เมื่อเขาเกิดอุบัติเหตุ มีนาจึงอาสามาดูแล ความเห็นอกเห็นใจ ความใกล้ชิด และความเสน่หาทำให้สองหัวใจรวมเป็นหนึ่ง แต่ทุกอย่างก็ต้องจบเมื่อคู่หมั่นที่หายไปห้าปีกลับมาพร้อมกับทวงสัญญาการแต่งงาน ****************** ใบหน้าสวยพยักหน้าอย่างอายๆ แต่เพราะความต้องการมันทำให้เธอกล้าขึ้นมากกว่าเดิมหลายร้อยเท่า “พี่ให้มีนาตั้งสติอีกครั้ง ถ้าไม่พร้อมพี่ก็จะให้มีนากลับ” “พี่ดลพูดแบบนี้เพราะคิดว่ามีนาไม่เคยแล้วจะทำให้พี่ไม่มีความสุขใช่ไหม” “ถ้ามีนาไม่เปลี่ยนใจพี่จะเดินหน้าต่อ แล้วหลังจากนี้ระหว่างเรามันจะเปลี่ยนไป มั่นใจใช่ไหม” “มีนามั่นใจ และมีนาก็อยากให้พี่มั่นใจด้วยว่าถึงมีนาจะไม่เคยก็ไม่ได้หมายความว่ามีนาจะไม่แซบ” เสียงหวานพูดอย่างมั่นใจพร้อมกับนิ้วมือเล็กที่ไล้ไปตามท่อนแขนแกร่งอย่างยั่วยวน
“สวัสดีค่ะแม่ สวัสดีค่ะน้าศักดิ์” มีนาหญิงสาววัย 20 ปียกมือไหว้มารดาและสามีใหม่ ก่อนจะเอากระเป๋าและหนังสือไปเก็บบนชั้นสอง จากนั้นเธอก็สวมผ้ากันเปื้อนทับชุดนักศึกษาแล้วเดินออกมาหน้าร้านอาหารตามสั่งที่มารดาเปิดขายมาหลายปี
“วันนี้ลูกค้าเยอะไหมคะแม่”
“ก็เหมือนทุกวันจ้ะ มีนาหนูมาเหนื่อยๆ ทำไมไม่พักก่อนจะรีบออกมาช่วยทำไมล่ะลูก”
“ไม่เป็นไรค่ะแม่ แม่ยืนทั้งวันน่าจะเหนื่อยกว่าเยอะเลย”
“จะว่าเหนื่อยมันก็เหนื่อยแต่ก็ยังพอมีเวลาพัก คนไม่ได้แน่นตลอดทั้งวัน”
มุกดาและกิตติศักดิ์สามีใหม่เปิดร้านขายอาหารตามสั่ง ถึงแม้ว่าร้านจะเป็นตึกแถวเล็กๆ แต่ลูกค้าก็แวะเวียนมาไม่ขาดสายเพราะในละแวกนี้มีร้านอาหารตามสั่งอยู่เพียงไม่กี่ร้าน
ลูกค้าส่วนใหญ่ก็จะเป็นพนักงานออฟฟิศและนักศึกษามหาวิทยาลัยที่มีนาเรียนอยู่ บางครั้งจึงมีเพื่อนๆ ของเธอตามมาเป็นลูกค้าที่ร้านด้วย
“มีนาเหลือสอบอีกกี่วันล่ะลูก แม่ว่าหนูไปอ่านหนังสือก่อนดีกว่าไหมลูก” มุกดาบอกลูกสาว
“ไม่เป็นไรค่ะ เหลือสอบอีกแค่วิชาเดียวเองค่ะ มีนาอ่านมาล่วงหน้าแล้วค่ะแม่”
“งั้นก็ตามใจจ้ะ แล้วครั้งนี้จะปิดเทอมกี่เดือนล่ะลูก” มุกดาไม่ค่อยรู้เรื่องการเรียนของลูกสาวเท่าไหร่
“สี่เดือนค่ะ มีนาว่าจะหางานพิเศษทำดูค่ะ ไม่อยากอยู่บ้านเฉยๆ”
“แล้วหนูจะไปทำงานที่ไหนล่ะ หาไว้หรือยัง”
“ยังเลยค่ะแม่ ว่าจะลองถามเพื่อนๆ ดูก่อนค่ะ เทอมที่แล้วเพื่อนมีนาไปทำที่ร้านกาแฟค่ะ มีนาว่าจะลองไปสมัครตามโรงเรียนกวดวิชาดูก่อนค่ะแม่ เผื่อเขาต้องการผู้ช่วย”
“จะไปทำที่ไหนล่ะ น้าว่าหนูช่วยงานที่ร้านก็ได้เดี๋ยวน้าให้ค่าจ้างเอง” กิตติศักดิ์รีบเสนอ
