.. "ใครให้คำนิยาม ว่าการแต่งงานคือตอนจบของชีวิต การแต่งงานต่างหากล่ะ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด" .. . . . # "หากมนุษย์เราสามารถย้อนอดีตไปได้ แล้วการแก้ไขเรื่องราวในอดีต จะทำให้อนาคตเปลี่ยนแปลงไหม"
.. "ใครให้คำนิยาม ว่าการแต่งงานคือตอนจบของชีวิต การแต่งงานต่างหากล่ะ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด" .. . . . # "หากมนุษย์เราสามารถย้อนอดีตไปได้ แล้วการแก้ไขเรื่องราวในอดีต จะทำให้อนาคตเปลี่ยนแปลงไหม"
‘ใครให้คำนิยาม ว่าการแต่งงานคือตอนจบ
การแต่งงานต่างหากละ ที่เป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องราวทั้งหมด’
‘หากมนุษย์เราสามารถย้อนอดีตไปได้
แล้วแก้ไขเรื่องราวในอดีต
จะทำให้อนาคตจะเปลี่ยนแปลงไหม’
.
.
.
.
“กราบเรียนแขกผู้มีเกียรติทุกท่านนะครับ วันนี้เป็นวันมงคลสมรสระหว่าง นางสาว โสธิยา กับ นาย จิรณัฐ หรือคุณหยกและคุณนิล กระผมซึ่งเป็นเพื่อนสนิทเจ้าบ่าว อยากจะกล่าวคำอวยพรกับพวกเขาสักนิด” สายตาของผู้ที่ยืนอยู่บนเวที ของเขามองไปยังเจ้าบ่าวที่ประสานมือกับเจ้าสาวไว้แน่นด้านล่างของเวที
“ผมขอแสดงความยินดีกับเจ้าสาวและเพื่อนของผม ที่เป็นฝั่ง เป็นฝากะเพื่อนเขาได้เสียที” พิธีกรของงาน หันหน้ามาทางเจ้าบ่าวอีกครั้ง “ไอ้นิลกูขอให้มึงมีความสุขกับน้องหยก มีลูกเต็มบ้าน มีหลานเต็มเมือง จบงานแล้วรีบทำหลานให้กูนะเว้ย” สายตากรุ้มกริ่มของอีกฝ่ายกล่าวทีเล่นทีจริง แต่สามารถเรียกเสียงเฮฮาจากแขกได้เป็นอย่างดี
แต่ชายหนุ่มซึ่งเป็นเจ้าบ่าว กล่าวออกมาเบา ๆ ด้วยคำว่า ‘เชี่ย’ จนเพื่อนของเขาหยักคิ้วกลับสองถึงสามครั้ง ก่อนจะกล่าวใส่ไมค์
“เอาละครับ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ผมขอเชิญเจ้าบ่าวและเจ้าสาวขึ้นมากล่าวขอบคุณกับแขกครับ” พูดจบ เขาก็ผายมือให้เจ้าของงานขึ้นมาด้านบน
เมื่อทั้งสองได้สาวเท้าขึ้นมาบนเวที เป็นจิรณัฐที่เป็นฝ่ายรับไมค์มาจากเพื่อนชายหรือพิธีกร ก่อนที่จะปลีกตัวเองยืนข้าง ๆ เวที
“อะ เอ่อคือ...ผมอยากจะกล่าวขอบพระคุณทุกท่านที่มาร่วมงานของผมในคืนนี้ ขอบคุณญาติพี่น้องของผมที่มางานให้เกียรติผมและภรรยา ขอบคุณเพื่อน ๆ ที่ยอมสละงานสละเวลาเพื่อมางานแต่งของเพื่อนที่ไม่เอาไหน และผมขอขอบพระคุณ ผู้มีพระคุณของผมและเจ้าสาวที่ยอมรับในตัวผู้ชายคนนี้” จิรณัฐยกมือไหว้กล่าวขอบคุณแขกที่มาในงาน รวมไปถึงบิดาและมารดาของเขากับของโสธิยา ที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะด้านข้าง
หลังจากที่จิรณัฐกล่าวจบเสียงปรบมือก็ดังกระหึ่มไปทั่วห้องโถงก่อนจะยื่นไมค์ให้กับเจ้าสาวที่ยืนอยู่ข้าง ๆ
