เรื่อง...คุณหมออาสากับยัยเด็กบนดอย โปรย...ความรักมันไม่ได้เกี่ยวกับอายุ...แต่มันเกี่ยวอยู่ที่ใจ เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้ แนะนำตัวละคร แสงเหนือ หรือ หมอแสง อายุ 32 ปี นิสัย ปากร้าย อารมณ์ดี ขี้เล่น อบอุ่นและขี้หึงสุดๆ แต่เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้ ปิ่นงาม หรือ ปิ่น อายุ 20 ปี เธอสวย เก่ง เธอใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่บนดอยสูง เธอมีความสุขตามอัตภาพของเธอ แต่แล้วชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไปเมื่อมีเขาเดินเข้ามา ************* (เรื่องนี้เขียนต่อจากเรื่อง...คุณหมอเจ้าแผนการ) ปล.นิยายเรื่องนี้ทุกเหตุการณ์เป็นการสมมุติขึ้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเป็นอยู่ ศาสนา วัฒนธรรม หรืออะไรก็แล้วแต่ในเนื้อหาของเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งที่สมมุติขึ้นทั้งสิ้น
เรื่อง...คุณหมออาสากับยัยเด็กบนดอย
โปรย...ความรักมันไม่ได้เกี่ยวกับอายุ...แต่มันเกี่ยวอยู่ที่ใจ เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้
แนะนำตัวละคร
แสงเหนือ หรือ หมอแสง อายุ 32 ปี
นิสัย ปากร้าย อารมณ์ดี ขี้เล่น อบอุ่นและขี้หึงสุดๆ แต่เขาไม่อยากมีลูกเพราะฉะนั้นเขาก็เลยไม่คิดที่จะมีเมีย ความรักเป็นเรื่องตลกไม่มีเขาก็อยู่ได้
ปิ่นงาม หรือ ปิ่น อายุ 20 ปี
เธอสวย เก่ง เธอใช้ชีวิตเรียบง่ายอยู่บนดอยสูง เธอมีความสุขตามอัตภาพของเธอ แต่แล้วชีวิตของเธอก็ได้เปลี่ยนไปเมื่อมีเขาเดินเข้ามา
*************
(เรื่องนี้เขียนต่อจากเรื่อง...คุณหมอเจ้าแผนการ)
ปล.นิยายเรื่องนี้ทุกเหตุการณ์เป็นการสมมุติขึ้นทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความเป็นอยู่ ศาสนา วัฒนธรรม หรืออะไรก็แล้วแต่ในเนื้อหาของเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้แต่งที่สมมุติขึ้นทั้งสิ้น
ตอนที่ 1 ชีวิตบนดอย
พื้นที่บนดอยแห่งนี้ห่างไกลความเจริญมาก ถนนหนทางค่อนข้างลำบาก การเดินทางขึ้นลงต้องใช้ระยะเวลาค่อนข้างนานพอสมควร แต่พื้นที่แห่งนี้ก็ยังมีความโชคดีอยู่บ้าง เนื่องจากรัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณจำนวนหนึ่งให้มีไฟฟ้าโซล่าเซลล์ใช้แล้ว
“ปิ่น...ปิ่นเอ๊ย...” เสียงปู่พรตะโกนเรียกหลานสาวดังมาแต่ไกล
“จ๋าปู่”
“วันนี้ไปสอนหนังสือเด็กหรือเปล่า”
“ไปสิจ๊ะ”
ปีนี้ปิ่นงามมีอายุยี่สิบปีเต็ม เธอเป็นเด็กสาวที่เติบโตมาจากในตัวจังหวัด เธอจบการศึกษาแค่มัธยมศึกษาปีที่หกเท่านั้น ก่อนที่เธอจะสมัครเข้าเรียนมหาวิทยาลัยพ่อของเธอที่เป็นเสาหลักของครอบครัวได้เกิดอุบัติเหตุเสียชีวิตกะทันหันไปก่อนที่เธอจะได้เข้าเรียน ส่วนแม่ของเธอเลิกรากับพ่อไปตั้งแต่ที่ปิ่นงามยังจำความไม่ได้เลยด้วยซ้ำ
