การแก้แค้นที่แสนหอมหวาน...จับลูกสาวศัตรูมาทำเมีย
การแก้แค้นที่แสนหอมหวาน...จับลูกสาวศัตรูมาทำเมีย
หวงรักลูกสาวมาเฟีย
Part 1 Bastet
ป้ายสีชมพูเขียนข้อความ “Happy 8th Birthday” แขวนอยู่บนผนัง แน่นอนว่าวันเกิดก็ต้องมีเค้ก
สาวน้อยที่เกิดวันนี้โปรดปรานช็อกโกแลตทุกรูปแบบ บิดาจึงสั่งทำเค้กช็อกโกแลตประดับหน้าด้วยเจ้าหญิงน้อยนั่งอ่านหนังสือในสวนดอกไม้
“ขอบคุณค่ะปาป๊า สวยมากเลย” พีโอนี่กอดและหอมแก้มพ่อด้วยความดีใจเพราะเค้กถูกใจทุกอย่าง
“หนูอธิษฐานแล้วเป่าเทียนนะ” ราฟาเอลปิดไฟในห้องเพื่อให้แสงเทียนส่องประกาย สาวน้อยหลับตาอธิษฐานขอพรอยู่ในใจ เมื่อเพลงวันเกิดจบเทียนก็ดับ
“ไม่อยากเชื่อว่าหนูจะโตขนาดนี้แล้ว เหมือนเมื่อวานหนูเพิ่งหัดเดิน”
“เสียดายที่หม่ามี้ไม่อยู่นะคะ”
“หม่ามี้อยู่ในใจเราสองคนตลอดเวลา ไม่ได้ไปไหนเลย”
“ค่ะปาป๊า เรากินเค้กกันดีกว่าเนอะ”
“ขอบใจจ้ะสำลี” แม่บ้านนำกาแฟและชามาให้ พีโอนี่บอกขอบคุณสำลีซึ่งเป็นพี่เลี้ยงของเธอด้วย
สำลีอยู่กับพีโอนี่ตั้งแต่เกิด มารดาของพีโอนี่เป็นคนไทยที่มาพบรักกับชาวต่างชาติ เขาร่ำรวยมีเงินเหลือเฟือบ้านช่องใหญ่โต เมื่อภรรยาสุดที่รักให้กำเนิดลูกสาว เขาจึงประกาศรับสมัครพี่เลี้ยง
เธอผ่านการสัมภาษณ์และการทดลองงานด้วยความโล่งใจ งานที่นี่ได้เงินดีแถมมีที่อยู่ที่กินไม่ต้องจ่ายเองสักบาท เงินที่ได้จึงส่งให้พ่อแม่ที่เมืองไทยเกือบทั้งหมด เธอเก็บไว้กับตัวเพียงนิดหน่อยเผื่อไว้ใช้ยามจำเป็น
สำลีทำงานดีและซื่อสัตย์จึงได้รับความไว้ใจจากเจ้านายโดยเฉพาะพวงแก้วที่เป็นสาวไทยพลัดถิ่นเหมือนกัน เธอเป็นแม่บ้าน พี่เลี้ยงและเพื่อนได้ดีเยี่ยม
เมื่อพวงแก้วจากไป พีโอนี่โศกเศร้าอยู่หลายเดือน ก็ได้สำลีช่วยปลอบใจให้คลายทุกข์ระทม
“สวีทพี เหมือนมายเลิฟของผมขึ้นทุกวัน สำลีว่าไหม”
“เหมือนคุณพวงแก้วย่อส่วนค่ะ”
“ลูกผู้หญิงเหมือนแม่จะอาภัพ”
“หนูพูดเรื่องอะไร , ใครบอกคะคุณหนู” ราฟาเอลกับสำลีถามพร้อมกัน
“นั่นสิ หมายความว่าอะไร ปาป๊าไม่เห็นเข้าใจเลย”
“คุณหนูไปได้ยินมาจากไหนคะ”
“แม่ของเพื่อนค่ะ แม่อรสา”
“พิโธ่ ! เป็นแค่ความเชื่อของคนไทยค่ะ คุณหนูอย่าเก็บมาใส่ใจเลย”
“หนูไม่ได้เหมือนแค่หม่ามี้สักหน่อย เหมือนปาป๊าด้วยทั้งความสูง สีตา สีผิวและที่เหมือนกันที่สุดก็คือ …”
