เมื่อความผิดพลาดของเขาและเธอ ทำให้ทั้งสองได้เด็กมาเลี้ยง เขาได้เลี้ยงเด็กผู้ชาย ส่วนเธอได้เลี้ยงเด็กผู้หญิง แล้วทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่งสี่ปีผ่านไป ทั้งสองกลับมาเจอกันอีกครั้ง ด้วยเงื่อนไขวุ่นๆของครอบครัว
เมื่อความผิดพลาดของเขาและเธอ ทำให้ทั้งสองได้เด็กมาเลี้ยง เขาได้เลี้ยงเด็กผู้ชาย ส่วนเธอได้เลี้ยงเด็กผู้หญิง แล้วทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่งสี่ปีผ่านไป ทั้งสองกลับมาเจอกันอีกครั้ง ด้วยเงื่อนไขวุ่นๆของครอบครัว
เรื่อง...ดวงใจคุณหมอ
โปรย
เมื่อความผิดพลาดของเขาและเธอ ทำให้ทั้งสองได้เด็กมาเลี้ยง เขาได้เลี้ยงเด็กผู้ชาย ส่วนเธอได้เลี้ยงเด็กผู้หญิง แล้วทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่งสี่ปีผ่านไป ทั้งสองกลับมาเจอกันอีกครั้ง ด้วยเงื่อนไขวุ่นๆของครอบครัว
แนะนำตัวละคร
คู่ที่ 1
นาธาน // คุณหมอหนุ่มสุดหล่อ นิสัย ขี้เล่น อารมณ์ดี ขี้อ่อย ปากกับใจตรงกันสุดๆ คิดอะไรก็ดูออกไปแบบนั้น รักลูก รักเมีย รักครอบครัว
น้ำผึ้ง // หญิงไทย ตัวเล็กใบหน้าหวานสวย นิสัย ใจแข็ง ปากร้ายแต่ใจดี
คู่ที่ 2
ลูคัส // พี่ชายของนาธาน เขาเป็นผู้ชายสุขุม ไม่เจ้าชู้ เพราะเงื่อนไขของผู้เป็นบิดาจึงทำให้เขายอมแต่งงานกับแฟนสาวที่คบกันมาถึงสองปี เพียงเพราะแค่อยากจะรักษาแชมป์
มุกดา // เธอสวย น่ารัก ขี้อาย ผู้หญิงธรรมดาแถมบริสุทธิ์ผุดผ่อง ฐานะดี ครอบครัวเพียบพร้อม
คู่ที่ 3
โซเฟีย // เพลย์บอยตัวพ่อ เจ้าของผับหรู ไม่คิดจะมีแฟน ชอบซื้อผู้หญิงกินเป็นที่สุด แต่ในเช้าวันหนึ่งที่เขาตื่นขึ้นมา เขากลับรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกผู้หญิงซื้อ...
ริตา // ชีวิตคู่ที่ไม่สมหวังอยากที่ตั้งใจ มันทำให้เธอตัดสินใจทำเรื่องบางอย่างลงไปเพราะความเมา แล้วการตัดสินใจของเธอในครั้งนั้น มันกลับทำให้เธอได้เจอกับรักแท้
------------------
ตอนที่ 1 เมา
@ผับหรูชื่อดังกลางใจเมือง
นาธาน ชายหนุ่มรูปร่างสูงสมส่วนใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เดินเข้ามาด้านในสถานบันเทิงด้วยท่าทางเคยชินเหมือนทุกครั้งที่เขามักจะแวะเวียนมาเที่ยวที่นี่อยู่บ่อยครั้ง เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงาน
สถานบันเทิงแห่งนี้ เจ้าของชื่อโซเฟีย สถานะของทั้งสองคือเพื่อนกัน ในยามที่นาธานรู้สึกเบื่อหน่ายหรือเหนื่อยล้าจากการทำงาน ที่นี่ก็คือที่ผ่อนคลายความเครียดชั้นดี เขามักจะมานั่งเล่นที่สถานบันเทิงแห่งนี้เป็นประจำ
“ไอ้หมอทางนี้โว้ย” โซเฟียโบกไม้โบกมืออยู่ไกลๆ นาธานจึงเดินเข้าไปหาเพื่อนที่โต๊ะนั้น พอไปถึงเขาก็ทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาอีกตัวทันที
“สบายดีนะ” นาธานยกคิ้วทักทายเพื่อนนิดหน่อย จากนั้นเขาก็กระดิกนิ้วเรียกเด็กเสิร์ฟ
“ไงมึง ลมอะไรหอบมึงมาที่นี่ได้วะ หายหน้าไปนานเลยนะ” โซเฟียเอ่ยขึ้น พร้อมกับนิ้วที่คีบบุหรี่ควันฉุย
