คืน One Night Stand ของมาเฟียอิตาลีกับยัยขี้เมา เช้าวันนั้นเธอหายไป เขาจึงออกตามหา แต่เมื่อได้เจอกันเธอกลับจำหน้าเขาไม่ได้
คืน One Night Stand ของมาเฟียอิตาลีกับยัยขี้เมา เช้าวันนั้นเธอหายไป เขาจึงออกตามหา แต่เมื่อได้เจอกันเธอกลับจำหน้าเขาไม่ได้
เรื่อง...มาเฟียระบายรัก
สำหรับนิยายเรื่องนี้เป็นตอนของลิลิน น้องสาวของมิรา แต่งต่อจากเรื่อง...พ่อม่ายกับยัยพี่เลี่ยง นักอ่านสามารถอ่านแยกเรื่องได้ค่ะ เนื้อเรื่องไม่ได้รวมกันอ่านแล้ว ไม่งงแน่นอนค่ะ
คำโปรย
คืน One Night Stand ของมาเฟียอิตาลีกับยัยขี้เมา เช้าวันนั้นเธอหายไป เขาจึงออกตามหา แต่เมื่อได้เจอกันเธอกลับจำหน้าเขาไม่ได้
แนะนำตัวละคร
ขวัญฤทัย มงคลสวัสดิ์ อายุ 22 ปี (ลิลิน)
นักศึกษาฝึกงานปีสุดท้าย เธอไปเลี้ยงฉลองกับเพื่อนที่ได้ฝึกงานด้วยกัน เธอเมาจนไม่มีสติ เผลอไปมีความสัมพันธ์กับผู้ชายคนหนึ่งเข้า เธอจำหน้าเขาไม่ได้ แต่ในที่สุดโลกมันก็กลม...บังเอิญเจอกัน
คริสเตียน คาร์โด้ อายุ 34 ปี (คุณคริส)
เขาเป็นมาเฟีย มาเปิดธุรกิจในไทย เขาหล่อ และรวยมาก เขาไม่ใช่ผู้ชายเจ้าชู้อย่างที่คนอื่นๆ เข้าใจ แต่เขาชอบซื้อกิน เพราะเขายังไม่เจอคนที่ทำให้เขาสามารถรู้สึกรักได้ วันหนึ่งเขาได้เจอกับยัยขี้เมาโดยบังเอิญ แล้วเกิดสนใจเธอขึ้นมา เขาและเธอมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งกันในคืนนั้น
ตอนที่ 1 ชีวิตลิลิน
ลิลิน หญิงสาวตัวเล็กผิวขาวหุ่นดี ใบหน้าสวยใสน่ารักกำลังดี นักศึกษาปีสี่ ในชีวิตมีพี่สาวเพียงคนเดียวที่คอยดูแลเธอมาตลอดตั้งแต่ยังเด็ก เธอรักพี่สาวของเธอคนนี้มาก รักเหมือนแม่คนหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะมีกันอยู่แค่สองคนพี่น้องเท่านั้น แต่ตอนนี้พี่สาวของเธอได้มีครอบครัวที่อบอุ่นไปแล้ว
พี่สาวกับพี่เขยของเธอได้ส่งเธอเรียน เธออยากอะไร ลิลินก็มักจะได้เรียนในสิ่งที่ต้องการเสมอ ลิลินอยู่อย่างสบายและมีความสุขดี พี่เขยของเธอซื้อคอนโดกับรถอีกหนึ่งคันให้กับเธอ ตอนแรกเธอก็ไม่อยากรับเพราะรู้สึกเกรงใจ แต่พี่เขยของเธอบอกว่า ที่ซื้อให้เพราะไม่อยากให้พี่สาวต้องเป็นห่วง
ลิลินเป็นผู้หญิงที่ต้องอยู่คอนโดคนเดียว ถ้าไม่มีรถก็จะลำบาก ซึ่งลิลินเองก็อยากให้พี่สาวของเธอสบายใจ เธอจึงรับเอาไว้ เธอเลือกที่จะออกมาอยู่ข้างนอกเพียงลำพัง เพราะมันใกล้กับมหาลัยที่เธอเรียน แต่อีกใจลิลินก็ไม่อยากเข้าไปอยู่ที่บ้านพี่เขยด้วยแหละ เพราะเธอเกรงใจไม่อยากรบกวน แค่ที่เขาส่งเธอเรียนมันก็มากพอแล้ว และตอนนี้เธอกำลังหาที่ฝึกงานก่อนเรียนจบ เพราะตอนนี้เธออยู่ปีสุดท้ายอีกนิดเดียวก็จะจบแล้ว
ลิลินเป็นผู้หญิงเก่ง ไม่ยอมใคร รักตัวเอง เก่งการต่อสู้ ชอบกีฬายิงปืนที่สุด มีเพื่อนสนิทสามคนผู้ชายหนึ่ง ผู้หญิงสอง ทั้งสี่คนรวมถึงเธอด้วยรักกันมาก
“ไอ้ลิน มึงได้ที่ฝึกงานหรือยัง" ธีร์เพื่อนสนิทของลิลินคนแรกถามขึ้น ธีร์เป็นผู้ชายคนเดียวในกลุ่ม เขาเป็นผู้ชายที่รักเพื่อนมาก มีแฟนไปเรื่อยๆ ส่วนเพื่อนก็คือเพื่อนไม่ได้คิดกับใครในกลุ่มเกินเลยทั้งสิ้น
