เมื่อ 'รมิตา' ต้องมาเป็นเลขาจำเป็นอย่างไม่เต็มใจ เพราะ 'ชัชนนท์' เป็นบอสของเธอ ที่เอาแต่จะหาเรื่องแกล้งเธอตลอดเวลา แต่ทว่ามีอะไรฝั่งใจชัชนนท์กันนะ ถึงได้แกล้งนางเอกของเรา แต่มันมีเรื่องราวอะไรมากกว่านั้น
เมื่อ 'รมิตา' ต้องมาเป็นเลขาจำเป็นอย่างไม่เต็มใจ เพราะ 'ชัชนนท์' เป็นบอสของเธอ ที่เอาแต่จะหาเรื่องแกล้งเธอตลอดเวลา แต่ทว่ามีอะไรฝั่งใจชัชนนท์กันนะ ถึงได้แกล้งนางเอกของเรา แต่มันมีเรื่องราวอะไรมากกว่านั้น
“ยัยตาบอสเรียกหาแกแน่ะ” น้ำเสียงหวานไพเราะซึ่งเป็นเสียงเรียกจากผู้หญิงที่เพิ่งก้าวขาออกมาจากห้องที่มีป้ายติดหน้าประตูไว้ว่า‘ผู้บริหาร’
ใบหน้าเรียวยาวของหญิงสาว หน้าตาจัดจ้านที่แต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางสีฉูดฉาด จมูกโด่งจากมีดหมอ ชุดเซ็ทกระโปรงสีแดงสดที่ยาวเหนือหัวเข่า ริมฝีปากบางแต้มด้วยลิปสติกสีแดงสด เหมือนชุดที่เธอสวมใส่ มองต่ำลงมาอีกนิดจะเจอกับรองเท้าส้นสูงสีแดง ปลายหัวรองเท้าเป็นทรงแหลม เจ้าของน้ำเสียงนี้ มีชื่อว่า สุวิมล หรือ มล เป็นเพื่อนร่วมงานของ รมิตา และเธอยังเคยเป็นเพื่อนสมัยเรียนประถม
“หือ เรียกอีกแล้วเหรอ?” หญิงสาวที่นั่งก้มหน้าก้มตา ซึ่งมีแว่นตากรองแสง พร้อมกับใช้สายตาสอดส่องไปตามเอกสารหลายสิบแผ่นที่ตั้งเรียงรายอยู่บนโต๊ะทำงานและยังมีโน้ตบุ๊กประจำตำแหน่งของเธอ หน้าจอมีขนาดสิบสี่นิ้ว สีชมพูเคลือบมุก รมิตาค่อย ๆ เงยหน้ามองเพื่อนสาว พลางขมวดคิ้วทั้งสองข้างเป็นปม ในขณะเดียวกันก็ได้นำมือถอดแว่นตาออกพร้อมกับเก็บมันลงกล่อง
รมิตา หรือ ตา หญิงสาววัยสามสิบสามปีเศษ รูปร่างส่วนสูงเหมือนนางแบบไม่มีผิดเพี้ยน เพราะเธอเคยเป็นถึงดาวโรงเรียนมาตั้งแต่มัธยมปลาย จนจบมหาวิทยาลัย และหญิงสาวยังเป็นเด็กกิจกรรมมาตลอด แถมเป็นเด็กเรียนดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
เธอเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะหน้าที่การงานที่มั่นคง หรือฐานะทางบ้านที่พอมีพอกิน แต่ไม่ได้ถึงกับรวย เพราะเธอมาจากเด็กบ้านนอกคนหนึ่งเท่านั้น
