ชายมากประสบการณ์อย่างเขาสุดท้ายก็ยอมศิโรราบให้กับหญ้าอ่อนซึ้งไร้ประสบการณ์ เธอสามารถมัดใจเขาอยู่หมัดจนไม่อาจมองใครอื่นได้อีกต่อไป ******************* “ถ้าผมจะจ้างคุณต่อ แต่มีเงื่อนไขเพิ่มล่ะ” “เงื่อนไขอะไรคะ ขิงขอฟังก่อนได้ไหม” “มาเป็นผู้หญิงของผม” เพี๊ยะ! “ขิงมาที่นี่เพื่อมาทำงาน ไม่ได้มาขายตัว” เธอตะคอกใส่เขาด้วยความโมโห ก่อนจะลุกขึ้นอีวานลุกตามแล้วคว้าตัวเธอไว้จนหญิงสาวเซมาชนแผงอกกว้าง “ปล่อยฉันนะ ฉันจะกลับห้อง ไม่ใช่สิ ฉันจะกลับออกไปจากเกาะนี้” เธอดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมแขนแกร่ง “คิดเหรอว่าผมจะปล่อยให้คนที่พึ่งจะตบผมออกไปจากห้องนี้ง่ายๆ” อีวานโมโหจนเลือดขึ้นหน้า “ปล่อยขิงเถอะค่ะ คุณคงไม่คิดจะทำอะไรผู้หญิงที่ไม่เต็มใจใช่ไหมคะ” “คิดเหรอว่าพูดแบบนี้ผมจะปล่อยคุณ” “แต่คุณมองไม่เห็นนะคะ” “ผมแค่มองไม่ชัด แต่ส่วนอื่นผมยังใช้การได้ดี และตอนนี้มันก็กำลังอยากจะทำหน้าที่ของมันแล้ว”
สายคู่สวยมองประกาศรับสมัครงานที่เพื่อนส่งต่อมาในกลุ่มไลน์ คิ้วเรียงตัวเป็นระเบียบขมวดเข้าหากันจนชิด ริมฝีปากบางเม้มอย่างใช้ความคิด คุณสมบัติของผู้สมัครนั้นก็ไม่ต่างจากงานทั่วไปนัก แต่มีสองข้อที่ทำให้คนกำลังต้องการใช้เงิน หยุดอ่านด้วยความสนใจ
ห้ามพกโทรศัพท์และห้ามติดต่อกับคนภายนอกยกเว้นเป็นคำสั่งของนายจ้างหรือได้รับอนุญาตจากนายจ้างก่อนแล้วเท่านั้น ข้อนี้เธอคิดว่าคงไม่มีปัญหาเพราะถ้าจำเป็นที่จะต้องติดต่อกับคนอื่นเธอก็แค่ขออนุญาตคงไม่ยากเท่าไหร่ เงินเดือนจ่ายล่วงหน้า 50 % ข้อนี้น่าสนใจที่สุด นาทีนี้อะไรก็ตามที่ทำแล้วได้เงินหญิงสาวก็ยินดีจะทำ
“สนใจเหรอขิง” เสียงของเพื่อนทำให้ขิงหรือธันยมัยรีบกดออกจากแอปพลิเคชันไลน์ทันที หญิงสาวไม่อยากให้ใครรู้ว่าตอนนี้ตัวเองกำลังต้องการใช้เงินอย่างด่วนที่สุด ถ้าเธอไม่มีเงินมาจ่ายทางมหาวิทยาลัยจะไม่ให้เข้าสอบปลายภาคที่กำลังจะมีในอีก 2 วันข้างหน้า
“เปล่าหรอกแพร ก็แค่เห็นว่าเงื่อนไขมันแปลกๆ”
“ก็จริงนะขิง แพรก็เห็นในกลุ่ม ไม่น่าไว้ใจเลย ไม่ให้เราพกโทรศัพท์ถ้าเกิดพาเราไปขายล่ะ บรึ๋ย..ไม่อยากจะคิด” แพรพลอยส่ายหัว
“นั้นสิ ขิงก็ว่าอย่างนั้นแหละ” เธอเห็นด้วยกับคำพูดของเพื่อน แต่พอรูมเมทเดินออกจากห้องไปหญิงสาวก็กลับมาอ่านประกาศนั้นอีกครั้ง ก่อนจะตัดสินใจโทรศัพท์ไปตามเบอร์ที่ผู้ว่าจ้างลงไว้ในข้อความประกาศ