“ก็แค่เบื่อๆ” นาธานตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก
“น้อง...เหมือนเดิม” นาธาน ดีกรีคุณหมอหนุ่มสุดหล่อลูกชายคนเล็กของเจ้าของโรงพยาบาลพ่วงด้วยตำแหน่งผู้บริหารและอาจารย์หมอสุดเท่ แถมยังโสดสนิท อายุตอนนี้อยู่ที่ยี่สิบเก้าปี ถึงเขาจะทำงานแล้ว แต่เขาก็ยังรักสนุก ชีวิตยังต้องการสีสันเสมอ
“ค่ะ” เด็กเสิร์ฟเมื่อได้รับออเดอร์จากแขกเจ้าประจำ เพื่อนสนิทของผู้เป็นเจ้านาย เธอก็เดินออกไป แล้วกลับเข้ามาอีกครั้ง ในมือถือถาดที่มีเหล้าน้ำแข็งและกับแก้มมาวางลงบนโต๊ะ แล้วจัดการบริการชงให้ด้วย ก่อนที่จะเดินออกไปอีกครั้ง
“ไม่พาไอ้ลูคัสมาด้วยวะ” ลูคัสก็คือพี่ชายของนาธาน อายุห่างกันไม่มากแค่สองปีเท่านั้น
“ขี้เกียจชวน เห็นมันยุ่งๆ” นาธานตอบตัดบท เขากับพี่ชายไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่เล็กจนโต ทั้งนาธานและลูคัสต่างชอบแข่งขันกันมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนหรือเรื่องงาน
จนบางครั้งนาธานแอบรู้สึกเหม็นขี้หน้าพี่ชายอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะส่วนมากคนที่ชนะก็คือลูคัส ส่วนนาธานเองน้อยครั้งมากที่เขาจะเอาชนะพี่ชายได้ ถึงคนอื่นจะมองว่านาธานทั้งเก่งและยังหน้าตาดี แต่ลูคัสกลับดีกว่านาธานทุกเรื่องไม่ยกเว้นแม้แต่หน้าตา
เรื่องพวกนี้จึงทำให้นาธานไม่ค่อยอยากจะญาติดีกับพี่ชายสักเท่าไหร่นัก แต่ทั้งสองพี่น้องต่างก็รู้กันดีว่ารักกันมากขนาดไหน แต่เรื่องศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย มันยอมแพ้กันไม่ได้ ถึงนาธานจะเป็นผู้แพ้มาตลอด แต่เขาก็แพ้อย่างมีศักดิ์ศรี เพราะทุกครั้งที่แข่งขันกันนาธานมักจะทำเต็มที่เสมอ
@ อีกมุมหนึ่งของผับแห่งนี้
มีหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อยมองรวมๆแล้วเธอสวยน่ารักเลยทีเดียว กำลังเมามายเพราะว่าเธอเพิ่งจะอกหักมาหมาดๆ ตอนนี้เธอกำลังเสียใจมาก คนรักของเธอที่คบกันมานาน ไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น ต่อหน้าต่อตา เพียงเพราะเธอปฏิเสธไม่ให้เขามีอะไรกับเธอ เพราะอยากจะเก็บพรหมจรรย์อันแสนมีค่าของผู้หญิงไว้ให้เขาในคืนวันแต่งงาน
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย สักวันพี่จะต้องโดนทิ้งบ้าง ฮึก…” คนอกหักที่เริ่มจะเมามาก เริ่มพูดจาเลอะเทอะ ทั้งบ่น ทั้งด่า แล้วเธอก็กำลังร้องไห้ไปด้วย
เธอชื่อน้ำผึ้ง อายุยี่สิบสามปี ชีวิตของเธอมีพี่ชายคนเดียว ที่เป็นญาติของเธอคนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่บนโลกใบนี้ แต่พี่ชายของเธอมีภรรยาแล้ว และตอนนี้พี่สะใภ้ของเธอก็กำลังท้องแก่ใกล้คลอด โดยตัวของเธอเองก็พักอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังเล็กๆหลังนั้นด้วยกัน