หลังจากนั้นเธอก็ได้ปู่แท้ๆรับขึ้นมาอยู่บนดอย ซึ่งปู่ของเธอเองก็มีอายุมากแล้ว ปิ่นงามจึงตัดสินใจขึ้นมาอยู่กับปู่โดยยึดอาชีพค้าขายอยู่บนดอย
เวลาว่างๆปิ่นงามก็ยังมีน้ำใจไปช่วยคุณครูสอนหนังสือเด็กๆด้วย แต่ปิ่นงามไม่ใช่ครูโดยตรง เธอพอจะมีความรู้ขั้นพื้นฐานอยู่บ้างก็เลยมาช่วย อยากให้เด็กๆเติบโตขึ้นมามีความรู้ติดตัวไปบ้างก็ยังดี โดยเด็กๆทุกคนจะเรียกเธอว่า...ครูพี่ปิ่น
ปิ่นงามมีความใฝ่ฝันตั้งแต่เด็กเธออยากเรียนสูงๆแล้วมาทำอาชีพคุณครูรับราชการจะได้มีอาชีพที่มั่นคงและสามารถเลี้ยงดูพ่อกับปู่ของเธอได้ แต่ความฝันของเธอก็ต้องหยุดลงเมื่อพ่อของเธอมาเสียชีวิตไปก่อนที่เธอกำลังจะได้เข้าเรียนมหาวิทยาลัย
ภายในหนึ่งอาทิตย์ ปิ่นงามจะลงไปรับของแห้งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิตของชาวบ้านเอาขึ้นมาขาย ส่วนของสดจำพวกผักชาวบ้านที่นี่ก็มักจะปลูกกินกันเอง ส่วนเนื้อสัตว์ ไข่ไก่ ชาวบ้านก็เลี้ยงไว้เป็นอาหารเช่นกัน โดยแต่ละบ้านอาจจะเลี้ยงไม่เหมือนกัน บ้างก็อาจจะใช้วิธีแลกกันกิน หรือไม่ก็ผลัดกันซื้อผลัดกันขาย
บนดอยแห่งนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆ มีหลังคาเรือนประมาณห้าสิบหลังคา อากาศค่อนข้างเย็นสบาย พื้นที่โดยรอบอุดมสมบูรณ์ ฝนตกเกือบตลอดทั้งปี
“ปู่เฝ้าร้านให้ปิ่นด้วยนะ ปิ่นไปก่อนนะจ๊ะ”
“อือๆไปเถอะ”
คนที่นี่ถ้ามีรถมอเตอร์ไซค์ขับก็จะถือว่าค่อนข้างมีฐานะแล้ว ปิ่นงามจะใช้มอเตอร์ไซค์ก็ต่อเมื่อลงดอยหรือไม่ก็ไปในที่ไกลๆเท่านั้น เพราะน้ำมันมันแพง ส่วนมากถ้าอยู่แค่ภายในหมู่บ้านเธอจะปั่นจักรยานเอา ซึ่งตอนนี้ก็เช่นกัน ปิ่นงามกำลังปั่นจักรยานไปโรงเรียนเพื่อไปช่วยคุณครูสอนหนังสือให้เด็กๆ
ชาวบ้านที่นี่มักจะใช้ภาษาถิ่นในการสื่อสารกัน จะมีไม่กี่คนที่สามารถพูดไทยกลางได้ และคนที่พูดได้หนึ่งในนั้นก็คือปิ่นงาม เพราะเธอเติบโตมาในเมืองไม่ใช่บนนี้ ถึงภาษาที่ใช้ในเมืองจะเป็นภาษาเหนือแต่โรงเรียนที่เธอเรียนก็สอนให้นักเรียนทุกคนพูดไทยกลางอยู่แล้ว
เด็กๆบนนี้ภาษาไทยค่อนข้างอ่อนมากกว่าเด็กข้างล่าง เวลาสอนก็ยากเพราะพวกเขาเอาแต่พูดภาษาถิ่นกัน คุณครูที่ได้มาสอนเด็กๆที่นี่จึงต้องทุ่มเทเป็นพิเศษ เพราะถ้าภาษาไทยอ่านไม่ได้เขียนไม่ได้วิชาอื่นก็จะเรียนไม่ได้เช่นกัน
“ครูพี่ปิ่นมาแล้ว” น้ำเสียงดีใจของเด็กหญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นปิ่นงามปั่นจักรยานเข้ามาจอดในโรงเรียนเล็กๆของพวกเขา เด็กๆทุกคนเห็นปิ่นงามเป็นคุณครูคนหนึ่งเลยก็ว่าได้ ถึงแม้ว่าเธอจะเป็นแค่เด็กสาวชาวบ้านที่มีความรู้ติดตัวอยู่น้อยนิดก็ตาม
“สวัสดีเด็กๆที่น่ารักของพี่ปิ่นทุกคนเลยนะคะ” ปิ่นงามยิ้มให้เด็กๆที่ดูเหมือนว่าจะตั้งหน้าตั้งตารอเธอ
“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ” เมื่อภาษาที่เปล่งเสียงออกมาคือภาษาถิ่น
“ไม่เอาๆ...อยู่ในโรงเรียนห้ามพูดภาษาถิ่น ให้พูดไทยกลาง ไหนลองใหม่สิคะ” เด็กๆมักจะชอบตามใจตัวเอง แต่พวกเขาก็รู้ว่าในโรงเรียนของพวกเขาแห่งนี้มักจะมีกฎระเบียบที่ควรปฏิบัติตาม
“สวัสดีครับ/สวัสดีค่ะ” ถึงน้ำเสียงที่เปล่งออกมาจะไม่ค่อยชัดก็ตาม แต่นั่นก็ถือว่าพวกเด็กๆทำได้ค่อนข้างดีแล้ว
“เก่งมาก...นั่งลงได้จ่ะ” เด็กๆยอมนั่งลงแต่โดยดี แต่ก็หันไปคุยเล่นกันด้วยภาษาถิ่นเหมือนเดิม
“ปิ่นนี่เก่งเนอะ พูดอะไรเด็กๆก็เชื่อ”
“ครูตองนวลก็เก่งค่ะ ค่อยๆช่วยกันไปเนอะ เด็กๆก็แค่ชอบตามใจตัวเองมากเกินไป ตอนปิ่นเป็นเด็กๆปิ่นก็ชอบตามใจตัวเองเหมือนกับเด็กๆพวกนี้แหละค่ะ”
“ที่ผู้ใหญ่เขาเรียกว่าดื้อใช่ไหม”
“แฮ่ๆ คงงั้นมั้งคะ”
“ภาษาไทยนี่ก็ดีเนอะ ความหมายเหมือนกัน แต่สามารถพูดให้ดูดีได้ด้วย”
“ข้อดีของภาษาค่ะถ้าเราใช้เป็น”
“เอ่อปิ่น...วันนี้จะมีคุณหมออาสามาที่บนดอยของเราด้วยนะ รู้เรื่องนี้หรือยัง”
“ยังค่ะ”
“เขาว่ากันว่าหล่อโคตร...” ครูตองนวลเอ่ยขึ้นแบบยิ้มๆ
“เวอร์น่าพี่ตองนวล” ตองนวลเป็นคุณครูที่ยอมขึ้นมาสอนเด็กๆบนนี้เพราะอุดมการณ์ล้วนๆ บ้านของเธออยู่ข้างล่างเย็นวันศุกร์เธอถึงจะเดินทางกลับ และเช้าวันจันทร์เธอก็จะเดินทางขึ้นมาสอนหนังสือบนนี้ ส่วนเสาร์อาทิตย์เธอก็จะได้อยู่กับลูกๆและสามีของเธอ เธอทำแบบนี้มาหลายปีแล้ว เงินเดือนก็ไม่ได้มากมายอะไร แต่เธอเลือกที่จะมีความสุข เพราะคนที่นี่ใจดี มีน้ำใจ เธอไม่ต้องไปแก่งแย่งกับใคร แถมอากาศบนนี้ยังสดชื่นมากๆ หาที่อื่นที่ดีกว่านี้คงไม่มีอีกแล้ว
“จริง...เขาว่ากันว่ามาจากกรุงเทพด้วยนะ” เมื่อปิ่นงามทำหน้าไม่อยากจะเชื่อ
“จริงเหรอ งั้นปิ่นจีบนะ” น้ำเสียงล้อเล่นของปิ่นงาม ทำให้พี่ตองนวลยิ้มหวานพร้อมกับพยักหน้าให้
นานๆทีจะมีหนุ่มๆหลงขึ้นมาบนนี้ ของดีๆแบบนี้จะพลาดได้ยังไง เมื่อก่อนตองนวลก็จีบครูอาสานี่แหละ ซึ่งก็คือสามีปัจจุบันของเธอนั่นเอง แต่ตอนนี้เขาเลือกที่จะไปเป็นคุณครูอยู่ข้างล่างเพราะว่าได้เงินดีกว่า อีกอย่างก็มีลูกๆและแม่ที่ต้องดูแลด้วย
“หรือพี่ตองนวลจะจีบเองล่ะ” ปิ่นงามหรี่ตามองพี่สาวคนสวยเล็กน้อย