“จมูก” สำลีกับพีโอนี่พูดพร้อมกัน
พีโอนี่คือลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ที่ลงตัวมากๆ เธอมีความเอเชียและยุโรปอยู่บนใบหน้า ไม่แปลกที่จะโดดเด่นดึงดูดสายตาผู้คน เธอเหมือนตุ๊กตาที่มีชีวิต หน้าตาจิ้มลิ้มพริ้มเพรา สูงโปร่ง ผมสีน้ำตาลอ่อนเป็นลอนคลื่น นัยน์ตาสีเขียวอมเทา ปากและแก้มเจือสีแดงโดยธรรมชาติ
“ใช่แล้ว จมูกสวยๆ แบบนี้ มาจากปาป๊าแน่นอนแต่ดีแล้วที่ได้ไปแค่อย่างเดียว” ราฟาเอลหัวเราะร่วนเพราะส่วนอื่นของใบหน้าไม่ค่อยน่าพอใจนัก เขามีริมฝีปากหนา ตาเล็ก คิ้วดกเหมือนมีปลิงเกาะอยู่บนหน้าผาก
“ปาป๊าของหนูหล่อที่สุดในโลก”
“มีแค่สวีทพีกับมายเลิฟนี่แหละ ที่คิดว่าปาป๊าหล่อกว่าใคร” แม้ราฟาเอลจะไม่พอใจส่วนต่างๆ บนใบหน้าแต่พอมารวมกันแล้วมันก็ดูดีไม่น่าเกลียด ยิ่งตอนนี้มีทั้งเงินและอำนาจ จึงน่าดึงดูดกว่าเดิมหลายเท่า
“ค่ำนี้เสียงดังหน่อยนะสำลี เธอเข้านอนแต่หัวค่ำเลยก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอยู่ช่วยดีกว่า วันเกิดคุณหนูจะรีบนอนได้ยังไง”
“สำลีอยู่เถอะ ถ้าไม่อยู่ฉันเหงาแย่เลย ปาป๊าต้องคอยต้อนรับคนที่มางาน”
เค้กช็อกโกแลตมีขนาดแค่ครึ่งปอนด์เพราะสั่งทำเพื่อคนสามคนส่วนเค้กของงานเลี้ยงค่ำนี้ก้อนใหญ่อลังการเพราะมีผู้มาร่วมงานหลายร้อยคน
นอกจากอวดลูกสาว ราฟาเอลก็อยากอวดบารมีและเส้นสายของตัวเอง เขาเชิญนักการเมือง นักธุรกิจ ตำรวจ ทหารและคนมีชื่อเสียงมาร่วมงานคับคั่ง
สองคนพ่อลูกดื่มด่ำกับชาและกาแฟพร้อมละเลียดเค้กไปด้วย เมื่อได้เวลาราฟาเอลก็ไปแต่งตัว พีโอนี่ก็เช่นกันโดยมีสำลีเป็นผู้ช่วยเพราะต้องทำผมให้สวยเป็นพิเศษ
“เรียบร้อยค่ะ คุณหนูชอบไหมคะ” สำลีบรรจงรวบผมสีน้ำตาลอ่อนแค่ด้านบนแล้วคาดด้วยมงกุฎเพชรอันเล็ก ส่วนผมที่เหลือปล่อยให้มันสยายยาวเต็มหลังเพื่ออวดความเงางามให้เต็มที่
“ชอบจ้ะ ขอบคุณสำลีที่สุดในโลกเลย” พีโอนี่กอดสำลีแล้วหลับตาพริ้ม เธอไม่ใช่แค่พี่เลี้ยงแต่เหมือนแม่คนที่สอง
“ไปกันเลยไหมคะ คุณราฟน่าจะรออยู่แล้ว”
“ไปเลยจ้ะแล้วสำลีไม่เปลี่ยนชุดสวยๆ เหรอ”
“ไม่ต้องเปลี่ยนหรอกค่ะ ใส่ชุดนี้ดีแล้ว คนที่มางานจะได้เรียกใช้ถูก”
“แบบนี้ปาป๊าต้องจ่ายเงินพิเศษให้นะเนี่ย สำลีทำงานเกินเวลา”
“คุณราฟจ่ายให้ตลอดค่ะ คุณหนูไม่ต้องห่วง”
“องค์หญิงพีโอนี่” ราฟาเอลโค้งคำนับให้ลูกสาวที่สวมชุดกระโปรงสีชมพูฟูฟ่อง
“เจ้าชายของหนู” พีโอนี่ถอนสายบัวให้พ่อ เธอคล้องแขนกับเขาแล้วออกเดินพร้อมกัน
สนามหน้าบ้านถูกเนรมิตเป็นพระราชวัง สิ่งของตกแต่งล้วนหรูหราแวววาวเพราะอยู่ในธีมสีทองกับชมพู ในงานไม่มีโต๊ะและเก้าอี้เพราะจัดแบบค็อกเทล ผู้คนจะได้เดินพูดคุยกันไม่นั่งติดที่
ราฟาเอลกล่าวเปิดงาน พีโอนี่พูดขอบคุณเล็กน้อยเพราะประหม่า แล้วงานเลี้ยงก็เริ่มต้น
“นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว”
“ต้องมาสิครับ วันเกิดคนสำคัญของพี่” บาสท์ ลองแมนน์เข้ามากอดราฟาเอล
“วันนี้มาคนเดียวเหรอ ผิดคาดนะเนี่ย”
“งานทางการแบบนี้ควงคนที่ยังไม่ทางการมาไม่ได้หรอกครับ เดี๋ยววุ่นวาย”
“ฮ่าๆๆ ต้องยังงี้สิไอ้น้องรัก จัดลำดับความสำคัญได้ดีเยี่ยม”
“พีโอนี่โดนล้อมอยู่ ผมฝากของขวัญไว้กับพี่แล้วกัน”
“ได้ๆ เจ้าของวันเกิดก็ต้องโดนล้อมแบบนั้นแหละ” ราฟาเอลหันไปมองลูกสาวด้วยความปลื้มใจ เธอกำลังเล่นเปียโนขับกล่อมผู้คนในงาน
“เรื่องนั้น ยังสนใจอยู่รึเปล่าบาสท์”
“สนใจครับแต่ยังติดปัญหาเรื่องเงิน ผมยื่นกู้ไปแล้ว น่าจะทราบผลเดือนนี้”
“พี่ก็อยากได้หุ้นส่วนที่คุ้นเคยไว้ใจกันได้ ถ้าแกตกลงเราแบ่งกันครึ่งต่อครึ่งไปเลย ไม่ต้องสี่สิบหกสิบอะไรแล้ว”
“จริงเหรอพี่”
“จริงสิ กับคนอื่นพี่จะแบ่งแค่สามสิบด้วยซ้ำแต่นี่น้องก็ต้องแบ่งกันแบบใจๆ”
“ขอบคุณครับพี่ราฟ ผมหวังว่าจะกู้ผ่าน ไม่น่ามีปัญหาอะไร”
“พ่อกับแม่แกนี่ใจแข็งดีนะ ไม่ช่วยลูกเลย ทั้งที่รวยขนาดนั้น”
“ผมทำของผมเองดีกว่า ไม่อยากโดนดูถูกว่าเอาตัวไม่รอด”
“มันก็ใช่แต่พ่อแม่ส่วนมากทนเห็นลูกลำบากไม่ค่อยได้”
“ยกเว้นพ่อแม่ผมนี่แหละ ช่างเถอะพี่ มาดื่มกันดีกว่า งานเลี้ยงทั้งที อย่าคุยเรื่องงานเลย”
“เชิญจ้ะ ตามสบายนะ” กอบสุขบอกด้วยเสียงสั่นๆ เพราะดำรงไม่ได้มาคนเดียวแต่พาเพื่อนมาอีกสองคน “คุณกอบจำเรื่องที่เคยบอกผมได้ไหมครับ” ดำรงถาม “จำได้จ้ะ เรื่องนั้นใช่ไหม” “คุณกอบต้องพูดให้ชัดเจนนะครับ กระซิบบอกผมคนเดียวก็ได้เพราะทุกอย่างจะเกิดขึ้นเพียงทางเดียวเท่านั้นคือคุณกอบยินยอม” “ฉันอยาก xxx” กอบสุขสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วเชิดหน้าบอกอย่างมั่นใจ เธอต้องการมันและไม่ใช่เรื่องผิดบาปใดๆ ที่ผู้หญิงอยากทำแบบนี้ หากมันไม่เดือดร้อนใคร ทำไมจะทำไม่ได้ เพื่อนๆ ของดำรงไม่รีรอเมื่อคนชวนมาพยักหน้าเป็นเชิงอนุญาต
♡ แรกๆ ก็เอ็นดู หลังๆ ก็อยากให้ดูเอ็น ♡ บางส่วนจากนิยาย: กิตตินอนมองเอมิลี่แต่งตัวอย่างเพลิดเพลินแล้วความคิดซุกซนก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ไม่อยากให้เธอใส่เสื้อผ้าเลยให้ตายสิ อยากถอดเสื้อจัง อยากถอดกางเกงด้วย ชุดชั้นในก็ไม่ต้องใส่หรอกบดบังของสวยๆ ทำไม “แล้วพี่โก้ไม่แต่งตัวเหรอคะ” “แต่ง … แต่งครับ รอเดี๋ยวเดียวนะ” กิตติต้องหยุดความคิดฟุ้งซ่านลงก่อน “พี่โก้ไม่อยากไปใช่ไหมคะ” เอมิลี่เดินกลับไปหาคนที่ยังไม่ลงจากเตียง “อยากครับ ไปสิไปกันเลย พี่แต่งตัวอึดใจเดียวก็เสร็จแล้ว” “ไม่จริงหรอกค่ะ ทำอยู่ตั้งนานกว่าพี่โก้จะเสร็จ” คำเตือน: มีการสูญเสีย มีเหตุการณ์สะเทือนใจ
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
เนี่ยหลิง ตายแบบ งงๆ และได้ไปเกิดใหม่แบบ งงๆ ในโลกลมปราณของผู้ฝึกตนและพร อีก สอง ข้อ พร้อมธนู และลูกธนูหนึ่งชุด แหวนมิติเก็บของหนึ่งวง อย่าถามหา เหตุผล ว่าทำไม เนี่ยหลิงก็ไม่รู้เช่นกัน หวังว่า มันจะดี
มังกร หนุ่มหล่อหน้าใสลูกชาวไร่ชาวนา อายุ 22 ปี ที่ได้รับทุนเรียนดีจนจบมหาวิทยาลัย ได้แบกร่างกายพาหัวใจอันแตกสลายกลับบ้านเกิดทันทีในวันที่จบการศึกษา เพราะบิดามารดาได้เสียชีวิตกระทันหันทั้งคู่หลังจากกลับจากการนำข้าวไปขายและโดนสิบล้อที่เบรคแตกเสียหลักพุ่งชนรถของพ่อแม่ของมังกร เมื่อสูญเสียพ่อและแม่ไปอย่างกระทันหันเขาจึงกลับบ้านเกิดเพื่อไปทำไร่ทำนาสานฝันของพ่อแม่และนำความรู้ที่ได้เรียนมากลับมาพัฒนาที่ดินมรดกในบ้านเกิด หากแต่ว่ามังกรยังไม่ทันได้ทำอะไรเขากลับตายลงอย่างไม่ทันตั้งตัว ตายแบบไม่ตั้งใจและไม่เต็มใจที่สุด เขาจำได้เพียงแค่ว่าหลังจากเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดเขาได้ไปไหว้พ่อกับแม่ที่วัดในหมู่บ้าน แล้วก็กลับมานอนแต่พอเขากลับตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กชาย อายุ 8ขวบ กับบ้านพุๆพังๆ เขาตื่นมาในร่างของคนอื่นไม่พอ แล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่มันที่ไหน และใครพาเขามา แล้วมังกรจะทำยังไงต่อไปกับชีวิตที่อยู่ในร่างเด็กชายยากจนคนนี้ มาติดตามชีวิตใหม่ของมังกรกันต่อไปค่ะ
© 2018-now MeghaBook
บนสุด