"ยังเลยรอบริษัทตอบรับอยู่เนี่ย ทำไมบริษัทสมัยนี้ถึงรับเด็กฝึกงานยากจังนะ" ที่จริงเธอกลัวว่าจะต้องไปฝึกงานที่บริษัทของพี่เขยต่างหาก เธอไม่อยากไป เพราะเธออยากจะใช้ชีวิตด้วยตัวเอง พี่เขยของเธอชื่อคุณอาทิตย์ เขาเป็นนักธุรกิจที่โด่งดังมากคนหนึ่ง ส่วนพี่สาวของเธอชื่อมิราเป็นผู้หญิงธรรมดาคนหนึ่งเท่านั้น
"แล้วทำไมมึงไม่ไปฝึกงานที่บริษัทของพี่เขยมึงวะ" ถ้ากูอยากไป กูคงไม่มานั่งหาที่ฝึกงานอยู่แบบนี้หรอกถามไม่คิด...ลิลินค่อนขอดเพื่อนในใจ
"ไม่อ่ะ กูไม่อยากรบกวนเขา แล้วกูก็อยากหาประสบการณ์ด้วยตัวเองด้วย" ลิลินชอบชีวิตอิสระ เธอเป็นผู้หญิงก็จริง แต่เธอก็เป็นผู้หญิงเก่งและเข้มแข็ง ร่าเริง และคิดบวกเสมอ
"เออๆ แม่คนเก่งแล้วแต่มึงเลยครับ พอดีของกูได้แล้ววะ" ธีร์เป็นผู้ชายเพียงคนเดียวในกลุ่ม คำพูดของเขาไม่เคยแบ่งแยกไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย เขามักจะพูดกู มึง กับเพื่อนเสมอ เพราะเขารู้สึกว่ามันสนิทกันดี ซึ่งทุกคนในกลุ่มก็คิดเหมือนกัน
"เฮ้ยจริงเหรอโชคดีจังได้ที่ไหนวะ" ลิลินถามอย่างตื่นเต้นแทนเพื่อนที่ได้ที่ฝึกงานแล้ว แต่เธอนี่สิยังไม่ได้สักที ไปสมัครมาก็ตั้งหลายที่ ถ้าไม่ได้จริงๆ มีหวังต้องไปทำงานกับพี่อาทิตย์แน่ๆ ใครจะอยากไปทำงานกับคนแก่กัน ไม่เอาๆ
"บริษัท xxx น่ะ" ลิลินทำหน้าเข้าใจ และก็หวังว่าเธอก็จะต้องได้ที่ฝึกงานบ้าง
"โอ๊ยอิจฉา นี่ถ้ากูได้ที่ฝึกงานบ้างนะ เราไปเลี้ยงฉลองกัน" ลิลินชวน ปกตินานๆ ทีถึงจะชวนกันไปเที่ยวเพราะพักหลังมาเรียนหนักมาก ยิ่งใกล้จะจบนะ ไม่ค่อยมีเวลาไปไหนเลย แต่ถ้าครั้งนี้เธอได้ที่ฝึกงานนะ เธอก็อยากจะให้ของขวัญกับตัวเองบ้าง ให้ชีวิตได้ปลดปล่อยบ้าง
"ไปก็ไปดิ" ธีร์เป็นเพื่อน ที่รักเพื่อนๆ มากและเป็นผู้ชายเพียงคนเดียวในกลุ่ม ถ้าเพื่อนเขาไปไหน เขาก็ต้องไปด้วยอยู่แล้ว รวมถึงแตงโมกับน้ำหวานด้วย เพราะธีร์จะได้ดูแลเพื่อนไปในตัวด้วย เพราะสถานที่ที่ลิลินพูดถึงคงไม่พ้นที่ที่ผู้ใหญ่ชอบไปเที่ยวกันแน่ๆ
"อ้าวๆ พูดแล้วน้า..." แค่เรื่องเที่ยวธีร์สบายมาก เมื่อไหร่ ตอนไหนขอให้บอก เขาพร้อมเสมอ
"เออดิวะกูเคยเบี้ยวมึงหรือไง" ธีร์ตอบอย่างมั่นใจ เพราะทุกครั้งเขาก็ไปด้วยกันเสมอ
"ไม่เคย...มั้ง เดี๋ยวชวนแตงโมกับยัยน้ำหวานไปด้วย" ลิลินนึกเรื่องเที่ยวแล้ว แต่ที่ฝึกงานยังไม่ได้เลยนะ
“ให้มึงได้ที่ฝึกงานก่อนดีมั้ยเพื่อน ไอ้พวกนั้นน่ะ ไม่ต้องชวนมันก็ไป" ลิลินทำท่าพยักหน้าเห็นด้วย กับสิ่งที่เพื่อนพูด เพราะสองคนนั้นไปไหนไปกันอยู่แล้ว อีกอย่างเธอก็ยังไม่ได้ที่ฝึกงานเลย
"แล้วมึงจะรู้ผลเมื่อไหร่วะ กูจะได้เตรียมท้องไปใส่เหล้า" งานนี้คงต้องเต็มที่หน่อยเพราะนานๆ ทีจะได้พากันไปเที่ยว
"แหมมึงแดกอย่างอื่นบ้างก็ได้" ลิลินมักจะพูดแบบนี้กับเพื่อนเช่นกัน แต่ถ้าเธอคุยกับพี่สาวหรือคุยกับผู้ใหญ่ ลิลินก็จะเรียบร้อยและน่ารักไปอีกแบบ
"กูจะดื่มเยอะขนาดไหน ก็ไม่เมาเท่ามึงหรอกไอ้ลิน" เพราะลิลินเป็นคนคออ่อน พอเวลาที่ลิลินเมา ลิลินจะไม่รู้ตัวเรื่องเลย แบบว่าตื่นมาจำอะไรไม่ได้เลย เพราะฉะนั้นเวลาที่ลิลินดื่มเหล้า เพื่อนของเธอทั้งสามคนจะช่วยกันดูแลลิลินเสมอ
"เออๆ เดี๋ยวมึงคอยดูกูใหม่แล้วกัน ครั้งนี้กูจะไม่เมา" ลิลินพูดไปอย่างนั้นแหละ เพราะเธอรู้ว่า ถ้าเธอเมาเมื่อไหร่ เพื่อนๆ ของเธอก็ไม่ทิ้งเธอแน่นอน
