เมื่อแอลตัน หนุ่ม playboy ตัวพ่อ ที่ป้อสาวมาแล้วทุกวงการ ต้องมาเจอสายป่าน(สายป่วน) สาวแซ่บแสบซ่าที่ไม่เคยยอมใคร งานนี้จะลงเอยกันแบบไหน จะชุลมุนวุ่นวายกันยังงัย กว่าเธอจะทำให้เสือร้าย กลายเป็นหมาหงอย -แอลตัน อายุ 35 ปี หนุ่ม playboy ชาวฝรั่งเศส ที่หล่อและรวยครบเครื่อง ใช้ชีวิตสุดคุ้มมาจนป่านนี้ก็ยังไม่คิดจะลงเอยกับใครเพราะอดีตที่ฝังใจและยังเสียดายความโสด -สายป่าน สาวน้อยวัย 20 ปี เพื่อนตั้งฉายาให้ว่า ยัยสายป่วน เพราะสวยแซ่บ และแสบสันเหลือทน เธอเป็นคนที่ไม่ยอมใคร ถ้าไม่พอใจก็พร้อมจะดับเครื่องชน **เรื่องนี้เป็นเรื่องเพื่อนของเรื่อง Malalin of love ร้อยรักมาลารินทร์ (เซดริก-มาลารินทร์)
“แม่คะ แม่ทำใจดี ๆ ไว้นะคะ แม่ต้องไม่เป็นอะไรนะ ได้ยินเสียงป่านไหมคะแม่ ... ฮือๆๆ” สายป่านสาวน้อยวัย 18 ปี ร้องเรียกนางสายสุนีย์ผู้เป็นมารดา ที่เป็นลมหมดสติอยู่บริเวณห้องโถงของบ้าน หลังจากที่เธอเพิ่งกลับมาจากโรงเรียนเมื่อครู่นี้เอง
“พ่อ!! .. พ่อคะ พ่ออยู่ไหน ช่วยแม่ด้วยค่ะ”เธอพยายามตะโกนเรียกพ่อของเธอ แต่ไร้เสียงตอบกลับใด ๆ เธอยกศีรษะของมารดาขึ้นหนุนกับตักเล็กของตนเอง แล้วรีบกดโทรศัพท์เรียกรถพยาบาลในทันที
@ รพ.bkk
“คุณหมอคะ แม่ของหนูอาการเป็นอย่างไรบ้างคะ” เด็กสาวเอ่ยถามทันทีที่เห็นคุณหมอออกมาจากห้องฉุกเฉิน น้ำเสียงของเธอสั่นเครือจนคุณหมอเองยังอดสงสารเด็กสาวตรงหน้าไม่ได้
“คุณแม่ของหนูตอนนี้ปลอดภัยแล้วนะครับ แต่คนไข้มีอาการอ่อนเพลียและความดันขึ้นสูงมาก ตอนนี้หมอขอให้คนไข้นอนรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพื่อดูอาการก่อน เพราะความดันยังไม่ปกติ ยังถือว่าอันตรายอยู่มากครับ” คุณหมอท่าทางใจดี อธิบายให้เด็กสาวได้เข้าใจเกี่ยวกับอาการของนางสายสุนีย์ผู้เป็นมารดา
ขณะนั้นเจ้าหน้าที่พยาบาลก็ได้เข็นเตียงของนางสายสุนีย์ออกมาจากห้องฉุกเฉิน เพื่อพาไปห้องผู้ป่วยหญิง สายป่านจึงกึ่งเดินกึ่งวิ่งตามไป หลังจากแม่ได้เข้ามาพักฟื้นในห้องผู้ป่วยแล้ว สายป่านก็นั่งลงข้างเตียงผู้เป็นแม่ นางสายสุนีย์กำลังนอนหลับด้วยฤทธิ์ยา และคงเป็นเพราะอาการอ่อนเพลียมากอย่างที่คุณหมอบอก ทำให้แม่เธอหลับไปหลายชั่วโมง
สายป่านเผลอซบหน้าหลับไปที่ข้างเตียงของนางสายสุนีย์ นานเท่าไรไม่รู้ มารู้สึกตัวอีกทีตอนได้ยินเสียงเรียกที่ข้างหู พร้อมกับตัวที่ถูกเขย่าเบา ๆ
“ป่าน .. ป่าน ” เธอตื่นขึ้นมาด้วยสีหน้างัวเงีย ยกมือเล็ก ๆ ขึ้นขยี้ตาเบา ๆ
“พี่ยศ พี่มาได้ไงคะ” สายป่านเอ่ยถามกิตติยศ ชายหนุ่มอายุ 22 ปี ผู้มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องของเธอ เขาเป็นลูกของอากิตติศักดิ์ ซึ่งเป็นน้องของพ่อ สร้างบ้านอยู่บนที่ดินผืนใหญ่ ผืนเดียวกันกับบ้านพ่อของเธอ โดยปู่เป็นคนยกให้อากับพ่อนั่นเอง
“”ตอนที่กลับมาจากมหาลัย พอดีพี่แวะที่ซื้อข้าวที่ร้านป้ามาลี ป้ามาลีบอกพี่ว่าป่านเรียกรถพยาบาลมารับป้านี แต่ไม่รู้ว่าเป็นอะไร พี่ก็เลยรีบตามมาที่โรงพยาบาลนี่แหละ แล้วนี่ลุงเวชไปไหนล่ะ พี่ไม่เห็นเลย” กิตติศักดิ์เอ่ยถามถึงนาย ปิยะเวช ซึ่งเป็นลุงของเขา เพราะที่บ้านก็ไม่อยู่ ที่โรงพยาบาลก็ไม่เห็นมี
สายป่านชวนกิตติยศออกมาคุยกันที่ด้านนอก เพราะไม่อยากรบกวนเวลาพักผ่อนของแม่ และเกรงใจคนไข้คนอื่น เพราะห้องพักฟื้นนี้เป็นห้องรวม เธอยังติดต่อพ่อไม่ได้ เลยไม่รู้ว่าจะต้องทำอย่างไรต่อไป
“ป่านยังติดต่อพ่อไม่ได้เลยพี่ยศ โทรไปก็ปิดเครื่องตลอด ป่านว่าคงจะไปกกอยู่กับอีรัมภาตามเคยนั่นแหละ ทำไมพ่อถึงเป็นแบบนี้ล่ะพี่ ทำไมพ่อไม่สงสารแม่บ้างเลย คอยดูนะถ้าป่านเจออีรัมภาเมื่อไหร่จะตบล้างน้ำให้หายโสโครกเลย เป็นคนดี ๆ ไม่ชอบ ชอบเป็นบุ้ง ... บุ้งร่านนนน ร่านได้ร่านดี” สายป่านพูดกับพี่ชาย จนพี่ชายต้องร้องห้าม เพราะไม่อยากให้เธอก้าวร้าวมากเกินไป
สายป่านกัดฟันกรอด เธอสงสารแม่ และเจ็บใจพ่อที่หลงผู้หญิงคราวหลาน ที่ชื่อวิไลรัมภาชนิดหัวปักหัวปำ จนไม่สนใจแม่ของเธออีกเลย เธอไม่เข้าใจว่าทำไมแม่ถึงได้ยอมพ่อทุกอย่างโดยไม่มีปากมีเสียงอะไรสักนิด ทั้งที่พ่อก็ทำให้แม่เจ็บใจอยู่ทุกวัน เธอเคยบอกให้แม่ลุกขึ้นมาทวงสิทธิ์ของตัวเองบ้าง แต่แม่ก็บอกว่าให้ปล่อยเขา ช่างเขา จนบางครั้งเธอเองก็หงุดหงิดในความไม่สู้คนของแม่เหลือเกิน ถ้าเป็นเธอล่ะก็ บ้านได้พังไปนานแล้ว ถ้าต้องทำเฉยๆ แบบแม่เธอล่ะก็นะ ...เธอคงจะอกแตกตาย
วิไลรัมภาเป็นสาวสวยอายุอานามแค่ 28 ปีเท่านั้น ส่วนนายปิยะเวชพ่อของเธออายุ 45 ปี ถือว่ายังเป็นหนุ่มใหญ่ที่ดูดีและแข็งแรงอยู่มาก ทั้งสองเพิ่งจะรู้จักและมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันเมื่อราว ๆ สามเดือนก่อน ทั้ง ๆ ที่วิไลรัมภาก็รู้ทั้งรู้ว่าพ่อของเธอมีลูกเมียอยู่แล้ว แต่หล่อนก็ยังยอมตกเป็นเมียน้อยของพ่อ แถมยังกล้าไปไหนมาไหนอย่างหน้าชื่นตาบาน ไม่ได้เกรงกลัวเวรกรรมเลย คงจะเป็นเพราะกลิ่นเงินของพ่อเธอมันหอมหวานนั่นแหละ ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นว่ารัมภาเข้ามาในชีวิตพ่อเพราะหวังอะไร พ่อเป็นเจ้าของสัมปทานปางไม้รายใหญ่ของที่นี่ ไม่แปลกเลยที่ผู้หญิงมักง่ายอย่างวิไลรัมภาจะใช้ความสาวสวยเข้าหาพ่อของเธอก่อน แต่ก็น่าแปลกใจ ตรงที่พ่อของเธอกลับไม่รู้ หรือบางทีอาจจะรู้แต่แกล้งไม่รู้ก็เป็นได้