ร้านกาแฟเล็กๆ ห่างจากมหาวิทยาลัยถึง 20 กิโลเมตรคือสถานที่นัดหมายธันยมัยมาถึงก่อนเวลาเกือบครึ่งชั่วโมง เธอมีอาการตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด เพราะกลัวว่าจะถูกนายจ้างปฏิเสธกับข้อเรียกร้องของเธอ
ผู้ชายชาวต่างชาติคนหนึ่งความสูงไม่น่าจะต่ำกว่า 185 ซม. เขากำลังเดินเข้ามาในร้านซึ่งตอนนี้มีเพียงเธอเป็นลูกค้าเพียงคนเดียว หญิงสาวเงยหน้ามองแล้วก็ส่งยิ้ม เขาคงเป็นคนที่ลงประกาศรับสมัครงาน
“สวัสดีค่ะ” ธันยมัยกล่าวทักทายพร้อมยกมือไหว้ เพราะดูแล้วคงจะอายุมากกว่าเธออยู่หลายปี
“สวัสดีครับ” หนุ่มใหญ่ยกมือรับไหว้ก่อนเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจ “คุณธันยมัยใช่ไหมครับ”
“ค่ะ คุณคงเป็นคุณเซบาสเตียน” เธอได้คุยกับเขาทางโทรศัพท์มาแล้วครั้งหนึ่ง แม้จะเป็นชาวต่างชาติแต่เขาก็ใช้ภาษาไทยได้ดีเลยทีเดียว แต่ถ้าจะสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษหญิงสาวก็ไม่ขัดข้องเพราะเธอนั้นใช้ภาษาอังกฤษได้ดีพอกับภาษาไทยที่ใช้เป็นประจำ
“ครับ ผมเข้าเรื่องเลยนะครับ”
“ค่ะ”
เซบาสเตียนเริ่มสอบถามอีกฝ่ายถึงแรงจูงใจในการสมัครงานครั้งนี้ อันที่จริงจะเรียกว่าสอบสวนก็คงจะไม่ผิดนัก เพราะเขาถามทุกอย่างเกี่ยวกับเธอจนแทบจะรู้ไส้รู้พุง และด้วยความที่กลัวตัวเองจะไม่ได้งานธันยมัยก็บอกเขาไปทุกอย่างแม้กระทั่งสาเหตุที่ตัวเองต้องใช้เงินอย่างเร่งด่วน
“คุณคิดไว้หรือยังว่าจะเรียกเงินเดือนเท่าไหร่”
“คะ?” ใบหน้างามไม่เข้าใจกับคำถาม
“ผมให้คุณเรียกมาเลยว่าอยากได้เงินเดือนเท่าไหร่ ผมจะจ่ายได้เท่าที่จ่ายไหวนะครับ” เขาหัวเราะในลำคอ แม้ว่าจะกำหนดค่าจ้างมาแล้วแต่ก็อยากฟังอีกฝ่ายเสนอมาก่อน
“ฉันไม่รู้ว่าจะเรียกเงินเดือนเท่าไหร่ เพราะลักษณะงานมันจะว่าเป็นเลขาฯ ก็ไม่ใช่ จะว่าเป็นคนดูแลผู้ป่วยก็ไม่แน่ใจเพราะฉันยังไม่เจอคนที่จะต้องไปทำงานด้วย เอาเป็นว่าฉันขอเงินล่วงหน้าคุณ 4 หมื่นก่อนได้ไหม ส่วนเงินที่เหลือก็แล้วแต่คุณจะให้” เงินจำนวนนี้เธอจะนำไปเป็นค่าเทอมและค่าหอพักที่แชร์กันกับเพื่อน แม้ช่วง 2 เดือนนี้เธอจะไม่อยู่แต่ก็ยังคงต้องจ่ายค่าเช่า
