เมื่อ 'รมิตา' ต้องมาเป็นเลขาจำเป็นอย่างไม่เต็มใจ เพราะ 'ชัชนนท์' เป็นบอสของเธอ ที่เอาแต่จะหาเรื่องแกล้งเธอตลอดเวลา แต่ทว่ามีอะไรฝั่งใจชัชนนท์กันนะ ถึงได้แกล้งนางเอกของเรา แต่มันมีเรื่องราวอะไรมากกว่านั้น
“ยัยตาบอสเรียกหาแกแน่ะ” น้ำเสียงหวานไพเราะซึ่งเป็นเสียงเรียกจากผู้หญิงที่เพิ่งก้าวขาออกมาจากห้องที่มีป้ายติดหน้าประตูไว้ว่า‘ผู้บริหาร’
ใบหน้าเรียวยาวของหญิงสาว หน้าตาจัดจ้านที่แต่งแต้มไปด้วยเครื่องสำอางสีฉูดฉาด จมูกโด่งจากมีดหมอ ชุดเซ็ทกระโปรงสีแดงสดที่ยาวเหนือหัวเข่า ริมฝีปากบางแต้มด้วยลิปสติกสีแดงสด เหมือนชุดที่เธอสวมใส่ มองต่ำลงมาอีกนิดจะเจอกับรองเท้าส้นสูงสีแดง ปลายหัวรองเท้าเป็นทรงแหลม เจ้าของน้ำเสียงนี้ มีชื่อว่า สุวิมล หรือ มล เป็นเพื่อนร่วมงานของ รมิตา และเธอยังเคยเป็นเพื่อนสมัยเรียนประถม
“หือ เรียกอีกแล้วเหรอ?” หญิงสาวที่นั่งก้มหน้าก้มตา ซึ่งมีแว่นตากรองแสง พร้อมกับใช้สายตาสอดส่องไปตามเอกสารหลายสิบแผ่นที่ตั้งเรียงรายอยู่บนโต๊ะทำงานและยังมีโน้ตบุ๊กประจำตำแหน่งของเธอ หน้าจอมีขนาดสิบสี่นิ้ว สีชมพูเคลือบมุก รมิตาค่อย ๆ เงยหน้ามองเพื่อนสาว พลางขมวดคิ้วทั้งสองข้างเป็นปม ในขณะเดียวกันก็ได้นำมือถอดแว่นตาออกพร้อมกับเก็บมันลงกล่อง
รมิตา หรือ ตา หญิงสาววัยสามสิบสามปีเศษ รูปร่างส่วนสูงเหมือนนางแบบไม่มีผิดเพี้ยน เพราะเธอเคยเป็นถึงดาวโรงเรียนมาตั้งแต่มัธยมปลาย จนจบมหาวิทยาลัย และหญิงสาวยังเป็นเด็กกิจกรรมมาตลอด แถมเป็นเด็กเรียนดีมาตั้งแต่ไหนแต่ไร
เธอเพียบพร้อมไปเสียทุกอย่าง ไม่ว่าจะหน้าที่การงานที่มั่นคง หรือฐานะทางบ้านที่พอมีพอกิน แต่ไม่ได้ถึงกับรวย เพราะเธอมาจากเด็กบ้านนอกคนหนึ่งเท่านั้น
บิดาและมารดามาพบรักกันที่กรุงเทพฯ แต่เมื่อท่านทั้งสองมีรมิตา ก็ได้นำเธอไปให้ปู่ ย่า ตา ยาย เลี้ยงจนรมิตาจบประถมปีที่หก หลังจากนั้นหญิงสาวก็ได้ย้ายเข้าไปเรียนที่กรุงเทพฯ แต่เมื่อเธอเรียนจบ ท่านทั้งสองขอย้ายถิ่นฐานกลับไปทำมาหากินที่บ้านนอก