“หยกขอขอบพระคุณทุกท่านเช่นกันนะคะ ไม่ว่าจะเป็นแม่งานที่จัดหาสถานที่ จัดหาชุดงานแต่งที่เหมาะสมกับพวกเราทั้งสอง รวมไปถึงการถ่ายภาพพรีเวดดิ้ง และหยกขอขอบพระคุณแขกในงานทุกท่านนะคะ ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องของหยก เพื่อน ๆ ที่ยอมมางานแต่งของหยก ถึงแม้ว่าบางท่านไม่สะดวกมาก็ตาม และหยกขอขอบพระคุณคุณพ่อ คุณแม่ของพี่นิล และคุณพ่อคุณแม่ของหยก ที่ให้พวกเราได้อยู่กันฉันสามีภรรยา” ในระหว่างที่เธอกล่าว ก็ได้พนมมือขึ้นมาพร้อมกับขอบคุณทุก ๆ คนที่มาในงานของพวกเขา
เมื่อหญิงสาวกล่าวจบก็มีเสียงปรบมือดังขึ้นมาอีกครั้งจากแขกที่มาร่วมงาน พิธีกรอย่างธราธิปที่อยู่ข้างเวที ก็ได้สาวเท้าเข้ามา โสธิยาจึงได้ยื่นไมค์ให้เขา
“เจ้าสาวและเจ้าบ่าวได้กล่าวไปแล้ว เรามาฟังฝ่ายญาติผู้ใหญ่ของทั้งสองกันบ้างนะครับ ผมขอเรียนเชิญคุณพ่อคุณแม่ของเจ้าบ่าวและเจ้าสาวกล่าวมาอวยพรบนเวทีสักหน่อยนะครับ” เมื่อพิธีกรกล่าวจบ เสียงปรบมือก็ดังขึ้นอีกครั้ง พร้อมกับเขาที่ผายมือให้ผู้ใหญ่ทั้งสองขึ้นมายังบนเวที
ผู้ใหญ่ทั้งสี่ก็ได้สาวเท้าขึ้นมาทีละคู่ พร้อมกับรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนใบหน้า ก่อนที่บิดาของฝ่ายเจ้าบ่าวได้ยื่นมือไปรับไมค์ด้วย ในขณะที่มือของเขาประสานมือภรรยาของตนที่อยู่ข้าง ๆ
“พ่อกับแม่ก็ขอให้ลูกทั้งสองมีความสุข หนักนิดเบาหน่อยก็ให้อภัยกัน ไม่ว่าจะทุกข์หรือจะสุขขอให้ลูกทั้งสองอยู่เคียงข้างกันไปจน แก่เฒ่าเหมือนอย่างพ่อและแม่” บิดากล่าวจบ เสียงโห่ร้องของญาติพี่น้อง พร้อมกับเสียงปรบมือดังขึ้นอีกครั้ง ก่อนที่ชายวัยกลางคนจะยื่นไมค์ให้กับอีกฝ่าย
“แม่กับพ่อดีใจที่ลูกของแม่ได้มีครอบครัว มีคู่ชีวิตที่ดี ที่คอยอยู่ข้าง ๆ ในวันที่ลูกลำบาก หากเมื่อไหร่ที่ลูกทั้งสองทะเลาะเบาะแว้งกัน แม่อยากให้นึกถึงวันที่เรามีความสุข มีเรื่องอะไรโกรธเคืองกันก็หันหน้าปรับความเข้าใจให้เร็ว และเป็นสามีภรรยาที่มีความสุขให้ชาวบ้านเขาอิจฉา แล้วรีบมีหลานให้แม่ไว ๆ นะ” มารดาของโสธิยาแอบกระซิบเบา ๆ เรียกเสียงหัวเราะและเสียงโห่จากแขกในงานได้ดี
“เอาละครับ เมื่อได้ยินเหล่าคุณพ่อและคุณแม่กล่าวเช่นนี้ ผมขอเรียนเชิญพวกท่านให้ไปพักผ่อนทานอาหารด้านล่างกันต่อนะครับ” ว่าแล้วธราธิปก็ได้ผายมือไปยังผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ให้เชิญไปที่โต๊ะตามเดิม “มีสาว ๆ คนไหนที่ยังโสด ยังไม่มีแฟน หรือสาว ๆ ที่มีแฟนแล้วเชิญมายืนรอหน้าเวทีนะครับ ตอนนี้ถึงช่วงที่เจ้าสาวจะต้องโยนช่อดอกไม้แล้วครับ” เขายังคงกล่าวต่อไป ก่อนจะผายมือให้เจ้าสาวอย่างโสธิยาให้มาด้านหน้าเวที ในมือที่ถือดอกไม้ช่อใหญ่พร้อมกับหันหลังให้แขกที่มาในงาน