"อ้าวนั้นไงยัยสองคนมาโน้นแล้ว" ธีร์หันไปเห็นแตงโมกับน้ำหวานเดินยิ้มมาแต่ไกลพอดี
"ลินๆ เราได้ที่ฝึกงานที่เดียวกัน" น้ำหวานพูดขึ้นหน้าตาดีใจสุดๆ เพราะได้ที่ฝึกงานที่เดียวกันกับเพื่อนสนิท
"จริงเหรอดีใจอ่ะ...แล้วแตงโมล่ะ" ลิลินยิ้มให้น้ำหวานอย่างดีใจ แล้วหันไปถามแตงโม
"เราได้อีกที่นึงน่ะ" แตงโมก็ยิ้มได้เช่นกัน ถึงจะไม่ได้ไปฝึกกับเพื่อน ก็ไม่เป็นไร แค่รู้ว่าพวกเราจะได้มีที่ให้ฝึกงานมันก็ดีแล้ว ส่วนเรื่องจะไปฝึกที่เดียวกันหรือไม่นั้น ไม่สำคัญเพราะเดี๋ยวพวกเธอทั้งสี่คน ก็หาเวลามาเจอกันได้อยู่แล้ว
"คนละที่ก็ไม่เป็นไรเนอะ ดีแล้วที่พวกเรายังหาที่ฝึกงานกันได้" น้ำหวานพูดขึ้นแบบให้กำลังใจเพื่อน
"อือ" ทุกคนก็เห็นด้วยเช่นกัน
"ถ้างั้นวันนี้เราไปเลี้ยงฉลองกัน" ลิลินพูดขึ้นอย่างตื่นเต้นน้ำเสียงดีใจสุดๆ ในที่สุดสิ่งที่หวังเอาไว้ก็เป็นจริง เธอจะได้ไม่ต้องไปทำงานกับพี่อาทิตย์ พี่เขยของเธอ เธอรู้ว่าเขาใจดี แต่เธอไม่รู้ว่าสำหรับเรื่องงานเขาจะเป็นยังไง ด้วยอายุของเขาแล้ว เธอคิดว่าเขาต้องเข้มงวดกับเธอแน่ๆ เพราะฉะนั้นเธอไม่ไปหรอก
"ที่ไหนๆ" แตงโมรีบถาม เพราะเธออยากไปเปิดหูเปิดตาอยู่พอดี
"เออ…ไอ้ธีร์ที่ไหนดีวะ" ลิลินหันไปถามความคิดเห็นธีร์ จากที่คุยกันเมื่อสักครู่ยังไม่ได้สรุปว่าจะไปที่ไหนกันดี
"ร้านอาหารก็พอมั้ง" น้ำหวานเสนอ
"ไม่เอาๆ ครั้งนี้ต้องพิเศษหน่อย ไปผับกัน ผู้ชายเยอะดี" แตงโมออกความคิดเห็นทันที แฟนก็เลิกกันไปตั้งนานแล้ว ว่าจะหาใหม่สักคนมาประดับบารมีสักหน่อย
"อกหักครั้งที่แล้วไม่เข็ดอีกนะไอ้โม" น้ำหวานแซวเพื่อน ทุกคนในกลุ่มล้วนแล้วแต่เคยผ่านผู้ชายมาแล้วทั้งนั้น ส่วนธีร์ก็ผ่านผู้หญิงมาแล้ว ยังเหลือก็แต่ลิลินที่ยังไม่เคยผ่านเรื่องนี้เลย เพราะพี่สาวของเธอขอร้องให้น้องสาวเรียนจบก่อนแล้วค่อยมีแฟน เพราะนางเป็นห่วง กลัวน้องสาวจะเจอผู้ชายที่ไม่ดี ส่วนลิลินก็ไม่อยากให้พี่สาวเป็นห่วง เธอก็เลยเลือกที่จะยังไม่มีแฟนตามที่พี่สาวขอร้อง
"อกหักแล้วไง ไม่ได้ทำให้กูตายสักหน่อย" แตงโมพูดอย่างอารมณ์ดี เธอคิดว่าความรักคือสีสันของชีวิต ส่วนเรื่องบนเตียงเธอก็ไม่ได้จะให้ใครง่ายๆ สักหน่อยถ้าอารมณ์ไม่พาไปจริงๆ เธอก็ไว้ตัวอยู่พอสมควรหรือจะเรียกว่าเล่นตัวก็ได้นะ เธอไม่ได้สนใจว่าผู้ชายคนไหนจะคิดยังไง เพราะเรื่องแบบนี้ ถ้ารีบก็จะเจอแต่ผู้ชายห่วยๆ อย่างที่ผ่านมานั่นแหละ
"เอาที่มึงสบายใจเลยก็แล้วกัน" เพื่อนทุกคนต่างก็เป็นห่วงกันดี พอเวลาที่ใครมีเรื่องไม่สบายใจ ผิดหวัง หรือจะสมหวังก็ตาม ก็มักจะมาระบายและเล่าให้เพื่อนในกลุ่มฟังเสมอ ทำให้ลิลินหญิงสาวโสดแถมยังบริสุทธิ์คนเดียวในกลุ่ม เธอมีข้อมูลเรื่องความรักเยอะมาก เธอไม่ได้ใสซื่อเพราะได้ประสบการณ์จากเพื่อนๆ เหลือก็แต่ปฏิบัติอย่างเดียวที่เธอยังไม่เคย
"เอ้าๆ แยกย้ายสามทุ่มเจอกันที่คอนโดไอ้ลิน เดี๋ยวไปรถกู" ธีร์เป็นคนพูดขึ้น เพราะเขาคิดว่าไปด้วยกันจะได้กลับด้วยกัน และจะได้ดูแลกันด้วย