“ผัวพี่เตะก้านคอขาดพอดี...ไม่พูดเล่นแล้วป่ะสอนหนังสือเด็กๆกัน” ทั้งสองเดินตามกันเข้าไปสอนหนังสือเด็กๆ ส่วนวิชาที่เด็กๆต้องเรียนทุกวันก็คือภาษาไทยกับคณิต เด็กๆต้องอ่านออกเขียนได้คิดเลขเป็น นี่เป็นพื้นฐานของการใช้ชีวิต ส่วนวิชาอื่นๆอาจจะหยิบขึ้นมาสอนบ้างแต่ก็ไม่ค่อยบ่อยนัก
แค่เพียงสบตาความปรารถนาอันร้อนแรงของเขาก็ได้ก่อตัวขึ้น ในเมื่อแต่งงานกันแล้ว เขาย่อมมีสิทธิ์ในตัวเธอทุกประการ
คืน One Night Stand ของมาเฟียอิตาลีกับยัยขี้เมา เช้าวันนั้นเธอหายไป เขาจึงออกตามหา แต่เมื่อได้เจอกันเธอกลับจำหน้าเขาไม่ได้
เรื่อง...คุณหมอสะดุดรัก คำโปรย พริ้งพราวเพื่อนลากให้ไปเที่ยวผับแต่เธอดันถูกยาปลุกเซ็กเข้า แล้วบังเอิญมาเจอกับเขา คุณหมอหนุ่มวัย35ปี แล้วคุณหมอจะมีวิธีช่วยเธออย่างไร... แนะนำตัวละคร วายุภักษ์ ภักดีวัฒนากุล (วายุ) อายุ 35 ปี เขาเป็นผู้ชาย ขี้เล่น อารมณ์ดี และที่สำคัญเขายิ้มเก่งมากๆ วายุเป็นผู้บริหารโรงพยาบาลสาขาที่เชียงใหม่และยังพ่วงด้วยตำแหน่งคุณหมอโรคหัวใจ เขาเป็นลูกชายคนโตของ เจ้าของโรงพยาบาลเอกชนชื่อดังที่มีสาขาอยู่หลายแห่งของประเทศไทย วายุมีความจำเป็นต้องย้ายมาจากสาขาที่เชียงใหม่ เพราะน้องชายที่ประจำอยู่เกิดอุบัติเหตุ วายุเลยมาประจำอยู่สาขาที่กรุงเทพแทนเป็นการชั่วคราว กมลเนตร ธนพัฒน์ธาดา (พริ้งพราว) หญิงสาวบริสุทธิ์ อายุ 24 ปี ทำงานในโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งในกรุงเทพ และเหตุการณ์ในวันนั้นทำให้เธอกับเขาอยู่ด้วยกันและค่อยๆ สนิทกัน เหนือเมฆ ภักดีวัฒนากุล (เมฆ) น้องชายคนเดียวของวายุ ตั้งแต่เขาประสบอุบัติเหตุเดินไม่ได้ เขาก็กลายเป็นคนอารมณ์ร้อน พยาบาลพิเศษที่จ้างมาดูแล ไม่มีใครสามารถอยู่กับเขาได้ จนได้มาเจอกับ...ข้าวหอม ศศินาทิพย์ คงเจริญ (ข้าวหอม) พยาบาลจบใหม่ เธออยู่ในช่วงทดลองงาน ถูกทางโรงพยาบาลขอร้องให้ไปดูแลคนป่วยที่บ้านตลอด 24 ชั่วโมง โดยมีเงื่อนไข และเงื่อนไขนั้นทำให้เธอยอมตอบตกลงรับทำงานนี้ @@@@@@
เรื่อง...พ่อม่ายกับยัยพี่เลี้ยง คำโปรย...นักธุรกิจหนุ่มลูกติด มีปมชีวิตความใสซื่อและความดีของเธอทำให้เขาสนใจ ส่วนลูกชายที่ไม่ยอมไปโรงเรียนเพราะโดนเพื่อนล้อว่าไม่มีแม่ อยากได้เธอมาเป็นแม่ซึ่งเขาก็เห็นด้วยกับลูกชายเช่นกัน แนะนำตัวละคร คุณอาทิตย์ เจริญเดชาพงษ์ (คุณอาทิตย์) หนุ่มหล่อรวย เป็นเจ้าของห้างสรรพสินค้ากลางใจเมือง และยังมีธุรกิจ ผลิต นำเข้า และส่งออก เกี่ยวกับสิ่งอิเล็กทรอนิกส์ รายใหญ่ที่สุดในประเทศอีกด้วย แต่อาทิตย์เขามีลูกติดชื่อน้องเกียร์เป็นเด็กผู้ชายอายุสามขวบ แม่เสียชีวิตตอนคลอดน้องเกียร์ออกมาได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง เพราะเธอเสียเลือดมาก นันทิชา มงคลสวัสดิ์ (มิรา) หญิงสาวที่พึ่งเรียนจบมาใหม่ๆ เธอตกงาน ที่บ้านกำลังลำบาก เธอออกหางานทำเพราะต้องส่งน้องเรียน น้องเธออยู่มัธยมต้น เป็นผู้หญิงชื่อลิลิน พ่อแม่เสียไปนานแล้ว เหลือกันอยู่แค่สองคนพี่น้อง โดยได้รับความช่วยเหลือจากเพื่อนบ้านถึงรอดมาถึงทุกวันนี้ได้