“ผมจะเริ่มนับถอยหลังแล้วนะครับ” เขาบอกหญิงสาวที่มาออกันหน้าเวทีอยู่หลายสิบคน มีทั้งสาวใหญ่ สาวแก่ แล้วสาวจริง ๆ มาร่วมสนุกกันขำ ๆ
“สาม” ธราธิปเริ่มนับถอยหลัง ในขณะที่โสธิยาค่อย ๆ ขยับแขนแกว่งไปมา
“สอง” เสียงนับถอยหลังยังคงดังอยู่เป็นระยะ
“หนึ่ง” เมื่อสิ้นเสียงพิธีกร โสธิยาจึงได้โยนช่อดอกไม้จนสุดแขน เสียงเชียร์จากแขกในงาน พร้อมกับเสียงกรีดร้องวี๊ดว๊ายของสาว ๆ หน้าเวที แค่เพียงชั่วครู่ก็พบว่าช่อดอกไม้ช่อนั้นไปอยู่ในมือของผู้หญิงที่มาร่วมงาน ซึ่งเป็นเพื่อนฝ่ายเจ้าบ่าว พร้อมกับโยกช่อดอกไม้ในมือว่าเธอเป็นคนได้มันไป
“แสดงความยินดีกับผู้ที่ได้ช่อดอกไม้นะครับ หากคุณสาว ๆ ยัง ไม่มีแฟน ผมสามารถเป็นคู่ให้ควงได้นะครับ” ใบหน้ายิ้มแย้มของพิธีกร พร้อมกับเสียงโห่ร้องจากเพื่อน ๆ ที่นั่งมองพวกเขา
++ คำโปรย ++ เมื่อเธอท้องกับเขา แต่แม่ฝ่ายชายกลับไม่ยอมรับแถมยังให้ชายคนรักของตนต้องไปแต่งงานของคนอื่นน้องแฝดที่คลอดก่อนกำหนดด้วยสภาวะจิตใจของผู้เป็นแม่จะเป็นอย่างไร +++ เนื้อหาบางส่วน +++ "พะ แพรว... อ๊ายยย" ธิดาเสียหลัก จึงเรียกสายตาของทุกคน พร้อมกับแพรวที่เข้ามาหาร่างของเธอ "กะ แกละ เลือด..." น้ำเสียงสั่นเครือ มองไปบนพื้น ซึ่งเริ่มมีสีแดง ค่อย ๆ ไหลเจิ่งนอง ใบหน้าของธิดาเริ่มไม่สู้ดี เมื่อเพื่อนสาวของตนบอกว่ามีเลือด จึงทำให้ธิดาก้มไปมองด้านล่าง และก็เป็นอย่างที่เห็น "ธะ ธิดา" นันยศลืมไปเลยว่าตนเองอยู่ในฐานะไหน ร่มที่กางแดดบังลมให้กับขวัญเนตร ก็ร่วงหล่นตกพื้น ก่อนจะรีบปีนข้ามรั้ว ปรี่เข้ามาชอนร่างของธิดามาอยู่ในวงแขน "ฉันจะพาธิดาไปโรงพยาบาล ส่วนเธอค่อยตามไป เตรียมของทุกอย่างของธิดาให้พร้อม และอย่าลืมบอกแม่ด้วย" เขากล่าวเสร็จสรรพ ก่อนจะสาวเท้าไปด้านหน้า เช่นเดียวกับที่แพรววิ่งไปเปิดประตูรั้ว "อุ่น!" ตะโกนลั่น ริมฝีปากที่ขบเม้มเข้าหากัน แววตาเบิกโพลง ไม่ชอบใจที่เขาทำอะไรออกนอกหน้า "ถ้ายังเป็นคน ก็หลีกไปซะ ผมจะไม่ยอมให้ลูกในท้องเป็นอะไรเด็ดขาด" น้ำเสียงเข้มของนันยศ ทำให้ขวัญเนตรต้องสะดุ้ง เพราะตั้งแต่ทั้งสองเป็นสามีภรรยา เขาก็ไม่เคยใช้น้ำเสียงแบบนี้กับหล่อนเลยสักครั้ง
กุมภัณฑ์ เป็นชายหนุ่มที่เกิดในราศี กุมภ์ และเขาเป็นผู้ที่อยู่ในดินแดนของยมโลก เนื่องด้วยได้คำสั่งจากเบื้องบนให้ไปดูแล โมราห์ เป็นเด็กสาวที่อยู่ในการปกครองของ กุมภัณฑ์ แต่มันจะเกี่ยวอะไรกับเธอหรือเปล่านะ ทำไมถึงต้องส่งชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ที่วัน ๆ คลุกคลีสาวงามที่ดินแดนมีแต่กระทะทองแดง ต้นหงิ้ว และเสียงร้องโหยหวยจากพวกวิญญาณที่ทำชั่ว ทว่าเขาจะอดใจได้หรือไม่ ที่ไม่ได้ปลดปล่อยความเป็นชาย