“คุณไม่กลัวว่าถ้าครบกำหนด 2 เดือนแล้วผมจะไม่จ่ายที่เหลือเหรอครับ”
“ก็ฉันไม่มีทางเลือก ถ้าถึงตอนนั้นคุณจะโกงก็ค่อยว่ากันอีกที แต่ตอนนี้ฉันต้องการเงินมาจ่ายค่าเทอมก่อน”
“แล้วคุณจะเริ่มงานได้เมื่อไหร่”
“คุณจะจ้างฉันใช่ไหม” เสียงนั้นดีใจอย่างเห็นได้ชัด
“ก็ตามนั้น ผมเป็นคนชอบคนที่พูดตรงๆ”
“ฉันก็เหมือนกัน ฉันพร้อมไปทำงานทันทีที่ออกจากห้องสอบวิชาสุดท้าย ถ้าคุณกลัวฉันจะหนีคุณไปรอที่หน้าห้องสอบได้เลย” แล้วเธอก็ส่งตารางสอบให้กับเขาทางไลน์
เซบาสเตียนยิ้มอย่างพอใจ ผู้หญิงคนนี้รูปร่างหน้าตาก็จัดว่าสวยกว่าที่คิดไว้ แถมยังฉลาดและมีไหวพริบ รู้จักต่อรอง ถ้าได้ไปทำงานกับเจ้านายเขาคงช่วยทางนั้นได้มาก อีกทั้งเธอยังใช้ภาษาอังกฤษได้เป็นอย่างดี เห็นอย่างนี้ชายหนุ่มก็เบาใจ
ธันยมัยอ่านสัญญาจ้างงานอย่างละเอียดก่อนจะเซ็นชื่อลงไป ยื่นให้เขาหนึ่งฉบับและเก็บไว้กับตัวเองอีกหนึ่งฉบับ หลังจากนั้นชายตรงหน้าก็โอนเงินให้ตามเลขบัญชีที่แจ้ง
เธอมองตัวเลขในบัญชีสลับกับมองหน้าเซบาสเตียนอย่างสงสัยเพราะตัวเลขที่ต้องการกับจำนวนเงินเขาโอนเข้ามานั้นไม่ตรงกัน
“ทำไมเยอะจังคะ”
“4 หมื่นสำหรับค่าจ้างล่วงหน้าตามที่คุณขอ ส่วนอีก 4 หมื่นเอาไว้ให้คุณซื้อของใช้ที่จำเป็นของผู้หญิง สำหรับการเดินทางไปทำงานอยู่ที่เกาะ 2 เดือน”
“อยู่เกาะ?” ใบหน้าเต็มไปด้วยคำถาม
“ใช่ ครับ”
“ฉันต้องไปทำงานที่เกาะเหรอคะ ในสัญญาไม่เห็นมีเลย”
“ตายจริงผมคงลืมเขียนลงไป” เขายิ้มเจ้าเล่ห์
“คุณวางแผนมาแล้วใช่ไหม ถึงว่าล่ะทำไมยอมจ่ายเงินง่าย ฉันจะโอนเงินคืนคุณทั้งหมด” เธอประกาศกร้าว
“คุณลืมไปหรือเปล่าว่าสัญญาที่คุณพึ่งเซ็นไประบุไว้ว่าถ้าทำผิดสัญญาคุณต้องชดใช้เป็น 10 เท่าของจำนวนเงินที่รับไป คนฉลาดอย่างคุณคงคิดออกว่ามันเป็นเงินเท่าไหร่”
ธันยมัยหน้าซีดไม่คิดว่าตัวเองจะพลาดท่าให้กับเขา เพราะเอาแต่คิดจะหาเงินค่าเทอมจนลืมถามว่าต้องไปทำงานที่ไหน
“ฉันไม่คิดเลยว่าคุณจะเจ้าเล่ห์ขนาดนี้”
“ผมไม่ได้เป็นอย่างที่คุณพูดเลย คุณใจร้อนไม่ถามให้ดีก่อน เอาเป็นว่าถึงวันออกเดินทางผมจะให้คนรับนะครับ”
“คุณทำให้ฉันไม่มีทางเลือก” เธอตัดพ้อ
“แต่คุณเลือกเองนะครับ ผมไม่ได้บังคับคุณเลยสักนิด”
“คุณคงไม่คิดพาฉันไปขายใช่ไหม ฉันชักไม่ไว้ใจคุณแล้ว ก่อนไปฉันคงต้องไปลงบันทึกประจำวันไว้ก่อนว่าถ้าฉันหายไปเกินเวลาที่กำหนดให้ตำรวจออกตามหา”
