เมื่อความผิดพลาดของเขาและเธอ ทำให้ทั้งสองได้เด็กมาเลี้ยง เขาได้เลี้ยงเด็กผู้ชาย ส่วนเธอได้เลี้ยงเด็กผู้หญิง แล้วทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่งสี่ปีผ่านไป ทั้งสองกลับมาเจอกันอีกครั้ง ด้วยเงื่อนไขวุ่นๆของครอบครัว
เมื่อความผิดพลาดของเขาและเธอ ทำให้ทั้งสองได้เด็กมาเลี้ยง เขาได้เลี้ยงเด็กผู้ชาย ส่วนเธอได้เลี้ยงเด็กผู้หญิง แล้วทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่งสี่ปีผ่านไป ทั้งสองกลับมาเจอกันอีกครั้ง ด้วยเงื่อนไขวุ่นๆของครอบครัว
เรื่อง...ดวงใจคุณหมอ
โปรย
เมื่อความผิดพลาดของเขาและเธอ ทำให้ทั้งสองได้เด็กมาเลี้ยง เขาได้เลี้ยงเด็กผู้ชาย ส่วนเธอได้เลี้ยงเด็กผู้หญิง แล้วทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่งสี่ปีผ่านไป ทั้งสองกลับมาเจอกันอีกครั้ง ด้วยเงื่อนไขวุ่นๆของครอบครัว
แนะนำตัวละคร
คู่ที่ 1
นาธาน // คุณหมอหนุ่มสุดหล่อ นิสัย ขี้เล่น อารมณ์ดี ขี้อ่อย ปากกับใจตรงกันสุดๆ คิดอะไรก็ดูออกไปแบบนั้น รักลูก รักเมีย รักครอบครัว
น้ำผึ้ง // หญิงไทย ตัวเล็กใบหน้าหวานสวย นิสัย ใจแข็ง ปากร้ายแต่ใจดี
คู่ที่ 2
ลูคัส // พี่ชายของนาธาน เขาเป็นผู้ชายสุขุม ไม่เจ้าชู้ เพราะเงื่อนไขของผู้เป็นบิดาจึงทำให้เขายอมแต่งงานกับแฟนสาวที่คบกันมาถึงสองปี เพียงเพราะแค่อยากจะรักษาแชมป์
มุกดา // เธอสวย น่ารัก ขี้อาย ผู้หญิงธรรมดาแถมบริสุทธิ์ผุดผ่อง ฐานะดี ครอบครัวเพียบพร้อม
คู่ที่ 3
โซเฟีย // เพลย์บอยตัวพ่อ เจ้าของผับหรู ไม่คิดจะมีแฟน ชอบซื้อผู้หญิงกินเป็นที่สุด แต่ในเช้าวันหนึ่งที่เขาตื่นขึ้นมา เขากลับรู้ว่าตัวเองเป็นฝ่ายถูกผู้หญิงซื้อ...
ริตา // ชีวิตคู่ที่ไม่สมหวังอยากที่ตั้งใจ มันทำให้เธอตัดสินใจทำเรื่องบางอย่างลงไปเพราะความเมา แล้วการตัดสินใจของเธอในครั้งนั้น มันกลับทำให้เธอได้เจอกับรักแท้
------------------
ตอนที่ 1 เมา
@ผับหรูชื่อดังกลางใจเมือง
นาธาน ชายหนุ่มรูปร่างสูงสมส่วนใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เดินเข้ามาด้านในสถานบันเทิงด้วยท่าทางเคยชินเหมือนทุกครั้งที่เขามักจะแวะเวียนมาเที่ยวที่นี่อยู่บ่อยครั้ง เพื่อผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการทำงาน
สถานบันเทิงแห่งนี้ เจ้าของชื่อโซเฟีย สถานะของทั้งสองคือเพื่อนกัน ในยามที่นาธานรู้สึกเบื่อหน่ายหรือเหนื่อยล้าจากการทำงาน ที่นี่ก็คือที่ผ่อนคลายความเครียดชั้นดี เขามักจะมานั่งเล่นที่สถานบันเทิงแห่งนี้เป็นประจำ