ความสวยสะดุดตา ความสดใสสะดุดใจ ปากที่บอกว่ายังไม่อยากมีใคร แต่ในใจกลับอยากได้เธอมาครอบครอง
เมื่อความผิดพลาดของเขาและเธอ ทำให้ทั้งสองได้เด็กมาเลี้ยง เขาได้เลี้ยงเด็กผู้ชาย ส่วนเธอได้เลี้ยงเด็กผู้หญิง แล้วทั้งสองก็ไม่ได้เจอกันอีกเลย จนกระทั่งสี่ปีผ่านไป ทั้งสองกลับมาเจอกันอีกครั้ง ด้วยเงื่อนไขวุ่นๆของครอบครัว
หลัวเจิง ผู้ตกจากที่สูงกลายเป็นทาสที่ต่ำต้อย มีอยู่ครั้งหนึ่ง เขาพบวิธีฝึกในตัวเองให้กลายเป็นอาวุธโดยบังเอิญ สงครามการต่อสู้เริ่มขึ้นทันที และพึ่งพาความเชื่ออันแรงกล้าในการไม่ยอมจำนน เขาพยายามแก้แค้นและไล่ตามความฝันอันยิ่งใหญ่ นักรบจากชาติพันธุ์ต่าง ๆ ต่อสู้เพื่อความเป็นเจ้าโลกและโลกก็ปั่นป่วน อาศัยร่างกายที่เปรียบได้กับอาวุธวิเศษ หลัวเจิงเอาชนะศัตรูจำนวนมากบนเส้นทางสู่ความเป็นอมตะ ในที่สุดเขาจะทำสำเร็จหรือไม่?
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
คุณท่านเสียว คุณชายยอดเยี่ยมที่โด่งดังในเมือง B ได้แต่งงาน แต่มีข่าวลือว่าเจ้าสาวมีรูปร่างหน้าตาที่น่าเกลียดและมีฐานะต่ำต้อย สามปีมานี้ เขาปฏิบัติกับเธออย่างเย็นชาและทำเหมือนเป็นคนแปลกหน้า เจียงซิงซิงอดทนกับความเย็นชาอย่างเงียบ ๆ เธอยังคงรักเขาอย่างสุดหัวใจ เสียสละความนับถือตนเองและยอมละทิ้งตัวตนของเธอเอง จนกระทั่งวันหนึ่ง สุดที่รักของเขากลับประเทศ เขได้สารภาพว่าเขาแต่งงานกับเธอเพียงเพื่อช่วยชีวิตคนรักในใจของเขาเท่านั้น เจียงซิงซิงเสียใจและผิดหวังมาก เธอจึงเซ็นเอกสารหย่าและจากไปด้วยความเศร้าใจ สามปีต่อมา เจียงซิงซิงผู้สวยงามจนน่าทึ่งกลับมาอีกครั้ง ได้กลายมาเป็นศัลยแพทย์ที่ดีที่สุดและเป็นยอดฝีมือด้านเปียโน อดีตสามีรู้สึกเสียใจ และกอดเธอแน่นท่ามกลางสายฝน เสียงของเขาสั่นเครือ "ที่รัก คุณเป็นของผม..."
ต่อหน้าทุกคน เธอเป็นเลขานุการส่วนตัวของท่านประธาน โดยส่วนตัวแล้ว เธอเป็นภรรยาของเขา กู้เวยยีรู้สึกดีใจเป็นอย่างยิ่งเมื่อเธอทราบว่าตนเองตั้งครรภ์ ทว่าเธอกลับเห็นฟู่จิงเฉินกับรักแรกของเขาสิทสนมกัน... เธอจากไปอย่างเศร้าใจและตัดสินใจที่จะให้พวกเขาสมหวัง ต่อมา เมื่อฟู่จิงเฉินมองดูท้องที่ยื่นออกมาของเธอ และถามอย่างตื่นเต้นว่า "้กู้เวยยี นี่คือลูกของใคร!" เธอตอบอย่างหัวเราะเยาะ "มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณด้วย อดีตสามี!"