“น้ำผึ้ง แกจริงๆด้วย แกมากับใครเนี่ย แล้วทำไมถึงได้เมามากขนาดนี้” ริตาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของน้ำผึ้ง เดินเข้ามาในสถานบันเทิงแห่งนี้ เห็นน้ำผึ้งพอดีจึงรีบแวะเข้าไปทักทายทันที สภาพของน้ำผึ้งตอนนี้ที่ริตาเห็น ดวงตาแดงกล่ำเหมือนคนกำลังร้องไห้อยู่ด้วย ท่าทางเมามากพอสมควร
“ริตา...เหรอ ฉันมาคนเดียว...” น้ำเสียงของน้ำผึ้ง บ่งบอกว่าตอนนี้เธอกำลังเมา เธอดื่มไปได้แค่สองสามแก้วเธอก็เมามากแล้ว เพราะเธอไม่เคยดื่มของพวกนี้มาก่อนเลย
เพราะความเสียใจที่เธอรู้สึกแย่อยู่ตอนนี้ ทำให้เธอตัดสินใจดื่มมัน เพราะคิดว่ามันจะสามารถช่วยให้เธอลืมเรื่องที่เธอกำลังทุกข์ใจออกไปได้ ถึงมันจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆหรือได้แค่ชั่วพักชั่วครู่แต่เธอก็อยากจะลืม
ผู้ชายที่เธอรักและไว้ใจเขาที่สุด กลับพาผู้หญิงคนอื่นไปนอนด้วย ซึ่งเธอเห็นเองมากับตา มันทำให้เธอรับไม่ได้ แล้วเธอก็บอกเลิกกับเขาทันที พอบอกเลิกแล้วก็คิดว่าตัวเองน่าจะดีขึ้นแต่เปล่าเลย เธอจึงต้องพาตัวเองมานั่งอยู่ที่ผับแห่งนี้ เพราะว่ามันกลุ้ม แต่ถึงความรู้สึกของเธอจะทุกข์มากขนาดไหน เธอก็ไม่มีวันกลับไปหาผู้ชายมักมากคนนั้นอีกแน่
“แล้วเป็นอะไร ทำไมถึงได้ดื่มหนักขนาดนี้ แล้วนี่ร้องไห้ด้วยเหรอ” ริตารีบนั่งลงข้างๆเพื่อนทันที แล้วส่งสายตาบอกให้แฟนของเธอที่มาด้วยกัน เดินไปนั่งตรงอื่นก่อน เธอขอคุยกับเพื่อนของเธอสักพักแล้วจะตามไป
“ฮึก…พี่ชาญเขาไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น ฉันเห็นมากับตาเลย ฮึก...ฮึก” น้ำเสียงของคนเมาปนกับเสียงสะอื้น ทำให้ริตาสงสารเพื่อนเข้าไปอีก
“เฮ้ยจริงดิ ใจเย็นๆก่อนนะแก ดื่มไปมันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมาหรอก ก็ฉันเคยบอกแกแล้วใช่ไหมว่าผู้ชายน่ะ ร้อยทั้งร้อย มันก็อยากได้เรื่องนั้นกันทั้งนั้นนั่นแหละ” ริตาพอจะรู้สาเหตุของเรื่องแล้ว เพราะริตากับน้ำผึ้งสนิทกันมาก เธอสองคนคุยกันได้ทุกเรื่อง แต่ริตาจะไม่โทษว่าเป็นความผิดของน้ำผึ้ง ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษผู้ชายที่เห็นแกตัวคนนั้นมากกว่า
“แต่ฉันจะเก็บไว้ให้พี่เขานะ ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจฉันบ้าง ฮึก…” คนเมาพูดออกมาอย่างต้องการระบายความในใจ
“แกน่ะมันโลกสวยเกินไป เรื่องคืนวันแต่งงานอย่างที่แกคิดน่ะ สมัยนี้มันไม่มีอยู่จริงแล้ว” ริตาเอ่ยบอกเพื่อนเป็นครั้งที่ร้อย แต่น้ำผึ้งก็ยังคงยืนยันคำเดิมมาตลอด ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่ผู้หญิงจะคิดแบบนั้น แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าทั้งสองคนศีลไม่เสมอกัน หรือผู้ชายคนนั้นอาจจะไม่ได้รักน้ำผึ้งจริง แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น เลิกกันก็อาจจะดีกว่าไปกันต่อก็ได้
“ฉันผิดด้วยเหรอวะ” เสียงสะอื้นกับคำพูดตัดพ้อบ่นอู้อี้อยู่ในลำคอ แต่ริตาก็พอฟังออกว่าเพื่อนพูดอะไร