“เชิญคุณทำตามที่ต้องการเลย ผมหวังว่าตำรวจคงจะเชื่อหรอกนะ เพราะเท่าที่รู้เหตุยังเกิดแจ้งความไปเท่านั้น”
เซบาสเตียนเดินออกไปแล้วแต่ธันยมัยยังนั่งอยู่ที่เดิม เพราะเธอไม่มีทางเลือกจึงต้องมาตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้
กระเป๋าเดินทางใบใหญ่ถูกวางไว้ข้างเตียง มุมในสุดของห้องนอน ห้องนี้เธอกับแพรพลอยช่วยกันจ่ายค่าเช่าคนละครึ่ง แม้ห้องจะไม่ใหญ่มากแต่มันก็เหมาะสมกับราคาที่จ่ายไป ในห้องไม่มีเครื่องใช้อะไรมากนัก มีเพียงเตียงนอน ตู้เสื้อผ้าและโต๊ะหนังสือทุกอย่างมีจำนวนสองชุดตามจำนวนคนเช่า เว้นแต่ห้องน้ำที่ต้องใช้ร่วมกัน แม้จะคับแคบแต่ข้อดีของมันคืออยู่ใกล้กับมหาวิทยาลัยมาก ใช้เวลาเดินเพียง 10 นาทีก็ถึง
“แพร ขิงจะไม่อยู่ห้องสัก 2 เดือนนะ” ธันยมัยบอกรูมเมท
“อ้าวแล้วจะไปอยู่ที่ไหน” ปกติทุกปิดเทอมเธอก็ไม่เห็นว่าเพื่อนจะไปไหน
“ขิงว่าจะไปช่วยงานญาติห่างๆ สัก 2 เดือน”
“ขิงมีญาติด้วยเหรอ แพรไม่เห็นรู้เลย”
“ก็ไม่เชิงญาติหรอก เคยรู้จักกันตอนที่พ่อยังอยู่ วันก่อนขิงบังเอิญได้เจอ เขาเลยชวนไปทำงานช่วงปิดเทอม”
“อ๋อ แล้วจะไปเลยเหรอ” เธอมองไปยังกระเป๋าเดินทางของเพื่อน
“จ้ะ สอบเสร็จก็คงไปเลย”
“บอกพี่ซันหรือยัง”
พี่ซันหรือภาสกรเป็นแฟนหนุ่มรุ่นพี่ของธันยมัยทั้งสองคบหากันมาตั้งแต่หญิงสาวเรียนอยู่ปีสอง ตอนนั้นเขากำลังเรียนอยู่ปีสุดท้าย
“เราติดต่อพี่ซันไม่ได้มาหลายวันแล้ว ที่ไซต์งานคงไม่ค่อยมีสัญญาณ ก็เลยได้แค่ฝากข้อความไว้เดี๋ยวก็คงเห็นเองแหละ” พอคิดถึงแฟนหนุ่มเธอก็เครียดขึ้นมาทันที เพราะครั้งล่าสุดทีเจอกันภาสกรมาขอยืมเงินเธอเพื่อไปเป็นค่ารักษาแม่ของเขาที่อยู่ต่างจังหวัดและบอกว่าจะใช้คืนให้หลังจากเงินเดือนออก แต่ก็ผัดมาเรื่อยจนเธอไม่มีเงินไปจ่ายค่าเทอม
ธันยมัยนั้นต้องทำงานหาเลี้ยงตัวเอง เธอทำงานทุกอย่างที่ได้เงิน เพราะหลังจากพ่อของเธอจากไปหญิงสาวก็ไม่เหลือใครให้พึ่งพาอีกแล้ว เงินเก็บก้อนสุดท้ายที่ได้จากประกันชีวิตของพ่อเธอนำไปซื้อกองทุนเพราะคิดว่าระหว่างนี้เงินกู้ยืมเพื่อการศึกษาและเงินจากการทำงานพิเศษก็พอกับการใช้จ่าย แต่เมื่อภาสกรมาหยิบยืมมันเลยทำให้เธอเดือดร้อนอย่างที่เป็นอยู่
“แพร ค่าเช่า 2 เดือนที่ขิงไม่อยู่” เธอยื่นธนบัตรสีเทาจำนวน 4 ใบให้กับเพื่อน
“ขิงไม่อยู่ยังต้องช่วยหารค่าห้องอีก” แต่เธอก็รับเงินไปเพราะถ้าจะให้จ่ายคนเดียวก็คงไม่ไหว
“ก็ขิงกลัวแพรหารูมเมทคนใหม่ มาอยู่แทนขิง”
“แพรจะให้ใครมาอยู่ล่ะ อยู่กับขิงดีที่สุดแล้ว”
“ขิงก็คิดเหมือนกัน ไม่อยากต้องไปรูมเมทใหม่” เธอกับแพรพลอยเรียนอยู่คณะเดียวกันแต่คนละสาขาวิชาพอขึ้นปี 2 ก็เลยชวนกันมาหาหอพักและก็อยู่ด้วยกันตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา
เรื่องที่ไม่มีเงินจ่ายค่าเทอมนั้นธันยมัยไม่ได้บอกเพื่อนเพราะรู้ว่าเพื่อนของตัวเองก็ลำบากเหมือนกัน แม้ทางบ้านของแพรพลอยจะส่งเงินมาให้บ้างแต่มันก็ไม่มากถึงขั้นจะให้ใครยืม อีกทั้งเพื่อนของเธอก็ทำงานพิเศษที่ร้านกาแฟในวันหยุดซึ่งค่าแรงก็น้อยนิด ไม่เหมือนกับตัวเองที่รับจ๊อบเป็นพริตตี้ให้กับงานเปิดตัวสินค้าที่มักจะคนมาจ้างอยู่เรื่อยๆ ถึงจะไม่ได้งานทุกวันแต่รวมแล้วก็ยังมากกว่าเงินพิเศษของเพื่อน ถ้าไปขอยืม แพรพลอยก็ต้องสงสัยว่าเงินที่หาได้นั้นมันหายไปไหน ภาสกรกำชับตลอดว่าไม่ให้บอกใครที่ตัวเองมาขอยืมเงินคนซึ่งยังเรียนไม่จบอย่างเธอ หญิงสาวเข้าใจภาสกรเพราะถ้าเธอเป็นเขาก็คงจะอายกับเรื่องนี้เหมือนกัน
พอคิดถึงแฟนหนุ่มธันยมัยก็หยิบสมาร์ตโฟนขึ้นมาดู หลายวันแล้วที่พยายามติดต่อภาสกร เพราะนอกจากเรื่องเงินแล้วเธอเองก็เป็นห่วงแฟนอยู่มาก ชายหนุ่มไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน ครั้นจะไปหาที่ห้องพักก็กลัวว่าเขาจะไม่พอใจ หญิงสาวไม่อยากให้เขาต้องอึดอัดจนเกินไป
ธันยมัยไม่มีสมาธิอ่านหนังสือเอาเสียเลย เพราะมีเรื่องต้องคิดมากมาย จนในที่สุดก็ตัดสินใจเก็บหนังสือเข้าชั้นวาง ส่วนแพรพลอยนั้นหลังจากคุยกับเธอเสร็จก็ใส่แอร์พอร์ตแล้วนั่งอ่านหนังสืออย่างเงียบๆ
ความผิดพลาดในคืนนั้นทำให้ชีวิตของวิรัลพัชรเปลี่ยนไปเมื่อรู้ว่าตัวเองตั้งท้อง เธอจำไม่ได้ด้วยซ้ำใครคือผู้ชายคนนั้นเป็นใคร แต่เขาจำได้และเมื่อรู้ว่าเธอกำลังท้องลูกของเขาชายหนุ่มก็ก้าวเข้ามาในชีวิตเพียงเพื่อต้องการลูกของเธอเท่านั้น