"ทำไมต้องไปรถมึงด้วย ไม่เอาๆ กูจะขับรถไปเอง" ลิลินเห็นว่าบ้านเพื่อนแต่ละคน ไปกันคนละทิศละทาง ถ้าจะไปคันเดียวกัน ขับมารับไม่เท่าไหร่ ตอนไปส่งนี่สิ คงจะวนไปวนมาทั้งคืนแน่ๆ แล้วเธอก็มีรถ เพราะฉะนั้นเธอก็ไม่อยากให้เพื่อนลำบากด้วย
"ก็กูเป็นผู้ชาย กูจะได้ดูแลพวกมึงด้วยไง" ธีร์รู้ว่าสถานที่ที่จะไปเที่ยวกัน ในที่แบบนั้นมันค่อนข้างอันตราย แต่ถ้าเพื่อนจะยืนยันไปเองเขาก็ไม่ได้ว่าอะไร แค่แสดงความเป็นห่วงในสถานะเพื่อนก็เท่านั้น
"เออ...ขอบใจมึงมาก แต่ไม่เป็นไรดีกว่า มึงกินทีไรเมาเป็นหมาทุกที กูเอารถไปเองดีกว่า" ที่จริงแล้วก็เมาเหมือนๆ กันทุกคนนั่นแหละ โดยเฉพาะคนพูด
"ไอ้ธีร์กูไปด้วยนะ ทางผ่านบ้านกูพอดีขี้เกียจขับรถว่ะ" ในที่สุดก็มีน้ำหวานไปกับธีร์หนึ่งคน
"กูด้วยๆ ถึงห้องกูจะอยู่คนละซอย เดี๋ยวกูนั่งรถมาหามึงที่บ้านก็ได้ ขากลับกูจะได้มีคนไปส่งเผื่อกูเมา แฮะๆ" แตงโมเสนอตัวไปกับธีร์อีกคน งั้นก็เหลือแต่ลิลินที่จะขับรถไปเองคนเดียว
"ได้ดิ งั้นไอ้ลินมึงไปคนเดียวนะ" ธีร์สรุป
"อือสบายมาก สามทุ่มเจอกันตามนัด"
"งั้นมึงสองคนตกลงตามนี้" ธีร์หันไปพูดกับแตงโมและน้ำหวาน แล้วทั้งหมดก็แยกย้ายกัน กลับบ้านใครบ้านมันแล้วเจอกันอีกทีเวลาตามนัด...
แค่เพียงสบตาความปรารถนาอันร้อนแรงของเขาก็ได้ก่อตัวขึ้น ในเมื่อแต่งงานกันแล้ว เขาย่อมมีสิทธิ์ในตัวเธอทุกประการ
เรื่อง...คุณหมอสะดุดรัก คำโปรย พริ้งพราวเพื่อนลากให้ไปเที่ยวผับแต่เธอดันถูกยาปลุกเซ็กเข้า แล้วบังเอิญมาเจอกับเขา คุณหมอหนุ่มวัย35ปี แล้วคุณหมอจะมีวิธีช่วยเธออย่างไร... แนะนำตัวละคร วายุภักษ์ ภักดีวัฒนากุล (วายุ) อายุ 35 ปี เขาเป็นผู้ชาย ขี้เล่น อารมณ์ดี และที่สำคัญเขายิ้มเก่งมากๆ วายุเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลสาขาที่เชียงใหม่และยังพ่วงด้วยตำแหน่งคุณหมอโรคหัวใจ เขาเป็นลูกชายคนโตของ เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่มีสาขาอยู่หลายแห่งของประเทศไทย วายุมีความจำเป็นต้องย้ายมาจากสาขาที่เชียงใหม่ เพราะน้องชายที่ประจำอยู่เกิดอุบัติเหตุ วายุเลยมาประจำอยู่สาขาที่กรุงเทพแทนเป็นการชั่วคราว กมลเนตร ธนพัฒน์ธาดา (พริ้งพราว) หญิงสาวบริสุทธิ์ อายุ 24 ปี ทำงานในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ และเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เธอกับเขาอยู่ด้วยกันและค่อยๆ สนิทกัน เหนือเมฆ ภักดีวัฒนากุล (เมฆ) น้องชายคนเดียวของวายุ ตั้งแต่เขาประสบอุบัติเหตุเดินไม่ได้ เขาก็กลายเป็นคนอารมณ์ร้อน พยาบาลพิเศษที่จ้างมาดูแล ไม่มีใครสามารถอยู่กับเขาได้ จนได้มาเจอกับ...ข้าวหอม ศศินาทิพย์ คงเจริญ (ข้าวหอม) พยาบาลจบใหม่ เธออยู่ในช่วงทดลองงาน ถูกทางโรงพยาบาลขอร้องให้ไปดูแลคนป่วยที่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีเงื่อนไข และเงื่อนไขนั้นทำให้เธอยอมตอบตกลงรับทำงานนี้ @@@@@@