กิตติยศลูบหัวน้องสาวเบา ๆ และบอกให้สายป่านใจเย็น ๆ ถึงแม้เขาจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำของลุง แต่เขาเองก็เป็นคนนอก ไม่มีสิทธิ์ที่จะเข้าไปยุ่งเกี่ยวเรื่องในครอบครัวคนอื่น เขาทำได้แค่เพียงคอยดูแลสายป่าน ซึ่งเป็นน้องสาวคนเดียวของเขาเท่านั้น เพราะทั้งเขาและสายป่าน ต่างก็เป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ทั้งคู่ พวกเขาจึงสนิทกันมาตั้งแต่เด็ก ๆ เพราะต่างคนต่างก็ไม่มีเพื่อน สองพี่น้องเลยเล่นกันมาตั้งแต่เด็ก จึงไม่แปลกเลยที่สายป่านจะมีนิสัยห้าวๆ เหมือนผู้ชายและเป็นคนที่ไม่กลัว และไม่ยอมใคร
“เดี๋ยวพี่อยู่ที่นี่ดูป้านีให้ก่อน ป่านกลับบ้านไปอาบน้ำอาบท่าเตรียมข้าวของมาเฝ้าแม่แล้วกันนะ” กิตติยศส่งกุญแจรถจักรยานยนต์ของเขาให้น้องสาว ระยะทางจากรพ.กลับไปถึงบ้านไม่ไกลนัก ราว ๆ 5 กม.เท่านั้นเอง
สายป่านขี่รถมาถึงบ้านก็เห็นรถยนต์ของพ่อจอดอยู่ในบ้าน แสดงว่าพ่อคงกลับมาแล้ว เธอรีบเข้าไปในบ้านเพื่อพบกับพ่อทันที พ่อกำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่โซฟาโดยไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลย ว่าลูกเมียหายไปไหนกันหมด
“พ่อคะ พ่อไปไหนมา หนูโทรติดต่อพ่อก็เป็นสัญญาณปิดเครื่อง พ่อรู้ไหมว่าแม่เป็นลมหมดสติอยู่ในบ้านตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ หนูกลับมาจากรร.ก็เห็นแม่หมดสติแล้ว ตอนนี้หมอให้นอนที่โรงพยาบาลนะคะ” สายป่านรีบบอกพ่อของเธอ หวังว่าเขาจะมีอาการเป็นห่วงเป็นใยแม่ของเธอบ้าง แต่พ่อกลับพยักหน้ารับรู้เฉย ๆ เท่านั้น จนสายป่านเริ่มจะหมดความอดทน
“นี่พ่อไม่รู้สึกอะไรบ้างเลยเหรอ แม่ไม่สบายอยู่รพ.พ่อไม่คิดจะถามไถ่ หรือคิดจะไปเยี่ยมไปหาบ้างเลยหรือไง” สายป่านพูดกับผู้เป็นพ่อ เธอรู้สึกผิดหวังในการกระทำของพ่อที่แสดงต่อแม่เป็นอย่างมาก
“นี่แกอย่ามาขึ้นเสียงกับฉันนะ!! ฉันก็มีธุระของฉันบ้างสิ แม่แกก็อยู่ที่รพ.แล้วนิ ถึงฉันไปก็ช่วยอะไรไม่ได้หรอก ฉันไม่ใช่หมอ” สายป่านหู้อื้อ ตกตะลึงกับคำตอบที่ไม่คาดคิดว่าจะได้ยินออกมาจากปากของคนเป็นพ่อ เธอกัดริมฝีปากล่างของตัวเองแน่น ๆ
“ธุระสำคัญ !! อย่านึกว่าหนูไม่รู้นะว่าพ่ออยู่ที่ปางไม้กับอีผู้หญิงโสโครกคนนั้น พ่อใจดำกับแม่มากเกินไปแล้ว ป่านเกลียดพ่อ” สายป่านตะโกนออกมาอย่างสุดทน แล้วเดินปึงปังขึ้นบ้านไป