“ไอ้หมอทางนี้โว้ย” โซเฟียโบกไม้โบกมืออยู่ไกลๆ นาธานจึงเดินเข้าไปหาเพื่อนที่โต๊ะนั้น พอไปถึงเขาก็ทิ้งตัวนั่งลงที่โซฟาอีกตัวทันที
“สบายดีนะ” นาธานยกคิ้วทักทายเพื่อนนิดหน่อย จากนั้นเขาก็กระดิกนิ้วเรียกเด็กเสิร์ฟ
“ไงมึง ลมอะไรหอบมึงมาที่นี่ได้วะ หายหน้าไปนานเลยนะ” โซเฟียเอ่ยขึ้น พร้อมกับนิ้วที่คีบบุหรี่ควันฉุย
“ก็แค่เบื่อๆ” นาธานตอบอย่างไม่ได้ใส่ใจนัก
“น้อง...เหมือนเดิม” นาธาน ดีกรีคุณหมอหนุ่มสุดหล่อลูกชายคนเล็กของเจ้าของโรงพยาบาลพ่วงด้วยตำแหน่งผู้บริหารและอาจารย์หมอสุดเท่ แถมยังโสดสนิท อายุตอนนี้อยู่ที่ยี่สิบเก้าปี ถึงเขาจะทำงานแล้ว แต่เขาก็ยังรักสนุก ชีวิตยังต้องการสีสันเสมอ
“ค่ะ” เด็กเสิร์ฟเมื่อได้รับออเดอร์จากแขกเจ้าประจำ เพื่อนสนิทของผู้เป็นเจ้านาย เธอก็เดินออกไป แล้วกลับเข้ามาอีกครั้ง ในมือถือถาดที่มีเหล้าน้ำแข็งและกับแก้มมาวางลงบนโต๊ะ แล้วจัดการบริการชงให้ด้วย ก่อนที่จะเดินออกไปอีกครั้ง
“ไม่พาไอ้ลูคัสมาด้วยวะ” ลูคัสก็คือพี่ชายของนาธาน อายุห่างกันไม่มากแค่สองปีเท่านั้น
“ขี้เกียจชวน เห็นมันยุ่งๆ” นาธานตอบตัดบท เขากับพี่ชายไม่ค่อยจะลงรอยกันสักเท่าไหร่ เพราะตั้งแต่เล็กจนโต ทั้งนาธานและลูคัสต่างชอบแข่งขันกันมาตลอด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเรียนหรือเรื่องงาน
จนบางครั้งนาธานแอบรู้สึกเหม็นขี้หน้าพี่ชายอยู่บ้างเหมือนกัน เพราะส่วนมากคนที่ชนะก็คือลูคัส ส่วนนาธานเองน้อยครั้งมากที่เขาจะเอาชนะพี่ชายได้ ถึงคนอื่นจะมองว่านาธานทั้งเก่งและยังหน้าตาดี แต่ลูคัสกลับดีกว่านาธานทุกเรื่องไม่ยกเว้นแม้แต่หน้าตา
เรื่องพวกนี้จึงทำให้นาธานไม่ค่อยอยากจะญาติดีกับพี่ชายสักเท่าไหร่นัก แต่ทั้งสองพี่น้องต่างก็รู้กันดีว่ารักกันมากขนาดไหน แต่เรื่องศักดิ์ศรีลูกผู้ชาย มันยอมแพ้กันไม่ได้ ถึงนาธานจะเป็นผู้แพ้มาตลอด แต่เขาก็แพ้อย่างมีศักดิ์ศรี เพราะทุกครั้งที่แข่งขันกันนาธานมักจะทำเต็มที่เสมอ
@ อีกมุมหนึ่งของผับแห่งนี้
มีหญิงสาวใบหน้าจิ้มลิ้ม ปากนิดจมูกหน่อยมองรวมๆแล้วเธอสวยน่ารักเลยทีเดียว กำลังเมามายเพราะว่าเธอเพิ่งจะอกหักมาหมาดๆ ตอนนี้เธอกำลังเสียใจมาก คนรักของเธอที่คบกันมานาน ไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น ต่อหน้าต่อตา เพียงเพราะเธอปฏิเสธไม่ให้เขามีอะไรกับเธอ เพราะอยากจะเก็บพรหมจรรย์อันแสนมีค่าของผู้หญิงไว้ให้เขาในคืนวันแต่งงาน