เรื่อง...พ่อม่ายกับยัยพี่เลี้ยง คำโปรย...นักธุรกิจหนุ่มลูกติด มีปมชีวิตความใสซื่อและความดีของเธอทำให้เขาสนใจ ส่วนลูกชายที่ไม่ยอมไปโรงเรียนเพราะโดนเพื่อนล้อว่าไม่มีแม่ อยากได้เธอมาเป็นแม่ซึ่งเขาก็เห็นด้วยกับลูกชายเช่นกัน แนะนำตัวละคร คุณอาทิตย์ เจริญเดชาพงษ์ (คุณอาทิตย์) หนุ่มหล่อรวย เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้ากลางใจเมือง และยังมีธุรกิจ ผลิต นำเข้า และส่งออก เกี่ยวกับสิ่งอิเล็กทรอนิกส์ รายใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย แต่อาทิตย์เขามีลูกติดชื่อน้องเกียร์เป็นเด็กผู้ชายอายุสามขวบ แม่เสียชีวิตตอนคลอดน้องเกียร์ออกมาได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เพราะเธอเสียเลือดมาก นันทิชา มงคลสวัสดิ์ (มิรา) หญิงสาวที่พึ่งเรียนจบมาใหม่ๆ เธอตกงาน ที่บ้านกำลังลำบาก เธอออกหางานทำเพราะต้องส่งน้องเรียน น้องเธออยู่มัธยมต้น เป็นผู้หญิงชื่อลิลิน พ่อแม่เสียไปนานแล้ว เหลือกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านถึงรอดมาถึงทุกวันนี้ได้
เรื่อง...คุณหมออาสากับยัยเด็กบนดอย โปรย...ความรักมันไม่ได้เกี่ยวกับอายุ...แต่มันเกี่ยวอยู่ที่ใจ เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้ แนะนำตัวละคร แสงเหนือ หรือ หมอแสง อายุ 32 ปี นิสัย ปากร้าย อารมณ์ดี ขี้เล่น อบอุ่นและขี้หึงสุดๆ แต่เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้ ปิ่นงาม หรือ ปิ่น อายุ 20 ปี เธอสวย เก่ง เธอใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่บนดอยสูง เธอมีความสุขตามอัตภาพของเธอ แต่แล้วชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไปเมื่อมีเขาเดินเข้ามา ************* (เรื่องนี้เขียนต่อจากเรื่อง...คุณหมอเจ้าแผนการ) ปล.นิยายเรื่องนี้ทุกเหตุการณ์เป็นการสมมุติขึ้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเป็นอยู่ ศาสนา วัฒนธรรม หรืออะไรก็แล้วแต่ในเนื้อหาของเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งที่สมมุติขึ้นทั้งสิ้น
ความสวยสะดุดตา ความสดใสสะดุดใจ ปากที่บอกว่ายังไม่อยากมีใคร แต่ในใจกลับอยากได้เธอมาครอบครอง
เมื่อความผิดพลาดของเขาและเธอ ทำให้ทั้งสองได้เด็กมาเลี้ยง เขาได้เลี้ยงเด็กผู้ชาย ส่วนเธอได้เลี้ยงเด็กผู้หญิง แล้วทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่งสี่ปีผ่านไป ทั้งสองกลับมาเจอกันอีกครั้ง ด้วยเงื่อนไขวุ่นๆของครอบครัว
นายพายุ ศิระภาคิณ อายุสามสิบปี นักธุรกิจหนุ่มประธานบริษัทส่งออกผ้าไทย วีรกรรมที่เขาทำไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อน กำลังจะย้อนกลับมา เมื่อนางสาวแพรไหม โภสิกุล ดีไซเนอร์สาวอายุยี่สิบเก้าปี ได้ปรากฏตัวขึ้นหลังจากที่เธอนั้นหายออกไปจากมหาวิทยาลัย กว่าสิบปี โดยไม่ทราบสาเหตุ ซึ่งทำให้ท่านประธานหนุ่มเริ่มอยากรู้ชีวิตของเธอ เมื่อครั้งหนึ่งเรือนร่างอันบอบบางอรชรเคยหล่อหลอมเป็นหนึ่งเดียวกับเขามาแล้ว ถ้าหากเขาต้องการสานสัมพันธ์กับเธออีกครั้ง มันก็ไม่แปลกหากเธอนั้นยังโสดแพรไหมจะยังต้องการเขาอยู่หรือไม่ ในเมื่อเธอคิดว่าพายุนั้นเป็นแค่ผู้ชายที่พรากความบริสุทธิ์ไปจากเธอเท่านั้น ซึ่งเวลานี้เธอก็ยังคงมองเขาในด้านลบอยู่ดี แม้ว่าเวลาจะผ่านไปเป็นสิบปีแล้วก็ตาม "แม่ของหนูชื่ออะไร ตอนนี้อยู่ที่ไหน บอกฉันได้ไหม" พายุถามพร้อมกับจ้องลงไปที่ดวงตาแป๋วของเด็กหญิงตรงหน้า เมื่อเขามั่นใจว่าสายตาจะไม่โกหก "แม่ของหนูชื่อแพรไหม!" เด็กหญิงพูดออกมา พร้อมกับจ้องสายตาคมของผู้เป็นบิดาอย่างไม่กะพริบตา เพื่อยืนยันว่าเธอนั้นไม่ได้โกหก “ฮ่ะ!” พายุอุทานออกมาเสียงดัง ขณะที่หัวใจของเขานั้นเต้นแรง ก่อนจะยิ้มกว้างออกมาด้วยความดีใจที่สุดในชีวิต "ถ้าคุณไม่เชื่อ พาหนูไปตรวจดีเอ็นเอก็ได้นะคะ" เด็กหญิงพูดออกมาพร้อมกับมีใบหน้าที่เศร้าหม่น เมื่อเธอคิดว่าบิดาคงไม่เชื่อในสิ่งที่เธอนั้นพูดออกมา "ไม่จำเป็น!