นานนับปีแล้วที่อรณิชาไม่ได้รับความสุขจากสามี เขาอ้างว่าเพราะงานแต่จริงๆ แล้วเขามีคนอื่นโดยที่อรณิชาไม่รู้ หญิงสาวจึงให้เวลาเขาและเธอหนึ่งเดือนเพื่อจัดสินใจว่าจะเอายังไงต่อกับชีวิตคู่ หญิงสาวจึงกลับมาที่เมืองไทย และได้เจอกับอดีตคน รักความสุขความผูกพัน ทางใจในอดีตกับกลายเป็นความสัมพันธ์ทางกายในปัจจุบัน ความใกล้ชิดในช่วงเวลาสั้นๆ ทำให้ทั้งสองเผลอใจก้าวข้ามเส้นที่ขีดไว้ไม่สนใจทถูกผิดมองแค่บนเตียงเพียงอย่างเดียว
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
ภีม ภีมวัจน์ อภิรักษ์วัฒนกุล ทายาทรุ่นที่ 3 แห่ง AK Group นักธุรกิจหนุ่มที่ได้รับรางวัลผู้บริหารหน้าใหม่ไฟแรงถึง 4 ปีซ้อน อายุ 26 ปี หล่อ รวย รักสนุกแต่ไม่คิดจะหยุดที่ใคร ใบหน้าหล่อเหลาที่แสนเย็นชาคือเสน่ห์ที่ดึงดูดสาวๆให้เข้ามาพัวพันกับเขาอยู่เสมอ ความสัมพันธ์ที่เกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าจบลงเพียงชั่วข้ามคืนเพียงเพราะเขายังไม่เจอคนที่ ถูกใจ จนกระทั่งวันหนึ่งที่โชคชะตาเล่นตลกให้เขาได้พบกับเธอ แม่สาววันไนท์ที่ใช้ลิปสติกเขียนบนใบหน้าของเขาด้วยถ้อยคำที่หยาบคาย แถมยังเซ็นเช็คให้เขาถึงหนึ่งร้อยล้านบาทพร้อมยิ้มมุมปากบอกเขาว่าคือ ค่าตัว หลังจากวันนั้นเขาได้แต่ I told พระแม่ว่าขออย่าให้ได้พบ ได้เจอกับผู้หญิงคนนี้อีกเลยแต่ใครเลยจะรู้ว่าพระแม่ไม่แยแสต่อคำขอร้องของเขาด้วยซ้ำถึงได้ส่ง ตัวแม่ ตัวมัม มาล่อลวงหัวใจของ เขาให้สั่นไหวและตกหลุมรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น กอหญ้า การต์รวี พิสิฐกุลวัตรดิลก / เกียรติมงคลรัตน อายุ 21 ปี ลูกสาวฝาแฝดคนเล็กของแก้มใส พิสิฐกุลวัตรดิลก สาวน้อยแสนแสบและแสนซน ใครดีมาเธอดีตอบ ใครร้ายมาเธอฟาดกลับคืนหมดไม่สนลูกใครหน้าไหนทั้งนั้น ตัวแม่ ตัวมัมเรื่องความใจกล้า เสียตัวแล้วเสียไปเธอไม่เสียใจแถมเธอยังใจดีเซ็นเช็คค่าตัวให้เขาถึงหนึ่งร้อยล้านบาท พร้อมภาวนาต่อพระแม่ว่าเธอ I told ผู้ชายคนนี้พียงคนเดียวเท่านั้น และใช่พระแม่เห็นใจและเข้าใจเธอถึงได้ส่งเธอให้มาเจอกับเขา ผู้ชายปากร้ายแต่หน้าตาหล่อเหลาที่ทำให้เธอหลงเสน่ห์ของเขาจนอยากจะชวนขึ้นเตียงวันละหลายหน จากความคิดที่เพียงแค่อยากเล่นสนุกกลับกลายเป็นความสัมพันธ์ที่ยากจะตัดใจและเธอเองก็ไม่เคยคิดที่จะตัดใจ ถ้าเธอล่อลวงหัวใจของเขามาเป็นของเธอไม่ได้ก็อย่ามาเรียกเธอว่าตัวแม่ตัวมัมอีกเลย คำเตือน ⚠️ Trigger Warning นิยายเรื่องนี้มีเนื่อหาการร่วมเพศอย่างชัดเจนรบกวนผู้อ่านใช้วิจารณญาณในการเสพ
เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้ง ฟู่หนานเซียวก็ขจัดความหวาดระแวงและความเย่อหยิ่งให้หมดแล้ว และกอดเมิ่งชิงหนิงอย่างแน่น "กลับมาอยู่กับผมดีมั้ย?" เธอเคยเป็นเลขาของเขา และเป็นคู่นอนของเขาในตอนกลางคืนด้วย ใช้ชีวิตแบบนี้กินเวลาสามปี เมิ่งชิงหนิงทำตามที่เขาบอกโดยตลอด ราวกับสัตว์เลี้ยงที่ว่าง่าย จนกระทั่งฟู่หนานเซียวประกาศว่าเขากำลังจะแต่งงานกับคนอื่น เธอจึงตัดสินใจให้พ้นจากความรักที่ไร้ค่าของตนเองและเตรียมจะจากไป แต่ใครจะไปรู้ว่า มีเหตุไม่คาดคิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง ความพัวพันของเขา การตั้งครรภ์ของเธอ และความโลภของแม่เธอค่อยๆ ผลักเธอลงสู่นรก สุดท้ายก็โดนทรมานอย่างหนัก เมื่อเธอกลับมาในอีกห้าปีต่อมา เธอก็ไม่ใช่คนเดิมอีกต่อไป แต่เขาตกอยู่ในความบ้าคลั่งห้าปี
เจียนเยว่ใช้ชีวิตอย่างยากลำบากจนกระทั่งพบอาของเธอ แต่เธอก็ตกหลุมรักอาของเธออย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ น่าเสียดายที่อาคนนั้นกำลังจะแต่งงาน เลยจัดให้เธอไปต่างประเทศ เพื่อแก้แค้น เธอจึงเรียนวิชาบุรุษวิทยาและหลังจากกลับมาอีกครั้ง เธอก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านบุรุษวิทยาที่มีชื่อเสียงที่สุด เชี่ยวชาญการรักษาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ การหลั่งเร็ว ภาวะมีบุตรยาก... คราวนี้คุณอาดันเธอไว้ในห้องนอน "ถ้าอยากดูร่างกายของผู้ชายมาก ก็ช่วยตรวจให้ผมหน่อยสิ" เธอยิ้มอย่างชั่วร้าย และใช้มือปลดเข็มขัดของเขา "มิน่าเล่าขนาดอามีคู่หมั้นแล้ว แต่กลับไม่แต่งงานสักที ที่แท้มันใช้งานไม่ได้สินะ" "จะได้หรือไม่ได้ คุณก็ลองดูเองสิ" "ไม่เลย อาไปหาคนอื่นช่วยดูให้เถอะ"
นิยายเรื่องนี้มีพระนาง2คู่ "อย่าหวังจะเอาความบริสุทธิ์ผุดผ่องมาจับฉัน ผู้หญิงของฉันทุกคนก็สาวบริสุทธิ์ทั้งนั้นแล้วอย่าลืมคุมกำเนิด ถ้าไม่อยากทำแท้ง! เพราะฉันไม่มีทางมีทายาทกับผู้หญิงชั้นต่ำ" VS "อะไรที่ฉันอยากได้ ฉันต้องได้ แม้แต่ตัวนายถ้าฉันต้องการ นายก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ"
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"