รักข้ามภพ พันธนาการเหนือกาลเวลา "ดอกลั่นทม... สัญลักษณ์แห่งการรอคอย... รอรักแท้ หรือ รอคอยใครสักคนมาคลายปมใจ?" เมื่อชายหนุ่มผู้รักความสงบ ดันย้อนเวลากลับไปสู่ยุครัชกาลที่ 5 พบกับชายหนุ่มรูปงาม เสียงเพลงไทยโบราณ และความวุ่นวายอลหม่าน รักแท้ที่ผลิบาน ท่ามกลางกลิ่นอายของอดีต แต่แล้ว... ความจริงอันโหดร้ายก็ปรากฏ เขาไม่ใช่คนของโลกนี้! ดอกลั่นทมจะเป็นกุญแจไขความลับ นำทางเขากลับสู่โลกเดิม หรือ... ทิ้งทุกสิ่งเพื่อรักแท้ที่รอคอยมายาวนาน ร่วมค้นหาคำตอบไปพร้อมกัน #ทวิลีลาวดี นิยายโรแมนติกคอมเมดี้พีเรียด ที่จะพาคุณดำดิ่งสู่โลกอดีต เต็มไปด้วยความอบอุ่น ลุ้นระทึก ขำกลิ้ง และความประทับใจ
ห้องขนาดหนึ่งคูณหนึ่งไม่กว้างมาก พนังสีฟ้าอ่อน เตียงขนาดห้าฟุตชิดกำแพง แสงแดดกับเสียงนกร้องที่สาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างบานเกล็ดหัวเตียงทำให้ผมลืมตาตื่นขึ้น มือบางควานเข้าไปใต้หมอนหยิบโทรศัพท์สีดำขึ้นมาเปิดดูเวลา
[07.00]
ผมลุกขึ้นนั่งสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าปอดแรงๆ ยกยิ้มให้กับการเริ่มต้นใหม่เหมือนทุกวัน ก่อนลุกหนีออกจากผ้าห่มสีน้ำเงินแสนสบายที่มีรอยขาดเล็กน้อย ลุกไปอาบน้ำแต่งตัว
ทุกอย่างเรียบร้อยภายในสิบนาที ผมสะพายเป้สีเหลืองสดใสที่สายขาดข้างหนึ่งขึ้นบ่าขวา หยิบกุญแจปิดประตูออกไปขึ้นรถเมล์
ปริ้นๆ
“พี่ยอดหล่อมากเลยอะแก ถ้าฉันรู้ก่อนนะจะยอมซ้ำชั้นเลย ซ้ำชั้นสักปีแลกกับได้มีเพื่อนผู้ชายหล่อๆแบบนี้ คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม” หญิงสาวผมสีน้ำตาลที่นั่งด้านหน้าผมสองคนคุยกันเสียงดัง
“เดี๋ยว...ช้าๆ ค่อยๆพูด ไหน เอามาดูสิ” เสียงเงียบไปชั่วอึดใจ “นี่รุ่นน้องภาคเราหรือ ทำไมฉันไม่เห็นรู้ ว่าเรามีรุ่นหน้าเบ้าหน้าเทพบุตรแบบนี้”
“ถ้าเป็นรุ่นน้องก็ดีสิแก เนี่ยพี่ยอดปีสองโบราณคดี”
“ก็เป็นน้องสิ แบบนี้แกยอมซ้ำชั้นสิบปีก็เปล่าประโยชน์”
“อย่าหาทำ ใครมองหน้าพี่ยอดแล้วเรียกน้องได้ กูก้มกราบเลยเอ้า งานดีขนาดนี้”
ผมหูผึ่งฟังสองสาวด้านหน้าคุยอย่างออกรสออกชาติ ดูเหมือนพวกเธอจะเป็นนักศึกษามหาลัยเดียวกัน นี่ถ้าไม่อยากเสียมารยาทผมคงตะโกนใส่หูสองคนนั้นด้วยความภูมิใจว่า
ผมนี่แหละที่นอกจากไม่เรียกไอ้ยอดว่าพี่แล้ว เดี๋ยวจะควงแขนไปเที่ยวให้ดูเลย!
“ป้ายหน้ามหาวิทยาลัยเป็ดสวรรค์” กระเป๋ารถเมล์ตะโกนเสียงดัง
ผมกระชับสายเป้สีเหลืองลุกขึ้นยืนเตรียมตัวลงจากรถ ไม่ลืมหันไปมองสองสาวแล้วยิ้มให้อย่างนึกขำในใจ พวกเธอคงเป็นแฟนคลับหน้าใหม่ หารู้ไม่ว่าคนที่เธอชื่นชอบ ความจริงแล้ว...เป็นแค่ คนไม่เอาไหน
แกร๊ก....แกร๊ก...แกร๊ก
“ไม่มา ยังไม่มา”
ผมบ่นพึมพำอยู่หน้าประตูห้องเรียนหลังจากยืนรากงอกมาไม่ต่ำกว่าสิบนาทีแล้ว นักศึกษาทยอยกันเข้าห้องเรียนกันหมด ยกเว้น...ผม
หงุดหงิดอะ อยากเข้าไปในห้องก็ทำไม่ได้ ยืนต่อไป อย่างน้อยก็ยังสายไม่ถึงสิบนาที ไม่งั้นเข้าก่อนได้โดนเจ้านั่นบ่นแน่
“ฮ่าๆๆ มารอคนหล่อหรือครับน้อง”
หลงตัวเองไม่เปลี่ยน
ผู้ชายผิวขาวตาสีน้ำตาลผมสีน้ำตาล มองผ่านๆเหมือนพวกเกย์รับด้วยหุ่นทรงนายแบบและดูสำอาง แต่ยังดีที่การแต่งตัวและท่าทางดูแมนเต็มร้อย สาวๆในมหาลัยเลยต่างพากันตั้งฉายาให้ว่า ‘ยอดสายลมแห่งความเจ้าชู้’
ผมยักใหล่เหวี่ยงเป้ให้มาข้างหน้า มือล้วงหยิบสมุดเล็กเชอร์ที่มีตรามหาวิทยาลัยสองเล่มให้อีกคนที่มัวแต่กดโทรศัพท์
“ยอดสมชื่อจริงๆ มาสายไม่พอยังมัวแต่ตอบแชทสาว เอาสมุดคืนไปเลย”
“ฮ่าๆ น้ำเพื่อนรักวันนี้เลิกเรียนเดี๋ยวกูฝากเหมือนเดิมนะ มึงก็รู้ว่ากูไม่มีเป้ มาเรียนก็เจอมึงอยู่ดี ฝากเก็บหน่อยนะเพื่อน”
ผมเป็นเด็กเรียน หน้าตาไม่จัดว่าดีมากแต่อย่างน้อยก็ไร้สิวดูสะอาดไร้หนวดเครา จริงๆเป็นกรรมพันธุ์พ่อผมก็ไม่มีหนวดเครา
ผมพยักหน้าตัดรำคาญ รีบพาตัวเองเข้าห้องเรียน
“เดี๋ยวก่อน”
ผมหันไปมอง มือยังค้างที่ลูกบิดประตู
“มึงไม่ปิดกระเป๋าอีกแล้วนะ เมื่อกี้ตอนยืนรอก็เปิดอ้าซ่า”
“มันมีของสำคัญที่ไหน สงสัยลืมปิดตั้งแต่ตอนควักเงินซื้อตั๋วรถเมล์” ผมฉีกยิ้มให้ “ขอบใจที่เตือน”
.......
ออด!