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแข็ง เพื่อยืนกรานที่จะตรวจดีเอ็นเอ จนทำให้คนฟังนั้นหวาดกลัว เพราะใยไหมคิดว่าบิดานั้นไม่เชื่อใจเธอ "หนูขอโทษที่มารบกวน หนูขอตัวกลับก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ" ใยไหมพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นเครือ เธอยกมือขึ้นไหว้ผู้เป็นบิดาอย่างนอบน้อม ประหนึ่งว่าจะไม่ได้เจอเขาอีกแล้วในชีวิตนี้ เมื่อเธอได้สัญญากับผู้เป็นมารดาเอาไว้ หากถูกปฏิเสธแล้วไซร้ จะขอกลับไปไม่กลับมาหาชายตรงหน้าอีกเลยตราบชั่วชีวิต "แล้วหนูจะไปไหน นั่งลงก่อนสิ" พายุพูดพร้อมกับจับร่างเล็กของลูกสาวนั่งลงข้าง ๆ อีกครั้ง "ที่บอกว่าไม่จำเป็น นั่นเป็นเพราะว่าพ่อเชื่อว่าหนูเป็นลูกของพ่อโดยไม่ต้องตรวจดีเอ็นเอ!" พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น ใยไหมไม่รอช้าโผเข้าไปกอดผู้เป็นบิดาอีกครั้งในทันที ก่อนจะร้องไห้ออกมาเพราะความดีใจ "ไม่ร้องนะครับคนเก่งของพ่อ" พายุพูดพร้อมทั้งเอื้อมมือไปเช็ดน้ำตาที่แก้มใสของลูกสาวออกจนสิ้น ในขณะที่ตัวของเขาเองก็น้ำตาคลอเช่นกัน "หนูขอเรียกพ่อว่าคุณป๋านะคะ" เสียงเจี๊ยวจ๊าวพูดออกมาอย่างรื่นหู คุณป๋าที่เด็กหญิงพูดนั้น ทำให้พายุอดที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจไม่ได้ "ฮ่า! ฮ่า! ฮ่า! ทำไมถึงต้องเรียกพ่อว่าคุณป๋าด้วยละ หืม" พายุเอ่ยถามลูกสาวออกมา ขณะที่เขายังคงกอดเด็กหญิงเอาไว้ ด้วยความรักความผูกพันของสายใยระหว่างพ่อลูก ที่มันพันผูกจนมาสามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ "มาดาม ไม่ชอบให้หนูมีพ่อ หนูก็จะมีคุณป๋าแทนยังไงล่ะคะ" คำตอบของลูกสาวทำให้พายุยิ้มไม่หุบครั้งแล้วครั้งเล่า เธอช่างเป็นเด็กฉลาดและร่าเริง ผิดกับแพรไหมมารดาของเธอ ที่ชอบทำหน้าเหมือนแบกโลกทั้งใบเอาไว้ตลอดเวลา "ทำไมถึงเรียกแม่ว่ามาดาม ตอนนี้แม่แต่งงานไปแล้วหรือยัง" เวลานี้พายุลุ้นคำตอบจากลูกสาว หรือแพรไหมจะแต่งงานกับฝรั่งตาน้ำข้าวไปแล้ว ใยไหมถึงได้เรียกเธอว่ามาดาม "แม่ยังไม่มีใคร มีแค่ลุงดนัยที่ชอบมาข้องแวะ แต่หนูไม่ชอบเขาเลย เพราะเขาชอบทำตัวเป็นเจ้าข้าวเจ้าของมาดามอยู่เรื่อย" คำตอบของลูกสาวช่างอิ่มเอมใจ เมื่อแพรไหมไม่มีใครเขาก็พร้อมจะสานสัมพันธ์ แต่งานนี้คงจะยากหากผู้ชายคนนั้นมาข้องแวะ แต่เขามีลูกสาวที่ยืนเคียงข้างแล้วจะกลัวอะไร "ถ้าพ่ออยากจะจีบแม่ต้องทำยังไง" "โอ้! เจ๋งเป้งมากค่ะคุณป๋า เดี๋ยวหนูจะช่วยเอง" ใยไหมพูดออกมาด้วยความดีใจ นั่นคือสิ่งที่เธอปรารถนามาแสนนาน อยากให้บิดามารดาได้ลงเอยกันสักที "ลูกรับปากพ่อแล้วน๊า... " พายุพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่น่ารัก "แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อนค่ะ คุณป๋า" ใยไหม ผละออกจากอกกว้างของผู้เป็นบิดา พร้อมกับหยิบคุกกี้ตรงหน้าเข้าปาก "หิวหรือยัง ไปทานข้าวก่อนดีไหม" พายุเอ่ยถามออกมาด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นลูกสาวนั้นหยิบคุกกี้เข้าปากคำโต "เดี๋ยวค่อยไปทานก็ได้ค่ะ แต่เราต้องมาทำข้อตกลงกันก่อน เรื่องที่หนูเป็นลูกสาวของคุณป๋า ห้ามให้ใครรู้ ทุกอย่างจะเป็นความลับระหว่างเราได้ไหมคะ" พายุทำหน้าสงสัยกลับไปให้เด็กหญิง เธอกำลังคิดจะทำอะไร ใครหลายคนคงดีใจหากได้เป็นลูกสาวของท่านประธาน "ทำไมเป็นลูกสาวพ่อมันไม่ดีตรงไหนเหรอ ลูกถึงไม่อยากให้ใครรู้" พายุเอ่ยถามออกไปด้วยน้ำเสียงที่แสดงออกถึงความน้อยใจ เมื่อลูกสาวไม่อยากให้ใครรับรู้ว่าเขาเป็นบิดาของเธอ "เป็นลูกสาวของป๋าดีที่สุดแล้ว แต่หนูไม่อยากให้ใครมองมาดามในทางไม่ดี ทุกคนต้องรู้แน่ สาเหตุที่มาดามต้องออกจากมหา'ลัยกลางคัน" คำบอกเล่าของใยไหมเป็นเหมือนดังคมหอก ที่ทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจของพายุ เด็กหญิงตรงหน้าช่างมีความคิดแบบผู้ใหญ่ เธอถูกเลี้ยงมาแบบไหนทำไมถึงได้ฉลาดอย่างนี้ แพรไหมคงดูแลอบรมลูกสาวมาอย่างดี ต่างจากเขาผู้เป็นบิดาที่ไม่เคยได้เหลียวแล "พ่อขอโทษนะ ที่ไม่เคยได้ดูแลหนูเลย ต่อจากนี้ไปพ่อจะไม่ทิ้งหนูกับแม่ให้อยู่กันตามลำพังอีกแล้ว" คำพูดของผู้เป็นบิดากำลังทำให้เด็กหญิงหัวใจพองโต เธอดีใจที่ผู้เป็นพายุไม่ปฏิเสธ แถมเขายังคิดที่จะสานสัมพันธ์กับมาดามของเธออีกครั้ง คงไม่มีอะไรทำให้เด็กหญิงมีความสุขเท่าสิ่งนี้มาก่อนเลยในชีวิต "ก่อนอื่นคุณป๋า ต้องจีบมาดามให้ติดก่อน หนูบอกเลยว่างานหิน มาดามดื้อจะตาย ขนาดลุงดนัยตามจีบหลายปี มาดามยังปฏิเสธทุกครั้ง แต่ลุงดนัยก็ตื้ออยู่ได้" ใยไหมพูดพร้อมกับทำหน้างอ ออกมาได้อย่างน่ารัก "ป๋ามีลูกสาวคอยช่วยจะกลัวอะไร ไปทานข้าวกันดีกว่า เดี๋ยวป๋าจะไปส่งที่บ้าน" พายุพูดออกมาด้วยสายตาที่มีความหวัง เขาคงไม่ต้องใช้นักสืบ ในเมื่อโชคชะตากำหนดให้หญิงสาวเดินเข้ามาในชีวิตของเขาเอง แถมอยู่ดี ๆ ก็ได้ลูกสาวมาหนึ่งคน ที่น่ารักซะจนทำให้เขานั้นอยากไว้หนวด
เนื้อตัวเต้นเร่าเตลิดเพลิดไปตามสัมผัสร้อนแรง เธอบังคับให้หยุดคิดถึงคนอื่นนอกจากคุณวายุ แต่เมื่อริมฝีปากของวายุแตะเข้ากับกลีบกาย พร้อมทั้งตวัดลิ้นเลียไปทั่วซอกหลืบ กลีบเนื้อบอบบางแต่อวบอูมของ 'หมูชมพู' จึงกระดิกแอ่นหยัดบั้นท้ายกระดกซอกหลืบสวนทางกับเรียวลิ้นของวายุ "คุณอุ่น และหอมมากหมูชมพู" พรรณชมพูส่ายวนโคกเนินที่เบียดบดไปกับริมฝีปากหนา ลิ้นของเขาปาดไปมาบนติ่งกระสันเหมือนกับปาดหน้าเค้ก เธอดิ้นพรวดพราดกัดริมฝีปากจนเบี้ยวไปข้างหนึ่ง ลิ้นสากๆ ห่อม้วนชำแรกเข้าไปในร่องสาวอันชุ่มฉ่ำ เมื่อนั้นริมฝีปากที่ถูกกัดจะห้อเลือดก็แยกอ้า พรรณชมพูเผลอกรีดร้องครวญครางถึงใครบางคน ที่จมอยู่ในห้วงความคิดไม่เคยเลือนหาย "อ๊า พี่เสือ" วายุผงกหัวขึ้นมองคนที่กำลังแอ่นลำคอและลำตัวทอดโค้ง แววตาของเขาไหววาบเป็นไฟ และเขาก็กัดกลีบกายบางๆ สีชมพูจนหมูชมพูของเขาสะดุ้งเฮือกสุดตัว "อ๊ะ เฮือก" เธอถูกกัด