“ไอ้ผู้ชายเฮงซวย สักวันพี่จะต้องโดนทิ้งบ้าง ฮึก…” คนอกหักที่เริ่มจะเมามาก เริ่มพูดจาเลอะเทอะ ทั้งบ่น ทั้งด่า แล้วเธอก็กำลังร้องไห้ไปด้วย
เธอชื่อน้ำผึ้ง อายุยี่สิบสามปี ชีวิตของเธอมีพี่ชายคนเดียว ที่เป็นญาติของเธอคนสุดท้ายที่ยังเหลืออยู่บนโลกใบนี้ แต่พี่ชายของเธอมีภรรยาแล้ว และตอนนี้พี่สะใภ้ของเธอก็กำลังท้องแก่ใกล้คลอด โดยตัวของเธอเองก็พักอาศัยอยู่ภายในบ้านหลังเล็กๆหลังนั้นด้วยกัน
“น้ำผึ้ง แกจริงๆด้วย แกมากับใครเนี่ย แล้วทำไมถึงได้เมามากขนาดนี้” ริตาเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวของน้ำผึ้ง เดินเข้ามาในสถานบันเทิงแห่งนี้ เห็นน้ำผึ้งพอดีจึงรีบแวะเข้าไปทักทายทันที สภาพของน้ำผึ้งตอนนี้ที่ริตาเห็น ดวงตาแดงกล่ำเหมือนคนกำลังร้องไห้อยู่ด้วย ท่าทางเมามากพอสมควร
“ริตา...เหรอ ฉันมาคนเดียว...” น้ำเสียงของน้ำผึ้ง บ่งบอกว่าตอนนี้เธอกำลังเมา เธอดื่มไปได้แค่สองสามแก้วเธอก็เมามากแล้ว เพราะเธอไม่เคยดื่มของพวกนี้มาก่อนเลย
เพราะความเสียใจที่เธอรู้สึกแย่อยู่ตอนนี้ ทำให้เธอตัดสินใจดื่มมัน เพราะคิดว่ามันจะสามารถช่วยให้เธอลืมเรื่องที่เธอกำลังทุกข์ใจออกไปได้ ถึงมันจะเป็นแค่ช่วงเวลาสั้นๆหรือได้แค่ชั่วพักชั่วครู่แต่เธอก็อยากจะลืม
ผู้ชายที่เธอรักและไว้ใจเขาที่สุด กลับพาผู้หญิงคนอื่นไปนอนด้วย ซึ่งเธอเห็นเองมากับตา มันทำให้เธอรับไม่ได้ แล้วเธอก็บอกเลิกกับเขาทันที พอบอกเลิกแล้วก็คิดว่าตัวเองน่าจะดีขึ้นแต่เปล่าเลย เธอจึงต้องพาตัวเองมานั่งอยู่ที่ผับแห่งนี้ เพราะว่ามันกลุ้ม แต่ถึงความรู้สึกของเธอจะทุกข์มากขนาดไหน เธอก็ไม่มีวันกลับไปหาผู้ชายมักมากคนนั้นอีกแน่
“แล้วเป็นอะไร ทำไมถึงได้ดื่มหนักขนาดนี้ แล้วนี่ร้องไห้ด้วยเหรอ” ริตารีบนั่งลงข้างๆเพื่อนทันที แล้วส่งสายตาบอกให้แฟนของเธอที่มาด้วยกัน เดินไปนั่งตรงอื่นก่อน เธอขอคุยกับเพื่อนของเธอสักพักแล้วจะตามไป
“ฮึก…พี่ชาญเขาไปนอนกับผู้หญิงคนอื่น ฉันเห็นมากับตาเลย ฮึก...ฮึก” น้ำเสียงของคนเมาปนกับเสียงสะอื้น ทำให้ริตาสงสารเพื่อนเข้าไปอีก
“เฮ้ยจริงดิ ใจเย็นๆก่อนนะแก ดื่มไปมันก็ไม่ได้มีอะไรดีขึ้นมาหรอก ก็ฉันเคยบอกแกแล้วใช่ไหมว่าผู้ชายน่ะ ร้อยทั้งร้อย มันก็อยากได้เรื่องนั้นกันทั้งนั้นนั่นแหละ” ริตาพอจะรู้สาเหตุของเรื่องแล้ว เพราะริตากับน้ำผึ้งสนิทกันมาก เธอสองคนคุยกันได้ทุกเรื่อง แต่ริตาจะไม่โทษว่าเป็นความผิดของน้ำผึ้ง ถ้าจะโทษก็คงต้องโทษผู้ชายที่เห็นแกตัวคนนั้นมากกว่า