บิดาและมารดามาพบรักกันที่กรุงเทพฯ แต่เมื่อท่านทั้งสองมีรมิตา ก็ได้นำเธอไปให้ปู่ ย่า ตา ยาย เลี้ยงจนรมิตาจบประถมปีที่หก หลังจากนั้นหญิงสาวก็ได้ย้ายเข้าไปเรียนที่กรุงเทพฯ แต่เมื่อเธอเรียนจบ ท่านทั้งสองขอย้ายถิ่นฐานกลับไปทำมาหากินที่บ้านนอก
เพราะท่านทั้งสองอยากกลับไปแก่และตายที่บ้านเกิด ถึงแม้ว่าทั้งสองจะรักและคิดถึงบุตรสาวขนาดไหน แม้ว่าจะไม่ได้เลี้ยงมาตั้งแต่เกิด แต่ท่านก็รักและเอ็นดูบุตรสาวของตนไม่แพ้ไปกว่าเด็กที่ถูกบิดาและมารดาเลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก ๆ
“ยัยนี่ แอบป้ายน้ำมันพรายใส่บอสหรือไง ฉันเห็นบอสเรียกใช้แต่แก” สุวิมล ยืนพิงโต๊ะทำงานของรมิตา
“จะบ้าหรือไง ฉันเนี่ยนะจะใช้น้ำมันพรายกับบอส มีแต่บอสจะแกล้งฉันละซิไม่ว่า” รมิตามุ่ยหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ ก็วันนี้เธอถูกบอสเรียกไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง แล้วห้าครั้งที่เรียกรมิตาให้ไปทำอะไรบ้าง
รอบที่หนึ่ง เวลาแปดโมงเช้า เรียกรมิตาให้ไปชงกาแฟมาให้
รอบที่สอง เวลาเก้าโมงเช้า เรียกเธอมาเก็บแก้วกาแฟ
รอบทีสาม เวลาเก้าโมงยี่สิบนาที เรียกเธอมาปรับระดับเครื่องปรับอากาศให้เย็นขึ้น
รอบที่สี่ เวลาสิบโมงตรง เรียกเธอมาเพราะกลัวจะลืมชื่อ
รอบที่ห้า เวลาสิบโมงครึ่ง เรียกเธอให้มาปรับระดับเครื่องปรับอากาศให้เย็นลง
“บอสเนี่ยนะจะแกล้งแก” สุวิมลทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ ว่าผู้ชายที่ทั้งหล่อ เท่ส์ ขนาดนี้จะแกล้งพนักงานอย่างรมิตา
“แกไม่เชื่อก็แล้วแต่แก” รมิตาทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้น ก่อนจะเดินกระทืบเท้าออกไปจากที่นั่ง
“มาแล้วเหรอ” ชายหนุ่มหน้าตาดูสะอาดสะอ้าน ทรงผมเซ็ตไว้อย่างเนี้ยบ แม้แต่เสื้อสูทที่เขาใส่ ถูกเตารีดเรียบไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย กำลังนั่งหมุนปากกาอยู่ในมืออย่างคนอารมณ์ดี แต่ผิดกับอีกคนที่หน้าตาเหมือนไปเหยียบอึที่ไหนมา
“บอสเรียกดิฉัน มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีธุระอะไร ดิฉันขอตัวไปทำงานต่อค่ะ” รมิตาที่เปิดประตูเข้ามาและจะกลับออกไปอีกครั้ง
“เดี๋ยว! คุณกะจะไม่ให้ผมพูดอะไรหน่อยเลยเหรอ ผมเป็นเจ้านายคุณนะ” เขาเรียกให้เธอให้กลับมา
เพี้ยะ!