เพราะท่านทั้งสองอยากกลับไปแก่และตายที่บ้านเกิด ถึงแม้ว่าทั้งสองจะรักและคิดถึงบุตรสาวขนาดไหน แม้ว่าจะไม่ได้เลี้ยงมาตั้งแต่เกิด แต่ท่านก็รักและเอ็นดูบุตรสาวของตนไม่แพ้ไปกว่าเด็กที่ถูกบิดาและมารดาเลี้ยงมาตั้งแต่เล็ก ๆ
“ยัยนี่ แอบป้ายน้ำมันพรายใส่บอสหรือไง ฉันเห็นบอสเรียกใช้แต่แก” สุวิมล ยืนพิงโต๊ะทำงานของรมิตา
“จะบ้าหรือไง ฉันเนี่ยนะจะใช้น้ำมันพรายกับบอส มีแต่บอสจะแกล้งฉันละซิไม่ว่า” รมิตามุ่ยหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ ก็วันนี้เธอถูกบอสเรียกไม่ต่ำกว่าห้าครั้ง แล้วห้าครั้งที่เรียกรมิตาให้ไปทำอะไรบ้าง
รอบที่หนึ่ง เวลาแปดโมงเช้า เรียกรมิตาให้ไปชงกาแฟมาให้
รอบที่สอง เวลาเก้าโมงเช้า เรียกเธอมาเก็บแก้วกาแฟ
รอบทีสาม เวลาเก้าโมงยี่สิบนาที เรียกเธอมาปรับระดับเครื่องปรับอากาศให้เย็นขึ้น
รอบที่สี่ เวลาสิบโมงตรง เรียกเธอมาเพราะกลัวจะลืมชื่อ
รอบที่ห้า เวลาสิบโมงครึ่ง เรียกเธอให้มาปรับระดับเครื่องปรับอากาศให้เย็นลง
“บอสเนี่ยนะจะแกล้งแก” สุวิมลทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ ว่าผู้ชายที่ทั้งหล่อ เท่ส์ ขนาดนี้จะแกล้งพนักงานอย่างรมิตา
“แกไม่เชื่อก็แล้วแต่แก” รมิตาทิ้งท้ายไว้เพียงแค่นั้น ก่อนจะเดินกระทืบเท้าออกไปจากที่นั่ง
“มาแล้วเหรอ” ชายหนุ่มหน้าตาดูสะอาดสะอ้าน ทรงผมเซ็ตไว้อย่างเนี้ยบ แม้แต่เสื้อสูทที่เขาใส่ ถูกเตารีดเรียบไม่ขาดตกบกพร่องแม้แต่น้อย กำลังนั่งหมุนปากกาอยู่ในมืออย่างคนอารมณ์ดี แต่ผิดกับอีกคนที่หน้าตาเหมือนไปเหยียบอึที่ไหนมา
“บอสเรียกดิฉัน มีธุระอะไรหรือเปล่าคะ ถ้าไม่มีธุระอะไร ดิฉันขอตัวไปทำงานต่อค่ะ” รมิตาที่เปิดประตูเข้ามาและจะกลับออกไปอีกครั้ง
“เดี๋ยว! คุณกะจะไม่ให้ผมพูดอะไรหน่อยเลยเหรอ ผมเป็นเจ้านายคุณนะ” เขาเรียกให้เธอให้กลับมา
เพี้ยะ!
