เธอจะมีแฟนใหม่ได้ยังไงในเมื่อเราไม่เคยเลิกกัน
@คณะวิศวกรรมศาสตร์
ตึก!!!เสียงสองเท้าเล็กๆ ของอริญญากำลังเดินเข้าไปใต้ตึกคณะวิศวกรรมศาสตร์ ใบหน้าสวยเรียบนิ่งไม่มีแม้แต่ร้อยยิ้มเผยออกมา กระนั้นถึงอริญญาจะไม่มีรอยยิ้มหวานๆประดับอยู่บนหน้า แต่ก็ยังเป็นจุดสนใจของคนที่พบเห็นได้ไม่อยาก
ด้วยหุ่นที่สมส่วนผิวขาวอมชมพูใบหน้าที่หวานหยดย้อยบวกกับดวงตาที่กลมโตผมยาวสลวยไปถึงกลางหลัง นั่นทำให้อริญญานั้นดูโดดเด่นไปกว่าใคร
"ไปนั่งอยู่ไหนกันนะ?" อริญญาบ่นพึมพำในใจเธอมองไปที่โต๊ะประจำก็ไม่เห็นเพื่อนทั้ง3คนของเธอ แต่กลับเป็นรุ่นพี่ปี2สองมานั่งแทน
"อริน...อริญญา ทางนี้ พวกเราอยู่ทางนี้" อริญญาหันมองไปตามเสียงก็พบว่าปลาดาวเพื่อนผู้หญิงเพียงคนเดียวในกลุ่มกำลังโบกไม้โบกมือทักทายเธอโดยมีปลื้มและมาร์ค เพื่อนผู้ชายอีกสองคนของเธอก็กำลังมองมาที่เธอพร้อมกับยิ้มบางๆ อยู่ด้วยเช่นกัน
อริญญาที่อยู่ในชุดนักศึกษากระโปรงพลีทคลุมไปถึงหัวเข่า มือเรียวกระชับกระเป๋าเป้ที่สะพายอยู่ด้านหลังเดินตรงไปหากลุ่มเพื่อนของเธอทันที
"วันนี้ใส่กระโปรงพลีทน่ารักเชียว ใส่แบบนี้บ่อยๆสิเราว่าแบบนี้เหมาะกับอรินนะ" เสียงสดใสของปลาดาวเอ่ยขึ้นก่อนจะดึงมืออริญญาให้มานั่งเก้าอี้ข้างๆกับตัวเอง
".........." เจ้าของใบหน้าหวานอย่างอริญญาพยักหน้า ก่อนจะฉีกยิ้มบางๆให้กับปลาดาวตามสไตล์คนพูดน้อยอย่างเธอ ไม่สิ...อริญญาไม่ได้เป็นคนพูดน้อยแต่เพราะเหตุการณ์เลวร้ายที่เกิดขึ้นในชีวิตของเธอ ทำให้อริญญากลับกลายมาเป็นคนพูดน้อยไม่สดใสเหมือนก่อน
"เมื่อเช้าทำไมไม่ให้มาร์คไปรับล่ะครับ อรินจะได้ไม่ต้องเดินมาให้เหนื่อยแบบนี้" มาร์คที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามสังเกตเห็นเหงื่อเม็ดเล็กๆ ผุดออกมาจากกรอบหน้าหวานของอรินถึงกับพูดขึ้น เมื่อเช้าเขาโทรไปหาอริญญาอาสาที่จะไปรับเธอแต่ทว่าเธอกลับปฏิเสธเขา
"เราเกรงใจ...อีกอย่างบ้านเรากับบ้านของมาร์คก็อยู่คนละทาง" อริญญาพูดเสียงเรียบใบหน้าหวานฉีกยิ้มบางให้กับมาร์ค
"อรินจะไปเกรงใจมันทำไม ไอ้มาร์คมันเต็มใจที่จะรับส่งอรินจะตายไป จริงไหมไอ้มาร์ค?" ปลื้มพูดขึ้นพร้อมกับยกแขนมาพาดบ่าของมาร์ค พยายามช่วยเพื่อนสนิทของตัวเองจีบอริญญาอย่างออกหน้าออกตา ทำให้ปลาดาวที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถึงกับเบะปากมองบน
"จริงๆนะอริน เราเต็มใจรับส่งอรินนะ" มาร์คยังพยายามเสนอตัวทั้งที่รู้ว่าอริญญาจะตอบปฏิเสธ แต่เขาก็พยายามเสนอตัวไปรับไปส่งอริญญา
"ขอบใจนะมาร์คแต่ไม่เป็นไรเราชอบนั่งรถเมล์มามากกว่า" อริญญามักจะพูดประโยคปฏิเสธแบบถนอมน้ำใจของมาร์คเพราะยังไงก็เพื่อนกัน และมาร์คก็ไม่ได้เป็นคนเลวร้ายอะไร
อริญญารู้ว่ามาร์คชอบและกำลังจีบเธอแต่อริญญาก็ไม่ได้คิดกับมาร์คมากเกินไปกว่าคำว่าเพื่อน และเลือกที่จะไม่ให้ความหวังอะไรกับมาร์คเธอปฏิเสธความช่วยเหลือของมาร์คอยู่บ่อยครั้ง
"ประโยคปฏิเสธทางอ้อม คริ...คริ ไอ้มาร์คงานนี้แกกินแห้ว" ปลาดาวหัวเราะคึกคัก ส่วนอริญญาก็มองทั้งสามคนด้วยใบหน้าเรียบนิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไรออกมา
"ยัยปลาดาวไอ้มาร์คมันเพื่อนแกตั้งแต่มัธยมเลยนะเว้ย ทำไมไม่เชียร์เพื่อนบ้างวะ?" ปลื้มหันไปเหวใส่ปลาดาวที่เอาแต่หัวเราะคิกคักไม่สนสีหน้าไม่สู้ดีของมาร์คสักเท่าไหร่ ซึ่งพวกเขาทั้ง3คนเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่มัธยม ส่วนอริญญามาเจอและเป็นเพื่อนกันที่มหาวิทยาลัย
"ไม่...แกก็รู้ไอ้ปลื้ม เรื่องความรักมันบังคับกันได้ที่ไหน จริงไหมอริน?" ปลาดาวหันไปถามอริญญาซึ่งอริญญาไม่ได้พูดอะไรทำเพียงพยักหน้างึกงัก นั่นทำให้มาร์คมีสีหน้าเศร้าเข้าไปใหญ่
"ถ้าพูดแบบนี้ไม่ต้องพูดดีกว่า ไปดูไอ้หนังสือซังกะบ้วยของเธอเถอะ ยิ่งพูดยิ่งแย่ไม่ให้กำลังใจเพื่อน" ปลื้มเหวใส่ปลาดาวอีกครั้งท่ามกลางสายตาของมาร์คและอริญญา
"ชิ...ไม่พูดก็ได้ ขอโทษแล้วกัน" หลังจากนั้นบรรยากาศที่โต๊ะก็เงียบ ทุกคนต่างเอากิจกรรมที่ตัวเองชอบขึ้นมาทำ รอเวลาเข้าคลาสอีกครึ่งชั่วโมงข้างหน้า แต่ทว่า...
กรี๊ด!!!! เสียงเล็กแหลมถูกเปล่งออกมาจากปากของปลาดาว ขณะที่เธอกำลังก้มหน้าก้มตาระดมจูบไปที่ปกนิตยสาร ที่เธอเพิ่งซื้อมาก่อนที่จะมามหาลัย
"แด๊ดดี้...แด๊ดดี้ของฉัน งื้อรูปนั้น รูปนี้หล่อชะมัด" เสียงกรี๊ดและท่าทางของปลาดาวเรียกความสนใจจากเพื่อนทั้งสามคนได้เป็นอย่างดี
"เป็นอะไรปลาดาว มีอะไรเหรอ?" อริญญาที่สะดุ้งในตอนแรกก็หันไปถามปลาดาวด้วยใบหน้าที่ตื่นๆ รู้จักกันมาสักพักแต่อรินยังไม่ชินกับอาการแบบนี้ของปลาดาวสักเท่าไหร่ ส่วนปลื้มกับมาร์คก็ตกใจแต่ก็ปรับตัวได้เพราะปลาดาวเป็นแบบนี้บ่อยครั้ง
"นั่นสิตกใจหมดเลย มดเข้าไปกัดจิมิเธอหรือไง กรี๊ดออกมาได้ไม่อายคนอื่นบ้างหรือไงวะ?"
"ไอ้ปลื้ม...ไอ้ปากเสีย ใช่แบบนั้นที่ไหนเล่า ฉันกรี๊ดเรื่องอื่นต่างหาก" ปลาดาวมองปลื้มด้วยสีหน้าไม่พอใจทำท่าจะเอานิตยสารไปฟาดปลื้ม แต่สุดท้ายก็วางลงเลือกที่จะถลึงตาใส่ปลื้มแทน
"แล้วกรี๊ดอะไร? กรี๊ด...จนอริญญาสะดุ้งเฮือกเลยนะปลาดาว" มาร์คพูดด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ เขาเห็นอริญญาสะดุ้งตอนที่ปลาดาวส่งเสียงกรี๊ด
"ขอโทษนะอริน ปลาดาวลืมไปว่าอรินยังไม่ชิน" ปลาดาวหันไปขอโทษอริญญาด้วยใบหน้ารู้สึกผิด
"ไม่เป็นไร แล้วปลาดาวเป็นอะไรเหรอ? เมื่อกี้เราได้ยินว่าปลาดาวพูดว่าแด๊ดดี้ พ่อดาวเป็นอะไร" อริญญาถามออกไปด้วยความเป็นห่วง เนื่องจากเธอได้ยินคำว่าแด๊ดดี้ออกจากปากของปลาดาว ทำให้คิดว่าพ่อของปลาดาวอาจจะเป็นอะไร
"ไม่ใช่แบบนั้นอริญญา แด๊ดดี๊ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อ แต่แปลว่าผัว..." ปลาดาวยื่นหน้าเข้าไปพูดกระซิบที่ข้างหูของอริญญาเพื่อให้ได้ยินกันแค่สองคน ทำให้ปลื้มกับมาร์คมองมาอย่างสงสัย
"หืม..." อริญญาเอียงคอเลิกคิ้วมองปลาดาวอย่างเชิงสงสัย และนั่นทำให้ปลาดาวถึงกับหัวเราะคึกคักออกมา ปลาดาวคิดอยู่แล้วว่าอริญญาจะต้องไม่รู้และไม่เข้าใจคำว่าแด๊ดดี้ของเธอ
"นี่ไง" ปลาดาวยิ้มกว้างหยิบนิตยสารที่อยู่ตรงหน้ากลางส่งให้อริญญาได้ดู และทันทีที่อริญญาได้เห็นถึงกับชะงักเม้มปากเข้าหากันแน่นหัวใจดวงน้อยเริ่มปวดหนึบๆ เมื่อภาพในนิตยสารนั้นคือคนๆ นั้น แฟนเพียงหนึ่งอาทิตย์ของอริญญา
"นี่ไงแด๊ดดี้ในฝันของเรา หมอคลาสทั้งหล่อทั้งรวย คาสโนว่าสุดๆ เป็นไงแด๊ดดี้ในฝันของเราล่ะ...." ปลาดาวยังอธิบายถึงบุคคลตรงหน้า คนที่เธอชื่นชอบ โดยไม่ได้หันมามองสีหน้าเหมือนคนจะร้องไห้ของอริญญาแม้แต่น้อย มีเพียงแค่มาร์คเท่านั้นที่สังเกตอาการของอริญญา ส่วนปลื้มก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาเล่นเกมในโทรศัพท์
"ขอโทษนะปลาดาว เราขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน" อริญญาบังคับเสียงตัวเองไม่ให้สั่นเครือยันตัวลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินออกไปโดยไม่หันกลับมามองเสียงเรียกของปลาดาว
แกร็ก!!! เสียงปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นพร้อมกับร่างบางที่เอาแต่ร้องไห้ ทรุดตัวลงไปนั่งกับฝาชักโครกราวกับคนหมดเรี่ยวแรง หัวใจดวงน้อยปวดหนึบๆ จนต้องเอากำปั้นน้อยๆ ทุบไปที่อกข้างซ้าย
"ฮึก...คุณมันคนใจร้าย ใจร้ายที่สุด ฮึก...อรินเกลียดคุณ เกลียดที่สุด" อริญญายกมือขึ้นมาปิดหน้าร้องไห้ออกมาอย่างหนัก เธอพยายามเข้มแข็งแล้ว แต่เมื่อมาเห็นรูปคนที่เธอทั้งรักและเกลียดแบบไม่ทันตั้งตัว มันก็ทำให้คนที่พยายามเข้มแข็งมาหลายปีอย่างอริญญา หมดความเข้มแข็งจนต้องแอบมาร้องไห้ในห้องน้ำแบบนี้
ภาพที่ปลาดาวให้อริญญาดูนั้น มันเป็นภาพของคนใจร้าย เขาชื่อคลาสหรือหมอคลาส แฟนเพียงหนึ่งอาทิตย์ของเธอ
ย้อนไปในวัย 17 ปีของอริญญา บ้านของอริญญาค่อนข้างมีฐานะพ่อกับแม่ของเธอรักและดูแลเอาใจใส่อริญญาเป็นอย่างดี อริญญาเป็นเด็กสดใสร่าเริงพูดเก่ง อยู่มาวันหนึ่งแม่ของอริญญาประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต หลังจากนั้นพ่อของเธอก็ดูจะไม่สนใจอริญญาสักเท่าไหร่ อริญญาเริ่มเปลี่ยนไปเป็นคนละคน จากที่เป็นเด็กช่างพูดสดใสร่าเริงก็กลับกลายเป็นเด็กเก็บกดพูดน้อยกระทั่งวันหนึ่งเธอได้เจอกับคลาสชายหนุ่มที่อายุเยอะกว่าเธอรอบกว่า คนที่เข้ามาทำให้ชีวิตของอริญญากลับมาดูสดใสขึ้นอีกครั้ง ทั้งคู่ใช้เวลาคบหาดูใจกันเป็นเวลา3เดือน ต่อมาคลาสก็ขออริญญาเป็นแฟน ซึ่งอริญญาก็ไม่รอช้าที่จะตอบตกลง หลังจากที่อริญญาตอบตกลงเป็นแฟนกับคลาสได้หนึ่งอาทิตย์ พ่อของอริญญาก็พาภรรยาใหม่เข้ามาที่บ้านพร้อมกับลูกติดที่อายุโตกว่าเธอ2ปี ตอนนั้นอริญญาเสียใจและทะเลาะกับพ่อของเธอหนักมาก อริญญาเลยตัดสินใจหนีออกจากบ้านท่ามกลางฝนที่โปรยปรายลงมา ที่พึ่งเดียวของอริญญาก็คือคลาสแฟนหนุ่มของเธอ อริญญาตัดสินใจออกจากบ้านโดยไม่ได้เอาข้าวของอะไรติดตัวมามาก มีเพียงโทรศัพท์หนึ่งเครื่องกับคีย์การ์ดห้องของคลาสและกระเป๋าสตางค์ของตัวเองเพียงแค่นั้น ทว่าเมื่ออริญญาเปิดประตูเข้ามาในห้องของคลาสก็ต้องพบกับความเสียใจ เมื่อเห็นคลาสกำลังเคลื่อนไหวร่างกายอยู่บนตัวของผู้หญิงคนหนึ่ง
อริญญาใจสลายเธอร้องไห้ฟูมฟายอยู่สักพัก จากนั้นเธอก็เดินออกมาจากห้องของคลาสแบบเงียบๆ ไม่คิดแม้แต่จะส่งเสียงบอกคนในห้องให้รับรู้
ร่างบางของอริญญาเดินไปตามถนนเหมือนคนไร้สติ ทว่าโชคดีระหว่างที่เธอกำลังเดินอยู่นั้นก็มีเสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของเธอที่ฉุดรั้งสติ อริญญาตัดสินใจรับโทรศัพท์ของพี่สาวของแม่ ก็คือป้าแท้ๆของเธอ ก่อนที่จะเดินทางกลับต่างจังหวัดใช้ชีวิตอยู่ที่นั่นตัดขาดการติดต่อกับพ่อและคลาสแฟนหนุ่มของเธอ
ติณภพตั้งใจจะรับเลี้ยงเด็กสาวคนหนึ่งเอาไว้ตามเจตนารมณ์ของตัวเองนั่นก็คือตอบแทนผู้มีพระคุณ เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะเลี้ยงเอาไว้ที่กินเอง แต่ทว่านานวันเข้าความคิดของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป
ลินินจำใจต้องกลืนน้ำลายตัวเอง ยอมเป็นคู่นอนของคนที่ใจร้ายใจใจดำอย่างสิงหราช เพื่อตอบแทนผู้มีพระคุณที่ชุบเลี้ยงเธอมา
กี่ครั้งแล้วที่เฮียทำร้ายหนู กี่ครั้งแล้วที่หนูยกโทษให้กับเฮีย ฮึก...ฮือ ครั้งนี้มันไม่ได้จริงๆเฮียทำร้ายหนูหนักเกินไปแล้ว
เพราะความใจดีทำให้เธอตกอยู่ในอันตราย หลังจากที่ยื่นมือเข้าไปช่วยนายน้อยแห่งตระกูลยากูซ่า
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"
เรื่องราวของใบหม่อนที่ทะลุมิติไปยังโลกสุดแปลกและสุดแสนจะแฟนตาซี ที่สำคัญดันไปเกิดใหม่ในตอนที่กำลังจะคลอดลูก ในชีวิตที่แล้วแม้แต่แฟนยังไม่มีแต่ทำไมพอได้เกิดใหม่ทั้งที ถึงให้เกิดมาในตอนที่กำลังจะคลอดลูกพอดี แล้วสาวโสดอย่างเธอจะทำยังไงดี คลอดลูกออกมาเป๋นแฝดสามว่าลำบากแล้ว แต่ครอบครัวนี้กลับยากจนข้นแค้น นี่ไม่ใช่ว่าพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอเหรอ เธอไปทำอะไรให้พระเจ้าโกรธเคืองกัน
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"