เฮียปล้ำหนูทำไม! ฮืออออ เชี่ย! นี่ฉันพรากผู้เยาว์เหรอ... ไม่จริงน่า บอกมาเธออายุเท่าไหร่แล้วถึง18ปีหรือยัง...
"คอลเลคชั่นใหม่สั่งผลิตหรือยัง"
"เรียบร้อยครับนาย ไม่เกินสองอาทิตย์ครับช่างแจ้งมาว่างพร้อมสำหรับงานเปิดตัวแน่นอน"
ตฤณนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงานเปิดเอกสารตรวจงานไปด้วยเอ่ยถามลูกน้องเกี่ยวกับงานต่างๆ เดือนหน้าบริษัทของเขาจะมีงานเปิดตัวคอลเลกชั่นเครื่องประดับตัวใหม่ ครั้งนี้เขาตั้งใจให้มันออกมาดีที่สุดและคอลเลคชั่นนี้จะต้องเังไกลถึงเวทีระดับโลก
"ดีมาก ที่เกาะล่ะไข่มุกได้หรือยัง"
"กำลังส่งคนไปดูครับผมคิดว่าน่าจะได้ตามกำหนด"
"ดีมาก ฉันจะส่งไข่มุกให้ลูกค้าVIP ทางนั้นให้ราคาสูงมากอย่าให้พลาดล่ะ"
ผู้ช่วยของเขาโค้งตัวเล็กน้อยรับคำสั่ง เห็นเขาแบบนี้เรื่องงานจริงจังมากจนคนรอบข้างไม่อยากเข้าใกล้ ทุกอย่างต้องออกมาดีที่สุดและจะต้องไม่ผิดพลาดแม้แต่น้อย
"ครับนาย"
"ฉันจะกลับบ้านก่อนมีอะไรก็โทรมาแล้วกัน"
"ครับนาย"
ตฤณหยิบโทรศัพท์กับกุญแจรถเดินออกไปจากห้องทำงาน เขาว่าจะกลับบ้านเลยเพราะหลายวันมานี้โหมงานหนักไปหน่อยก็เลยคิดว่าควรจะได้พักผ่อนบ้าง
และเมื่อมาถึงที่บ้านเขาก็จอดรถก่อนจะเดินเข้าไปข้างในตัวบ้าน วันนี้ค่อนข้างเงียบสงบเหมือนไม่มีใครอยู่ที่บ้านเลยเขาเดินไปรอบบ้านก่อนจะชะงักไปเมื่อเจอดาหวันกำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่ใต้ต้นไม้
"อันนี้ต้องย้ายมาตรงนี้คูณกับตรงนี้"
เธอตั้งใจอ่านหนังสือมากเพราะตอนนี้เธอต้องเตรียมตัวตั้งแต่เนิ่นๆในการสอบเข้ามหาวิทยาลัย ตฤณเดินเข้าไปยืนอยู่ตรงหน้าหญิงสาวก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบ
"ขยันเชียวนะ"
"เฮีย!"
ดาหวันได้สติเบิกตากว้างก่อนจะรีบเก็บหนังสือเตรียมจะไปที่อื่น ชายหนุ่มดึงมือของเธอเอาไว้ก่อนจะเอ่ยเสียงเบา
"จะไปไหน"
"หนูจะไปอ่านหนังสือในห้องนอนค่ะ"
"ฉันหิวต้องการกินข้าวตอนนี้ บ้านหลังนี้แม่บ้านมีตั้งหลายคนไปไหนกันหมด"
เขามองจ้องหน้าหญิงสาวอย่างหาเรื่อง ดาหวันตัวสั่นอึกอักพยายามดึงมือของเขาออกแต่ไม่เป็นผลเลย
"ไปช่วยคุณหญิงในสวนค่ะเห็นว่าจะทำสวนดอกไม้ใหม่ ถ้าเฮียอยากกินข้าวเดี๋ยวดาหวันทำให้ค่ะ"
"ก็ไปสิรีบๆด้วยฉันหิว"
"ค่ะๆจะรีบไปตอนนี้เลยค่ะ"
หญิงสาวรีบวิ่งไปห้องครัวทำอาหารให้ชายหนุ่มทันที ตฤณมองตามหญิงสาวก่อนจะเดินตามเข้าไปในครัว ชายหนุ่มนั่งที่โต๊ะจ้องหน้าหญิงสาวอย่างกดดันจนเธอตัวเกร็งทำตัวไม่ถูก
"เฮียจ้องดาหวันแบบนี้คือว่า..."