เส้นสติของรมิตาขาด เจ้าตัวรีบหันหน้าดัง ขวับ! พร้อมกับปล่อยมือออกจากประตูที่มันสามารถปิดได้อัตโนมัติ
“เป็นบอสแล้วยังไงคะ ถึงยังไงบอสก็เป็นพนักงานกินเงินเดือนเหมือนดิฉันอยู่ดีค่ะ” เจ้าตัวว่าพลางนำมือกอดอก พร้อมกับสายตาที่จะกินเลือดกินเนื้อเขาได้ทุกเมื่อ
ชัชนนท์สะอึกคำพูดก้อนโตของหญิงสาวตรงหน้า เห็นเธอตอบโต้มาขนาดนี้ เขาเลยต้องกลับมาทำหน้าเข้มขรึมเหมือนดังเดิม
‘ไม่แกล้งก็ได้ฟร่ะ ผู้หญิงอะไรดุชะมัด’ ชัชนนท์ได้แต่ขบคิดในใจ เมื่อหญิงสาวตรงหน้าแผลงฤทธิ์ใส่เขา แต่ใช่ว่าชายหนุ่มจะกลัวหญิงสาวแม้แต่น้อย
“วันนี้เที่ยง คุณต้องไปทานข้าวกับผม เพราะผมนัดลูกค้าคุยงานไว้ ในช่วงบ่าย” ชัชนนท์ออกคำสั่งกับเธอ พร้อมกับจ้องเข้าไปในดวงตาของรมิตาอย่างไม่วางตา
“หา! ทำไมต้องเป็นดิฉันคะ บอส” หญิงสาวกัดฟันกรอด คนอื่นก็มี ทำไมต้องเป็นเธอ พร้อมกับเอื้อมแขนขยับเก้าอี้ตรงข้ามชัชนนท์แล้วหย่อนก้นลงนั่ง พร้อมกับยกขาขึ้นมาไขว่ห้างอย่างไม่สบอารมณ์
“เพราะคนอื่นไม่ว่าง แต่คุณว่าง ถ้างั้นไปกับผม ไปเก็บข้าวเก็บของซะ เราจะไปกันแล้ว” ชัชนนท์ว่าพลาง พร้อมกับลุกออกจากเก้าอี้
ปัง!
เสียงเก้าอี้ที่รมิตาได้นั่งลงไปเมื่อสักครู่ ตอนนี้มันล้มลงไปนอนกลิ้งอยู่บนพื้นด้วยฝีมือของตัวผู้นั่งนั่นเอง ในขณะที่ชัชนนท์กำลังก้าวขายังไม่พ้นขอบโต๊ะทำงาน
++ คำโปรย ++ เมื่อเธอท้องกับเขา แต่แม่ฝ่ายชายกลับไม่ยอมรับแถมยังให้ชายคนรักของตนต้องไปแต่งงานของคนอื่นน้องแฝดที่คลอดก่อนกำหนดด้วยสภาวะจิตใจของผู้เป็นแม่จะเป็นอย่างไร +++ เนื้อหาบางส่วน +++ "พะ แพรว... อ๊ายยย" ธิดาเสียหลัก จึงเรียกสายตาของทุกคน พร้อมกับแพรวที่เข้ามาหาร่างของเธอ "กะ แกละ เลือด..." น้ำเสียงสั่นเครือ มองไปบนพื้น ซึ่งเริ่มมีสีแดง ค่อย ๆ ไหลเจิ่งนอง ใบหน้าของธิดาเริ่มไม่สู้ดี เมื่อเพื่อนสาวของตนบอกว่ามีเลือด จึงทำให้ธิดาก้มไปมองด้านล่าง และก็เป็นอย่างที่เห็น "ธะ ธิดา" นันยศลืมไปเลยว่าตนเองอยู่ในฐานะไหน ร่มที่กางแดดบังลมให้กับขวัญเนตร ก็ร่วงหล่นตกพื้น ก่อนจะรีบปีนข้ามรั้ว ปรี่เข้ามาชอนร่างของธิดามาอยู่ในวงแขน "ฉันจะพาธิดาไปโรงพยาบาล ส่วนเธอค่อยตามไป เตรียมของทุกอย่างของธิดาให้พร้อม และอย่าลืมบอกแม่ด้วย" เขากล่าวเสร็จสรรพ ก่อนจะสาวเท้าไปด้านหน้า เช่นเดียวกับที่แพรววิ่งไปเปิดประตูรั้ว "อุ่น!" ตะโกนลั่น ริมฝีปากที่ขบเม้มเข้าหากัน แววตาเบิกโพลง ไม่ชอบใจที่เขาทำอะไรออกนอกหน้า "ถ้ายังเป็นคน ก็หลีกไปซะ ผมจะไม่ยอมให้ลูกในท้องเป็นอะไรเด็ดขาด" น้ำเสียงเข้มของนันยศ ทำให้ขวัญเนตรต้องสะดุ้ง เพราะตั้งแต่ทั้งสองเป็นสามีภรรยา เขาก็ไม่เคยใช้น้ำเสียงแบบนี้กับหล่อนเลยสักครั้ง