“แกไม่ได้ผิดหรอกเพื่อน” ไหนๆเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว อาการอกหักแบบนี้ ถ้าจะให้ดีขึ้นคงต้องใช้เวลาอย่างเดียวเท่านั้น ถึงจะรักษาแผลใจได้
“แล้วยังไง ได้เคลียร์กันหรือยัง เขาจะเลือกแกต่อหรือเปล่า” ริตาเป็นห่วงความรู้สึกของเพื่อนมาก ดูจากอาการตอนนี้แล้วน่าจะหนักพอสมควร
“ผู้ชายเฮงซวยแบบนั้น ต่อให้พี่เขาเลือกฉัน ฉันก็คงไม่เอาแล้วแหละ เลวขนาดนั้นใครอยากได้ก็เอาไปเถอะ!” เมื่อริตาได้ยินในสิ่งที่เพื่อนพูด ริตาเชื่อว่าอีกไม่นานเพื่อนของเธอก็คงจะเข้มแข็งขึ้นและหายเศร้าได้ไม่ยาก
“เออ…คิดได้แบบนี้ก็ดี แล้วแกจะมานั่งร้องไห้ทำไมวะ” ดูเหมือนน้ำผึ้งจะเข้มแข็งกว่าที่ริตาคิดเอาไว้มาก ไม่ว่าใครที่อกหักมาใหม่ๆก็คงเป็นแบบนี้กันทุกคนนั่นแหละ
“ไม่รู้ว่ะ รู้แต่ว่ามันเจ็บ มันเจ็บตรงนี้เลยแก...” น้ำผึ้งใช้นิ้วชี้ ชี้ไปที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองให้เพื่อนดู อยากระบายความในใจให้เพื่อนรู้ ว่าเธอรู้สึกเจ็บตรงนี้มากขนาดไหน
“เอาเถอะ เดี๋ยวแกก็หายแต่มันอาจจะต้องใช้เวลา” ในขณะที่ริตานั่งคุยกับน้ำผึ้งอยู่นั้น สายตาของริตาก็มองไปทางที่แฟนหนุ่มของเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะถัดไปไกลพอสมควรอยู่บ่อยครั้ง
“แล้วแกมากับใคร” น้ำผึ้งเอ่ยถามเพื่อน เพราะเมื่อสักครู่น้ำผึ้งไม่ทันได้มองว่าริตามากับใคร น้ำผึ้งรู้สึกว่าริตากำลังมองไปที่ใครสักคน
“ฉันมากับแฟน เขานั่งอยู่โต๊ะโน้นไปนั่งด้วยกันไหม” ริตาเอ่ยชวนเพราะเห็นว่าเพื่อนนั่งอยู่คนเดียว แล้วก็ยังเมามากอีกด้วย
“ไม่ล่ะ แกไปเถอะ ฉันไม่อยากจะไปเป็น กขค.”
“แล้วแกจะนั่งอยู่คนเดียวนี่นะ” ริตายังคงรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนอยู่มาก แต่คนที่มากับเธอก็สำคัญเช่นกัน
“เถอะน่า อีกแป๊บเดียวฉันก็จะกลับแล้ว แกไปเถอะ” ตอนนี้น้ำผึ้งรู้สึกมึนหัวมาก เธอกะว่านั่งอีกแป๊บเดียว เธอก็จะกลับแล้ว ส่วนเพื่อนของเธอนั้นเพิ่งมา เธอไม่อยากไปนั่งร้องไห้ ให้มันเสียบรรยากาศของคู่รักเขา
“อยู่คนเดียวได้แน่นะ” ริตาเองก็รู้สึกเกรงใจแฟนของเธอที่มาด้วยกันอยู่มาก เพราะเธอทิ้งให้เขานั่งอยู่คนเดียวนานแล้ว เธอจึงตัดสินใจให้เพื่อนนั่งคนเดียว เพราะน้ำผึ้งบอกว่ากำลังจะกลับแล้ว
“ไปเถอะฉันอยากนั่งคนเดียว ไปๆ” น้ำผึ้งรีบไล่เพื่อนให้ลุกขึ้น เธอเองก็เคยมีแฟนจึงเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ดี
“เออๆ ถ้าอย่างนั้นฉันไปนะ”
“อือ ก็บอกว่าให้ไปก็ไปสิ” หลังจากที่ริตาเดินออกไปแล้ว น้ำผึ้งก็ดื่มเหล้าเข้าไปอีก เมามากจนแทบจะไม่มีสติ เธอจึงเดินโซเซออกมา หวังว่าจะออกมาเรียกแท็กซี่เพื่อที่จะกลับบ้าน แต่เธอยังเดินไปได้ไม่ทันถึงไหน เธอก็สะดุดเข้ากับขาเก้าอี้ซะก่อน จนเธอเซไปนั่งอยู่บนตักของผู้ชายคนหนึ่งเข้าพอดี