“แต่ฉันจะเก็บไว้ให้พี่เขานะ ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจฉันบ้าง ฮึก…” คนเมาพูดออกมาอย่างต้องการระบายความในใจ
“แกน่ะมันโลกสวยเกินไป เรื่องคืนวันแต่งงานอย่างที่แกคิดน่ะ สมัยนี้มันไม่มีอยู่จริงแล้ว” ริตาเอ่ยบอกเพื่อนเป็นครั้งที่ร้อย แต่น้ำผึ้งก็ยังคงยืนยันคำเดิมมาตลอด ซึ่งมันก็ไม่ใช่เรื่องผิดที่ผู้หญิงจะคิดแบบนั้น แต่นั่นอาจจะเป็นเพราะว่าทั้งสองคนศีลไม่เสมอกัน หรือผู้ชายคนนั้นอาจจะไม่ได้รักน้ำผึ้งจริง แต่ถ้าเป็นอย่างนั้น เลิกกันก็อาจจะดีกว่าไปกันต่อก็ได้
“ฉันผิดด้วยเหรอวะ” เสียงสะอื้นกับคำพูดตัดพ้อบ่นอู้อี้อยู่ในลำคอ แต่ริตาก็พอฟังออกว่าเพื่อนพูดอะไร
“แกไม่ได้ผิดหรอกเพื่อน” ไหนๆเรื่องมันก็เกิดขึ้นแล้ว อาการอกหักแบบนี้ ถ้าจะให้ดีขึ้นคงต้องใช้เวลาอย่างเดียวเท่านั้น ถึงจะรักษาแผลใจได้
“แล้วยังไง ได้เคลียร์กันหรือยัง เขาจะเลือกแกต่อหรือเปล่า” ริตาเป็นห่วงความรู้สึกของเพื่อนมาก ดูจากอาการตอนนี้แล้วน่าจะหนักพอสมควร
“ผู้ชายเฮงซวยแบบนั้น ต่อให้พี่เขาเลือกฉัน ฉันก็คงไม่เอาแล้วแหละ เลวขนาดนั้นใครอยากได้ก็เอาไปเถอะ!” เมื่อริตาได้ยินในสิ่งที่เพื่อนพูด ริตาเชื่อว่าอีกไม่นานเพื่อนของเธอก็คงจะเข้มแข็งขึ้นและหายเศร้าได้ไม่ยาก
“เออ…คิดได้แบบนี้ก็ดี แล้วแกจะมานั่งร้องไห้ทำไมวะ” ดูเหมือนน้ำผึ้งจะเข้มแข็งกว่าที่ริตาคิดเอาไว้มาก ไม่ว่าใครที่อกหักมาใหม่ๆก็คงเป็นแบบนี้กันทุกคนนั่นแหละ
“ไม่รู้ว่ะ รู้แต่ว่ามันเจ็บ มันเจ็บตรงนี้เลยแก...” น้ำผึ้งใช้นิ้วชี้ ชี้ไปที่หน้าอกข้างซ้ายของตัวเองให้เพื่อนดู อยากระบายความในใจให้เพื่อนรู้ ว่าเธอรู้สึกเจ็บตรงนี้มากขนาดไหน
“เอาเถอะ เดี๋ยวแกก็หายแต่มันอาจจะต้องใช้เวลา” ในขณะที่ริตานั่งคุยกับน้ำผึ้งอยู่นั้น สายตาของริตาก็มองไปทางที่แฟนหนุ่มของเธอนั่งอยู่ที่โต๊ะถัดไปไกลพอสมควรอยู่บ่อยครั้ง
“แล้วแกมากับใคร” น้ำผึ้งเอ่ยถามเพื่อน เพราะเมื่อสักครู่น้ำผึ้งไม่ทันได้มองว่าริตามากับใคร น้ำผึ้งรู้สึกว่าริตากำลังมองไปที่ใครสักคน
“ฉันมากับแฟน เขานั่งอยู่โต๊ะโน้นไปนั่งด้วยกันไหม” ริตาเอ่ยชวนเพราะเห็นว่าเพื่อนนั่งอยู่คนเดียว แล้วก็ยังเมามากอีกด้วย
“ไม่ล่ะ แกไปเถอะ ฉันไม่อยากจะไปเป็น กขค.”
“แล้วแกจะนั่งอยู่คนเดียวนี่นะ” ริตายังคงรู้สึกเป็นห่วงเพื่อนอยู่มาก แต่คนที่มากับเธอก็สำคัญเช่นกัน
“เถอะน่า อีกแป๊บเดียวฉันก็จะกลับแล้ว แกไปเถอะ” ตอนนี้น้ำผึ้งรู้สึกมึนหัวมาก เธอกะว่านั่งอีกแป๊บเดียว เธอก็จะกลับแล้ว ส่วนเพื่อนของเธอนั้นเพิ่งมา เธอไม่อยากไปนั่งร้องไห้ ให้มันเสียบรรยากาศของคู่รักเขา
“อยู่คนเดียวได้แน่นะ” ริตาเองก็รู้สึกเกรงใจแฟนของเธอที่มาด้วยกันอยู่มาก เพราะเธอทิ้งให้เขานั่งอยู่คนเดียวนานแล้ว เธอจึงตัดสินใจให้เพื่อนนั่งคนเดียว เพราะน้ำผึ้งบอกว่ากำลังจะกลับแล้ว
“ไปเถอะฉันอยากนั่งคนเดียว ไปๆ” น้ำผึ้งรีบไล่เพื่อนให้ลุกขึ้น เธอเองก็เคยมีแฟนจึงเข้าใจความรู้สึกแบบนี้ดี
“เออๆ ถ้าอย่างนั้นฉันไปนะ”
“อือ ก็บอกว่าให้ไปก็ไปสิ” หลังจากที่ริตาเดินออกไปแล้ว น้ำผึ้งก็ดื่มเหล้าเข้าไปอีก เมามากจนแทบจะไม่มีสติ เธอจึงเดินโซเซออกมา หวังว่าจะออกมาเรียกแท็กซี่เพื่อที่จะกลับบ้าน แต่เธอยังเดินไปได้ไม่ทันถึงไหน เธอก็สะดุดเข้ากับขาเก้าอี้ซะก่อน จนเธอเซไปนั่งอยู่บนตักของผู้ชายคนหนึ่งเข้าพอดี
แค่เพียงสบตาความปรารถนาอันร้อนแรงของเขาก็ได้ก่อตัวขึ้น ในเมื่อแต่งงานกันแล้ว เขาย่อมมีสิทธิ์ในตัวเธอทุกประการ
คืน One Night Stand ของมาเฟียอิตาลีกับยัยขี้เมา เช้าวันนั้นเธอหายไป เขาจึงออกตามหา แต่เมื่อได้เจอกันเธอกลับจำหน้าเขาไม่ได้
เรื่อง...คุณหมอสะดุดรัก คำโปรย พริ้งพราวเพื่อนลากให้ไปเที่ยวผับแต่เธอดันถูกยาปลุกเซ็กเข้า แล้วบังเอิญมาเจอกับเขา คุณหมอหนุ่มวัย35ปี แล้วคุณหมอจะมีวิธีช่วยเธออย่างไร... แนะนำตัวละคร วายุภักษ์ ภักดีวัฒนากุล (วายุ) อายุ 35 ปี เขาเป็นผู้ชาย ขี้เล่น อารมณ์ดี และที่สำคัญเขายิ้มเก่งมากๆ วายุเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลสาขาที่เชียงใหม่และยังพ่วงด้วยตำแหน่งคุณหมอโรคหัวใจ เขาเป็นลูกชายคนโตของ เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่มีสาขาอยู่หลายแห่งของประเทศไทย วายุมีความจำเป็นต้องย้ายมาจากสาขาที่เชียงใหม่ เพราะน้องชายที่ประจำอยู่เกิดอุบัติเหตุ วายุเลยมาประจำอยู่สาขาที่กรุงเทพแทนเป็นการชั่วคราว กมลเนตร ธนพัฒน์ธาดา (พริ้งพราว) หญิงสาวบริสุทธิ์ อายุ 24 ปี ทำงานในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ และเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เธอกับเขาอยู่ด้วยกันและค่อยๆ สนิทกัน เหนือเมฆ ภักดีวัฒนากุล (เมฆ) น้องชายคนเดียวของวายุ ตั้งแต่เขาประสบอุบัติเหตุเดินไม่ได้ เขาก็กลายเป็นคนอารมณ์ร้อน พยาบาลพิเศษที่จ้างมาดูแล ไม่มีใครสามารถอยู่กับเขาได้ จนได้มาเจอกับ...ข้าวหอม ศศินาทิพย์ คงเจริญ (ข้าวหอม) พยาบาลจบใหม่ เธออยู่ในช่วงทดลองงาน ถูกทางโรงพยาบาลขอร้องให้ไปดูแลคนป่วยที่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีเงื่อนไข และเงื่อนไขนั้นทำให้เธอยอมตอบตกลงรับทำงานนี้ @@@@@@