กุมภัณฑ์ เป็นชายหนุ่มที่เกิดในราศี กุมภ์ และเขาเป็นผู้ที่อยู่ในดินแดนของยมโลก เนื่องด้วยได้คำสั่งจากเบื้องบนให้ไปดูแล โมราห์ เป็นเด็กสาวที่อยู่ในการปกครองของ กุมภัณฑ์ แต่มันจะเกี่ยวอะไรกับเธอหรือเปล่านะ ทำไมถึงต้องส่งชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ที่วัน ๆ คลุกคลีสาวงามที่ดินแดนมีแต่กระทะทองแดง ต้นหงิ้ว และเสียงร้องโหยหวยจากพวกวิญญาณที่ทำชั่ว ทว่าเขาจะอดใจได้หรือไม่ ที่ไม่ได้ปลดปล่อยความเป็นชาย
.. "ใครให้คำนิยาม ว่าการแต่งงานคือตอนจบของชีวิต การแต่งงานต่างหากล่ะ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด" .. . . . # "หากมนุษย์เราสามารถย้อนอดีตไปได้ แล้วการแก้ไขเรื่องราวในอดีต จะทำให้อนาคตเปลี่ยนแปลงไหม"
++ คำโปรย ++ ใครจะไปคิดล่ะว่านางจะเข้าไปอยู่ในซีรีส์ที่ได้ชมก่อนนอน จึงทำให้นางได้ไปพบกับท่านแม่ทัพในสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งมีจักรพรรดิเฉียนหลงเป็นฮองเต้ในสมัยนั้น แถมท่านแม่ทัพผู้นี้เพิ่งจะโดนหักอกมามาด ๆ อีกด้วย *** เนื้อหาบางส่วน *** “เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ” เสียงสาวใช้ในเรือนของซูเม่ย ดังขึ้นมาจากด้านนอก พลางรีบปรี่เข้ามาหานายของตน ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าสาวใช้ของตนมาก่อน “เจ้าจะเอะอะโวยวายอันใดกัน ข้ากำลังนั่งปักผ้าให้สามี” ซูเม่ยที่กำลังจดจ่อกับผ้าขาวบาง ที่มีไม้ขนาดสี่เหลี่ยมทับผ้าผืนนั้นเอาไว้ พร้อมกับลายผ้าที่มีรอยร่างเส้นไว้บาง ๆ ให้เป็นลายปัก “กะ… เกิดเรื่องใหญ่ที่เรือนภรรยาเอกของท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” สาวใช้คนดังกล่าวมีใบหน้าที่ตื่นตระหนก พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ “เกิดเรื่องอันใดของเจ้ากัน ข้ากำลังอารมณ์ดี ๆ เจ้ากลับหาเรื่องมาให้ข้าอารมณ์ขุ่นมัว” คิ้วขมวดเป็นปมของซูเม่ยบ่งบอกว่านางไม่สบอารมณ์จริง ๆ เพราะหลังจากที่ท่านแม่ทัพมาให้ความสุขกับนางถึงในอ่างอาบน้ำ นางจึงปักผ้าให้สามีของตนเป็นการตอบแทน ที่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ลืมนางเสียทีเดียว