เส้นสติของรมิตาขาด เจ้าตัวรีบหันหน้าดัง ขวับ! พร้อมกับปล่อยมือออกจากประตูที่มันสามารถปิดได้อัตโนมัติ
“เป็นบอสแล้วยังไงคะ ถึงยังไงบอสก็เป็นพนักงานกินเงินเดือนเหมือนดิฉันอยู่ดีค่ะ” เจ้าตัวว่าพลางนำมือกอดอก พร้อมกับสายตาที่จะกินเลือดกินเนื้อเขาได้ทุกเมื่อ
ชัชนนท์สะอึกคำพูดก้อนโตของหญิงสาวตรงหน้า เห็นเธอตอบโต้มาขนาดนี้ เขาเลยต้องกลับมาทำหน้าเข้มขรึมเหมือนดังเดิม
‘ไม่แกล้งก็ได้ฟร่ะ ผู้หญิงอะไรดุชะมัด’ ชัชนนท์ได้แต่ขบคิดในใจ เมื่อหญิงสาวตรงหน้าแผลงฤทธิ์ใส่เขา แต่ใช่ว่าชายหนุ่มจะกลัวหญิงสาวแม้แต่น้อย
“วันนี้เที่ยง คุณต้องไปทานข้าวกับผม เพราะผมนัดลูกค้าคุยงานไว้ ในช่วงบ่าย” ชัชนนท์ออกคำสั่งกับเธอ พร้อมกับจ้องเข้าไปในดวงตาของรมิตาอย่างไม่วางตา
“หา! ทำไมต้องเป็นดิฉันคะ บอส” หญิงสาวกัดฟันกรอด คนอื่นก็มี ทำไมต้องเป็นเธอ พร้อมกับเอื้อมแขนขยับเก้าอี้ตรงข้ามชัชนนท์แล้วหย่อนก้นลงนั่ง พร้อมกับยกขาขึ้นมาไขว่ห้างอย่างไม่สบอารมณ์
“เพราะคนอื่นไม่ว่าง แต่คุณว่าง ถ้างั้นไปกับผม ไปเก็บข้าวเก็บของซะ เราจะไปกันแล้ว” ชัชนนท์ว่าพลาง พร้อมกับลุกออกจากเก้าอี้
ปัง!
เสียงเก้าอี้ที่รมิตาได้นั่งลงไปเมื่อสักครู่ ตอนนี้มันล้มลงไปนอนกลิ้งอยู่บนพื้นด้วยฝีมือของตัวผู้นั่งนั่นเอง ในขณะที่ชัชนนท์กำลังก้าวขายังไม่พ้นขอบโต๊ะทำงาน
++ คำโปรย ++ เมื่อเธอท้องกับเขา แต่แม่ฝ่ายชายกลับไม่ยอมรับแถมยังให้ชายคนรักของตนต้องไปแต่งงานของคนอื่นน้องแฝดที่คลอดก่อนกำหนดด้วยสภาวะจิตใจของผู้เป็นแม่จะเป็นอย่างไร +++ เนื้อหาบางส่วน +++ "พะ แพรว... อ๊ายยย" ธิดาเสียหลัก จึงเรียกสายตาของทุกคน พร้อมกับแพรวที่เข้ามาหาร่างของเธอ "กะ แกละ เลือด..." น้ำเสียงสั่นเครือ มองไปบนพื้น ซึ่งเริ่มมีสีแดง ค่อย ๆ ไหลเจิ่งนอง ใบหน้าของธิดาเริ่มไม่สู้ดี เมื่อเพื่อนสาวของตนบอกว่ามีเลือด จึงทำให้ธิดาก้มไปมองด้านล่าง และก็เป็นอย่างที่เห็น "ธะ ธิดา" นันยศลืมไปเลยว่าตนเองอยู่ในฐานะไหน ร่มที่กางแดดบังลมให้กับขวัญเนตร ก็ร่วงหล่นตกพื้น ก่อนจะรีบปีนข้ามรั้ว ปรี่เข้ามาชอนร่างของธิดามาอยู่ในวงแขน "ฉันจะพาธิดาไปโรงพยาบาล ส่วนเธอค่อยตามไป เตรียมของทุกอย่างของธิดาให้พร้อม และอย่าลืมบอกแม่ด้วย" เขากล่าวเสร็จสรรพ ก่อนจะสาวเท้าไปด้านหน้า เช่นเดียวกับที่แพรววิ่งไปเปิดประตูรั้ว "อุ่น!" ตะโกนลั่น ริมฝีปากที่ขบเม้มเข้าหากัน แววตาเบิกโพลง ไม่ชอบใจที่เขาทำอะไรออกนอกหน้า "ถ้ายังเป็นคน ก็หลีกไปซะ ผมจะไม่ยอมให้ลูกในท้องเป็นอะไรเด็ดขาด" น้ำเสียงเข้มของนันยศ ทำให้ขวัญเนตรต้องสะดุ้ง เพราะตั้งแต่ทั้งสองเป็นสามีภรรยา เขาก็ไม่เคยใช้น้ำเสียงแบบนี้กับหล่อนเลยสักครั้ง
กุมภัณฑ์ เป็นชายหนุ่มที่เกิดในราศี กุมภ์ และเขาเป็นผู้ที่อยู่ในดินแดนของยมโลก เนื่องด้วยได้คำสั่งจากเบื้องบนให้ไปดูแล โมราห์ เป็นเด็กสาวที่อยู่ในการปกครองของ กุมภัณฑ์ แต่มันจะเกี่ยวอะไรกับเธอหรือเปล่านะ ทำไมถึงต้องส่งชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ที่วัน ๆ คลุกคลีสาวงามที่ดินแดนมีแต่กระทะทองแดง ต้นหงิ้ว และเสียงร้องโหยหวยจากพวกวิญญาณที่ทำชั่ว ทว่าเขาจะอดใจได้หรือไม่ ที่ไม่ได้ปลดปล่อยความเป็นชาย
.. "ใครให้คำนิยาม ว่าการแต่งงานคือตอนจบของชีวิต การแต่งงานต่างหากล่ะ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด" .. . . . # "หากมนุษย์เราสามารถย้อนอดีตไปได้ แล้วการแก้ไขเรื่องราวในอดีต จะทำให้อนาคตเปลี่ยนแปลงไหม"
++ คำโปรย ++ ใครจะไปคิดล่ะว่านางจะเข้าไปอยู่ในซีรีส์ที่ได้ชมก่อนนอน จึงทำให้นางได้ไปพบกับท่านแม่ทัพในสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งมีจักรพรรดิเฉียนหลงเป็นฮองเต้ในสมัยนั้น แถมท่านแม่ทัพผู้นี้เพิ่งจะโดนหักอกมามาด ๆ อีกด้วย *** เนื้อหาบางส่วน *** “เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ” เสียงสาวใช้ในเรือนของซูเม่ย ดังขึ้นมาจากด้านนอก พลางรีบปรี่เข้ามาหานายของตน ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าสาวใช้ของตนมาก่อน “เจ้าจะเอะอะโวยวายอันใดกัน ข้ากำลังนั่งปักผ้าให้สามี” ซูเม่ยที่กำลังจดจ่อกับผ้าขาวบาง ที่มีไม้ขนาดสี่เหลี่ยมทับผ้าผืนนั้นเอาไว้ พร้อมกับลายผ้าที่มีรอยร่างเส้นไว้บาง ๆ ให้เป็นลายปัก “กะ… เกิดเรื่องใหญ่ที่เรือนภรรยาเอกของท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” สาวใช้คนดังกล่าวมีใบหน้าที่ตื่นตระหนก พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ “เกิดเรื่องอันใดของเจ้ากัน ข้ากำลังอารมณ์ดี ๆ เจ้ากลับหาเรื่องมาให้ข้าอารมณ์ขุ่นมัว” คิ้วขมวดเป็นปมของซูเม่ยบ่งบอกว่านางไม่สบอารมณ์จริง ๆ เพราะหลังจากที่ท่านแม่ทัพมาให้ความสุขกับนางถึงในอ่างอาบน้ำ นางจึงปักผ้าให้สามีของตนเป็นการตอบแทน ที่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ลืมนางเสียทีเดียว
*** เนื้อหาบางส่วน *** ปลายนิ้วหยาบแตะลงบนกางเกงชั้นในของขวัญจิราอย่างเบา ๆ พร้อมกับใช้ปลายนิ้วถูขึ้นลงไปมาระหว่างร่องสาวของเธอ ในขณะที่หญิงสาวนั่งจนตัวเกร็ง เพราะเธอไม่เคยรู้สึกยินดีและเต็มใจขนาดนี้มาก่อน “อ๊า! อ๊ะ! อ๊ายยย” คิรากรถูปลายนิ้วขึ้นลงตามจังหวะจากช้าไปเร็ว จนทำให้หญิงสาวหลุดครางเสียงดังออกมาด้วยความเสียว “พี่ขอนะขวัญ” เขากระซิบบอกหญิงสาวที่ตอนนี้นั่งหลับตาพริ้มพร้อมกับขบเม้มริมฝีปากของตนเพื่อกลั้นความเสียวนั้นเอาไว้ ขวัญจิราพยักหน้าตอบเขาแทน เพียงแค่นั้นเขาก็จับกางเกงชั้นในของเธอหลุดออกจากขาขาว ๆ ของเธออย่างเบามือ
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
นายปฐพี พลพิพัฒ อายุยี่สิบแปดปี ชายหนุ่มรูปหล่อ ร่างสูงใหญ่กำยำผิวขาว เขาเกลียดผู้หญิงทุกคนเข้าไส้ ใครเข้าใกล้ต่างก็ต้องพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า เขาคือปีศาจในคราบเทพบุตรชัดๆ แต่ทำไมนะจีน่าจึงตกหลุมรักเขา นางสาวจีน่า ไนลา อายุยี่สิบสี่ปี ใบหน้าของเธอนั้นคมเหมือนกับสาวลูกครึ่ง เพราะมารดาของเธอเป็นคนอังกฤษ บิดาของเธอชื่อสรวิช ซึ่งความสวยของจีน่านั้นไม่เป็นรองใคร ดวงตาของเธอกลมโตจมูกโด่งรับกับริมฝีปากได้รูปสีชมพูระเรื่อ ใครเข้าใกล้ต่างก็ชอบในความน่ารักสดใสของเธอ แต่ไม่มีใครรู้ว่าหญิงสาวได้เก็บเรื่องราวบางอย่างไว้ในใจตลอดเวลา เมื่อคนที่เธอตกหลุมรักเขากำลังจะแต่งงานด้วยเหตุผลบางอย่าง ที่สำคัญเจ้าสาวของเขานั้น คือพี่สาวแท้ๆ ของเธอ ความรักของเขาและเธอจะลงเอยยังไงฝากด้วยนะคะ
เนื้อตัวเต้นเร่าเตลิดเพลิดไปตามสัมผัสร้อนแรง เธอบังคับให้หยุดคิดถึงคนอื่นนอกจากคุณวายุ แต่เมื่อริมฝีปากของวายุแตะเข้ากับกลีบกาย พร้อมทั้งตวัดลิ้นเลียไปทั่วซอกหลืบ กลีบเนื้อบอบบางแต่อวบอูมของ 'หมูชมพู' จึงกระดิกแอ่นหยัดบั้นท้ายกระดกซอกหลืบสวนทางกับเรียวลิ้นของวายุ "คุณอุ่น และหอมมากหมูชมพู" พรรณชมพูส่ายวนโคกเนินที่เบียดบดไปกับริมฝีปากหนา ลิ้นของเขาปาดไปมาบนติ่งกระสันเหมือนกับปาดหน้าเค้ก เธอดิ้นพรวดพราดกัดริมฝีปากจนเบี้ยวไปข้างหนึ่ง ลิ้นสากๆ ห่อม้วนชำแรกเข้าไปในร่องสาวอันชุ่มฉ่ำ เมื่อนั้นริมฝีปากที่ถูกกัดจะห้อเลือดก็แยกอ้า พรรณชมพูเผลอกรีดร้องครวญครางถึงใครบางคน ที่จมอยู่ในห้วงความคิดไม่เคยเลือนหาย "อ๊า พี่เสือ" วายุผงกหัวขึ้นมองคนที่กำลังแอ่นลำคอและลำตัวทอดโค้ง แววตาของเขาไหววาบเป็นไฟ และเขาก็กัดกลีบกายบางๆ สีชมพูจนหมูชมพูของเขาสะดุ้งเฮือกสุดตัว "อ๊ะ เฮือก" เธอถูกกัด
เพลิงกัลป์ / Ryuu ริว ซาโต้อิชิบะ หัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่ในคราบคุณหมอ หล่อ เลว เถื่อน ร้ายกับทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งกับ เธอ "กฎของการเป็นของเล่นคือห้ามรักเขา" ลูกพีช รินรดา สวย เซ็กซี่ สดใส ร่าเริง ปากร้าย กล้าได้กล้าเสีย สายอ่อยตัวแม่ "ของเล่นที่มีหัวใจของผู้ชายที่ไร้หัวใจ"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
© 2018-now MeghaBook
บนสุด