เรื่อง...พ่อม่ายกับยัยพี่เลี้ยง คำโปรย...นักธุรกิจหนุ่มลูกติด มีปมชีวิตความใสซื่อและความดีของเธอทำให้เขาสนใจ ส่วนลูกชายที่ไม่ยอมไปโรงเรียนเพราะโดนเพื่อนล้อว่าไม่มีแม่ อยากได้เธอมาเป็นแม่ซึ่งเขาก็เห็นด้วยกับลูกชายเช่นกัน แนะนำตัวละคร คุณอาทิตย์ เจริญเดชาพงษ์ (คุณอาทิตย์) หนุ่มหล่อรวย เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้ากลางใจเมือง และยังมีธุรกิจ ผลิต นำเข้า และส่งออก เกี่ยวกับสิ่งอิเล็กทรอนิกส์ รายใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย แต่อาทิตย์เขามีลูกติดชื่อน้องเกียร์เป็นเด็กผู้ชายอายุสามขวบ แม่เสียชีวิตตอนคลอดน้องเกียร์ออกมาได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เพราะเธอเสียเลือดมาก นันทิชา มงคลสวัสดิ์ (มิรา) หญิงสาวที่พึ่งเรียนจบมาใหม่ๆ เธอตกงาน ที่บ้านกำลังลำบาก เธอออกหางานทำเพราะต้องส่งน้องเรียน น้องเธออยู่มัธยมต้น เป็นผู้หญิงชื่อลิลิน พ่อแม่เสียไปนานแล้ว เหลือกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านถึงรอดมาถึงทุกวันนี้ได้
เรื่อง...คุณหมออาสากับยัยเด็กบนดอย โปรย...ความรักมันไม่ได้เกี่ยวกับอายุ...แต่มันเกี่ยวอยู่ที่ใจ เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้ แนะนำตัวละคร แสงเหนือ หรือ หมอแสง อายุ 32 ปี นิสัย ปากร้าย อารมณ์ดี ขี้เล่น อบอุ่นและขี้หึงสุดๆ แต่เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้ ปิ่นงาม หรือ ปิ่น อายุ 20 ปี เธอสวย เก่ง เธอใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่บนดอยสูง เธอมีความสุขตามอัตภาพของเธอ แต่แล้วชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไปเมื่อมีเขาเดินเข้ามา ************* (เรื่องนี้เขียนต่อจากเรื่อง...คุณหมอเจ้าแผนการ) ปล.นิยายเรื่องนี้ทุกเหตุการณ์เป็นการสมมุติขึ้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเป็นอยู่ ศาสนา วัฒนธรรม หรืออะไรก็แล้วแต่ในเนื้อหาของเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งที่สมมุติขึ้นทั้งสิ้น
ความสวยสะดุดตา ความสดใสสะดุดใจ ปากที่บอกว่ายังไม่อยากมีใคร แต่ในใจกลับอยากได้เธอมาครอบครอง
อดีตนักฆ่าสาวอันดับหนึ่ง ผู้มีใจคอโหดเหี้ยมได้ทะลุมิติอยู่ในร่างสาวน้อยรูปโฉมอัปลักษณ์ ที่ทุกคนต่างสาปส่งและรังแกสารพัด!
เพราะเพื่อน..เธอจึงต้องทำอะไรลับๆ ล่อๆ เป็นเหตุให้เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอแอบชอบ ในขณะเดียวกัน เธอเองก็คิดว่าเขาเป็นเกย์ เพราะสถานการณ์บางอย่างเช่นกัน แล้วความวุ่นวายก็บังเกิด เมื่อเธอดัน…หลงรักเกย์ ‘ฮื่อ! เป็นเกย์นะเว้ยไม่ได้เป็นหวัด รักษาวันเดียวจะหายได้ไง สู้ต่อไปศิศิรา ความพยายามอยู่ที่ไหน ความสำเร็จอยู่ที่นั่น อย่างน้อยตอนนี้เขาก็ยังไม่มีผัวเป็นตัวเป็นตน เพราะงั้นฉันก็ยังมีหวัง เฮ้อ! อย่างมากก็แค่ผิดหวังล่ะน่า’ ***“สาบานได้ว่าครั้งนี้ผมจะไม่หยุด จนกว่าเรา…จะเป็นของกันและกัน” เขาบอกก่อนจะผละลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ขณะที่สองมือค่อยๆ ปลดกระดุมเสื้อ สองตาก็ยังไม่ยอมเลื่อนไปจากเรือนร่างขาวโพลนตรงหน้า และไอ้สายตาคมกล้าประหนึ่งเสือรอตะครุบเหยื่อของเขาก็ทำให้เธอหนาวๆ ร้อนๆ บอกไม่ถูก “ไม่! เราพวกเดียวกัน เรากินกันไม่ได้” เธอพยายามเตือนสติ เพราะคิดว่าเขาอาจจะกำลังขาดสติ “แต่ผมเคยกินคุณแล้ว แล้วผมก็ชอบกินคุณ” เขาพูดพลางหลุบตามองไปที่แพนตี้ของเธอ ทำเอาเจ้าของแพนตี้ทำตาโต ไม่แน่ใจในคำว่ากินของเขา ที่สำคัญ…กะๆ กินอะไร “มะหมายความว่าไง”
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
กลางวันอ่อนหวาน กลางคืนร้อนแรง นี่คือคำที่ลู่เยียนจือใช้เพื่อบรรยายถึงเธอ แต่หานเวยบอกว่าตัวเองมีชีวิตอยู่ไม่ถึงครึ่งปี ลู่เยียนจือกลับไม่ลังเลที่จะขอหย่ากับสือเนี่ยน “แค่ปลอบใจเธอไปก่อน ครึ่งปีข้างหน้าเราค่อยแต่งงานใหม่” เขาคิดว่าสือเนี่ยนจะรออยู่ที่เดิมตลอด แต่เธอได้ตาสว่างแล้ว น้ำตาแห้งสนิท หัวใจสือเนี่ยนก็แตกสลายไปแล้วด้วย การหย่าปลอมๆ สุดท้ายกลายเป็นจริง ทำแท้งลูก เริ่มต้นชีวิตใหม่ สือเนี่ยนจากไปโดยไม่หันกลับมาอีก แต่ลู่เยียนจือกลับเสียสติ ต่อมา ได้ยินว่าคุณชายลู่ผู้มีอิทธิพลนั้นก็อยู่นิ่งๆ ต่อไปไม่ได้ ขับรถเมอร์เซเดส-เบนซ์ไล่ตามเธออย่างบ้าคลั่ง เพียงเพื่อขอให้เธอเหลือบมองเขาอีกครั้ง...
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY