ติณภพตั้งใจจะรับเลี้ยงเด็กสาวคนหนึ่งเอาไว้ตามเจตนารมณ์ของตัวเองนั่นก็คือตอบแทนผู้มีพระคุณ เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะเลี้ยงเอาไว้ที่กินเอง แต่ทว่านานวันเข้าความคิดของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป
ติณภพตั้งใจจะรับเลี้ยงเด็กสาวคนหนึ่งเอาไว้ตามเจตนารมณ์ของตัวเองนั่นก็คือตอบแทนผู้มีพระคุณ เขาไม่เคยแม้แต่จะคิดที่จะเลี้ยงเอาไว้ที่กินเอง แต่ทว่านานวันเข้าความคิดของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไป
ท่ามกลางความมืดสนิทของตัวห้องนอน แสงหน้าจอจากไอแพดคู่ใจก็พลันสว่างไสวไปทั่วบริเวณ แสนดี กำลังใจจดใจจ่ออยู่กับการลุ้นผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัยชื่อดังในฝันของตน เธอตัดสินใจแอบมาเปิดดูคนเดียวเพราะอยากเป็นคนแรกและคนเดียวที่รู้ผลในเวลานี้ สายตาคู่สวยพลันกวาดมองรายชื่อตั้งแต่คนแรกลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่ง...
“ติดแล้วโว้ยยย....” เสียงกรีดร้องดีใจถูกส่งออกมา เมื่อชื่อสกุลของเธอปรากฏอยู่ในใบรายชื่อที่บ่งบอกถึงการเป็นนิสิตใหม่ของมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทย
บ่อยครั้งที่แสนดีถูกเหยียดหยามว่าใช้เส้นสายจนเคยตัวและกลายเป็นเด็กที่ไม่มีความสามารถมากพอ หากแต่ความเป็นจริงมหาวิทยาลัยดังกล่าว ต่อให้มีเงินมากมายหากแต่ไม่มีศักยภาพก็ใช่ว่าจะได้มาอย่างที่ใจต้องการเสียเมื่อไหร่กัน...
“อาติณจะนอนหรือยังนะ?” ร่างบางเพียงแค่ตั้งคำถาม และพยายามที่จะเก็บซ่อนความดีใจเอาไว้เพื่อบอกผู้เป็นอาในตอนเช้า แต่ด้วยความร้อนใจแสนดีกลับรอให้เวลาผ่านไปนานถึงขนาดนั้นไม่ได้
เธอตัดสินใจตรงดิ่งไปยังห้องทำงานใหญ่ของผู้เป็นอา ใช้เวลาไม่นานก็ถึงที่หมายด้วยท่าทางกระโดดโลดเต้น ดีใจจนออกหน้าออกตา
ก๊อก ก๊อก ก๊อก...
“อาติณ...อยู่ไหมคะ? หนูเอง...” เธอส่งเสียงขออนุญาตผู้ใหญ่กว่าตามมารยาท ซึ่งแสนดีเองก็ถูกติณภพกำชับไว้อยู่บ่อยๆ สำหรับเรื่องรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ ที่ไม่ควรมองข้ามไปเด็ดขาด
“อยู่ค่ะ เข้ามาได้” ครั้นเสียงตอบรับของชายหนุ่มที่อยู่ในห้องสวนออกมา แสนดีเองก็ไม่รอช้า รีบเปิดประตูแล้วเดินเข้าไปหาเขาทันที
“อาติณ หนูมีข่าวดีจะมาบอกค่ะ”
“อะไรคะ ดึกป่านนี้แล้วทำไมยังไม่เข้านอนอีก?”
“อาติณลืมเหรอคะว่าวันนี้มหาวิทยาลัยที่หนูอยากเข้าประกาศผลตอนเที่ยงคืน” แสนดีเพียงแค่สงสัย หลายวันที่ผ่านมาเธอพูดกรอกหูอีกฝ่ายไปเสียเยอะ นึกไม่ถึงว่าเขาจะลืม
“อ๋อ...พอหนูพูดแบบนี้แล้ว อาก็พอจะจำได้แล้วค่ะ”
“โธ่...อาติณอ่า ขี้ลืมเป็นคนแก่ไปได้”
“แล้วยังไง? ติดไหม?” ติณภพเอ่ยถามขึ้นอย่างไม่ใส่ใจเพราะกำลังให้ความสนใจไปกับเอกสารกองโตตรงหน้าอยู่ด้วยความเคร่งเครียด
เมื่อช่วงหัวค่ำที่ผ่านมาที่โรงงานเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ส่งออกของติณภพเกิดปัญหาใหญ่ จนต้องถึงมือผู้บริหารสูงสุดอย่างเขาในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่ถาโถมเข้ามาในเวลาอันรวดเร็ว
“ติดค่ะ อาติณรู้ไหมว่าหนูดีใจมากๆ เลย เขาบอกกันว่าที่นี่เข้ายากสุดๆ เลยนะคะ อีกอย่างต่อให้มีเงินมากขนาดไหน ก็เข้าไม่ได้นะคะถ้าไม่มีความสามารถมากพอ เพราะฉะนั้นแล้วหนูเป็นหนึ่งในคนที่เก่งมากๆ เลยนะคะ อาติณดีใจไหม?” แสนดีหันกลับมาถามความเห็นจากเขาด้วยน้ำเสียงสดใส แต่กลับถูกเมินเฉยไปทั้งอย่างนั้น...
“ไอ้จอม เดี๋ยวมึงช่วยส่งคนเข้าไปเช็กในโรงงานอีกทีหนึ่งนะว่าต้นตอมามันจากอะไร แล้วมารายงานกูไม่เกินหนึ่งชั่วโมงข้างหน้า” ติณภพโทรหาเลขาส่วนตัว เพื่อออกคำสั่งให้เข้าไปจัดการที่โรงงานแทนตัวเอง เนื่องจากเวลาไม่เอื้ออำนวย หากจะให้เขาออกไปยังสถานที่เกิดเหตุในตอนนี้ก็คงจะไม่สะดวกเท่าไหร่นัก
หลังจากที่ไม่ถูกให้ความสนใจ ใบหน้าของแสนดีก็พลันถอดสีโดยอัตโนมัติ เธอวางตัวไม่ถูกเลยว่าจะควรจะต้องเอายังไงต่อดี ยิ่งเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามกำลังวุ่นวายอยู่กับการทำงาน ก็ยิ่งเกรงใจที่เป็นฝ่ายเข้ามาขัดจังหวะ
“เมื่อกี้ว่าไงนะคะ? พอดีไอ้จอมมันโทรเข้ามาพอดี”
“อ๋อ...ไม่มีอะไรหรอกค่ะ หนูแค่จะมาบอกอาติณว่าหนูสอบติดมหาวิทยาลัยแล้วก็แค่นั้นแหละค่ะ ไม่ได้มีอะไรสำคัญ” เด็กสาวเอ่ยพร้อมกับฉีกยิ้มน้อยๆ อย่างไม่เต็มใจให้กับติณภพ ก่อนจะหลบสายตาเพราะไม่อยากให้เขาจับได้ว่าตนกำลังน้อยใจ
“อืม แต่อาจะบอกว่าชีวิตมหาลัยมันไม่ได้น่าสนุกอย่างที่คิดหรอกนะ ทำตัวดีๆ อย่าเกเรล่ะ”
“หนูเคยเป็นแบบที่อาติณพูดด้วยเหรอคะ?”
“ก็ยังไม่เคยนะ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่เป็นนิ ที่อาพูดไปก็มีแต่จะดีกับตัวของเราทั้งนั้น มีหน้าที่เรียนก็ตั้งใจเรียน อะไรที่ไม่เกี่ยวกับการเรียนก็ห้ามเข้าไปยุ่ง แล้วก็ถ้ามีปัญหาอะไรก็ให้มาบอกอา อาจะเป็นคนจัดการให้เอง เข้าใจไหม?”
คนตัวสูงเอ่ยปากทั้งยังเลิกคิ้วถามถึงความเข้าใจของเด็กสาวตรงหน้าอย่างเป็นจริงเป็นจัง ช่วงวัยที่แสนดีกำลังพบเจอล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่ผู้ใหญ่อย่างเขาผ่านมาแล้วทั้งนั้น ไม่แปลกถ้าจะหวังดีแล้วให้คำแนะนำเอาไว้ด้วยความเป็นห่วงเป็นใย
“เข้าใจค่ะอาติณ งั้น...หนูไม่รบกวนแล้ว อาติณเองก็อย่าทำงานจนไม่ได้นอนนะคะ”
“เดี๋ยว...มีอีกเรื่องหนึ่ง”
“คะ?” แสนดีหยุดชะงักพร้อมทั้งหันกลับมามองเจ้าของเสียงเมื่อครู่ด้วยความประหลาดใจ
“เรื่องผู้ชาย อาหวังว่าจะไม่มีมาให้อาต้องปวดหัวเพิ่มนะคะ” เป็นอีกเรื่องที่เขาเกือบลืมไป ทว่าดันนึกขึ้นมาได้ทันเวลา ติณภพเป็นห่วงเรื่องนี้ต่อแสนดีมาโดยตลอด ตั้งแต่เข้าช่วงมัธยมปลาย เด็กคนนี้ก็เริ่มสนใจเรื่องของเพศตรงข้ามมากขึ้นตามประสาวัยรุ่นทั่วไป มันเป็นเรื่องปกติที่ไม่อาจหลีกเลี่ยง แต่เขากลับไม่เห็นด้วยถ้าแสนดีจะมีแฟนทั้งที่ยังเรียนไม่จบ
“แต่หนูก็โตแล้วนะคะอาติณ เรื่องแบบนี้ก็น่าจะปกติหรือเปล่าคะ?”
“ใช่...มันก็ปกติจริงๆ นั่นแหละ แต่อายังไม่อนุญาตให้มี แสนดีจะขัดคำอาเหรอ?”
“ไม่กล้าหรอกค่ะ หนูก็ทำตามที่อาติณต้องการมาตลอดอยู่แล้วนี่คะ”
“เป็นเด็กดีก็ดีแล้ว ไม่ต้องอยากคิดอยากลองจนเกินตัว เพราะอาจะไม่ใจดีกับหนูแน่ ถ้าไม่เชื่อฟังคำสั่งสอนของอา”
“แต่เอาจริงๆ สังคมมหาลัยยังไงก็กว้างกว่ามัธยมอยู่แล้ว แล้วถ้าหนูเจอคนที่ชอบล่ะคะ หนูจะต้องฝืนใจตัวเองหรือว่ายังไงเหรอคะ?” แสนดีตั้งคำถามขึ้นมาด้วยความสงสัย เธอเพียงแค่ไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรอีกฝ่ายถึงได้กำชับเรื่องผู้ชายนักหนา ซึ่งจริงๆ มันถือเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นอย่างเธอเลยเสียด้วยซ้ำ
“ทำไม หรือว่าอยากจะมีแล้ว?”
“เปล่าค่ะ”
“แล้วจะสนใจทำไมล่ะ อาบอกอาสอนอะไร ก็แค่ฟังแล้วทำตาม มันยากนักเหรอ?” ติณภพเงยหน้าขึ้นสบสายตาคู่ตรงหน้าอย่างเป็นจริงเป็นจัง ทั้งยังใช้น้ำเสียงเจือแววบีบบังคับอยู่ไกลๆ ทีแรกเขาไม่ได้ใส่ใจอะไร แต่เมื่ออีกฝ่ายต่อต้านก็เลยยากที่ปล่อยผ่านไปง่ายๆ
“ไม่ค่ะ...”
“แล้วจะทำตามที่อาบอกได้ไหม?”
“ถ้าอาติณต้องการหนูก็จะทำให้ค่ะ”
“คิดแบบนั้นก็ดีแล้ว เดี๋ยวอาต้องไปเคลียร์ปัญหาที่บริษัท เราเองก็ขึ้นไปนอนได้แล้ว” ว่าจบก็ลุกขึ้นยืน ก่อนจะเดินสวนออกไปอีกทางโดยที่ไม่ได้สนใจว่าเด็กสาวคนนั้นจะรู้สึกอย่างไรที่ถูกเมินเฉยกับการประสบความสำเร็จครั้งแรก อีกทั้งยังกำชับเรื่องผู้ชายเอาไว้อย่างไม่ขาดปาก...