“มีนาต้องช่วยงานที่ร้านอยู่แล้วล่ะค่ะ แต่ก็อยากลองไปหางานอย่างอื่นทำด้วย” มีนาไม่เกี่ยงถ้าจะต้องช่วยมารดาขายอาหารที่ร้าน แต่ที่เธออยากออกไปทำงานพิเศษก็เพราะไม่ค่อยชอบน้ากิตติศักดิ์สามีใหม่ของมารดาเท่าไหร่เพราะเขามักจะเข้ามาใกล้ๆ และมักจะแอบมองอยู่ตลอดเวลาที่เธออยู่ในร้าน
แต่ก่อนกิตติศักดิ์จะไม่ได้มาอยู่ที่ร้านทุกวันเพราะเขาทำงานเป็นคนขับรถให้กับบริษัทขนส่ง แต่ก็ลาออกเพราะมีปัญหากับเจ้านาย จากนั้นเขาก็ย้ายเข้ามาอยู่กับมารดาและไม่มีทีท่าว่าเขาจะไปสมัครงานที่ไหน
“ถ้าอยากทำงานจริงๆ หนูลองไปถามคุณฤดีดูหน่อยไหมลูกว่ามีงานอะไรให้ช่วยบ้าง แต่ไปช่วยฟรีนะห้ามรับเงินเด็ดขาด”
“มีนาลืมไปเลยค่ะแม่ งั้นหนูไม่ไปทำงานพิเศษแล้วนะคะ”
คุณฤดีที่มารดาพูดถึงก็ลูกสาวของคุณดวงกมลและคุณประพันธ์เจ้าของโรงเรียนเอกชนที่ให้ทุนการศึกษาแก่เธอตั้งแต่เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 มาจนถึงตอนนี้ นับเวลาก็ 7 ปีมาแล้ว
ตอนนี้มีนาเรียนอยู่คณะศึกษาศาสตร์เอกคณิตศาสตร์ซึ่งถ้าเรียนจบเธอตั้งใจจะสอบบรรจุเป็นข้าราชการครูตามความฝันในวัยเด็ก เนื่องจากตอนที่เธอยังเป็นเด็กตัวน้อยมักจะตามบิดาไปที่โรงเรียนอยู่บ่อยครั้ง มีนาจึงอยากเป็นครูเหมือนบิดาที่เสียชีวิตไปตั้งแต่เธอเรียนอยู่ชั้น ม.1
“จะไปช่วยเขาทำไมกัน เขามีลูกน้องตั้งมากมาย ช่วยงานที่ร้านไม่ดีกว่าเหรอ” กิตติศักดิ์ไม่อยากให้ลูกเลี้ยงออกไปทำงานที่อื่น เพราะมันหมายถึงโอกาสที่เขาจะเคลมเธอก็จะลดน้อยลงไปด้วย
“เพราะบ้านนั้นเขามีบุญคุณกับมีนา ถ้าไม่มีพวกเขามีนาก็คงได้เรียนแค่ชั้น ม. 3 เองนะคะ ถ้ามีอะไรที่ตอบแทนคนบ้านนั้นได้มีนาก็อยากจะทำค่ะ” มีนาตอบกลับ เพราะลำพังเงินที่มารดาได้จากการขายอาหารก็พอแค่ค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวันกับค่าเช่าเท่านั้น
“หนูคิดถูกแล้วล่ะลูก เราไม่มีเงินทองไปตอบแทนเขา แต่เรายังพอมีแรงก็ไปช่วยงานเขาบ้าง แม่ล่ะเกรงใจเขาจริงๆ ทั้งค่าเรียนของหนูทั้งค่าเช่าที่ที่ถูกกว่าที่อื่น” เพราะตึกที่เธอเช่าเปิดร้านอยู่นี้ก็เป็นของคุณดลฤดีซึ่งค่าเช่าถูกกว่าที่อื่นถึงครึ่ง เธอจึงอยากให้ลูกสาวได้ไปช่วยงานคุณดลฤดีในช่วงปิดเทอม
“สั่งข้าวหน่อยค่ะ” เสียงลูกค้าหน้าร้านทำให้ทั้งสามคนหยุดคุยเรื่องงานพิเศษของมีนาไปก่อน
“อ้าว ชบาวันนี้ป้าแขไม่ทำกับข้าวเหรอถึงได้ออกมาซื้อได้”
“ที่บ้านมีเรื่องวุ่น ป้าแขก็เลยไม่มีเวลา”
“พี่ชบาจะกินอะไรคะเดี๋ยวมีนาทำให้”
“เอาผัดกะเพราเครื่องในไก่ ผัดผักรวม แล้วก็ต้มยำอีกอย่างจ้ะ”
“เอาข้าวเปล่าด้วยไหมคะ พี่ชบา”
“ไม่ต้องจ้ะพี่หุงข้าวแล้ว”
“สั่งหลายเลยเดี๋ยวพี่แถมหมูยอทอดให้นะ” มุกดารีบหยิบหมูยอใส่ถุงให้กับชบา ปกติแล้วชบาไม่ค่อยได้สั่งอาหารที่ร้านของเธอบ่อย เพราะที่บ้านจะมีแม่ครัวชื่อป้าแขทำอาหารให้ทานอยู่แล้ว นอกเสียจากว่าป้าแขไม่ว่างหรือเจ้านายไม่อยู่บ้าน
มีนาช่วยมารดาทำอาหารระหว่างนั้นชบาก็ชวนสองแม่ลูกคุยถึงเรื่องที่คุณนฤดลเจ้านายของเธอประสบอุบัติเหตุ ทำให้ตอนนี้เจ้านายของเธอไม่มีใครอยู่บ้านสักคน
“ชบาล่ะสงสารคุณท่านมากพอได้ข่าวก็เป็นลมไปเลย”
“แล้วตอนนี้อาการเป็นยังไงบ้างล่ะชบา”
“ชบาก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่คงหนักเอาการเพราะคุณๆ ไม่มีใครกลับบ้านเลย”
“พี่ชบารู้ไหมคะว่าตอนนี้คุณนฤดลเขาอยู่ที่โรงพยาบาลไหน” มีนาถามอย่างเป็นห่วง เธอเคยเจอกับคุณนฤดลมาหลายครั้งเพราะเขามักจะเป็นตัวแทนไปมอบทุนการศึกษาและเขาก็เป็นเหตุผลหนึ่งที่ทำให้เธอตั้งใจเรียนและตัดสินใจยื่นขอทุนซึ่งปกติแล้วทางโรงเรียนจะคัดเลือกนักเรียนทั้งหมด ปีละ 5 คนเพื่อรับทุนการศึกษาโดยจะเอาคะแนนในชั้นเรียน ม.2 และม.3 เป็นเกณฑ์
ความสัมพันธ์ระหว่างนายหัวหนุ่มและนักศึกษาสาว ที่ห่างกันทั้งอายุและระยะทางนายหัวหนุ่มจะทำให้เธอรักเขาได้อย่างที่เขารักเธอหรือไม่คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
ในคืนที่โดนแฟนเอายาปลุกเซ็กซ์ใส่เครื่องดื่ม เธอขอให้ชายคนหนึ่งช่วย พอเช้ามาถึงได้รู้ว่าเขาคือเพื่อนสมัยเรียนเขาขู่ให้เธอยอมเป็นคู่นอนของเขาโดยบอกว่ามีคลิปในคืนนั้นเธอยอมเพราะคำขู่แต่เมื่อรู้ว่าเขาไม่มีคลิปทุกอย่างระหว่างเขากับเธอก็จบแต่เขาไม่ยอมจบเพราะตอนนี้คิดกับเธอมากไปกว่าคู่นอนไปแล้ว
สายตาที่ประสานกันมันบอกอย่างชัดเจนว่าตอนนี้ชายหนุ่มนั้นลืมคำว่าผู้ปกครองกับเด็กในปกครองไปแล้ว **************** หญิงชายสมัยนี้มันเท่าเทียมกันนะบัว เธอคิดว่าจะนอนกับฉันและทิ้งฉันไปง่ายๆ แบบนั้นเหรอ ไม่มีทางหรอก เธอต้องรับผิดชอบทั้งตัวฉันและความรู้สึกของฉัน
เพราะคู่หมั้นของเธอเป็นต้นเหตุทำให้น้องสาวของเขาเสียชีวิต เธอจึงเป็นหมากตัวสำคัญในการแก้แค้นของเขา แต่ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิด กลายเป็นเขาที่รู้สึกผิดและทำทุกอย่างให้หมากตัวนี้เป็นของตนเอง
ใครจะคิดว่าคนที่เธอเลี้ยงก๋วยเตี๋ยวในคืนนั้นจะกลายมาเป็นคนรักในวันนี้ แต่เขาไม่ใช่แค่คนรักธรรมดาเพราะเขาคือเจ้าของบริษัทที่เธอเพิ่งเข้าทำงานได้ไม่ถึงสองอาทิตย์ แต่เธอต้องเก็บเป็นความลับก่อนจะผ่านช่วงทดลองงาน
เพราะชอบเธอเป็นทุนเดิมอยู่ก่อนแล้ว เมื่อเกิดอุบัติเหตุจนเธอความจำเสื่อม โดยมีตนเองเป็นต้นเหตุ หมออย่างเขาก็ไม่รีรอที่จะรับเธอไปดูแลในฐานะคนรัก
นุชพินตา ควรเป็นเจ้าสาวที่น่าอิจฉาที่สุดที่ได้แต่งงานกับ ปุลวัชร เจ้าบ่าวที่ทั้งหล่อ รวย เนื้อหอม เป็นเจ้าชายในฝันของสาวๆ ทั้งเมือง แต่ใครจะรู้ว่าเจ้าบ่าวในฝันนั้น...ทั้งไร้หัวใจ และไม่ได้รักเธอสักนิด! การแต่งงานที่ไร้รัก อยู่กันไปก็มีแต่เจ็บปวดเท่านั้น แต่จะทำยังไงได้ ในเมื่อเธอไม่อาจปฏิเสธ แม้จะต้องถูกเขาทำร้ายหัวใจซ้ำแล้วซ้ำเล่า จะทำอย่างไรหากใจที่ไม่คิดปรารถนารักกลับอยากได้ความรักจากเขา ------------------------------ “เธอเคยนอนกับผู้ชายหรือเปล่า” เขาถามออกมาจากปากร้าย ตอนที่เธอได้ยินถึงกับสะอึก ไม่คิดว่าเขาจะถามตรง ๆ และในนาทีต่อมา นุชพินตาก็รู้สึกโกรธมาก หญิงสาวโต้เขากลับ “ทำไมผู้ชายดี ๆ การศึกษาดี ๆ ถึงได้พูดจาแบบนี้คะ มาพูดดูถูกกัน เมื่อกี้ก็หาว่าพวกเราขายตัว และตอนนี้ยังมากล่าวหาฉันอีกว่าฉันสำส่อน คุณถามคำถามแบบนี้กับผู้หญิงทุกคน ที่คุณเคยนอนด้วยหรือยังไงคะ” ความเจ็บปวดระบายออกมาทางสายตา เขาเป็นบ้าอะไรกันนี่ คำพูดแบบนี้มาจากสันดานข้างในหรือเพราะว่าเขาเมา “แล้วเธอเคยมีอะไรกับผู้ชายหรือเปล่าล่ะ” เขาย้ำอีกครั้ง จ้องสบตาด้วยนัยน์ตาแดงก่ำ “ปากร้าย ประโยคนี้คุณไม่ควรถามออกมาด้วยซ้ำไป” จากที่เรียกเขาว่าพี่ปุ่น ชักขุ่นและมีอารมณ์โมโหขึ้นมาเปลี่ยนสรรพนามที่คนฟังก็รู้ว่าห่างเหิน “ผู้หญิงที่ดี ๆ ที่ไหน จะตอบตกลงแต่งงานกันชายแปลกหน้าอย่างรวดเร็วโดยไม่คิด เวลาเพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น” “แล้วมันยังไงคะ” นุชพินตาก็ไม่ยอมเหมือนกัน “เธออาจจะเป็นมือสองก็ได้” ‘เมื่อคืนเขาไปนอนที่ไหน แล้วไปนอนกับใคร’ ‘อ้อ… ก็คงจะเป็นผู้หญิงคนนั้นสินะ’ ดวงตาเศร้าลง เธอลุกขึ้นไปเปิดม่านหน้าต่าง และมองออกไปยังท้องทะเล แสงอาทิตย์กระทบกับระลอกคลื่นที่ไล่เรียงกันกระทบเข้าฝั่ง นุชพินตาถึงกับถอนหายใจดังเฮือก ‘ฉันมาทำอะไรอยู่ตรงนี้ มาให้เขาย่ำยีเล่นใช่หรือไม่’ เฝ้าถามตัวเองซ้ำไปซ้ำมา ‘ยะหยาอย่าเสียใจไปเลยนะ เธอต้องทำตัวเองให้เข้มแข็ง แข็งแรงเถอะ ในเมื่อเธอก็ไม่ได้รักเขาเหมือนกัน’ คำพูดปลอบโยนตัวเอง ‘ใช่… ฉันไม่ได้รักเขา และจะเกลียดเขาให้มากกว่านี้’ เธอตอกย้ำคำนี้เข้าไปในหัวใจของตัวเองด้วยความมุ่งมั่นและสายตาที่แน่วแน่ แม้จะรู้สึกเจ็บแน่นในหัวอก ------------------------------ “ฉันจะหย่ากับเธอ” เขาเอ่ยอย่างใจดำ หญิงสาวถึงกับใจหล่นวูบ เธอเม้มขบริมฝีปาก กลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่แล้ว นุชพินตาพูดอะไรไม่ออกแม้แต่คำเดียว “นางผู้หญิงไร้ยางอาย แพศยาฉันเกลียดผู้หญิงหลายใจ ฉันเกลียดผู้หญิงที่นอกใจ ไปให้พ้นจากบ้านของฉัน ไปให้พ้นจากหน้าฉัน พรุ่งนี้จะให้ทนายทำใบหย่า” “พี่ปุ่นคะ” เธอยกมือขึ้นมาไหว้เขาปลก ๆ “เราสองคนเพิ่งแต่งงานกันเองนะคะ ยะหยาไม่อยากให้คุณลุงและคุณย่าเสียใจ” “แต่สิ่งที่เธอทำล่ะ มันน่าอาย แล้วเธอไม่ละอายบ้างเหรอ หน้าด้าน” เขามีอาการเสียใจ และหัวเสีย นุชพินตาเอง เธอไม่คิดว่าปุลวัชรจะปากร้ายด่าทอเธอได้ถึงเพียงนี้ “ฉันจะหย่ากับเธอแน่นอน เตรียมปากกาไว้เซ็นใบหย่าในวันพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” พูดจบ เขาเดินเข้าไปใช้มือปัดแจกันที่อยู่ใกล้ และชกบานกระจกที่ใช้ตกแต่งอยู่ในห้องโถงด้วย จนกระจกแตกละเอียดทั้งบาน มือของปุลวัชรมีเลือดไหลซึม เขาจะเดินเข้าห้องทำงานและปิดประตูตามหลังดังโครม นุชพินตาตกใจ และหวาดกลัวกับสิ่งที่เธอได้เห็น ความดีใจที่สามีจะกลับมา เธอจะบอกข่าวดีเขา และกินข้าวด้วยกัน ได้มลายหายไปสิ้น มีเพียงความเศร้าเข้ามาทับถมอยู่ในจิตใจของนุชพินตา แล้วหญิงสาวยกมือขึ้นมาปิดหน้าปิดตาปล่อยโฮ
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
เมื่อสองปีที่แล้ว เพื่อช่วยคนรักในใจ พระเอกถูกบังคับให้แต่งงานกับนางเอก ในใจของเขา เธอเป็นคนน่ารังเกียจและแย่งคนรักของคนอื่น เขาเลยเย็นชาต่อเธอมาตลอด แต่กลับอ่อนโยนและเอาใจใส่กับคนรักในใจถึงเป็นเช่นนี้ เธอยังคงรักเขาอย่างเงียบ ๆ เป็นเวลาสิบปี ต่อมาตอนที่เธอรู้สึกเหนื่อยและอยากจะท้อแท้นั้น เขากลับตื่นตระหนก... เมื่อเธอกำลังจะตายขณะตั้งท้องลูกของเขา ในที่สุดเขาก็ตระหนักว่าผู้หญิงที่เขายอมเอาชีวิตตัวเองไปแลกนั้นก็คือเธอโดยตลอด
เส้าหยวนหยวนแต่งงานกับแม่ทัพเทพทรงพลังที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจนส่งผลกระทบต่อทางจิตใจหลังจาดที่เธอย้อนเวลา เธอไม่ต้องการเข้าไปพัวพันกับการสมรู้ร่วมคิด และต้องการร่วมมือกับเขาเพื่อแสวงหาอิสรภาพ เธอก่อตั้งธุรกิจ รักษาโรคของคนไข้ และช่วยชีวิตผู้คน เป็นคนที่ยอดเยี่ยม กลายเป็นผู้ช่วยที่ดีของแม่ทัพ แต่ต่อมาแม่ทัพกลับคืนคำ ไหนตกลงไว้ว่าจะหย่าล่ะ?
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"