++ คำโปรย ++ ใครจะไปคิดล่ะว่านางจะเข้าไปอยู่ในซีรีส์ที่ได้ชมก่อนนอน จึงทำให้นางได้ไปพบกับท่านแม่ทัพในสมัยราชวงศ์ชิง ซึ่งมีจักรพรรดิเฉียนหลงเป็นฮองเต้ในสมัยนั้น แถมท่านแม่ทัพผู้นี้เพิ่งจะโดนหักอกมามาด ๆ อีกด้วย *** เนื้อหาบางส่วน *** “เกิดเรื่องแล้วเจ้าค่ะ” เสียงสาวใช้ในเรือนของซูเม่ย ดังขึ้นมาจากด้านนอก พลางรีบปรี่เข้ามาหานายของตน ซึ่งเคยเป็นหัวหน้าสาวใช้ของตนมาก่อน “เจ้าจะเอะอะโวยวายอันใดกัน ข้ากำลังนั่งปักผ้าให้สามี” ซูเม่ยที่กำลังจดจ่อกับผ้าขาวบาง ที่มีไม้ขนาดสี่เหลี่ยมทับผ้าผืนนั้นเอาไว้ พร้อมกับลายผ้าที่มีรอยร่างเส้นไว้บาง ๆ ให้เป็นลายปัก “กะ… เกิดเรื่องใหญ่ที่เรือนภรรยาเอกของท่านแม่ทัพเจ้าค่ะ” สาวใช้คนดังกล่าวมีใบหน้าที่ตื่นตระหนก พร้อมกับสูดลมหายใจเข้าปอดลึก ๆ “เกิดเรื่องอันใดของเจ้ากัน ข้ากำลังอารมณ์ดี ๆ เจ้ากลับหาเรื่องมาให้ข้าอารมณ์ขุ่นมัว” คิ้วขมวดเป็นปมของซูเม่ยบ่งบอกว่านางไม่สบอารมณ์จริง ๆ เพราะหลังจากที่ท่านแม่ทัพมาให้ความสุขกับนางถึงในอ่างอาบน้ำ นางจึงปักผ้าให้สามีของตนเป็นการตอบแทน ที่อย่างน้อยเขาก็ไม่ได้ลืมนางเสียทีเดียว
เมื่อ 'รมิตา' ต้องมาเป็นเลขาจำเป็นอย่างไม่เต็มใจ เพราะ 'ชัชนนท์' เป็นบอสของเธอ ที่เอาแต่จะหาเรื่องแกล้งเธอตลอดเวลา แต่ทว่ามีอะไรฝั่งใจชัชนนท์กันนะ ถึงได้แกล้งนางเอกของเรา แต่มันมีเรื่องราวอะไรมากกว่านั้น
*** เนื้อหาบางส่วน *** ปลายนิ้วหยาบแตะลงบนกางเกงชั้นในของขวัญจิราอย่างเบา ๆ พร้อมกับใช้ปลายนิ้วถูขึ้นลงไปมาระหว่างร่องสาวของเธอ ในขณะที่หญิงสาวนั่งจนตัวเกร็ง เพราะเธอไม่เคยรู้สึกยินดีและเต็มใจขนาดนี้มาก่อน “อ๊า! อ๊ะ! อ๊ายยย” คิรากรถูปลายนิ้วขึ้นลงตามจังหวะจากช้าไปเร็ว จนทำให้หญิงสาวหลุดครางเสียงดังออกมาด้วยความเสียว “พี่ขอนะขวัญ” เขากระซิบบอกหญิงสาวที่ตอนนี้นั่งหลับตาพริ้มพร้อมกับขบเม้มริมฝีปากของตนเพื่อกลั้นความเสียวนั้นเอาไว้ ขวัญจิราพยักหน้าตอบเขาแทน เพียงแค่นั้นเขาก็จับกางเกงชั้นในของเธอหลุดออกจากขาขาว ๆ ของเธออย่างเบามือ
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
เซี่ยถิงถิง ย้อนเวลากลับมาในวันที่แฟนหนุ่มได้บอกเลิกกับเธอ เด็กสาวที่มากความสามารถจากหมู่บ้านเชิงเขาเล็กๆ ครอบครัวของเธอเป็นเกษตรกรมา 13 ชั่วอายุคน เซี่ยถิงถิงถือว่าเป็นปัญญาชนคนแรกของหมู่บ้าน ตลอดเวลาเด็กสาวที่หน้าตาสะสวยและเรียนดีผู้นี้ เป็นคนที่เชื่อฟังคำสั่งสอนของครอบครัวและค่อนข้างจะหัวโบราณอยู่บ้าง นี่จึงเป็นสาเหตุให้แฟนหนุ่มของเธอมีอันต้องเลิกรากันไปเพราะถิงถิงไม่เคยหลับนอนกับเขา