คืน One Night Stand ของมาเฟียอิตาลีกับยัยขี้เมา เช้าวันนั้นเธอหายไป เขาจึงออกตามหา แต่เมื่อได้เจอกันเธอกลับจำหน้าเขาไม่ได้
เรื่อง...คุณหมอสะดุดรัก คำโปรย พริ้งพราวเพื่อนลากให้ไปเที่ยวผับแต่เธอดันถูกยาปลุกเซ็กเข้า แล้วบังเอิญมาเจอกับเขา คุณหมอหนุ่มวัย35ปี แล้วคุณหมอจะมีวิธีช่วยเธออย่างไร... แนะนำตัวละคร วายุภักษ์ ภักดีวัฒนากุล (วายุ) อายุ 35 ปี เขาเป็นผู้ชาย ขี้เล่น อารมณ์ดี และที่สำคัญเขายิ้มเก่งมากๆ วายุเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลสาขาที่เชียงใหม่และยังพ่วงด้วยตำแหน่งคุณหมอโรคหัวใจ เขาเป็นลูกชายคนโตของ เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่มีสาขาอยู่หลายแห่งของประเทศไทย วายุมีความจำเป็นต้องย้ายมาจากสาขาที่เชียงใหม่ เพราะน้องชายที่ประจำอยู่เกิดอุบัติเหตุ วายุเลยมาประจำอยู่สาขาที่กรุงเทพแทนเป็นการชั่วคราว กมลเนตร ธนพัฒน์ธาดา (พริ้งพราว) หญิงสาวบริสุทธิ์ อายุ 24 ปี ทำงานในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ และเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เธอกับเขาอยู่ด้วยกันและค่อยๆ สนิทกัน เหนือเมฆ ภักดีวัฒนากุล (เมฆ) น้องชายคนเดียวของวายุ ตั้งแต่เขาประสบอุบัติเหตุเดินไม่ได้ เขาก็กลายเป็นคนอารมณ์ร้อน พยาบาลพิเศษที่จ้างมาดูแล ไม่มีใครสามารถอยู่กับเขาได้ จนได้มาเจอกับ...ข้าวหอม ศศินาทิพย์ คงเจริญ (ข้าวหอม) พยาบาลจบใหม่ เธออยู่ในช่วงทดลองงาน ถูกทางโรงพยาบาลขอร้องให้ไปดูแลคนป่วยที่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีเงื่อนไข และเงื่อนไขนั้นทำให้เธอยอมตอบตกลงรับทำงานนี้ @@@@@@
เรื่อง...พ่อม่ายกับยัยพี่เลี้ยง คำโปรย...นักธุรกิจหนุ่มลูกติด มีปมชีวิตความใสซื่อและความดีของเธอทำให้เขาสนใจ ส่วนลูกชายที่ไม่ยอมไปโรงเรียนเพราะโดนเพื่อนล้อว่าไม่มีแม่ อยากได้เธอมาเป็นแม่ซึ่งเขาก็เห็นด้วยกับลูกชายเช่นกัน แนะนำตัวละคร คุณอาทิตย์ เจริญเดชาพงษ์ (คุณอาทิตย์) หนุ่มหล่อรวย เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้ากลางใจเมือง และยังมีธุรกิจ ผลิต นำเข้า และส่งออก เกี่ยวกับสิ่งอิเล็กทรอนิกส์ รายใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย แต่อาทิตย์เขามีลูกติดชื่อน้องเกียร์เป็นเด็กผู้ชายอายุสามขวบ แม่เสียชีวิตตอนคลอดน้องเกียร์ออกมาได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เพราะเธอเสียเลือดมาก นันทิชา มงคลสวัสดิ์ (มิรา) หญิงสาวที่พึ่งเรียนจบมาใหม่ๆ เธอตกงาน ที่บ้านกำลังลำบาก เธอออกหางานทำเพราะต้องส่งน้องเรียน น้องเธออยู่มัธยมต้น เป็นผู้หญิงชื่อลิลิน พ่อแม่เสียไปนานแล้ว เหลือกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านถึงรอดมาถึงทุกวันนี้ได้
ความสวยสะดุดตา ความสดใสสะดุดใจ ปากที่บอกว่ายังไม่อยากมีใคร แต่ในใจกลับอยากได้เธอมาครอบครอง
เรื่อง...อลเวงหัวใจพบรัก คำโปรย รู้ทั้งรู้ว่าเป็นแค่การแสดง แต่ทุกครั้งที่เธอถูกเนื้อต้องตัว นอกจากเขาจะเสียเงิน ยังเหมือนถูกเธอลวนลามอีกด้วย (เรื่องราวจะอลเวงขนาดไหน ใครได้กำไร ใครขาดทุน ติดตามได้ในเรื่องนะคะ) แนะนำตัวละคร ปราโมทย์ (ปราชญ์) อายุ 32 ปี เจ้าของโรงแรมชื่อดังของจังหวัด เขาหล่อ รวย จึงไม่แปลกที่จะมีสาวๆเข้ามามากมาย แต่เขาไม่ต้องการ จึงอยากหาไม้กันหมาสักคน มากันผู้หญิงพวกนั้นออกไป เมธาวี (เมล์) อายุ 22 ปี พนักงานใหม่ที่เพิ่งรับเข้ามาทำงานในโรงแรม เธอสวย น่ารัก ขี้งก ความสามารถเรื่องงานไม่มี แต่เรื่องใช้ปากเธอถนัด @@@@@@ นิยายรัก ฟีลกู๊ด ฟินๆ เหมือนเดิมค่ะ
เสิ่นชิงกลายเป็นลูกสาวของชาวนาจากคุณหนูที่ร่ำรวยของตระกูลเสิ่นในชั่วข้ามคืน ลูกสาวตัวจริงใส่ร้ายเธอ คู่หมั้นของเธอทำให้เธออับอาย และพ่อแม่บุญธรรมของเธอก็ไล่เธอออกจากบ้าน... ทุกคนต่างรอที่จะหัวเราะเยาะเธอ ทว่าเธอกลับกลายเป็นทายาทของตระกูลเศรษฐีในเมืองอย่างกะทันหัน นอกจาดนี้ เธอยังมีตัวตนหลากหลาย เช่น หัวหน้าแฮ็กเกอร์ระดับนานาชาติ นักออกแบบเครื่องประดับชั้นนำ นักเขียนผู้ยิ่งใหญ่ที่ลึกลับ และอัจฉริยะด้านการแพทย์! พ่อแม่บุญธรรมเสียใจกับการตัดสินใจของตนและบังคับให้เธอแบ่งทรัพย์สินครึ่งหนึ่งให้เพราะพวกเขาเลี้ยงดูเธอมา เมื่อเสิ่นชิงหยิบกล้องออกมาแล้วบันทึกท่าทางอันน่าเกลียดของพวกเขา อดีตคู่หมั้นรู้สึกเสียใจและพยายามจะคืนดีกับเธอ เสิ่นชิงหัวเราะเยาะ "เขาคู่ควรงั้นเหรอ" จากนั้นก็ไล่เขาออกจากเมือง ในที่สุด ผู้มีอำนาจแห่งเมืองก็พูดอ้อนวอนเบาๆ "ไม่จำเป็นต้องแต่งเข้าตระกูลผม เดี๋ยวผมไปหาเอง"
ทุกคนรู้ดีว่า บุตรีคนโตที่ไม่เป็นที่โปรดปรานในจวนโหวอันติ้งแห่งเมืองหลวง ทำให้แม่แท้ๆ ของตนต้องเสียชีวิต เป็นคนที่ถูกมองว่าเป็นตัวโชคร้าย ก่อนแต่งงานก็ทำให้แม่เลี้ยงฝันร้ายอยู่หลายวัน ออกเดินทางไปทำบุญนอกเมืองก็ถูกโจรจับตัวไป แต่ใครจะคิดว่าโชคร้ายกลับกลายเป็นโชคดี นางเปลี่ยนนิสัยไปอย่างสิ้นเชิง ไม่ยอมให้ใครมารังแกอีกต่อไปที่แท้ซูชิงซวู่ ผู้สุดยอดสายลับที่ทะลุมิติมาเผชิญกับพ่อที่เย็นชา แม่เลี้ยงที่ชั่วร้าย คู่หมั้นที่นอกใจน้องสาวต่างแม่ แต่ไม่เป็นไร คอยดูว่าเธอจะจัดการพวกชั่วช้า และเอาคืนทุกอย่าง ทว่าทำไมท่านอ๋องผู้นั้นถึงมองมาที่เธอด้วยสายตาแปลกๆ นั่นล่ะเผ่ยเสวียนจู: บุญคุณที่ช่วยชีวิต ไม่มีสิ่งใดตอบแทนได้ นอกจากเอาตัวไปแลก
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
หลังผ่าตัดนักพรตเฒ่าผู้หนึ่งนั้น นางวูบหมดสติและเสียชีวิตลงไป ลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที ก็อยู่ในร่างของคุณหนูปัญญาอ่อนที่มีชื่อเดียวกันผู้นี้เสียแล้วทั้งยังจำอดีตชาติยามเป็นปรมาจารย์เต๋าได้อีกด้วย +++ 1 : ไล่ออกจากอารามไท่ผิงกวน แคว้นจิ้น ราชวงศ์เซวียน อารามไท่ผิงกวน “ไป ๆ อาจารย์ขับไล่พวกท่านออกจากอารามแล้ว อย่าได้มาเหยียบที่นี่อีก” “ศิษย์พี่รองรีบปิดประตูเร็วเข้า !” ตุบ ! ห่อผ้าสองห่อถูกโยนออกมาจากประตูอาราม ปัง ! ตามด้วยเสียงปิดประตูลงสลักอย่างหนาแน่น สตรีนางหนึ่งยืนตัวตรงเป็นสง่า เสื้อผ้ากับเส้นผมของนางปลิวไสวดั่งไผ่ลู่ลม หลินซือเยว่เงยหน้าขึ้นมองป้ายชื่ออารามไท่ผิงกวนด้วยสายตาเลื่อนลอย อาศัยอยู่ที่นี่มานานเท่าใดแล้วนะ บางครั้งนางเองก็ลืมเลือนวันเวลาไปเหมือนกัน “คุณหนูเจ้าคะ ศิษย์น้องทั้งสองของท่านทำเกินไปแล้วนะเจ้าคะ เหตุใดถึงไล่พวกเราสองคนออกจากอารามได้เล่า” เผิงฉือกระทืบเท้าเบา ๆ ตรงไปฉวยห่อผ้าทั้งสองบนพื้น ขึ้นมาคล้องแขนตัวเองไว้ “หากไม่ได้รับคำสั่งจากอาจารย์ ศิษย์น้องทั้งสองคงไม่กล้าขับไล่ข้าออกจากอารามหรอก” น้ำเสียงของนางสงบนิ่งฟังแล้วสบายหูยิ่งนัก หาได้มีความโกรธเกลียดแต่อย่างใด “นั่นรถม้า” นิ้วเรียวสวยชี้ไปยังรถม้าคันที่มีคนนั่งเฝ้าอยู่ “ป้าเผิงไปถามดูว่าใช่รถม้าของเราหรือไม่” เผิงฉือไม่รอช้ารีบตรงไปหาคนเฝ้ารถม้าที่อยู่ใต้ต้นไผ่ในทันที ไม่ช้านางก็กลับมาพร้อมกับรอยยิ้มนิด ๆ “เป็นรถม้าของเราจริง ๆ เจ้าคะคุณหนู คนขับบอกว่าเป็นคนของตระกูลหลินเจ้าค่ะ ได้รับคำสั่งจากท่านพ่อของคุณหนู ให้มารับคุณหนูกลับตระกูลหลินเพื่อไปแต่งงานเจ้าค่ะ” “กลับไปแต่งงานนี่เอง” นางเอ่ยเหมือนไม่ใช่เรื่องใหญ่ หันหลังกลับไปทางประตูอาราม ประสานมือค้อมตัวคำนับลาอาจารย์ เผิงฉือเห็นเช่นนั้นก็อดที่จะคำนับตามนางไม่ได้ ภายในอารามไท่ผิงกวน “อาจารย์เหตุใดถึงไม่บอกลากับศิษย์พี่ใหญ่ไปตรง ๆ ล่ะ ทำเช่นนี้นางไม่โกรธท่านไปจนวันตายเลยรึ” เหอกุ้ยแม้มีอายุยี่สิบแปดปีแล้ว ทว่าเขากราบเป็นศิษย์เจ้าอาวาสชุนหวังเหล่ยหลังสตรีผู้นั้น จึงได้เป็นเพียงแค่ศิษย์พี่รองเท่านั้น “นั่นสิอาจารย์ ศิษย์พี่ใหญ่นางไม่เคยออกจากอารามไปไหนไกล ท่านทำเช่นนี้ไม่ใช่ขับไล่นางไปสู่ความตายหรอกรึ” จางเจียเฟิ่งเห็นด้วยกับศิษย์พี่รองของเขา “ให้มันน้อย ๆ หน่อยเจ้าศิษย์โง่ทั้งสอง พวกเจ้าคิดว่าอารามไท่ผิงกวนแห่งนี้ สามารถอยู่รอดมาได้เพราะใครกัน หากไม่ใช่เพราะฝีมือของศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้า เห็นนางเงียบ ๆ แบบนั้น ความคิดนางกว้างไกลยิ่งนัก อาจารย์อย่างข้ายังเทียบนางไม่ติดด้วยซ้ำไป” เจ้าอาวาสชุนปีนี้อายุอานามปาเข้าไปหกสิบห้าปีแล้ว ทว่าร่างกายยังแข็งแรง อารามเต๋าแห่งนี้มีวิถีแบบไม่เคร่งครัด ใช้ชีวิตเยี่ยงฆราวาสผู้หนึ่ง สามารถแต่งงานมีครอบครัวได้ “อาจารย์นางอยู่ในอารามวาดยันต์กันภัยให้ชาวบ้านที่มากราบไหว้ ตั้งโต๊ะรักษาโรคภัยให้ผู้คนในตัวอำเภอฝู แต่หนนี้นางต้องกลับบ้านไปเพื่อแต่งงาน นางบริสุทธิ์ถึงเพียงนั้นมิถูกสามีจับกลืนกินจนไม่เหลือกระดูกหรอกรึ” เหอกุ้ยนึกภาพเทพเซียนผู้สูงส่งอย่างหลินซือเยว่ หากต้องร่วมเตียงกับบุรุษหยาบกระด้าง เพียงเท่านั้นเขาก็ทำใจไม่ได้จริง ๆ แทบอยากจะไปแย่งตัวศิษย์พี่ใหญ่ของตัวเองกลับคืนมา “เลิกคร่ำครวญได้แล้ว