แสนดีได้แต่มองตามหลังผู้เป็นอาไปด้วยความผิดหวัง ก่อนหน้านี้เธอเพียงแค่อยากได้รับคำชื่นชมจากเขาก็เท่านั้น แต่ก็คาดไม่ถึงเลยว่าจะถูกแสดงออกด้วยท่าทีแบบนี้...
...............................................
อ่านจบแล้วกดถูกใจคอมเมนท์พูดคุยกันได้
เรื่องนี้มีอีบุ๊คเรียบร้อยแล้วค่า
ลินินจำใจต้องกลืนน้ำลายตัวเอง ยอมเป็นคู่นอนของคนที่ใจร้ายใจใจดำอย่างสิงหราช เพื่อตอบแทนผู้มีพระคุณที่ชุบเลี้ยงเธอมา
กี่ครั้งแล้วที่เฮียทำร้ายหนู กี่ครั้งแล้วที่หนูยกโทษให้กับเฮีย ฮึก...ฮือ ครั้งนี้มันไม่ได้จริงๆเฮียทำร้ายหนูหนักเกินไปแล้ว
เพราะความใจดีทำให้เธอตกอยู่ในอันตราย หลังจากที่ยื่นมือเข้าไปช่วยนายน้อยแห่งตระกูลยากูซ่า
“อ๊ะ… ซี้ดดดดดดด… ” เสียงร้องครางหลุดออกมาจากริมฝีปากของยาดาที่ต้องเผยออ้าทุกครั้งที่ลิ้นของเขาปาดเสยเข้าใส่กลีบสาว ไม่เพียงแค่เลีย แต่ยังสอดนิ้วเข้ามาบดคลึงเม็ดกระสัน ยิ่งทำให้หล่อนเสียวซ่านสุดจะบรรยาย “อู้ววว… กลีบอวบอูมดีจัง” น้ำเสียงสะใจ หลังจากจู่โจมด้วยปลายลิ้นจนน้ำคาวสวาทของหญิงสาวหลั่งไหลออกมาอาบชุ่มสองกลีบ ขมิบสู้ลำนิ้ว “ว้าว… เยิ้มเร็วมากหนูจ๋า” ท่านประธานชอบใจที่เห็นร่างกายของหล่อนตอบสนองการปลุกเร้า ค่อยๆ หงายฝ่ามือสอดเข้ามาระหว่างง่ามก้นด้านหลัง ตะล่อมโอบพูเนื้อโหนกนูนเหมือนกับหลังเต่าคว่ำลงมาประกบกับอุ้งมือพอดี “อ๊า… ซี้ดดดดดด… ” ยาดาร้องครวญครางออกมาด้วยความสยิว นิ้วของเขาไม่เพียงแค่ไล้ลูบ แต่ยังตวัดรัวแหวกร่องแล้วสอดใส่เข้ามาในความฝืดคับ
"พวกเขาไม่รู้ว่าฉันเป็นผู้หญิง พวกเขามองฉันและเห็นฉันเป็นเด็กผู้ชาย เป็นเจ้าชาย คนนหึ่ง พวกเขาซื้อมนุษย์อย่างฉันเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศ และเมื่อพวกเขาบุกเข้ามาในอาณาจักรของเราเพื่อซื้อพี่สาวของฉัน เพื่อปกป้องเธอ ฉันหมดหนทาง จึงต้องเข้าไปขอร้องให้พวกเขาพาฉันไปด้วย แผนของฉันคือหาโอกาส จะพาพี่สาวหนีไป แต่ฉันไม่คาดคิดว่าคุกของเราจะเป็นสถานที่ที่มีการป้องกันมากที่สุดในอาณาจักรของพวกเขา แต่เดิมฉันเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เป็นคนที่พวกเขาไม่ต้องการ พวกเขาไม่เคยคิดจะซื้อ เลย แต่แล้ว ราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่ไร้ความปรานี บุคคลที่มีอำนาจที่สุดในดินแดนป่าเถื่อนของพวกเขากลับสนใจใน ""เจ้าชายน้อยผู้น่ารัก"" เราจะเอาชีวิตรอดในอาณาจักรที่อันตรายนี้ได้อย่างไร