พรึ่บพรั่บ ฉึบๆ เอี๊ยด
พอเสียงสัญญาณดังบอกเวลานักศึกษาก็พากันลุกขึ้นเก็บข้าวของรีบออกจากห้องไม่เว้นแม้แต่คนข้างๆผมที่นั่งเรียนไปตอบแชทสาวไป
“มึง กูกลับก่อนนะ รีบ อะนี่สมุด อย่าลืมเก็บดีๆปิดกระเป๋าด้วย” คนตัวโตปาดผมหนึ่งทีก่อนจะวางสมุดสองเล่มที่โต๊ะผม
“เฮ้อ เอาเถอะ พรุ่งนี้เจอกันแปดโมง คงไม่สายนะ”
“หา! พรุ่งนี้คนหล่ออย่างกูมีนัดโว้ย”
“ไม่ได้ พรุ่งนี้เราสองคนต้องไปสำรวจโบราณสถานบ้านเรือนไทยมาเขียนรายงาน เทอมนี้มึงก็รู้ว่าใครสอน กูไม่อยากหลุดทุน”
“ฮ่าๆ เด็กเรียนอย่างมึงๆไม่หลุดทุนหรอกน่า ไว้วันหลังนะ พรุ่งนี้กูนัดสาวไว้ ไปช้าสักก็ได้”
“ไม่ได้ อย่ามาต่อรอง”
“งั้นมึงไปหาซื้อเสื้อใหม่ไหม อย่าใช้แต่ของมือสอง เสื้อมึงเนี่ยเหลืองจนจะเน่าอยู่แล้ว กูไม่กล้าเดินด้วย เดี๋ยวสาวหนี”
เฮ้อ....มันยังใส่ได้จะซื้อทำไม
ผมลุกขึ้นยืนเมินคนที่ชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูด ไม่ได้โกรธอะไรนะครับ แต่เพราะเป็นเพื่อนกันไงเลยรู้ว่าถ้าคุยต่อต้องลงท้ายด้วยการเทนัดผมแน่ๆ
.......
“ที่นี่ดู...ไม่เหมือนบ้านเรือนไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 เลยนะ ปูพวกนนี้มันมาจากไหน ไม่ใช่ว่าถูกบูรณะก่อนขึ้นทะเบียนหรอกนะ”
บ้านเรียนไทยสองชั้นทรงตัวที่ด้านหน้าเป็นบันไดสองข้างเทลงตรงกลางใต้บันไดปีกซ้ายเป็นซุ้นประตูเข้าไปยังห้องด้านใน ให้ความรู้สึกเหมือนบ้านทรงตะวันตกที่ทำจากไม้เสียมากกว่า ผมพยายามชะเง้อคอมองเข้าไปในตัวบ้าน โดยเฉพาะห้องชั้น 1 เสียดายที่ข้างในมันมืด แถมยังมีรั้วกั้นเขตสงวนห้ามเข้าอีก
ดั้นด้นมายี่สิบกิโล สงสัยจะไม่คุ้ม
“ฮ่าๆๆ มาน้อง เดี๋ยวพี่จะเล่าให้ฟัง”
ผมละสายตาจากบ้านหลังโตตั้งตระหง่านมามองคนข้างๆ ทำหน้าเชิดดูภูมิอกภูมิใจมเสียเหลือเกิน เฮ้อ..เกินเยียวยา
“สมัยรัชกาลที่ 5 รับอิทธิพลหลายอย่างมาจากทางยุโรป ไม่ใช่แค่ปูนนะ จะอิฐ คอนกรีตหรือเสริมเหล็กทำหลังคารูปโดมก็ไม่แปลกหรอก”
“...”
นี่ผมหูฝาดไปไหมเนี่ย เพื่อนผมรู้เรื่องอื่นนอกจากเรื่องหญิงด้วยหรือ เหลือเชื่อจริงๆ สงสัยผมต้องมองเขาใหม่เสียแล้ว
“ทำไมมองกูงั้น? หึ หลงในความหล่อของกูแล้วล่ะสิ ฮ่าๆๆๆ”
“ก่อนหน้านี้ใครๆก็บอกว่ามึงเรียนผิดคณะ กูเองยังเห็นด้วย...เอ่อ นิดหนึ่ง ก็เห็นเข้ายิมน่าจะเหมาะไปเรียนวิทยาศาสตร์การกีฬามากกว่า”
ปึก
ยอดเข้ามาตบไหล่ผมฉาดหนึ่ง หัวเราะจนไหล่สั่น
“ฮ่าๆ หลงเสน่ห์ในมัดกล้ามของกูสินะ”
“เอ่อ คือว่า...เริ่มสำรวจกันดีกว่า เดี๋ยวจะเที่ยง”
“ฮ่าๆๆ ดีๆ เผื่อเสร็จไว กูจะได้ไปหาสาวไวขึ้น”
เฮ้อ ผมก็อยากไปว่ายน้ำเล่นที่สระว่ายน้ำมหาลัยเหมือนกัน
ผมเดินสำรวจรวบตัวอาคารอยู่พักใหญ่ บริเวณรอบตัวบ้านบางส่วนถูกกั้นและติดป้ายห้ามถ่ายรูปเนื่องจากบ้านหลังนี้มีอายุมากกว่า160ปี ด้านล่างมีความเป็นปูน เสียดายที่เข้าไปสำรวจห้องชั้นล่างไม่ได้เลยไม่รู้ว่าเป็นห้องอะไร หลังสำรวจรอบตัวบ้านเรียบร้อย ผมก็เดินขึ้นชั้นสองที่เป็นโซนไม้เรือนไทย ด้านบนนี้ยังมีสถาปัตย์กรรมและร่องรอยการตกแต่งแบบไทยเดิม
“ทำไมเย็นดีจัง อากาศแบบนี้ มีขนมไทยตั้งโต๊ะสักชุดคงเข้ากับบรรยากาศ แต่เห็นฝุ่นแล้วก็...ฮ่าๆๆ เอ๊ะ ห้องนั้นห้ามเข้า” ผมเดินเข้าไปใกล้ๆห้องทางปีกขวาของเรือน ประตูเปิดอ้าอยู่ ด้านในเหมือนจะเป็นห้องพระเก่า เพราะยังมีพวกโต๊ะหมู่บูชาผุๆตั้งให้เห็นที่ปลายหางตา วินาทีนั้นผมได้ยินเสียงตึ้งมาจากในห้อง เกือบจะก้าวเท้าไปดูแต่ยั้งตัวเองทัน
“สงสัยเป็นพวกหนูละมั้ง”
ฟิ้ว
“กลิ่นอะไรหอมจัง”
สายลมเย็นเตะกลิ่นหอมๆโชยเข้าจมูก ผมเดินตามกลิ่นลงมาถึงชั้นล่าง ด้านหลังเรือนพบต้นลีลาวดีต้นหนึ่งแผ่กิ่งก้านสาขาและผลิดอกส่งกลิ่นรัญจวน กลิ่นของมันบวกอากาศยามเย็นที่นี่ทำให้ผมวางเป้สีเหลืองโปรดลงข้างๆเอนหลังพิงอย่างช่วยไม่ได้ เปลือกตาหนักๆเริ่มปิดลง ในเสี้ยววินาทีนั้น ก่อนที่สติจะดับวูบ ผมได้ยินเสียงคนผู้หนึ่งพูดอะไรบางอย่าง
“มาสิ”
เสียงทุ้มๆเย็นๆของชายปริศนาดังระยะใกล้เสียดายที่กำลังงุนงงจนไม่รู้ว่าเขาพูดอะไร
…….โปรดติดตามตอนต่อไป…….
“ฮวาหลวน ลูกต้องช่วยงานเย็บปักของตระกูล” “ไม่มีทางหรอกแม่”ของมีคมสำหรับผม มันคือไวอากร้าน่ะสิ!แต่ใครจะไปคิดว่า…“ขนาดเกิดใหม่ ยังโดนสั่งให้เย็บผ้าอีก!”“ไม่ทำ ตัดนิ้ว” แม่ทัพใหญ่แม้จะทำเสียงดุ
ไวน์ นักศึกษาปี 2 เดือนคณะผู้ปฏิญาณตนว่าจะโสดตลอดไป เจ้าของใบหน้าหล่อออกหวานนิดๆแบบเกาหลี คนที่วันๆอยู่กับการวิ่งไปแย่งคอมตัวแรงเพื่อดูหุ้นไม่ก็จมหัวอยู่ที่ร้านหมูกะทะ เรื่องโน่นนี่ไม่สนก็จริง แต่ใครอย่ามาปากหมาใส่แล้วกัน แปลงร่างเป็นพิตบูทันที เบียร์ เอกอินเตอร์บริหาร คุณชายตระกูลดังขี้รำคาญ ใบหน้าหล่อคมที่ใครๆก็บอกว่าควรขึ้นตำแหน่งเดือนมหาลัย คุณชายที่ขับรถหรู ใช้ของแบรนด์เนมทั้งตัว แต่ติดที่ปากเสีย ขี้เหวี่ยง ไม่คบค้าสมาคมกับใคร ขู่ได้แม้กระทั่งอธิการบดี ꧁{★… ★}꧂ ไอ้ผู้ชายปากหมานั่นใครวะ หยิ่งฉิบหาย พอแหย่เขาแล้วเขาไม่เล่นด้วย ไวน์เลยตามตอแยทุกวิถีทาง แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้คิดอะไรนะ ด่าเขาปาวๆ บอกแค่จะเอาของมาคืน! เบียร์เห็นก็เลยแก้เผ็ด วุ่นวายดีนัก ตีหัวรวบเข้าบ้านเลยแล้วกัน “อย่าดื้อ หมอสั่ง” “หรือวะ หมอสั่งให้กูอยู่กับมึงนานขนาดนี้เลย?” ฟอด!!! คุณตำรวจ มีคนลวนลาม! “ไอ้เห้เบียร์!!” ꧁{★… ★}꧂ Trigger Warning ***สำหรับนักอ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*** นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาติดเรท 18+ คำหยาบคาย และฉากไม่เหมาะสม. โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. *พฤติกรรมบางอย่างไม่ควรลอกเลียนแบบ
เหมยลี่ อายุ 25 ปี คุณหนูผู้ร่ำรวย สาวตากลมตัวเล็กผิวขาวมาดซีอีโอนุ่มนิ่ม เธอใช้เงินบัลดาลทุกอย่างตามใจ ไม่แคร์โลก ใครจะรู้ว่าภายใต้หน้ากากของซีอีโอสาวสุดเพอร์เฟค จะเต็มไปด้วยเรื่องราวของนิยายในหัว แถมมีอยู่เรื่องเดียวซะด้วย งานนี้งานการไม่ทำมันแล้ว มู่จิน พระเอกนิยายติงต๊อง ที่ฆ่าเมียตัวเองตายในคืนเข้าหอ ชายหนุ่มร่างใหญ่เจ้าของเรือนผมดำยาวและสันกรามทรงเสน่ห์ เขามีประวัติความเป็นมาหรือเรื่องราวของเขาเป็นมาอย่างไร ไม่มีผู้ใดรู้ได้ เขาเบื่อหน่ายโลกใบนี้เต็มทน ชีวิตคนสำหรับเขาก็เป็นเพียงเศษหญ้าเท่านั้น ꧁⊱ ⊰꧂ เพราะถูกรถชนตายตอนที่เพิ่งอ่านนิยายจบรอบที่ 99 ยังไม่ครบร้อย พอลืมตามาก็อยู่ในร่างตัวประกอบ ไม่ใช่นางเอกไม่พอยังต้องแต่งงานกับคนบ้า 'เหมยลี่' คนนี้เลยต้องพยายามฆ่าเจ้าบ่าวในห้องหอ ก่อนที่เธอจะถูกเขาฆ่าตามบทในนิยายอีกครั้ง แต่แล้ว ความพยายามของเธอก็ไร้ค่า เธอตายอีกครั้งแล้วไม่ได้กลับโลกเดิม แต่ย้อนกลับมาที่คืนเข้าหอ ทว่าทำไมรอบนี้คุณพระเอกเจ้าบ่าวมองเธอตาเยิ้มขนาดนั้นล่ะเนี่ย ꧁⊱ ⊰꧂ Trigger Warning ***สำหรับนักอ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน*** นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้นจากจินตนาการของผู้เขียน ไม่มีความเกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ หรือเหตุการณ์จริงใดๆ นิยายเรื่องนี้มีเนื้อหาติดเรท 18+ คำหยาบคาย และฉากไม่เหมาะสม. โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน. *พฤติกรรมบางอย่างไม่ควรลอกเลียนแบบ*
เตียวเฉิน ก่อนตายเป็นอย่างไรไม่รู้ แต่ในโลกใหม่ เขาเป็นพระรองมาดแมนแม้ตัวจะไม่มีกล้ามแซงหน้าพระเอก ในเมื่อเกิดมาหล่อ รวย หน้าตาการศึกษาดี แต่ข้างในวิญญาณไม่มีความรู้สักกะติ๊ด เขาจึงพยายามใช้สมองอันน้อยนิดหาหนทางรอด ด้วยการ มุดโพลงหมาลอดออกไปเป็นขอทานเสียเลย มู่จิน พระเอกของโลกใบนี้ นักธุรกิจและผู้มีอำนาจที่สุดในเมือง ชายหุ่นกล้ามที่ชอบใส่สูทผูกไทป์ แล้วหมกตัวอยู่แต่ในบ้าน สีหน้าของเขาเยือกเย็นตลอดเวลา อะไรๆในโลกก็น่ารำคาญไปหมด ยกเว้นวันที่เห็นตัวอะไรปีนเข้าบ้าน ꧁{★… ★}꧂ เกิดใหม่ก็ต้องดิ้นรนหนีออกจากบ้าน พอนึกไปแล้ว เข้าร่างพระรองมาได้ไม่กี่เดือน แต่เดี๋ยก็ถึงเวลาที่พระเอกนายเอกเขาก็จะเจอกันแล้ว ผมก็ชิงหนีออกไปเป็นขอทานก่อนน่ะสิ เรื่องอะไรจะอยู่รอแบดเอ็น เอ๊ะ ผู้ชายที่เปลื่อยกายนั่นหน้าคุ้นๆ ทำไมบ้านที่ผมปีนกำแพงเข้าไปมันดันเป็นบ้านพระเอกล่ะ ซวยแล้ว งั้นตีเนียนไม่รู้ไม่ชี้ก่อนแล้วกัน ทั้งที่ตั้งใจจะอยู่ที่นี่อีกนิดเดียวแท้ๆ พวกคนใช้เองก็บูลลี่กันอยู่ได้ ผมมั่นใจว่าพระเอกต้องโยนผมออกไปในไม่ช้า เขาน่ะระแวงผมเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่... แปลกๆ นะ ขอทานแล้วได้เสื้อผ้า อาหาร เพชรพลอย ที่แปลกกว่าคือ พอผมอาละวาทพังบ้าน เกิดอะไรขึ้นรู้ไหม เจ้าของบ้านซื้อเฟอร์ใหม่มาให้พังเพิ่มน่ะสิ วันๆหัวจะปวด เขาจับผมมัดตั้งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในห้องทำงาน แล้วก็เอาแต่นั่งครุ่นคิดว่าพรุ่งนี้จะเอาอะไรมาให้ตอนผมขอทานดี ผมนี่ขมวดคิ้วเลย ꧁{★… ★}꧂
เมื่อคู่แห่งโชคชะตา4ขวบ อัลฟ่าพัมธุ์แท้คนสุดท้าย ผู้เพรียบพร้อมด้วยเงินและอำนาจ วันหนึ่งลูกน้องก็พังประตูเข้ามาบอกว่า เจอคู่โชคชะตาเขาแล้ว ทว่า จะป้ำลูกยังไง ก็เนื้อคู่เขาใส่ชุดอนุบาลหมีน้อยกอดตุ๊กตา
อาหลีพยายามหาหลัวในฝันผ่านตู้ปลากัด ใครที่เดินผ่านปลากัดแล้วจ้องตาเขาตอน9โมงตรงคนนั้นคือ เนื้อคู่ ...เจ้าของร้านเอือมจนขี้เกียจไล่ มาบ่อยแค่ไหนถามใจเธอดู แต่โชคชะตาก็เล่นตลกเมื่อเนื้อคู่ไม่ชอบป้าบ!
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"