นั่นถือว่าเป็นการหมื่นเกียรติของตัวเธอเอง แต่สาเหตุที่แท้จริงแล้วแฟนหนุ่มของเธอเพียงต้องการเกาะกิ่งไม้สูงเพื่อความก้าวหน้าเพียงเท่านั้น เพียงเพราะถิงถิงมาจากครอบครัวชาวนาในชนบทไม่มีแรงสนับสนุนเขาให้ปีนป่ายขึ้นไปอยู่บนกิ่งไม้สูงได้ตามที่เขาต้องการ เขาจึงต้องหันหลังให้กับถิงถิงเพื่อไปเกาะขาลูกสาวนายทหารยศใหญ่ที่มีฐานะร่ำรวยและพร้อมสนับสนุนเขาในสิ่งที่เขาต้องการ ถิงถิงเองถึงแม้จะเสียใจมาก แต่สำหรับเธอแล้ว ชาวนาแล้วอย่างไร ชาวนาก็ถือว่ามีเกียรติ คุณรังเกียจชาวนาก็อย่ากินข้าวที่ชาวนาปลูกก็แล้วกัน ในเวลาชั่วข้ามคืนจากความรักที่เธอมีให้แฟนหนุ่มแต่ตอนนี้เธอมีเพียงความรังเกียจและเสียใจที่มองคนผิดไปเท่านั้น ถิงถิงตัดสินใจลาออกจากงานและเก็บกระเป๋ากลับบ้านเกิด เธอจะพลิกภูเขาแห้งแล้งที่บ้านเกิดให้เป็นแหล่งอาหาร อันอุดมสมบูรณ์ เธอจะทำให้คนที่ดูถูกเธอได้เห็นว่า เกษตรกรนั้นหาได้ต่ำต้อยไม่ เธอจะต้องร่ำรวยเพราะอาชีพของเธอให้ได้ในสักวันและจะตอกหน้าคนพวกนั้นคืนให้สาสม แต่ที่น่าอับอายที่สุดไม่ใช่ถูกแฟนหนุ่มบอกเลิกในที่สาธารณะ แต่เป็นเธอที่เดินเหยียบเปลือกกล้วยแล้วลื่นล้มหัวฟาดต่างหาก เพราะความโมโหทำให้ไม่ทันได้มองทาง นี่ถือว่าตายด้วยความอับอายและคับแค้นใจมากที่สุด ขอบคุณพระเจ้าที่ให้โอกาสเธอได้กลับมา
ความรักที่ซ่อนเร้นของสาวน้อยเริ่มต้นในวันที่ทั้งสองได้พบกันในการพบกันที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนาน ทว่าเด็กสาวที่ครอบครัวรับมาเลี้ยงกลับแย่งชิงครอบครัวและเด็กหนุ่มไปโดยไม่รู้สึกเกรงกลัว เมื่อโตขึ้น เธอใช้โอกาสการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เพื่อแย่งชิงตำแหน่งภรรยาของชายคนนั้น ไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียว ฟู่เป่ยชวนกอดพี่สาวของเธอไว้ในอ้อมแขน ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เธอทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน” ซูชิงเฉินรู้สึกปวดท้องเหมือนมีบางอย่างในร่างกายของเธอค่อยๆ เลือนหายไป เธอยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแน่วแน่ “แน่นอน ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือ ถึงจะต้องตายก็ตาม” ไม่นานนัก ซูชิงเฉินก็เหมือนจะหายไปจริงๆ จากนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในยามค่ำคืน ฟู่เป่ยชวนมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “ถ้าฉันไม่เคยรักเธอเลยก็คงจะดี” ห้าปีต่อมา ซูชิงเฉินกลับมาพร้อมกับเด็กคนหนึ่ง กลับมาในสายตาของคนทั่วไปอีกครั้ง ...
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY