรถึงกับทิ้งมือถือ และหลับตาลงทันที เขาเศร้าหม่นในหัวใจมาก ทำไมเป็นแบบนี้ มันจะลงเอยแบบนี้ไม่ได้ ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
Bitter & Sweet +++++++++++++++++++++ จากวันวานที่เคยปฏิเสธความรัก วันนี้ลลินทร์อยู่ในสภาพ...แห้ง ขาดรัก ก็ว่าจะไม่สนใจความรักแล้วเชียว แต่นักเขียนนิยายรักหนุ่มกลับมาป่วนให้ใจสะดุด งานนี้คนเกลียดนิยายรักอย่างเธอ...จะทำยังไงดีล่ะ +++++++++++++++++++++ “คุณนี่ไม่โรแมนติกเลย ไม่รู้จักกระทั่งรสหวานหรือขมของความรัก นิยายรักน่ะมีพื้นฐานมาจากเรื่องพวกนี้แหละ” เขาต่อว่ากันซึ่ง ๆ หน้า “คุณเคยรักใครบ้างไหมครับ รักมากจนเจ็บเมื่อเขาทรยศ จากกันเป็นสิบปี คิดว่าจะลืมเขาเสียแล้ว แต่แค่เจอหน้า ความรู้สึกเจ็บก็แล่นแปล๊บเข้าในอก” สาบานได้ว่าลลินทร์ได้ยินคำพูดนี้จากปากคน ไม่ใช่ตัวอักษรบนกระดาษ เขาช่างสมกับเป็นนักเขียนขายดีเสียจริงขนาด แค่พูดยังเป็นสำนวนสละสลวยถึงเพียงนี้ ดวงตาคมกริบมองเธอเรียบนิ่ง “ความรู้สึกทั้งโมโหที่เธอไม่สนใจ ทั้งเกลียดตัวเองที่ยังมองตามเธออยู่ได้ รู้สึกขมขื่นใจเมื่อคิดถึง” ชายหนุ่มกดปุ่มปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ แล้วพับหน้าจอลงเสีย วางมันไว้ใกล้ไอแพ็ด “บอกผมหน่อยสิคุณเคยรู้สึกอย่างนี้กับใครหรือเปล่า” เสียงที่เอ่ยมานั้นแปร่งปร่า จนสองสาวรู้สึกได้ “ตอบสิครับ คุณคนไม่โรแมนติก” สามครั้งภายในวันเดียวที่โดนเขาว่าเช่นนี้ โรแมนติกหรือไม่ ...อย่างไร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย จะมาจี้ถามเอาอะไรจากเธอ +++++++++++++++++++++++++ ขอให้อ่านสนุกและบุญรักษาค่ะ จโกระ
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!
จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก
หลิวซือซือผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งที่นอกจากรูปร่างหน้าตาที่สวยหยดย้อยแล้ว แทบจะไม่มีความสามารถหรือความโดดเด่นในเรื่องอื่น และหากจะว่ากันไปหญิงสาวก็เป็นคนที่ค่อนข้างใสซื่อบริสุทธิ์อยู่ไม่น้อย เพราะได้รับการรับเลี้ยงประดุจไข่ในหินจากผู้เป็นพ่อและแม่ที่มีฐานะไม่ธรรมดา เธอรักในอาชีพนักแสดงแม้พ่อแม่จะคัดค้านแต่สุดท้ายก็ตามใจเธอเพราะไม่ต้องการให้ลูกสาวเสียใจ อยู่มาวันหนึ่งด้วยบทบาทที่ต้องแสดงในซีรีส์ย้อนยุค ทำให้พ่อของเธอหาขลุ่ยโบราณเล่มหนึ่งมาให้ ตั้งแต่ได้รับขลุ่ยมาหลิวซือซือก็มักฝันประหลาด ว่าเธอได้พบผู้ชายคนหนึ่งในเขาเป็นแม่ทัพอยู่ระหว่างสงครามอีกทั้งตนเองยังมีโอกาสช่วยเขาหลายครั้ง ที่น่าประหลาดใจคือ ฝันนั้นของเธอเหมือนจะเป็นความจริงไปแล้ว เขาคือใครและเกี่ยวข้องกับเธอด้วยเหตุใด ทำไมเธอจึงมักฝันประหลาดเช่นนี้???
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
เธอเกิดในครอบครัวที่ร่ำรวย แต่ต้องประสบเคราะห์กรรมสูญเสียแม่ไปตั้งแต่เด็ก ตั้งแต่วันนั้นเธอก็ไม่มีวันอยู่เป็นสุขเลย พ่อแท้ ๆ และแม่เลี้ยงของเธอบังคับให้เธอแต่งงานกับชายที่เธอไม่รักแทนน้องสาวต่างมารดาของเธอ เธอไม่ยอมแพ้ต่อชะตากรรมของตน ในวันแต่งงาน เธอหนีออกจากบ้านไปและได้มีอะไรกับชายแปลกหน้าคนหนึ่งในคืนนั้น หลังจากนั้นเธอก็พยายามจะหนีไปแต่สุดท้ายก็ถูกพ่อเธอหาจนพบ และหนีไม่รอดชะตากรรมที่จะต้องแต่งงานแทนน้องสาว เธอจะพบว่าชายที่เคยมีอะไรกับเธอในคืนนั้นก็คือสามีของเธอหรือไม่ และเขานั้นจะรู้ว่าเธอเป็นแค่เจ้าสาวปลอมหรือไม่ ตลอดจนความลับเบื้องหลังของสามีคนจนจะเป็นเช่นไร ติดตามไปด้วยกันเลย