เพราะเธอเป็นรักครั้งแรกและรักเดียว เขาจึงทุ่มเทให้เธอทุกอย่าง แต่สิ่งที่ได้รับกลับมาคือการทรยศหักหลัง และเมื่อวันหนึ่งที่เธอต้องกลับเข้ามาในชีวิต เขาจึงยินดีรับเธอไว้เพื่อชดใช้ในสิ่งที่เธอเคยทำในอดีต ฟาริส เด็กหนุ่มวัยรุ่นที่ใช้ชีวิตแบบธรรมดา แต่วันหนึ่งเขากลับถูกหักหลังจาก "มัต" ผู้หญิงคนเดียวที่เขารักหมดหัวใจ หลังจากนั้นมุมมองและศรัทธาเกี่ยวกับความรักของเขาก็เปลี่ยนไปตลอดกาล มัตตัญญุตา เด็กสาวที่ศรัทธาและมั่นคงในความรัก แล้ววันหนึ่งเธอกลับต้องเลือกทรยศแฟนของตัวเอง แต่โชคชะตากลับเล่นตลกเมื่อเธอจำเป็นต้องกลับมาหาเขาอีกครั้ง ในฐานะใหม่ที่ไม่ใช่คนรัก แต่กลับกลายเป็น ทาส แทน แนะนำตัวละคร ฟาริส ลูกชายคนเล็กของแด๊ดแอลตัน กับมัมสายป่าน (จากเรื่องเมื่อ Playboy ตัวร้ายต้องแพ้พ่ายยัยตัวเล็ก ) มัตตัญญุตา หรือ มัต ตัวละครใหม่ คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริงอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ขอองนามปากกา "ญาตาวีมินทร์" แต่เพียงผู้เดียว ห้ามเผยแพร่ คัดลอก ดัดแปลง ทำซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ใดละเมิดถือว่าทำผิดกฏหมายตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537 มาตรา 15 17 31 มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
นาธัชชาถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจากผู้เป็นพ่อ เพียงเพราะเธอมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ใครจะคิดว่าชีวิตเด็กเจ็ดขวบ จะถูกโชคชะตาเล่นตลกครั้งแล้วครั้งเล่า และพลิกผันจนกลายเป็น 18 มงกุฏ เพื่อความอยู่รอดของชีวิต ฟาเบียน (อายุ 35 ปี) ชายหนุ่มรูปหล่อทายาทคนโตแห่งมาร์ตินกรุ๊ป เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีธุรกิจโรงแรมทั้งที่ไทยและฝรั่งเศส ชีวิตของเขามีพร้อมทุกอย่างแต่กลับไร้เงาของสาวข้างกาย ใครๆ ก็พูดว่าเขาตั้งมาตรฐานผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ชีวิตไว้สูง บางคนบอกว่าระดับเขาต้องได้ผู้หญิงระดับนางงามที่มีมงกุฏการันตีความสวย ซึ่งมันก็คงจะจริง เพราะสาวที่เข้ามาพัวพันเป็นสาวสวยที่มีมุงกุฏการันตี และไม่ได้มีแค่มงกุฏเดียว เพราะเธอเป็น 18 มงกุฏ นาธัชชา (อายุ 20 ปี) นาธัชชาหรือหนูนา เด็กหญิงผู้เผชิญกับชีวิตที่แสนรันทดตั้งแต่อายุแค่เจ็ดขวบ เธอถูกพ่อแท้ๆ ยัดเยียดให้เป็นตัวซวย เพียงเพราะมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ชีวิตของเธอต้องพลิกผันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นกราฟชีวิตที่มีแต่จะตกต่ำ จนถึงขั้นต้องเป็น 18 มงกุฏ เพียงเพราะความอยู่รอดของชีวิต ความแตกต่างและความห่างชั้นทางสังคม จะชักนำให้เขาและเธอมาเจอกันได้อย่างไร เรามาติดตามไปพร้อมๆ กันค่ะ - ฟาเบียน ลูกชายคนโตของ เซดริก และมาลารินทร์ จากเรื่อง Malalin of love ร้อยรักมาลารินทร์ - นาธัชชา หรือหนูนา ตัวละครใหม่ คำเตือน -นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริง -นิยายอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม ทั้งเรื่องเพศ และมีคำหยาบคาย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน - นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
พุทธมิกาหัวใจแตกสลายเมื่อเห็นชายคนรักที่เธอเฝ้ารอคอยมาตลอด เขากลับมาแล้ว แต่กลับมาพร้อมลูกสาวฝาแฝดและภรรยาคนสวยที่ยืนอยู่ต่อหน้าของเธอในตอนนี้ "พี่วิลล์รู้จักเธอหรือเปล่าคะ?" "พี่ไม่รู้จักครับ" วิลสัน มาเฟียหนุ่มรูปหล่อแห่งทริปเปิลวิลล์ ด้วยนิสัยส่วนตัวที่สุภาพและใจดี ทำให้ทุกคนที่รู้จักให้ฉายาเขาว่า "สุภาพบุรุษมาเฟีย" แต่หากใครกล้ามาล้ำเส้น เขาก็พร้อมจะส่งพวกมันไปลงนรกทันที พุทธมิกา ครูสาวคนสวย ผู้เสียสละชีวิตสุขสบายในเมืองกรุง ไปเป็นครูอาสาบนดอยที่ห่างไกลความเจริญ เพราะที่นั่นคือที่ที่ทำให้ชีวิตของเธอมีอิสระไร้พันธนาการ เมื่อบุปเพนำพาให้หนุ่มสาวคู่นี้มาเจอกัน เรื่องราวความรักของพวกเขาจะเป็นไปอย่างไร มาติดตามกันได้เลยค่ะ แผนผังตัวละคร ชุดทริปเปิลวิลล์ สุภาพบุรุษมาเฟีย วิลสัน-พุทธมิกา = วินเนอร์ - วินนี่ (แฝดชาย) / วิโอร่า - วีโอเล็ต (แฝดหญิง) จอนนี่-วันมาตา = มาร์ติน – มารียา หลงกลรักมาเฟีย วิลเซอร์-สิมิลัน = สมิหลา – อันดามัน (แฝดหญิง) / วิคเตอร์ – พีพี - ลันตา (แฝดสาม) อัลเฟรด-ดาหลา = ลีออง – รีอัล ผัวมาเฟียเมียกำมะลอ วิลเซนต์-ไอด้า = วิลตัน-วิลแฮม-วิลล์ด้า-วิลลาเบลล์ (แฝดสี่) นาวิน-ยิปซี = ราเชลล์ – ดาวินซี คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริงอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไปเท่านั้น
วิลเซนต์ มาเฟียหนุ่มนักรัก เจ้าของสโลแกน "ไม่ง่ายแต่ได้ไม่ยาก"และ"ไม่มั่วแต่ทั่วถึง" เมื่อจะถูกมัมจับคลุมถุงชน ก็แหกถุงแม่งเลย.. "ไอด้า แต่งงานกะพี่ไหม" "พี่วิลล์จะบ้าเหรอ" "มาเป็นเมียของพี่เถอะ" วิลเซนต์ มาเฟียหนุ่มแฝดสาม ลำดับสุดท้ายของทริปเปิลวิลล์ พ่อรูปหล่อนักรักและไม่เคยพักเรื่องเจ้าชู้ ด้วยความที่รูปหล่อและฐานะที่แสนจะร่ำรวยครบเรื่องจนเป็นที่หมายตาของสาวสดและไม่สดทั้งหลายแหล่ ที่จ้องจะจับเขาให้อยู่หมัด ร้อนถึงมัมเคธี่ที่กลัวว่าถ้าปล่อยให้วิลเซนต์เป็นพ่อพวงมาลัยลอยไปลอยมาอยู่แบบนี้ สักวันหนึ่งคงได้มีสาวอุ้มท้องป่องๆ มาร้องขอสิทธิ์ความเป็นสะใภ้แน่ ๆ มัมเคธี่จึงเลือกวิธีคลุมถุงชน แต่พ่อกะล่อนคนนี้จะยอมง่ายๆ เหรอ ไอด้า สาวน้อยวัยสดใส เธอเป็นลูกสาวเพื่อนรักของพ่อกับแม่ของวิลเซนต์ เขากับเธอเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เด็กจึงค่อนข้างสนิทกัน และเธอก็แอบประทับใจวิลเซนต์มาตั้งแต่เด็กๆ ไม่ว่าจะเล่นพ่อแม่ลูกกันกี่ครั้งก็จะต้องขอเป็นเจ้าสาวของวิลเซนต์เสียทุกครั้งไป แต่นั่นมันก็แค่ความคิดในวัยเด็ก แล้วเรื่องราวจะเป็นยังไงเมื่อจู่ๆ เขามาขอให้เธอเป็นเมียกำมะลอ แต่งงานกับเขาแบบหลอก ๆ แล้วเธอล่ะจะยอมอยู่ในตำแหน่งนี้ไหม ... ***น้องไอด้า ลูกสาวคนกลางของแด๊ดแอลตันกับมัมสายป่าน จากเรื่อง เมือ playboy ตัวร้ายต้องแพ้พ่ายยัยตัวเล็กค่ะ*** คำเตือน นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริงอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ของนามปากกา "ญาตาวีมินทร์" แต่เพียงผู้เดียว ห้ามเผยแพร่ คัดลอก ดัดแปลง ทำซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ใดละเมิดถือว่าทำผิดกฏหมายตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537 มาตรา 15 17 31 มีโทษทั้งจำทั้งปรับ แผนผังตัวละคร ชุดทริปเปิลวิลล์ สุภาพบุรุษมาเฟีย คู่หลัก-วิลสัน-พุทธมิกา คู่รอง-จอนนี่-วันมาตา หลงกลรักมาเฟีย คู่หลัก-วิลเซอร์-สิมิลัน คู่รอง-อัลเฟรด-ดาหลา ผัวมาเฟียเมียกำมะลอ คู่หลัก-วิลเซนต์-ไอด้า คู่รอง-นาวิน-ยิปซี
"เธอมาหาน้องชายฉันเพราะอยากขายตัวแลกหนี้ใช่ไหม .. เสียใจด้วยนะเพราะฉันไม่ใช่ไอ้วิลเซนต์ แล้วผู้หญิงอย่างเธอน่ะ อย่าว่าแต่เอาตัวแลกหนี้หลักล้านเลย แค่หลักร้อยฉันยังเสียดายเงิน" วิลเซอร์ หนุ่มหล่ออายุ 24 ปี เป็นชาวฝรั่งเศสโดยกำเนิด และเป็นหนึ่งในลูกชายแฝดสาม ที่รู้จักกันในนามทริปเปิลวิล เขาเป็นแฝดคนกลางของพี่น้องฝาแฝดชายสามคน หรือบางคนเรียกเขาว่า V2. ครอบครัวพวกเขาเป็นมาเฟียกันมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่ย่าตาทวด มีกิจการตั้งแต่ขาวไปจนถึงเทา เขาเป็นคนเงียบๆ เนี้ยบ และเฉียบขาด สิมิลัน หรือ เก้า เด็กสาวอายุ 22 ปี ที่ชีวิตอาภัพเหลือเกิน เพราะตั้งแต่สูญเสียพ่อไป ชีวิตของเธอก็เริ่มเสียศูนย์และดิ่งลงเหว ชีวิตตกอับขั้นสุดแม้กระทั่งคนที่เธอเรียกว่าแม่ ยังทำให้เธอผิดหวังและเจ็บปางตาย เธอพยายามรักษาบ้าน ที่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของพ่อไว้เพื่อเก็บไว้เป็นความทรงจำ แต่สุดท้ายก็ถูกทริปเปิลวิลล์ยึดไป สิมิลันขอเข้าพบเจ้าหนี้ หวังว่าจะได้รับความเมตตาจากพวกเขาบ้าง แต่เธอคิดผิดถนัด เพราะนอกจากเขาจะไม่ช่วยแล้ว ชีวิตเธอกลับยุ่งวุ่นวายมากกว่าเดิมเสียอีก ชีวิตเธอจะขึ้นสวรรค์หรือดิ่งลงเหว มาลุ้นไปด้วยกันค่ะ "ญาตาวีมินทร์" นิยายเซ็ทมาเฟียตระกูลทริปเปิลวิลล์ แฝดสามสุดหล่อที่มีบุคลิกและนิสัยต่างกันโดยสิ้นเชิง มีทั้งหมดสามเรื่องตามแผนผังดังนี้ค่ะ แผนผังตัวละคร ชุดทริปเปิลวิลล์ สุภาพบุรุษมาเฟีย (คู่หลัก) วิลสัน+พุทธมิกา = วินเนอร์ - วินนี่ / วิโอร่า - วีโอเล็ต (คู่รอง) จอนนี่-วันมาตา = มาร์ติน – มารียา หลงกลรักมาเฟีย (คู่หลัก) วิลเซอร์+สิมิลัน = สมิหลา – อันดามัน / วิคเตอร์ – พีพี - ลันตา (คู่รอง) อัลเฟรด-ดาหลา = ลีออง – รีอัล ผัวมาเฟียเมียกำมะลอ (คู่หลัก) วิลเซนต์+ไอด้า = วิลตัน-วิลแฮม-วิลล์ด้า-วิลลาเบลล์ (คู่รอง) นาวิน+ยิปซี = ราเชลล์ – ดาวินซี คำเตือน - นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริงอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ขอองนามปากกา "ญาตาวีมินทร์" แต่เพียงผู้เดียว ห้ามเผยแพร่ คัดลอก ดัดแปลง ทำซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ใดละเมิดถือว่าทำผิดกฏหมายตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537 มาตรา 15 17 31 มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
"ไอ้ฟาบริซ ไอ้ปากหมา ผู้ชายปากกรรไกรแบบนี้ใครเขาจะเอามาทำพืชทำพันธุ์ห๊ะ" "แล้วเธอล่ะ ปากแจ๋วขนาดนี้ใครเขาจะเอาทำเมีย ใครได้ไปซวยตายห่า อยู่ขึ้นคานไปเถอะจะได้ไม่เป็นภาระให้ผัวกับพ่อผัวแม่ผัวในอนาคต" แอลลี่ สาวสวยลูกครึ่งฝรั่งเศส-ไทย ปัจจุบันเรียนอยู่คณะบริหารธุรกิจปี 4 อายุ 22 ปี เธอมีหัวใจรักให้กับชายคนเดียวมาตั้งแต่เด็ก ผู้ชายคนนั้นคือฟาเบียน ลูกชายคนโตของเซดริกและมาลารินทร์ผู้ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพ่อแม่ของเธอ หรือที่เธอเรียกเขาว่า เฮียฟา เขาดูแลเธอมาตั้งแต่เด็กเพราะเขาอายุมากกว่าเธอ และเติบโตมาด้วยกัน ในสายตาของเธอเขาคือฮีโร่และเทพบุตร ฟาบริซ ชายหนุ่มรูปหล่อลูกครึ่งฝรั่งเศส-ไทย อายุ 24 ปี ลูกชายคนกลางของเซดริกและมาลารินทร์ เขาเป็นน้องชายของฟาเบียน ชายผู้เป็นเทพบุตรของแอลลี่ ฟาบริซเป็นชายหนุ่มรูปหล่อและมีเสน่ห์ ปากหวาน เอาใจเก่งจนสาวๆ หลงมานักต่อนัก แต่นิสัยเหล่านี้จะกลับตาลปัตรทันทีเมื่อเขาได้อยู่กับแอลลี่ หญิงสาวที่เป็นคู่กัดตลอดกาล แล้วกามเทพไปทำอีท่าไหนถึงจับให้เขากับเธอมาคู่กัน จะหวานหรือบรรลัย ติดตามอ่านกันค่ะ แอลลี่ (ลูกสาวคนโตของแอลตัน-สายป่าน ในเรื่อง เมื่อPlayboy ตัวร้ายต้องแพ้พ่ายยัยตัวเล็ก) ฟาบริซ (ลูกชายคนกลางของเซดริก-มาลารินทร์ ในเรื่อง Malalin of love ร้อยรักมาลารินทร์ ) คำเตือน - นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริงอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไปเท่านั้น นิยายเรื่องนี้เป็นลิขสิทธิ์ขอองนามปากกา "ญาตาวีมินทร์" แต่เพียงผู้เดียว ห้ามเผยแพร่ คัดลอก ดัดแปลง ทำซ้ำโดยไม่ได้รับอนุญาต ผู้ใดละเมิดถือว่าทำผิดกฏหมายตามพระราชบัญญัติลิขสิทธิ์ 2537 มาตรา 15 17 31 มีโทษทั้งจำทั้งปรับ
คนเราบางครั้งก็หวนนึกขึ้นมาได้ว่าตายแล้วไปไหน ซึ่งเป็นคำถามที่ไร้คำตอบเพราะไม่มีใครสามารถมาตอบได้ว่าตายไปแล้วไปไหน หากจะรอคำตอบจากคนที่ตายไปแล้วก็ไม่เห็นมีใครมาให้คำตอบที่กระจ่างชัด ชลดา หญิงสาวที่เลยวัยสาวมามากแล้วทำงานในโรงงานทอผ้าซึ่งตอนนี้เป็นเวลาพักเบรค ชลดาและเพื่อนๆก็มานั่งเมาท์มอยซอยเก้าที่โรงอาหารอันเป็นที่ประจำสำหรับพนักงานพักผ่อน เพื่อนของชลดาที่อยู่ๆก็พูดขึ้นมาว่า "นี่พวกแกเวลาคนเราตายแล้วไปไหน" เอ๋ "ถามอะไรงี่เง่าเอ๋ ใครจะไปตอบได้วะไม่เคยตายสักหน่อย" พร "แกล่ะดารู้หรือเปล่าตายแล้วไปไหน" เอ๋ยังถามต่อ "จะไปรู้ได้ยังไง ขนาดพ่อแม่ของฉันตายไปแล้วยังไม่รู้เลยว่าพวกท่านไปอยู่ที่ไหนกัน เพราะท่านก็ไม่เคยมาบอกฉันสักคำ" "อืม เข้าใจนะแก แต่ก็อยากรู้อ่ะว่าตายแล้วคนเราจะไปไหนได้บ้าง" "อืม เอาไว้ฉันตายเมื่อไหร่ จะมาบอกนะว่าไปไหน" ชลดาตอบเพื่อนไม่จริงจังนักติดไปทางพูดเล่นเสียมากกว่า "ว๊าย ยัยดาพูดอะไร ตายเตยอะไรไม่เป็นมงคล ยัยเอ๋แกก็เลิกถามได้แล้ว บ้าไปกันใหญ่" พรหนึ่งในกลุ่มเพื่อนโวยวายขึ้นมาทันที แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากวันนั้นที่คุยกันที่โรงอาหารจะเป็นการคุยเล่นกันวันสุดท้ายของชลดา เพราะหลังจากเลิกงานกลับมาชลดาก็เสียชีวิตระหว่างเดินทางกลับหอพักด้วยสาเหตุวัยรุ่นยกพวกตีกันและมีการยิงกันเกิดขึ้นและชลดาคือผู้โชคร้ายที่ผ่านทางมาพอดี ท่ามกลางความเสียใจของเพื่อนๆ เอ๋ได้แต่หวังว่า ชลดาคงไม่มาบอกกับเธอจริงๆหรอกใช่ไหมว่าตายแล้วไปไหน
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"