"รีบๆสิฉันหิว"
"ค่ะๆ"
ดาหวันรีบทำอาหารให้ชายหนุ่ม เมนูง่ายๆที่ทำเร็วก็คือสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าแบบที่เขาชอบ วัตถุดิบง่ายตามแบบที่เขาชอบใช้เวลาไม่นานด้วย ตฤณเท้าคางมองหญิงสาวที่ตั้งใจทำอาหารให้ก็อมยิ้มออกมาเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเธอจะดูเกร็งๆกลัวๆเขาแต่ก็ทำให้ทุกอย่างที่เขาสั่งแถมยังเถียงเก่งอีกด้วยบางครั้งก็น่าตีชะมัดเลยแหละ
"เสร็จแล้วค่ะ"
ดาหวันรีบเดินมาวางสปาเก็ตตี้คาโบนาร่าให้เขาตรงหน้า ตฤณหยิบส้อมมาลองชิมก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย
"เฉยๆไม่เห็นอร่อยเลย"
"แต่กินไม่หยุดเลยนะคะ"
ดาหวันอมยิ้มอย่างดีใจที่เขาชอบกินอาหารฝีมือของเธอ ชายหนุ่มมองหญิงสาวด้วยสายตาดุเธอยิ้มแห้งออกมาก่อนจะเบือนหน้าไปทางอื่นไม่กล้าสบตาเขาอีก
"ได้ที่เรียนหรือยังคิดไว้ยัง"
"ยังเลยค่ะคือว่าอีกตั้งเป็นปีเลยค่ะยังมีเวลาอีกเยอะเลย ตอนนี้ก็อ่านหนังสือรอไปก่อนถึงเวลาค่อยเลือกคณะที่ชอบค่ะ"
"แม่ฉันมาปรึกษาเรื่องมหาวิทยาลัยของเธอ ฉันว่าเรียนที่เอกชนดีกว่าใกล้บ้านเนี่ยแหละเดินทางสะดวก ส่วนคณะเดี๋ยวฉันเลือกให้เอง"
"แต่หนูอยากเรียนครู...."
"ไปเรียนบริหารแล้วกัน"
ดาหวันเงียบลงทันทีไม่ต่อปากต่อคำกับชายหนุ่มอีก เธอถูกเขาบงการชีวิตและสั่งให้เดินซ้ายเดินขวามาโดยตลอด เธอไม่เคยได้ทำอะไรด้วยตัวเองเพราะมีเขามีคุณหญิงคอยสรรหามาให้ตลอด
"ฉันเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ทำไมถึงไม่เอา"
เขาจ้องหน้าหญิงสาวอย่างต้องการคำตอบ ดาหวันพยักหน้ายอมรับไม่พูดอะไรอีก ความใฝ่ฝันของเธอคือการได้เป็นคุณครูสอนหนังสือ เธอชอบเล่นกับเด็กและอยากจะอยู่กับเด็กมากกว่าเรียนพวกบริหารอะไรทำนองนี้ แต่ในเมื่อเขาเลือกให้เธอคงทำอะไรไม่ได้
"ค่ะ"
"ก็แค่นี้แหละ"
ตฤณก้มหน้ากินสปาเก็ตตี้ต่อจนหมดก่อนจะลุกขึ้นจะไปหยิบน้ำในตู้เย็น ดาหวันตาโตรีบวิ่งไปก่อนเพราะกลัวว่าเขาจะดุเธออีก
"เดี๋ยวหนูหยิบน้ำให้ค่ะ"
เธอเปิดตู้เย็นมองหาน้ำเย็นๆก่อนจะตัวแข็งทื่อเมื่อชายหนุ่มยืนซ้อนหลังของเธอก่อนจะเอื้อมมือมาหยิบน้ำด้วยตัวเอง
"ชักช้า"
ตฤณกระซิบกระซาบอยู่ข้างใบหูของเธอ ดาหวันเงยหน้ามองสบตากับเขากลืนน้ำลายลงคออย่ายากลำบากเพราะรู้สึกแปลกกับสายตาของเขาที่จ้องมองมา
"พรุ่งนี้วันเกิดเธอใช่มั้ย... "
ตฤณยิ้มมุมปากออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ไม่มีใครคาดเดาความคิดของเขาได้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ ดาหวันมองชายหนุ่มด้วยความสงสัยและรอยยิ้มนั้นมันดูร้ายกาจจนเธออดระแวงไม่ได้จริงๆ
"ค่ะ ทำไมเหรอคะเฮียมีของขวัญให้หนูเหรอ"
"มีสิพรุ่งนี้มาเอาที่ห้องฉันเดี๋ยวเตรียมไว้ให้"
เขาเอ่ยออกมาเพียงแค่นั้นก่อนจะยกน้ำเย็นขึ้นดื่มเดินออกไปจากห้องครัวทันที ดาหวันเอียงคอมองชายหนุ่มอย่างสงสัยว่าเขาจะเอาของขวัญอะไรให้เธอ
"เขาจะให้อะไรเรานะปกติไม่เห็นจะมีให้เลย"
หญิงสาวคิดไม่ตกคาดเดาไม่ได้ว่าเขาจะให้อะไรเธอ แต่ก็ช่างเถอะเธอไม่ควรคาดหวังว่าเขาจะให้อะไรเพราะคนแบบนั้นชอบยัดเยียดสิ่งที่ไม่ชอบให้อยู่แล้ว เข้าใจว่าหวังดีแต่เธอเป็นคนไม่ใช่หุ่นยนต์ที่จะทำตามคำสั่งของเจ้านาย เธอมีหัวใจมีความคิดเป็นของตัวเองอยากจะเลือกอะไรให้ตัวเองบ้างไม่ได้เลยเหรอ
"เฮ้อ! เกิดมาจนก็เลยเลือกอะไรไม่ได้สินะ"
หญิงสาวถอนหายใจออกมาอย่างท้อแท้ไม่รู้ว่าอนาคตของตัวเองจะไปจบลงที่ตรงไหน ทุกอย่างมีคนขีดเส้นให้แล้วเธอแค่เดินตามรอยไม่มีสิทธิ์ที่จะเขียนมันขึ้นมาเอง
ตฤณเดินขึ้นมาชั้นบนหยิบโทรศัพท์มากดโทรไปหาลูกน้องของเขา
(สวัสดีครับนายมีอะไรให้รับใช้ครับ)
"ขอสร้อยทองคำขาวเส้นหนึ่ง เอาจี้รูปหงส์นะใส่กล่องของขวัญมาให้ฉันพรุ่งนี้ที่ห้องทำงานนะ"
(ได้ครับนายเดี๋ยวผมจัดการให้)
"ขอบใจมากแค่นี้แหละ"
เขากดวางสายก่อนจะยิ้มออกมาเล็กน้อย ปกติไม่เคยให้ของขวัญกับดาหวันเลยปีนี้เขาจะให้สร้อยเธอเส้นหนึ่ง หวังว่าจะชอบและจะเชื่อฟังเขามากขึ้นนะ...
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เจียงซุ่ยแต่งงานกับยู่จินเฉินมาเป็นเวลาสามปี เธอยอมทำงานบ้านทุกอย่างเพื่อเขา ทั้งซักผ้า ทำอาหาร และถูพื้น แต่ไม่ว่าเธอจะพยายามแค่ไหน ก็ไม่สามารถทำให้หัวใจของเขาสลายลงได้ เธอเริ่มตระหนักและตัดสินใจหย่ากับผู้ชายที่เธอรักสุดหัวใจมาเป็นเวลาสามปี เพื่อให้เขาได้ไปอยู่กับผู้หญิงที่เขารักจริง หลังจากที่เธอหย่าแล้ว คนในแวดวงไฮโซล้วนรอดูเรื่องตลกของเธอและล้อเล่นกับเธอว่า"เจียงซุ่ย ทำไมถึงหย่ากับคุณยู่น่ะ" เจียงซุ่ยยิ้ม"เพราะฉันจะกลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลไง ผู้ชายอย่างเขาไม่คู่ควรกับฉันหรอก" อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเชื่อคำพูดของเธอ วันรุ่งขึ้น ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดในโลกปรากฏตัวในข่าวและกลายเป็นว่าเป็นภรรยาเก่าขอยู่จินเฉินด้วย ทุกคนล้วนตกตะลึงไปหมด เมื่อพวกเขาพบกันอีกครั้งหลังจากการหย่าร้าง ยู่จินเฉินมองไปที่ผู้หญิงที่ร่ำรวยที่สุดคนนั้นซึ่งกำลังถูกรายล้อมไปด้วยหนุ่มหล่อไฮโซมากมาย ใบหน้าของเขาก็มืดมนลงทันที "คุณเจียง คุณรวยขนาดนี้ ควรหาแฟนที่มีฐานะเสมอกันสิ อย่างผมนี่ ผมยอมให้ทุกอย่างที่ผมมีให้คุณนะ"
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
แต่งงานกันเป็นเวลาสามปี เสิ่มชูคิดว่าต่อให้ป๋อมู่เหนียนจะใจแข็งสักแค่ไหนก็ควรจะอ่อนลงได้ด้วยความรักที่เธอมีกับเขามาโดยตลอด แต่เมื่อเขาบังคับให้เธอคุกเข่าลงในหอบรรพบุรุษของตระกูล เสิ่มชูถึงตระหนักว่าแท้ที่จริง ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ คนที่ไม่มีหัวใจ เธอยังจะอาลัยอาวรณ์อยู่อีกทำไม? ดังนั้น เมื่อป๋อมู่เหนียนขอให้เธอเลือกระหว่างการคุกเข่าและการหย่าร้าง เสิ่มชูจึงเลือกการหย่าร้างไปโดยไม่ได้ลังเล เธอยังสาวยังสวยอยู่เช่นนี้ ทำไมจะต้องมาเสียเวลากับไอ้ผู้ชายคนนี้ด้วย!มิสู้กลับบ้านไปสืบทอดมรดกพันล้านของตระกูลจะดีกว่า
เสียงกระเส่าในยามค่ำคืน ไม่ได้มีแค่เสียงเดียวแต่มีถึงหลายคน สตรีนางน้อยที่อยู่บนเตียงหันมองสตรีที่จูบแม่ทัพปีศาจ นางพึ่งจะเป็นมือใหม่ที่ใหม่จนไม่กล้าทำสิ่งใด ได้แต่มองเขาเสพสมสตรีอื่นต่อหน้านาง เสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังไม่หยุด ยิ่งทำให้นางประสาทเสีย หากแต่ว่าหากนางยังนิ่งมองอยู่เช่นนี้ เกรงว่าพรุ่งนี้จะไม่มีที่นอน เมื่อเป็นเช่นนี้ก็จัดเลยสิจะรออะไร ใช่ว่านางจะทำไม่เป็นเสียหน่อย