*** เนื้อหาบางส่วน *** ปลายนิ้วหยาบแตะลงบนกางเกงชั้นในของขวัญจิราอย่างเบา ๆ พร้อมกับใช้ปลายนิ้วถูขึ้นลงไปมาระหว่างร่องสาวของเธอ ในขณะที่หญิงสาวนั่งจนตัวเกร็ง เพราะเธอไม่เคยรู้สึกยินดีและเต็มใจขนาดนี้มาก่อน “อ๊า! อ๊ะ! อ๊ายยย” คิรากรถูปลายนิ้วขึ้นลงตามจังหวะจากช้าไปเร็ว จนทำให้หญิงสาวหลุดครางเสียงดังออกมาด้วยความเสียว “พี่ขอนะขวัญ” เขากระซิบบอกหญิงสาวที่ตอนนี้นั่งหลับตาพริ้มพร้อมกับขบเม้มริมฝีปากของตนเพื่อกลั้นความเสียวนั้นเอาไว้ ขวัญจิราพยักหน้าตอบเขาแทน เพียงแค่นั้นเขาก็จับกางเกงชั้นในของเธอหลุดออกจากขาขาว ๆ ของเธออย่างเบามือ
ถึงจะโกรธ เกลียด เคียดแค้นแค่ไหน แต่หัวใจไม่อาจต้านรักได้ ----------------------------------------- ไรยาค่อยๆ คลานไป ทันทีที่เจ้าบ่าวหันหน้ามา เพื่อจะยื่นมือให้เธอจับ จะได้ไม่ล้มนั้น ยิ่งจะทำให้เธอเกือบล้มไปเพราะเขาแล้ว ในหัวสมองก็ประมวลผลออกมาได้คำตอบทันที ว่าคนที่เธอเฝ้าครุ่นคิดว่าเป็นใครมาตลอดสองอาทิตย์นั้น แท้จริงก็คือใครกันแน่ในที่สุด ‘Mr. H. Hhemmhawattana ก็คือหรัญญ์ เหมวัฒน์’ ‘หรือพี่ฮั้นท์ของสาวๆ ที่เธอมักจะได้ยินเรียกขานกันนี่เอง’ ‘เขากลายมาเป็นเจ้าบ่าวเธอได้ยังไง’ ‘เขาจะมาแต่งงานกับเธอทำไม’ เท่าที่รู้มา เขาไม่ได้ร่ำรวยระดับร้อยล้านพันล้านแน่ๆ แล้วเขาไปทำอะไรมา ถึงได้มีเงินมากมายขนาดเอามาทุ่มซื้อหุ้นบริษัทของพ่อเธอได้ ไหนจะไถ่บ้านคืนให้ และอีกหลายต่อหลายอย่างที่เขาจ่ายไป รวมทั้งแหวนเพชรน้ำงามและไม่น่าจะต่ำกว่าห้ากระรัตบนพานดอกไม้ตรงหน้าเธออีก ---------------------------------------------------------------------------------------- ฮั้นท์ (หรัญญ์ เหมวัฒน์) นักธุรกิจหนุ่ม ผู้มีชีวิตที่พลิกผันจากเลวร้ายกลับกลายเป็นดี ซึ่งเขาเองก็ตั้งตัวไม่ทัน แต่ทั้งหมดนั้น มาจากความดี ความขยันหมั่นเพียรของเขา บวกกับโชคช่วย ถึงเวลาที่เขากลับมายืนอยู่จุดเดิม ในฐานะใหม่ ที่ใครต่อใครต่างงุนงง โดยเฉพาะเพื่อนๆ หรือแม้แต่กับผู้หญิงที่เคยเมนเขามาแล้ว และเขาก็จะทำให้ผู้หญิงพวกนั้นได้รู้ ว่าไม่ควรเมินเขาจริงๆ ---------------------- ย้า (ไรยา เจริญรัตชตะ) ทายาทนักธุรกิจหลายร้อยล้าน ที่ชีวิตพลิกผัน จากดีกลายเป็นเลวร้ายในไม่กี่ปี จนเธอกับครอบครัวก็ตั้งตัวไม่ติด รับภาวะย่ำแย่แทบไม่ทัน และถึงเวลาที่เธอจะต้องเลือก ระหว่างช่วยกู้ทุกอย่างของครอบครัวคืน กับทิ้งทุกอย่างไปแบบไม่เหลียวหลัง เพื่อไปเลียแผลหัวใจจากชายที่เธอรักแทบตาย สุดท้ายเธอจะเลือกทางเดินยังไง จะไปต่อหรือพอแค่นี้ ---------------------------------------------------------------------------------------- เมียแต่งท่านประธาน Chairman's Wife ตอนแรกคิดว่าจะให้นิยายที่เรื่องนี้มีแค่ชื่อภาษาอังกฤษเท่านั้นค่ะ ที่เหลือให้รี้ดไปตีความเอาเอง ว่าควรจะใช้ภาษาไทยว่าอะไรดี ระหว่าง แรงรัก - รั้งรัก - รังรัก และใช้นามปากกาพิมรภัค