และเผชิญหน้ากับผู้คนที่ไม่เป็นมิตรกับเรายังไง และคนที่มีความลับอย่างฉันจะกลายเป็นทาสแห่งความต้องการทางเพศได้อย่างไร . หมายเหตุของผู้เขียน นี่คือนิยายรักแนวดาร์ก เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ เรตติ้งสูง 18+ เตรียมพบกับเนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์และเข้มข้นได้เลย หากคุณเป็นนักอ่านตัวยงของแนวนี้ที่กำลังมองหาอะไรที่แตกต่าง พร้อมที่จะอ่านแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวโดยไม่รู้ว่าจะเจออะไรใหม่ๆ บ้าง แต่ก็อยากรู้เพิ่มเติมอยู่ดีล่ะก็ รีบอ่านเลย! . จากผู้เขียนหนังสือขายดีระดับนานาชาติเรื่อง ""ทาสผู้เกลียดชังของราชาอัลฟ่า""" พวกเขามองฉันและเห็นฉันเป็นเด็กผู้ชาย เป็นเจ้าชาย คนนหึ่ง พวกเขาซื้อมนุษย์อย่างฉันเพื่อตอบสนองความต้องการทางเพศ และเมื่อพวกเขาบุกเข้ามาในอาณาจักรของเราเพื่อซื้อพี่สาวของฉัน เพื่อปกป้องเธอ ฉันหมดหนทาง จึงต้องเข้าไปขอร้องให้พวกเขาพาฉันไปด้วย แผนของฉันคือหาโอกาส จะพาพี่สาวหนีไป แต่ฉันไม่คาดคิดว่าคุกของเราจะเป็นสถานที่ที่มีการป้องกันมากที่สุดในอาณาจักรของพวกเขา แต่เดิมฉันเป็นคนที่ไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ เป็นคนที่พวกเขาไม่ต้องการ พวกเขาไม่เคยคิดจะซื้อ เลย แต่แล้ว ราชาผู้ยิ่งใหญ่ที่ไร้ความปรานี บุคคลที่มีอำนาจที่สุดในดินแดนป่าเถื่อนของพวกเขากลับสนใจใน "เจ้าชายน้อยผู้น่ารัก" เราจะเอาชีวิตรอดในอาณาจักรที่อันตรายนี้ได้อย่างไร และเผชิญหน้ากับผู้คนที่ไม่เป็นมิตรกับเรายังไง และคนที่มีความลับอย่างฉันจะกลายเป็นทาสแห่งความต้องการทางเพศได้อย่างไร . หมายเหตุของผู้เขียน นี่คือนิยายรักแนวดาร์ก เนื้อหาสำหรับผู้ใหญ่ เรตติ้งสูง 18+ เตรียมพบกับเนื้อหาที่กระตุ้นอารมณ์และเข้มข้นได้เลย หากคุณเป็นนักอ่านตัวยงของแนวนี้ที่กำลังมองหาอะไรที่แตกต่าง พร้อมที่จะอ่านแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัวโดยไม่รู้ว่าจะเจออะไรใหม่ๆ บ้าง แต่ก็อยากรู้เพิ่มเติมอยู่ดีล่ะก็ รีบอ่านเลย! . จากผู้เขียนหนังสือขายดีระดับนานาชาติเรื่อง "ทาสผู้เกลียดชังของราชาอัลฟ่า"
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
เมื่อเพื่อนรักที่ไว้ใจแอบทรยศคบกับชายที่ตนรัก และชายที่ตนรักกลับรังเกียจตนจนไม่แม้แต่จะแตะต้องเนื้อตัวเธอ สิ่งที่เธอทำได้คือต่างคนต่างอยู่ แต่ในวังหลังแห่งนี้เธอจะทำอย่างนั้นได้จริงหรือ? ตัวอย่างเนื้อเรื่อง “เจ้ามีอันใดจะกล่าวหรือไม่... สนมหลี่กุ้ยเฟย” น้ำเสียงราบเรียบก่อนจะเน้นที่ละคำในประโยคท้ายอย่างหนักแน่น “ฮองเฮาแน่ใจแล้วหรือเพคะ ว่าจะให้หม่อมฉันทูลทุกอย่างต่อหน้าข้าราชบริพารเหล่านี้ หากมีข่าวแพร่ออกไปอีก ฮองเฮาทรงทนฟังคำนินทาเหล่านั้นได้หรือไม่” หลี่ฟางซินกล่าวพร้อมยิ้มอ่อนๆ หลี่ฟางซินย่อมรู้ดีว่าเย่วลี่อิงคงได้ยินคำนินทาเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนแล้วจึงได้พูดเน้นย้ำ หวังจะกระตุ้นให้นางลงมือทำร้ายตน “คำนินทาเรื่องใดกัน เรื่องที่เจ้าเป็นนางอสรพิษนะหรือ เหตุใดเราจะทนฟังไม่ได้เล่า” เย่วลี่อิงตรัสพร้อมยักไหล่อย่าไม่แยแส มีหรือเย่วลี่อิงจะดูไม่ออกว่า ข่าวลือที่แพร่ออกไปนั้นมาจากผู้ใด หากเป็นแต่ก่อนนางย่อมไม่คิดว่าเป็นสหายคนสนิทของนางเป็นแน่ แต่บัดนี้นางรู้แล้วว่าหญิงที่ยืนตรงหน้านางหาใช่สตรีอ่อนหวานแสนดีอย่างที่นางรู้จักไม่ “หม่อมฉันเป็นนางอสรพิษตั้งแต่เมื่อใดกันเพคะ หม่อมฉันและฝ่าบาทมีใจรักใคร่กันมาเนิ่นนาน หากไม่ใช่เพราะฮองเฮาใช้ความดีของท่านแม่ทัพทูลขอให้ฮ่องเต้องค์ก่อนพระราชทานงานแต่ง วันนี้ตำแหน่งฮองเฮาก็ไม่แน่ว่าจะเป็นของใคร” “เจ้านางแพศยา หากเจ้ามีใจให้ฝ่าบาท แล้วทำไมไม่บอกข้า ยังแสดงแกล้งเป็นแม่สื่อนำของที่ข้ามอบให้ฝ่าบาท ฝากผ่านพี่ชายเจ้าช่วยมอบของให้ฝ่าบาทแทนข้า” เย่วลี่อิงเริ่มพูดด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง “ของอันใดกันเพคะ หม่อมฉันไม่เคยนำของ ของพระองค์มอบให้ฝ่าบาทเลยนะเพคะ ยิ่งให้พี่ชายช่วยส่งแทนให้ยิ่งมิเคย” น้ำเสียงเยาะเย้ยบวกกับรอยยิ้มยียวนของหลี่ฟางซินทำให้เย่วลี่อิงหัวเสียมากขึ้น “นี้เจ้าเอาของของเราไปทิ้งอย่างนั้นหรือ” “ฮองเฮาพูดถึงเรื่องอะไรเพคะ หม่อมฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย พระองค์อย่าได้ใส่ความหม่อมฉันสิเพคะ” “นี้เจ้า”
หนุ่มวิศวะปีสี่ที่ได้ฉายา เสือยิ้มยาก เขาผู้ไม่เคยยิ้มให้ใครแต่กลับยิ้มให้เธอเห็นเพียงคนเดียว จากคนที่ไม่คิดจะรักใครแต่กลับรักเธอจนโงหัวไม่ขึ้น มารู้ตัวอีกทีก็ไม่อยากเป็นแค่รุ่นพี่แล้วแต่อยากเป็น(ผัว)