กลับไปกวาดลานอารามกับตรวจดูน้ำมันตะเกียงให้เรียบร้อย ศิษย์พี่ใหญ่ของพวกเจ้าไม่อยู่ เจ้าทั้งสองต้องรีบร่ำเรียนศึกษาหาความรู้ อารามไท่ผิงกวนจะได้เจริญรุ่งเรืองในภายภาคหน้าต่อไปได้” เจ้าอาวาสชุนทำเสียงดังใส่ลูกศิษย์ทั้งสอง “ไป ๆ ข้าจะสวดมนต์” โบกมือไล่ทั้งคู่ให้ออกจากห้องสวดมนต์ไป เจ้าอาวาสชุนรีบลุกไปปิดประตูลั่นกลอน ท่าทางลุกลี้ลุกลนจนผิดปกติ ย่องเบา ๆ ไปที่ใต้เตียงนอน ดึงหีบไม้เก่าเก็บออกมา ครั้นกดสลักเปิดออก ก็พบตั๋วเงินจำนวนสามพันตำลึงอยู่ในนั้น ตระกูลหลินที่ไม่ได้บริจาคน้ำมันตะเกียงมาหลายปี จู่ ๆ ก็ส่งตั๋วเงินมาให้ พร้อมกับขอรับคนกลับไปเพื่อแต่งงาน ช่วงนี้ชาวบ้านมาทำบุญที่อารามน้อยลง หลินซือเยว่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอันใดขึ้นกับนาง ถึงไม่ยอมลงจากอารามไปรักษาผู้คน รายได้เลยหายหดแทบจ่ายอาหารการกิน(สุรานารี)ไม่พอ ตั๋วเงินสามพันตำลึงนี่มาได้ทันเวลาพอดี ! แครก ๆ ๆ ๆ เสียงกวาดลานหน้าอารามดังขึ้นพร้อมกับเสียงบ่นของเหอกุ้ย “ข้ารู้ว่านางเก่งเอาตัวรอดได้ ข้าเพียงไม่อยากให้นางไปก็เท่านั้น” “ศิษย์พี่รองท่านอย่าได้เสียใจไปเลย ไม่ใช่ว่ามีแต่นางที่ต้องแต่งงานมีครอบครัว ท่านเองก็เถอะที่บ้านส่งคนมารับทุกปีไม่ใช่รึ” จางเจียเฟิ่งรู้ดีว่าตนและเหอกุ้ย ถูกครอบครัวลงโทษด้วยการส่งมาอยู่ยังอารามแห่งนี้ ทว่าเพียงชั่วคราวเท่านั้น “ตัวข้านั้นไม่เป็นไรหรอก เจ้านั่นแหละศิษย์น้องสาม ข้าได้ยินว่าที่บ้านของเจ้า เพิ่งหาคู่หมั้นหมายคนใหม่ให้เจ้าอีกคนแล้วไม่ใช่รึ” สองศิษย์พี่น้องหยุดกวาดลานอาราม แล้วหันหน้าไปมองตากัน จากนั้นพวกเขาก็ถอนหายใจดัง ๆ พร้อมกัน ไม่มีศิษย์พี่ใหญ่อยู่ด้วย นับจากนี้ไปยามทำความผิดใครจะออกหน้าคอยช่วยเหลือ ยามเงินหมดใครจะให้หยิบยืม ยิ่งคิดพวกเขาก็ยิ่งไม่สบายใจเป็นอย่างมาก บนถนนมุ่งหน้าสู่เมืองหลวง รถม้าไม้ธรรมดาไม่เล็กไม่ใหญ่ ไร้ป้ายชื่อตระกูลบอกกล่าว คล้ายไม่อยากให้ผู้อื่นล่วงรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ด้านในเป็นใคร เผิงฉือพยายามหลอกถามคนขับรถม้าอยู่หลายหน ถึงสถานการณ์ของตระกูลหลินในยามนี้ นางไม่เคยไปที่นั่นมาก่อนไม่รู้จักใครสักคน คนขับรถม้าตอบว่า เขามีหน้าที่มารับคุณหนูรองกลับบ้านเท่านั้น เรื่องอื่นนั้นเขาไม่รู้จริง ๆ “ได้ถามหรือไม่ ใช้เวลากี่วันในการเดินทาง” หลินซือเยว่เอ่ยเสียงเนิบ ๆ “ถามแล้วเจ้าค่ะ เขาบอกว่าราว ๆ สิบวันก็ถึงเมืองหลวงแล้ว” “สิบวันเชียวรึ” หลินซือเยว่มองห่อผ้าที่วางอยู่ด้านข้าง มีเพียงของใช้จำเป็นของนางไม่กี่ชิ้น พร้อมกับก้อนเงินจำนวนห้าสิบตำลึง “คงต้องแวะซื้อของในอำเภอฝูเสียก่อน” เผิงฉือรีบเปิดม่านบอกกับคนขับรถม้า แต่เขากลับทำเสียงฮึดฮัดคล้ายไม่พอใจ “เสียเวลาเดินทางเปล่า ๆ” น้ำเสียงเขากระด้างกระเดื่อง
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]
© 2018-now MeghaBook
บนสุด