แต่สุดท้ายก็คิดชื่อใหม่ได้แล้วค่ะ และตัดสินใจใช้นามปากกาหลัก นั่นคือ กันเกราค่ะ เพราะแว้ปไปเขียนอวตารหลายเรื่องแล้ว และไม่ได้ออกนามปากกานี้นานแล้ว ส่วนแนวก็จะเพิ่มดราม่าเข้าไปอีก ซึ่งจะเป็น Signature ของกันเกราอยู่แล้ว รี้ดอยากได้มาม่าเจ้มจ้นแค่ไหน บอกกันได้เด้อ ----------------------------------------------------------------------------------------
ตลอดสิบปีที่ฉู่จินเหอรักเหลิ่งมู่หยวนฝ่ายเดียว เอาใจใส่กับเขาอย่างเต็มที่ แต่เธอไม่เคยคิดว่าที่แท้เธอเป็นแค่ตัวตลกคนหนึ่งเท่านั้น ที่สำนักงานเขตเพื่อทำการหย่า เหลิ่งมู่หยวนมองดูฉู่จินเหอด้วยความเย็นชาและพูดอย่างเหยียดหยามว่า "ถ้าเธอคุกเข่าลงและขอร้องฉัน ฉันอาจจะให้โอกาสเธอกอีกครั้ง ฉู่จินเหอเซ็นอย่างไม่ลังเลและออกจากตระกูลเหลิ่ง สามเดือนต่อมา ฉู่จินเหอปรากฏตัวอย่างเปิดเผย ในเวลานั้น เธอเป็นประธานเบื้องหลังของ LX นักออกแบบลับที่ล้ำค่าที่สุดในโลก และเจ้าของเหมืองที่มีมูลค่าหลายร้อยล้าน ทางตระกูลเหลิ่งคุกเข่าลงและขอร้องให้คืนดีและขอการให้อภัย ฉู่จินเหอแยู่ในโอบกอดของซีอีโอโจว ซึ่งเป็นคนใหญ่คนโตในโลกธุรกิจอย่างมีความุข เธอเลิกคิ้วพลางเยาะเย้ย "ฉันในตอนนี้ไม่ใช่คนที่พวกคุณมาเกี่ยวข้องได้"
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
เพราะแอบรักกล้าตะวันมากนาน หวันยิหวาจึงทำทุกวิถีทางเพื่อให้ได้ครองรักกับเขา โดยมีมารดาของเขาเป็นผู้ให้การสนับสนุน แต่สำหรับกล้าตะวันแล้ว หวันยิหวาคือนางมารร้ายที่ทำให้เขากับคนรักต้องเลิกรากัน ดังนั้นทุกวินาทีหลังจากงานวิวาห์นี้จบลง หวันยิหวาจะต้องได้รู้จักกับนรกอเวจีปอยเปตอย่างถ่องแท้เลยทีเดียว “อา... อ๊า...อา...” ลำคอระหงถูกซุกไซ้และดูดเม้ม เสื้อผ้าถูกดึงทึ้งออกไปจากร่างกาย จนในที่สุดก็เปลือยเปล่า กล้าตะวันเลียลงมาที่ไหปลาร้า และมาซบหน้าคลุกเคล้ากับร่องอกอวบ เขาดอมดมกลิ่นสาปสาวอย่างหิวกระหาย ขณะที่ฝ่ามือหนาวางทาบลงกับเต้านมอวบอัดข้างซ้ายของหล่อน “อา... อ๊า... ซี๊ดดดด” หล่อนเผยอปากครางลั่น เมื่อปทุมถันถูกฟอนเฟ้นบีบเคล้าหนักหน่วง ปลายนิ้วแข็งแรงถูไถเม็ดเต่งอย่างเมามัน หล่อนดิ้นเร่าๆ หยัดหน้าอกขึ้นหาสัมผัสจากฝ่ามืออบอุ่นด้วยความกระตือรือร้น
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
เธอก็รู้อยู่เต็มอกว่าเขาไม่เคยสนใจ แต่ก็ยังดึงดันอยากจะอยู่ใกล้ ต่อให้เธอเป็นเมียแต่งเขาก็คงไม่มีวันเปลี่ยนใจ เพราะเหตุนี้เธอจึงตัดสินใจจากไปในคืนแต่งงาน "จากนี้ไปเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก" 🥀