“แหวนไปไหน” “คะ” หญิงสาวรีบหดมือหนีในทันที “พี่ถามว่าแหวนไปไหน” คริษฐ์ยังย้ำคำถามเดิมแล้วจ้องหน้าคู่หมั้นสาวแบบไม่พอใจ “คืออยู่ที่ออฟฟิศมันต้องล้างแก้วกาแฟบ่อย ๆ รุ้งก็เลยถอดเก็บเอาไว้ค่ะกลัวมันจะสึกเสียก่อน” คำตอบของหญิงสาวค่อยทำให้คริษฐ์รู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย “ถ้าถอดออกพี่จะถือว่ารุ้งขอถอนหมั้นพี่นะ” “ก็ไม่ได้ถอนสักหน่อย แค่ถอดเก็บเอาไว้เฉย ๆ” “งั้นก็ใส่เสียสิ เดี๋ยวนี้เลย” คริษฐ์ถลึงตาใส่แกมบังคับ “ใส่ก็ใส่ค่ะ” คนพูดตัดพ้อเล็กน้อย แล้วหันไปหยิบกระเป๋าด้านข้างมาเปิดเพื่อหยิบแหวนหมั้นของตนออกมาสวมใส่ จากนั้นก็หันหลังมือให้เขาดู “พอใจหรือยังคะ” “ดี” “ว่าแต่พี่คริษฐ์มานั่งรอรุ้งทำไมคะ มีธุระสำคัญหรือเปล่า” หญิงสาววกมาหาคำถามแรกที่เธออยากรู้ แต่เขาดันจุดประเด็นเรื่องแหวนขึ้นมาแทรกเสียก่อน “แม่ให้พี่มาหาคู่หมั้นตัวเองบ้าง” ฟังเขาพูดแล้วรุ้งพรายชักเครียดขึ้นมาหน่อย ๆ “ถ้าคุณป้าพิมพ์ไม่บอกพี่คริษฐ์ก็คงไม่มาหารุ้งใช่ไหมคะ” “แล้วทำไมรุ้งถึงไม่ไปหาพี่เองบ้างล่ะ” “ก็รุ้งกลัวพี่คริษฐ์รำคาญ” บทสนทนาสิ้นสุดลงด้วยความเงียบด้วยกันทั้งสองฝ่าย คริษฐ์ถอนหายใจเบา ๆ ส่วนรุ้งพรายก็ก้มหน้าต่ำลง ทำไมถึงได้รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก “พี่ไลน์หาอ่านแล้วทำไมไม่ตอบ” คริษฐ์เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นก่อนหลังจากเงียบมาเกือบหนึ่งนาที “พอดีรุ้งมาอ่านตอนดึกแล้วไม่อยากรบกวนพี่คริษฐ์ค่ะ” “ตอบมาสักคำก็ยังดี อย่าทำเหมือนพี่ไม่มีตัวตนนะรุ้ง จำเอาไว้ด้วยว่าพี่เป็นคู่หมั้นของรุ้ง” “มันไม่น่าจะเป็นแบบนี้นะคะพี่คริษฐ์” “อะไรกันที่ว่าไม่น่าจะเป็นแบบนี้” “รุ้งว่าเราถอนหมั้นกันดีกว่าไหมคะ ดูพี่คริษฐ์อึดอัดกับการหมั้นของเราเหลือเกิน ขนาดจะมาหารุ้งก็ต้องให้คุณป้าพิมพ์บังคับมาเลย” “แม่ไม่ได้บังคับพี่” “ไม่บังคับก็เหมือนบังคับนั่นแหละค่ะ ตั้งแต่ตอนเด็กแล้วพี่ คริษฐ์แทบไม่เคยขัดใจคุณป้าพิมพ์ได้เลย ถ้ามันเหนื่อยและยุ่งยากมากรุ้งขอถอนหมั้นไปเลยก็ได้ค่ะ” รุ้งพรายดึงแหวนออกจากนิ้วนางข้างซ้าย แล้ววางแหมะอยู่ตรงหน้าของเขา คริษฐ์มองแหวนมองคนแล้วอารมณ์ของเขาก็เดือดดาลขึ้น บทจะอยากได้ก็วิ่งตามติดเป็นเงา บทจะสลัดทิ้งก็ง่าย ๆ แบบนี้เหรอรุ้งพราย “ใส่กลับไปเดี๋ยวนี้” ชายหนุ่มแทบจะกัดฟันพูดออกมา “ไม่ค่ะ อ๊ะ! พี่คริษฐ์จะทำอะไรรุ้งไม่ใส่” รุ้งพรายถูกคริษฐ์กระชากมือมาแล้วจัดการสวมแหวนกลับที่เดิม “ใส่แล้วห้ามถอด ห้ามทำให้แม่พี่เสียใจรู้ไหม” “พี่คริษฐ์!” (รักร้ายจอมทระนง)
© 2018-now MeghaBook
บนสุด