เมื่อตอนเด็ก หลินอวี่เคยช่วยชีวิตเหยาซีเยว่ที่กำลังจะตาย ต่อมา หลินอวี่กลายเป็นพืชหลังจากประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ เธอแต่งงานเข้าตระกูลหลินโดยไม่ลังเลใจและใช้ทักษะทางการแพทย์ของเธอเพื่อรักษาหลินอวี่ สองปีของการแต่งงานและการดูแลอย่างสุดหัวใจของเธอเพียงเพื่อตอบแทนบุญคุณ และเพื่อที่เขาจะให้ความสำคัญกับตัวเองบ้าง แต่ความพยายามทั้งหมดของเธอกลับไร้ประโยชน์เมื่อคนในใจของหลินอวี่กลับมาประเทศ เมื่อหลินอวี่โยนข้อตกลงการหย่ามาใส่เธออย่างไร้ความปราณี เธอก็รีบเซ็นชื่อทันที ทุกคนหัวเราะเยาะเธอที่เป็นผู้หญิงที่ถูกครอบครัวใหญ่ทอดทิ้ง แต่ใครจะไปรู้ว่า เธอคือ Moon นักแข่งรถที่ไม่มีใครเทียบได้บนสนามแข่งรถ เป็นนักออกแบบแฟชั่นที่มีชื่อเสียงระดับนานาชาติ เป็นอัจฉริยะของแฮ็กเกอร์ และเธอยังเป็นหมอมหัศจรรย์ระดับโลก... อดีตสามีของเธอเสียใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้นขอร้องให้เธอกลับมา ผู้เผด็จการคนหนึ่งอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนของเขาแล้วพูดว่า "ออกไป! นี่คือภรรยาของฉัน!" เหยาซีเยว่ "?"
เพราะประกาศิตจากแม่และยายให้เธอกลับไปแต่งงานกับคนที่หาไว้ ทางรอดสุดท้ายคือเธอต้องหาผู้ชายที่เพียบพร้อมกว่ากลับไปฝาก แต่ทุกอย่างก็ดันผิดแผนไปหมด เมื่อเธอดันสะเพร่าเข้าผิดห้อง สุดท้ายใครจะคิดว่าชีวิตของ แวววิวาห์จะเปลี่ยนไปตลอดกาล เพราะคีย์การ์ดใบเดียวแท้ๆ เลยที่ทำให้ชีวิตเธอพลิกผันถูกภาคิน ประธานบริษัทจอมเผด็จการและเอาแต่ใจที่สุดในสามโลกคอยกดขี่ข่มเหง ใช่! เขาทั้งกด ขี่ แล้วก็ขย่ม เอ๊ย! ข่มเหงจนเธอแทบไม่ได้ลงจากเตียง “จูบห้าพัน แต่ถ้าจูบดูดดื่มรุกล้ำหมื่นนึง” “กอดห้าพัน แต่ถ้ากอดลูบไล้ล้วงลึกก็หมื่นนึง ถ้าคุณไม่จ่าย ฉันจะถือว่าคุณหลงเสน่ห์ฉัน และเราต้องแต่งงานกัน” “แล้วถ้ามากกว่านั้นล่ะ” เสียงเขากระเส่าพลางโน้มใบหน้าลงไปถามใกล้ๆ
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
เซียวหลิ่นตาบอดจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนรวยทุกคนต่างหลีกเลี่ยงเขา มีแต่สวี่โยวหรานยอมแต่งงานกับเขาโดยไม่ลังเล สามปีต่อมา เซียวหลิ่นกลับมามองเห็นได้อีกครั้ง จากนั้รเขา็ยื่นข้อตกลงการหย่าเพื่อยุติการแต่งงานนี้ เขากล่าวอย่างเย็นชาว่า "ฉันพลาดกับชิงชิงมานนานมากพอแล้ว ฉันไม่อยากให้เธอต้องรอนานกว่านี้!" สวี่โยวหรานลงนามในข้อตกลงการหย่าโดยไม่ลังเล ทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอตลอด - หัวเราะเยาะว่าที่เธอแต่งเข้าตระกูลเซียวถือว่าเกาะผู้มีอิทธิพลเข้า จากนั้นก็มาหัวเราะเยาะเธอที่ถูกทอดทิ้ง เป็นหญิงที่ไร้ค่า แต่ทุกคนกลับไม่รู้ว่า เธอคือหมออัศจรรย์ที่รักษาดวงตาของเซียวหลิ่นให้หายดี เป็นผู้ออกแบบเครื่องประดับมูลค่าหลักร้อยล้าน ผู้เป็นมือหนึ่งแห่งหุ้นที่ครองตลาดหุ้น และแม้แต่แฮกเกอร์ระดับแนวหน้าและลูกสาวแท้ๆ ของผู้มีอิทธิพล อดีตสามีมาขอร้องขอคืนดี ซีอีโอผู้เผด็จการก็โยนเซียวหลิ่นออกไปนอกประตูอย่างเย็นชา "ดูดีๆ นี่ภรรยาของผม"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด