ความรักกับความแค้น เหมือนมีเส้นบางๆ กั้นอยู่ เขาตั้งมั่นตั้งใจ ชำระแค้นหล่อนเต็มที่ พอถึงเวลานั้นจริง ตะวันฉายพ่ายแพ้ว่าจันทร์ ชนิดที่ว่า ย่อยยับ แล้วยังมีเด็กหญิงหน้าตาน่ารัก เจ้าของเสียงหวานใส ที่มาพร้อมกับความอ้อนแบบเกินล้าน ตะวันฉายแทบลืมความแค้น มีเพียงความรู้สึกเดียวที่ตระหนักในใจ รักหล่อนสุดหัวใจ... ... "ผู้หญิงแพศยา...เพล้ง" เจ้าของเสียงปาแก้วไวน์ในมือ กระทบกับฝาผนังห้องเต็มแรง ตามอารมณ์คุกรุ่นในหัวใจ กำปั้นทุบลงบนมินิบาร์หลายครั้ง ใบหน้าแดงก่ำจากพิษรักฝังอุรา สี่ปีแล้ว สี่ปีที่ตะวันฉายไม่เคยลืมว่าจันทร์ สตรีคนแรกที่เขารักหมดใจ รักแบบไม่เผื่อความเจ็บปวด เสียใจหรือผิดหวัง เพราะคิดว่า หล่อนไม่มีวันทรยศตน ผิดไปจากที่คิด... ว่าจันทร์มีชายอื่น หล่อนตีปีกจากไป ใช้ชีวิตคู่กับชายคนนั้น มิเพียงแค่นั้น ยังมีโซ่ทองคล้องใจ เป็นเด็กหญิงวัยสามปีกว่า ว่าจันทร์มีความสุข ในขณะที่ตะวันฉายทุกข์ทรมานใจ ผ่านมาหลายปี ความรู้สึกนี้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ใหม่สดยกไปจากจิตใจไม่ได้ และไม่มีวันบรรเทา หากไม่ได้ชำระแค้นหญิงชั่ว ชายเลวให้สาสมใจ ใครทำให้ตะวันฉายเจ็บ คนนั้นต้องเจ็บมากกว่าเขาร้อยเท่าพันทวี แก้แค้นสี่ปี ก็ยังมิสาย...
1
“ผู้หญิงแพศยา...เพล้ง”
เจ้าของเสียงปาแก้วไวน์ในมือ กระทบกับฝาผนังห้องเต็มแรง ตามอารมณ์คุกรุ่นในหัวใจ กำปั้นทุบลงบนมินิบาร์หลายครั้ง ใบหน้าแดงก่ำจากพิษรักฝังอุรา
สี่ปีแล้ว สี่ปีที่ตะวันฉายไม่เคยลืมว่าจันทร์ สตรีคนแรกที่เขารักหมดใจ รักแบบไม่เผื่อความเจ็บปวด เสียใจหรือผิดหวัง เพราะคิดว่า หล่อนไม่มีวันทรยศตน
ผิดคาด...
ว่าจันทร์มีชายอื่น หล่อนตีปีกจากไป ใช้ชีวิตคู่กับชายคนนั้น มิเพียงแค่นั้น ยังมีโซ่ทองคล้องใจ เป็นเด็กหญิงวัยสามปีกว่า ว่าจันทร์มีความสุข ในขณะที่ตะวันฉายทุกข์ทรมานใจ ผ่านมาหลายปี ความรู้สึกนี้เหมือนเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน ใหม่สดยกไปจากจิตใจไม่ได้ และไม่มีวันบรรเทา หากไม่ได้ชำระแค้นหญิงชั่ว ชายเลวให้สาสมใจ
ใครทำให้ตะวันฉายเจ็บ คนนั้นต้องเจ็บมากกว่าเขาร้อยเท่าพันทวี
แก้แค้นสี่ปี ก็ยังมิสาย...
หกเดือนต่อมา
คำว่า ทำงานตัวเป็นเกลียว คงใช้กับหญิงสาววัยยี่สิบเก้าปี ที่ทำงานตั้งแต่ตีห้า กว่าจะได้นอนเวลาก็ล่วงไปกว่าเที่ยงคืน ว่าจันทร์ทำงานหนักมาในช่วงหลายเดือนมานี้ ให้ได้เงินมากพอสำหรับค่าใช้จ่ายในบ้าน ที่สวนทางกลับรายได้ ยิ่งคนในบ้านป่วยถึงสองคน
คนแรกด้วยอายุที่มาถึงแปดสิบห้าปี เกิดอุบัติเหตุลื่นล้มหน้าบ้าน นอกจากศีรษะแตก ยังส่งผลต่อร่างกาย กลายเป็นผู้ป่วยติดเตียง ต้องมีคนดูแลใกล้ชิด รวมถึงข้าวของเครื่องใช้สำหรับผู้ป่วย อาทิเช่นผ้าอ้อมผู้ใหญ่ อุปกรณ์สำหรับทำความสะอาดแผลกดทับ ที่ต่อเดือนใช้เงินหลายพันบาท
อีกคนชื่อตฤณ ชายวัยสามสิบสามปี ร่างกายตฤณสมบูรณ์แข็งแรง แต่มีเหตุทำให้ขาข้างซ้ายผิดรูป รักษาหลายขั้นตอน ไม่ว่าจะเป็นการผ่าตัดสองครั้ง และตอนนี้ตฤณเข้าเฝือกอยู่ จะนำเฝือกออกเดือนหน้า ตฤณทำอาชีพล้างแอร์ เมื่อประสบอุบัติเหตุ เขาจึงทำงานนี้ไม่ได้ ตอนนี้จึงช่วยภรรยาดูแลบ้าน และลูกสาว รวมถึงยายบุญ ที่ป่วย
คนที่เป็นเสาหลักในบ้าน คงหนีไม่พ้น ว่าจันทร์ ที่ไม่เคยปริปากบ่นเรื่องความเหนื่อย ขอแค่งานที่ทำได้เงินมาจุนเจือครอบครัว ต่อให้เหนื่อยมากแค่ไหน หล่อนพร้อมสู้ และแม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยเรื่องงานมากแค่ไหน หน้าที่แม่ ว่าจันทร์ทำได้ดีเช่นกัน
ว่าจันทร์แม้ว่านอนดึก แต่หล่อนตื่นเช้า ตื่นมาอย่างแรกที่ทำคือ ทำอาหารใส่บาตรให้คนละแวกบ้าน ที่จ้างวานให้ทำทุกวัน ซึ่งมีอยู่ด้วยกันสิบสองหลัง หล่อนต้องจัดเตรียมให้เสร็จทุกอย่างก่อนหกโมงสิบห้า เพื่อให้ทันพระสงฆ์มาบิณฑบาตในเวลาหกโมงครึ่ง พร้อมกันนี้ หล่อนทำอาหารเช้าให้ทุกคนในบ้านด้วย ไม่ลืมทำให้ลูกสาวสุดแสนน่ารัก นามว่าจันทร์ฉาย หรือลูกจันทร์
สำรับอาหารของลูกสาวถูกตั้งไว้บนโต๊ะอาหารแบบสี่ที่นั่ง รวมถึงอาหารของสามีที่แม้ว่า ร่างกายยังไม่สมบูรณ์ ทำงานไม่ได้ แต่หล่อนก็ไม่ทอดทิ้ง ดูแลเป็นอย่างดี เหมือนกับช่วงที่ตฤณร่างกายแข็งแรง เขาดูแลคนในบ้านอย่างไม่มีบกพร่อง ส่วนอาหารของยายบุญ ว่าจันทร์จัดเตรียมไว้ต่างหาก เพราะอาหารที่ยายบุญกินได้ มักเป็นอาหารอ่อนๆ เช่นโจ๊ก ข้าวต้มหมูสับ หรือแกงจืด
ว่าจันทร์ทำหน้าที่อาบน้ำให้บุตรสาว ก่อนที่หน้าที่แต่งตัวเป็นของตฤณ เพื่อให้ภรรยาไปอาบน้ำแต่งตัว ไปทำงาน จากนั้นพ่อแม่ลูกจมานั่งกินข้าวพร้อมกัน
“วันนี้ก่อนไปรับลูกจันทร์ พี่จะไปเอาผ้าอ้อมผู้ใหญ่ที่มูลนิธินะ ลงชื่อขอไว้ เขาโทรไปบอกเมื่อวานว่าได้แล้ว จะได้ประหยัดเงิน” ตฤณบอกว่าจันทร์ “เสาร์อาทิตย์มีงานที่อู่เฮียมด พี่จะพาลูกจันทร์ไปด้วยนะ ส่วนยาย พันจะมาดูให้”
ตฤณไม่ใช่ว่าอยู่นิ่งเฉย ให้ภรรยาเลี้ยงดูอย่างเดียว แม้ว่าขาซ้ายเข้าเฝือก เดินเหินไม่ได้สะดวก ต้องใช้ไม้พยุงร่างคอยช่วย แต่มือเขายังใช้งานได้ ทุกวันหยุด เขาจะไปทำงานที่อู่ดังกล่าว ได้เงินมาวันละ 400 บาท แม้เงินไม่มาก แต่ก็นำมาใช้จ่ายในบ้าน ช่วยว่าจันทร์อีกแรง
“พี่ตฤณทำไหวแน่นะคะ ถ้าไม่ไหวอย่าฝืน ฝ้ายกลัวว่า ขาพี่จะผิดรูป ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ต้องผ่าตัดใหม่อีก จะยิ่งทำให้การรักษาล่าช้า รอถอดเฝือกก่อนดีกว่าค่ะ ค่อยทำงาน ฝ้ายยังไหวค่ะ”
“พี่คิดว่า คงไม่เป็นอะไร เข้าเฝือกมาหลายเดือนแล้ว มันคงอยู่ตัวแล้วแหละ อีกอย่างพี่ไม่อยากอยู่เฉยๆ ด้วย มือพี่ยังดีแล้วพี่ก็อยากช่วยฝ้ายด้วย” ตฤณตอบกลับ “ให้พี่ทำเถอะนะ พี่อยากช่วยฝ้าย”
“ค่ะ ตามใจพี่ตฤณค่ะ แต่ถ้าไม่ไหว อย่าฝืนนะคะ”
“จ้ะ พี่รู้แล้ว กินข้าวกันเถอะ เดี๋ยวฝ้ายไปทำงานสาย” ว่าจันทร์ยิ้มให้สามี ก่อนลงมือทานข้าว ตฤณมองสองแม่ลูกแล้วยิ้ม ภายใต้รอยยิ้ม กลับมีความสงสาร เห็นใจว่าจันทร์อยู่มาก ชีวิตหล่อนดีกว่านี้แน่ หากตนไม่เป็นเช่นนี้
“ลูกจันทร์คะ วันนี้เงินเดือนคุณแม่ออก คุณแม่จะพาไปกินไอติมนะคะ” ว่าจันทร์บอกลูกสาว หน้าตาน่ารักมาก ใบหน้าละหม้ายคล้ายคนเป็นพ่อไม่มีผิด
“ค่ะคุณแม่ กินไก่เคเอฟซีด้วยได้ไหมคะ ลูกจันทร์อยากกินค่ะ” ลูกสาวแสนน่ารัก และเปรียบเสมือนแรงกำลังใจของคนเป็นแม่ตอบ ยิ้มให้ว่าจันทร์ ที่หอมแก้มบุตรสาวทั้งสองข้างด้วยรักสุดใจ
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวย สรีระหน้าฟัดของ พลอยพัตรา ทำให้ เฟอเดอริค มอโร อยากจะคว้าตัวเธอมาเป็นดอกไม้บนเตียงของเขาทันที คนเจ้าเล่ห์และเจ้าบุญทุ่มอย่างเขาจึงทำทุกอย่างที่จะได้ดอกไม้ดอกนี้มาเชยชม
"ฮือๆ .. ทำไมทำอย่างนี้กับรุ้ง ทำไมต้องเป็นเดียร์ ทำไม?" ความรู้สึกเสียงใจของหทัยชนกจะน้อยกว่านี้ หากคนที่เป็นภรรยาน้อยของสามีไม่ใช่เกวลิน...เพื่อนรักของเธอ
"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน
ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน
“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ
จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
จางหยู่เสวียน เดิมทีเป็นสตรีปากร้ายและถูกผีพนันเข้าสิงจนไม่ใส่ใจลูกและสามีที่เกิดอุบัติเหตุจนพิการไป สตรีนางนั้นก็เริ่มทอดทิ้งสามีแล้วเลือกที่จะทอดสะพานให้บัณฑิตหนุ่มหน้าตาดีคนหนึ่ง จนทำให้ภรรยาของเขาเกิดความหึงหวงผลักนางตกน้ำจนพบจุดจบที่น่าอดสู ทว่าเมื่อจางหยู่เสวียน นักฆ่าสาว เจ้าของรหัสหมายเลข 13 ในองค์กรนักฆ่าระดับโลกมีเหตุให้ถูกฆ่าตาย เนื่องจากไม่ยอมสังหารคนดี เธอจึงได้รับโอกาสใหม่จากสวรรค์เพื่อตอบแทนความดีครั้งนี้ในการมาเกิดใหม่ในร่างคนอื่นในยุคจีนโบราณ ทว่าเจ้าของร่างเดิมนั้นทำตัวเหลวแหลก ไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของครอบครัว จนถึงขนาดคิดขายลูกกิน นักฆ่าสาวที่ข้ามเวลามาจากอนาคตจึงต้องทำทุกทางเพื่อแก้ไขเรื่องราวที่ยุ่งเหยิงนี้ ก่อนที่จะมีจุดจบเลวร้ายไม่ต่างไปจากเจ้าของร่างเดิม ชีวิตใหม่ครั้งนี้ นางจะใช้มันอย่างดีเพื่อดูแลครอบครัวนี้ให้มีความสุข และลบแผลใจแย่ๆ ให้หมดไปจากทุกคนในครอบครัว "ท่านแม่จะทิ้งเราเหรอ!" ไม่รู้เด็ก ๆ ที่วิ่งเล่นกันอยู่ด้านนอกเข้ามาได้ยินที่ประโยคไหน เข้าใจว่าผู้เป็นแม่จะออกไปและไม่กลับมาอีก สองพี่น้องกอดหมับที่ขามารดาคนละข้าง ทิ้งน้ำหนักลงพื้นเต็มที่ หากจะไปพวกเขาจะเกาะหนึบนางไปเช่นนี้ "ท่านแม่อย่าทิ้งข้าเลยนะเจ้า" ซ่งอวี้หลานร้องไห้โฮ น้ำตาทะลักออกจนชายชุดนางชุ่มในเวลาไม่กี่พริบตา ทางด้านซ่งหยวนหมิงก็รู้สึกว่าจะแพ้ไม่ได้ เลยกลั้นใจบีบน้ำตาจนหน้าแดง เห็นลูกทุ่มเทช่วยเขาขนาดนี้ ซ่งอี้หนานก็คุกเข่าลง ประคองมือนางไว้ไม่ปล่อย ใบหน้าคมคายจากมุมมองที่สูงกว่า ทำให้เขาดูคล้ายสุนัขตัวโต "ข้า เอ่อ" จางหยู่เสวียนพูดไม่ออก
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
เพลิงกัลป์ / Ryuu ริว ซาโต้อิชิบะ หัวหน้าแก๊งมาเฟียใหญ่ในคราบคุณหมอ หล่อ เลว เถื่อน ร้ายกับทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งกับ เธอ "กฎของการเป็นของเล่นคือห้ามรักเขา" ลูกพีช รินรดา สวย เซ็กซี่ สดใส ร่าเริง ปากร้าย กล้าได้กล้าเสีย สายอ่อยตัวแม่ "ของเล่นที่มีหัวใจของผู้ชายที่ไร้หัวใจ"
เมื่อเธออายุยี่สิบ ชิงฉือได้รู้ว่าตนเองไม่ใช่ลูกโดยกำเนิดของตระกูลต้วน เธอถูกลูกสาวที่แท้จริงของตระกูลต้วนล้อมกรอบ จนถูกพ่อแม่บุญธรรมไล่ออกจากบ้านและกลายเป็นตัวตลกในเมือง เมื่อเธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนา จากนั้นก็พบว่าบิดาผู้ให้กำเนิดของเธอเป็นคนที่รวยที่สุดในเมืองเจียงเฉิงส่วนพี่ชายของตนเองเป็นอัจฉริยะในแวดวงต่างๆ ทุกคนมองดูเด็กสาวตัวเล็กคนนี้ด้วยความเห็นใจและถือว่าเธอเป็นสมบัติล้ำค่า แต่ค่อยๆ พบว่า... ที่แท้ว่าน้องสาวเป็นคนมากความสามารถ? อดีตแฟนหนุ่มผู้น่ารังเกียจหัวเราะเยาะ "อย่ามาตามเซ้าซี้ไม่เลิก ฉันมีแต่เมียนเมียนอยู่ในใจ!" คนใหญ่แห่งเมืองหลวงปรากฏตัว "เมียฉันจะเห็นหัวนายเหรอ?"