รู้ว่าเป็นรักต้องห้าม แต่ก็ไม่อาจห้ามใจ รู้ว่าเป็นเพื่อนพ่อ แต่ก็อยากขอลองรัก
การมาของ ฉัตรชน ฉัตรอินทร ทำให้คนที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่อย่างสบายอารมณ์ถึงหน้ามุ่ยและรีบลุกจากโซฟาหนานุ่มเดินดุ่มๆ ขึ้นห้องไปยังชั้นสองทันที ยามนี้ปรางแก้วชังน้ำหน้าฉัตรชนมากที่สุดด้วยเพราะหล่อนเพิ่งเห็นข่าวว่าเขาควงเน็ตไอดอลสาวคนดังไปงานเปิดตัวร้านเพชรสาขาใหม่ด้วยกัน เขาเปลี่ยนผู้หญิงเหมือนเปลี่ยนผ้าเช็ดเท้า พอเบื่อก็เขี่ยทิ้งลงถังขยะทั้งที่เขาก็รู้ว่าหล่อนเกลียดพฤติกรรมแบบนั้นของเขามากแค่ไหน
แต่ก็อย่างว่านั่นแหละฉัตรชนจะมาแคร์ความรู้สึกของหล่อนทำไมกัน ในเมื่อในสายตาเขาหล่อนมันก็แค่เด็กเมื่อวานซืนที่ปากยังไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมดี เรียนจบปริญญาตรีมาด้วยเกรดแบบพอถูไถ หนำซ้ำพอจบมาก็ยังหางานหาการทำไม่ได้ ถึงตอนนี้ก็ยังแบมือขอเงินพ่อแม่อยู่ ในขณะที่เขาเป็นนักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในระดับพันล้านตั้งแต่อายุสามสิบต้นๆ เริ่มต้นด้วยการซื้อที่ดินมาแบ่งล็อกปลูกบ้านขายครั้งละหนึ่งหลังสองหลัง กระทั่งตอนนี้เป็นเจ้าของโครงบ้านหมู่บ้านจัดสรรหลายสิบแห่งและกำลังจับธุรกิจอัญมณีอย่างจริงจัง โดยเฉพาะร้านเพชรที่ขยายสาขาเป็นว่าเล่น
ฉัตรชนเป็นเพื่อนรุ่นน้องของพ่อหล่อน อายุห่างกับพ่อห้าปี เคยเรียนอยู่โรงเรียนมัธยมที่เดียวกัน ตอนนั้นฉัตรชนเพิ่งเข้าม.1 แต่ด้วยความที่ไม่ยอมคน ไม่ยอมให้ใครข่มขู่ จึงถูกรุ่นพี่ดักรุมทำร้ายปางตาย โชคดีได้พ่อของหล่อนเป็นคนช่วยไว้เลยรอดมาได้ ทั้งสองจึงนับถือกันเป็นพี่น้องมาตลอดนับตั้งแต่นั้น
“ยัยปรางไปไหนเสียล่ะแม่” พิทักษ์ถามขึ้นหลังจากผู้เป็นภรรยาจัดโต๊ะอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว ทั้งนี้ปกติปรางแก้วมักจะมาช่วยแม่อยู่เสมอ ทำให้คนเป็นพ่ออดแปลกใจไม่ได้ที่ไม่เห็นลูกสาวคนโตมาคอยป้วนเปี้ยนอยู่ใกล้ๆ
“เมื่อกี้แม่ให้ตาภูมิขึ้นไปดูที่ห้อง เห็นบ่นว่าปวดหัวอยากนอนพัก”
“แต่ภูมิว่าพี่ปรางปวดหัวการเมืองมากกว่าครับ ตอนบ่ายภูมิยังเห็นพี่ปรางใส่หูฟังแหกปากร้องปรางเสียงดังอยู่เลย” ภูมิพัฒน์ในวัยสิบแปดพูดโพล่งขึ้นตามประสาวัยรุ่นที่อยู่ในวัยเลือดร้อน
“ยัยปรางนี่ยังไงนะ ฉัตรอุตส่าห์มาบ้านทั้งที” พิทักษ์ว่าพลางหันไปทางเพื่อนรุ่นน้องอย่างขอลุแก่โทษที่ลูกสาวตัวเองทำตัวเหมือนเสียมารยาทกับแขก
“ไม่เป็นไรหรอกครับพี่พิทักษ์ ถ้าพี่พิทักษ์ไม่ว่าอะไร ผมขอขึ้นไปดูอาการหลานหน่อยนะครับ”
“เอาสิฉัตรเชิญเลยๆ ตามสบาย”
เมื่อเจ้าของบ้านไฟเขียวซึ่งก็ไฟเขียวเสมอสำหรับฉัตรชน ชายหนุ่มจึงพาตัวเองตรงขึ้นไปยังห้องนอนของปรางแก้วโดยไม่ต้องให้ใครพาไป เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเข้าหาหล่อนถึงห้อง
เตียงนอนที่ยุบยวบยามลงตามน้ำหนักของคนนั่ง ทำให้ร่างบางที่นอนหันหลังให้ประตูต้องหันขวับมามอง คราแรกคิดว่าเป็นแม่หรือพ่อตัวเอง ทว่าพอเห็นหน้าคนที่เข้ามาใหม่ทำให้หล่อนต้องรีบพยุงตัวลุกขึ้นนั่ง ยังไม่ทันได้ทำอะไรมากกว่านั้นมือใหญ่ก็ยื่นมาอังบนหน้าผากของหล่อน ปรางแก้วจึงทำได้แค่เบี่ยงหน้าหนีและบัดมือใหญ่นั้นออกราวกับเจอของร้อน
หล่อนไม่แปลกใจหรอกที่พ่อยอมให้เขาเข้ามาห้องของลูกสาว เพราะนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเข้ามา อีกทั้งหล่อนก็เชื่อว่าคงไม่มีพ่อหรือแม่คนไหนจะไม่ยินดีที่จะเปิดทางให้ผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างฉัตรชน ตรงกันข้ามคงจะยิ่งทั้งผลักทั้งดัน แม้กระทั่งพ่อและแม่ของหล่อนก็ไม่มีข้อยกเว้น หากกระนั้นต่อให้ใครคาดหวังยังไงแต่ทุกครั้งที่ฉัตรชนเข้ามาหรือได้อยู่ในที่รโหฐานกับหล่อนตามลำพัง เขาก็ไม่เคยทำอะไรมากไปกว่าแตะต้องตัวเล็กๆ น้อยๆ แบบที่ผู้ใหญ่เอ็นดูเด็กทำเท่านั้น
“เห็นพี่สุบอกว่าเราไม่สบายอาเลยขึ้นมาดู แต่ดูแล้วเราก็ไม่ได้เป็นอะไรมากนี่ ตัวก็ไม่ได้ร้อน หรือว่าแค่ปวดหัว”
“ค่ะ ปรางไม่ได้เป็นอะไรมาก ไม่ได้ตัวร้อนและก็ไม่ได้ปวดหัว”
“อ้อ...แค่อยากหลบหน้าอาว่างั้นเถอะ” ฉัตรชนดักคออย่างรู้ทัน ทำไมเขาจะอ่านไม่ออกว่าเด็กสาวคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่
“ก็ในเมื่ออารู้แล้วว่าปรางไม่อยากเห็นหน้า อาขึ้นมาหาปรางทำไมละคะ”
“อาแค่อยากรู้ว่าทำไมเราต้องหลบหน้าอา อาทำอะไรให้โกรธ”
เสียงทุ้มดุที่เป็นน้ำเสียงแบบผู้ใหญ่คุยกับเด็กทำให้ปรางแก้วแอบเคืองมากกว่าเดิม เขาถามเหมือนแคร์เสียเหลือเกิน แต่ถ้าเขาแคร์จริงๆ เขาคงไม่ทำอะไรแบบนั้นหรอก
“เปล่านี่คะ”
“พักหลังๆ มานี่อารู้สึกว่าเราเกลียดขี้หน้าอานะ แต่ก็เอาเถอะถ้าเราไม่ชอบหน้าอา ต่อไปอาก็จะไม่มาที่นี่ให้เราต้องเหนื่อยกับการหลบหน้าอาอีก”
ปรางแก้วได้ยินเช่นนั้นก็เผลอกัดริมฝีปากตัวเองอย่างแรงเพื่อสกัดกลั้นความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ในอก มันน่าจะดีอย่างที่เขาว่าที่หล่อนไม่ต้องเหนื่อยกับการคอยหลบหน้าเขา แต่ทำไมในหัวใจมันปวดหนึบๆ แบบนี้
“ทุกวันนี้อาก็มาที่นี่แบบฝืนใจอยู่แล้วไม่ใช่เหรอคะ ทั้งที่รังเกียจปรางจะแย่แต่ก็ต้องฝืนใจมาเพราะเกรงใจพ่อของปราง”
“อาไม่เคยทำอะไรที่ฝืนใจตัวเอง อย่ามาทำเป็นรู้ดีไปกว่าอา” ฉัตรชนทำเสียงดุใส่ในประโยคหลังแต่มันก็ไม่ได้สร้างความเจ็บปวดให้กับปรางแก้วมากไปกว่าที่หล่อนกำลังรู้สึกอยู่หรอก
“เหมือนที่อาไม่อาจจะฝืนใจชอบเด็กกะโปโลอย่างปรางใช่มั้ยคะ”
“ใช่...เพราะมันเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง อาจะมารักมาชอบกับลูกสาวของเพื่อนได้ยังไง และเราเองก็ไม่ควรจะรู้สึกแบบนั้นกับอา”
“แล้วอาจะให้ปรางทำยังไงล่ะ ก็คนมันรู้สึกไปแล้ว”
“ก็หาแฟนสิ หาแฟนที่เหมาะสมกับวัยตัวเอง ไม่ใช่มาชอบผู้ชายแก่คราวพ่ออย่างอา”
ปรางแก้วอ้าปากค้าง ตอนถูกเขาปฏิเสธรักว่าเจ็บแล้ว แต่พอได้ยินเต็มสองหูว่าให้หล่อนหาแฟนเพื่อที่หล่อนจะได้ไม่ต้องรักเขา นั่นยิ่งเจ็บปวดมากกว่าเป็นหลายเท่า
“อ้อ...โอเคค่ะ งั้นปรางจะเริ่มออกไปหาตั้งแต่คืนนี้เลย”
“นี่เรากำลังประชดอาเหรอ”
“เปล่านี่คะปรางพูดจริงต่างหาก ขอบคุณที่แนะนำนะคะ อาออกไปได้แล้ว ปรางจะแต่งตัวออกไปเที่ยวกับเพื่อนจะได้หาแฟนได้เร็วๆ”
เธอ...รักอย่างภักดีและเจียมใจ เขา...จ้องแต่จะทำลาย เลยทำทุกอย่างเพื่อหลอกให้รัก สุดท้าย...สิ่งที่เธอได้รับการตอบแทน จากรักที่แสนภักดีก็คือคำว่า ง่าย ที่เขาตะโกนใส่หน้าอย่างไม่คิดแม้แต่จะสงสาร
ศาสตรา ภูวเดชาธร คือผู้ชายที่ ภัคธีมา บอกตัวเองว่าเขาช่างร้ายกาจสมกับชื่อ ผู้ชายคนนี้พร้อมจะฟาดฟันให้เธอย่อยยับแหลกละเอียดเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย ทั้งๆ ที่เธอคือว่าที่น้องสะใภ้ หรือเขารังเกียจว่าเธอจน ไม่คู่ควรกับคนในตระกูลภูวเดชธรเจ้าของไร่ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ เขาจึงกีดกันเธอกับน้องชายเขาทุกวิถีทาง แม้ภัคธีมาพยายามจะไม่ข้องแวะกับเขา หากทว่าในที่สุด โชคชะตาก็กลั่นแกล้ง ให้ต้องตกไปอยู่ในบ่วงพันธนาการของเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ภัคธีมาจึงได้แต่นับวันรอ… รอวันที่กริชผู้แข็งกร้าวอย่างเขาจะปลดปล่อยเธอให้เป็นอิสระ แต่ครั้นเมื่อถึงเวลาจริงๆ มันกลับไม่ง่ายเลย เพราะหัวใจที่แสนอ่อนไหวถูกบ่วงเสน่หาร้อยรัดเอาไว้อย่างแน่นหนา
ร่างบางดำดิ่งลึกลงเรื่อยๆ ร่างกายทุรนทุรายเพื่อความอยู่รอด แต่ใจเธอยอมแพ้แล้ว มันอึดอัด มันหนาวเหน็บ นี่สินะความตาย ความตายของเธอที่พี่อิสร์ต้องการ เอมทำให้แล้วนะคะ หวังว่าการกระทำของเอมในครั้งนี้ จะเป็นสิ่งสุดท้ายที่เอมทำให้พี่อิสร์มีความสุข ขอให้ความรักความแค้นระหว่างเราจบลงแค่นี้ เอมเจ็บ เจ็บจนไม่อยากจะหายใจแล้วเช่นกัน ขอบคุณที่บอกให้เอมมาตาย มันน่าจะเป็นหนทางดับทุกข์ที่ดีที่สุดของเอมแล้ว ลาก่อนค่ะพี่อิสร์...
เมื่อเด็กที่อยู่ในอุปการคุณของผู้เป็นบิดาทำท่าว่าจะเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาเป็นแม่เลี้ยงของเขา ภาคิม วัชรอาชา ผู้ชายที่แสนจะหยิ่งยโสจึงยอมไม่ได้ สู้ให้บิดามีนางบำเรอเป็นร้อยเหมือนกับนางในฮาเร็มของสุลต่านยังจะดีเสียกว่าให้เด็กไม่มีหัวนอนปลายเท้าอย่างนั้นมาร่วมสกุล เขาสลัดคู่ควงทุกคนทิ้งแทบจะทันทีแล้วหันมามุ่งมั่นกับการกำจัดว่าที่แม่เลี้ยงและจัดการลงทัณฑ์ผู้หญิงไม่เจียมตัวให้รู้สำนึกว่าอย่างมากเธอก็เป็นได้แค่ ‘นางบำเรอ’ เท่านั้น วิโรษณา ดุษยา เพื่อตอบแทนบุญคุณของผู้มีพระคุณ สาวน้อยไร้เดียงสาจึงต้องยอมตกเป็น ‘เมียบำเรอ’ ของผู้ชายกักขฬะไร้หัวใจโดยไม่ยอมปริปากบ่น และไม่แม้แต่จะเรียกร้องความสมเพชใดๆ จากเขา เพราะรู้ว่าในสายตาของซาตานร้าย ผู้หญิงข้างถนนอย่างเธอมีค่าไม่ต่างอะไรกับขยะชิ้นหนึ่งเท่านั้น “คุณภาคิม ได้โปรดอย่าทำกับปุ้มแบบนี้” “ฉันมีสิทธิ์ลงโทษเธอตามวิธีของฉันวิโรษณา” เสียงเขาแหบกระเส่า วิโรษณาดิ้นอย่างกระสับกระส่าย ทำไมเขาไม่ลงโทษเธอด้วยการเฆี่ยนตี หรือให้อดข้าวอดน้ำ ขังไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันก็ได้ เขาไม่รู้หรือไงว่าทำแบบนี้ร่างกายของเธอปั่นป่วนและกำลังจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ด้วยความทรมานอันแสนวาบหวาม ลิ้นร้อนดั่งไฟนาบจุมพิตทั่วทุกอณูเนื้อของดอกไม้แสนฉ่ำหวาน ก่อนจะแทรกลิ้นชื้นเข้าไปรุกรานความอ่อนนุ่มที่นิ้วเรียวของเขาได้สัมผัสมาแล้วก่อนหน้านี้ สาวน้อยพยายามตั้งสติไม่ปล่อยการกระทำไปตามอารมณ์เร่าร้อนที่กำลังรู้สึกอยู่ แต่ลิ้นอุ่นจัดของคนแสนชำนาญก็แทรกลึกเข้าไปในความอ่อนนุ่มกลางกายด้วยจังหวะอันร้ายกาจอย่างไม่หยุดหย่อน ใบหน้าสวยแดงซ่านด้วยอารมณ์ร้อนแรง มือเล็กจิกลงบนที่นอนและขยุ้มจนยับย่นเพื่อระบายความซ่านสยิวที่กำลังโรมรันกายสาวอย่างหน่วงหนัก ร่างบางกระตุกไหว คิ้วสวยขมวดนิ่วด้วยอารมณ์สะท้านซ่าน หลงใหลไปกับสัมผัสของเขาจนเผลอยกสะโพกขยับไปมาเบาๆ ปลายลิ้นหนาลากถูไถขึ้นลงตามกลีบกุหลาบแสนสวยที่เปียกชุ่มไปด้วยความฉ่ำหวาน สองขาเรียวสั่นระริกๆ เมื่อชายหนุ่มเริ่มออกแรงกดปลายลิ้นแตะต้องแรงขึ้น
เพราะอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นกับว่าที่เจ้าบ่าวในคืนแต่งงาน ทำให้พรรษรดาต้องเข้าพิธีกับน้องชายของเจ้าบ่าวแทน แม้วิวาห์ครั้งนี้จะเป็นเพียงวิวาห์สมมติในความรู้สึกของเขาและเธอ หากทว่าความรู้สึกที่เก็บซ่อนไว้ข้างในนั้นต่างหากที่ไม่ใช่เรื่องล้อเล่น เธอจะกล้าบอกความในได้อย่างไร ว่าแท้จริงแล้วผู้ชายที่เธอมีใจใฝ่ปองและอยากแต่งงานด้วยจริงๆ ก็คือเขา ในเมื่อผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าสามี เอาแต่เฉยเมยเย็นชาใส่ ซ้ำยังเอ่ยปากขอหย่าอยู่หลายครั้ง พรรษรดาจะจัดการปัญหาหัวใจครั้งนี้อย่างไรดี ในเมื่อยิ่งเขาทำให้เจ็บ หัวใจไม่รักดีก็ยิ่งรักเขามากขึ้นๆ เธอควรรั้งเขาไว้ให้เป็นสามีในนามเพื่อทรมานใจกันเล่นๆ หรือว่าปล่อยเขาไปให้สมรักกับผู้หญิงอื่นตามที่เขาร้องขอ ***ตัวอย่าง*** “ฉันรักเธอพรรษรดา ฉันรักเธอ รักเธอคนเดียว” เขาสารภาพออกมาเสียงแหบห้าว นัยน์ตาหม่นมัวไปด้วยแรงรักแรงปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ข้างใน “คุณภู...” “หัวเราะสิ หัวเราะเยาะฉัน หัวเราะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่มันเป็นทาสรักของเธออย่างโงหัวไม่ขึ้นมาตลอดหลายปี หัวเราะเยาะไอ้ผู้ชายหน้าโง่ที่ตัดใจไม่ได้เสียที” คำสารภาพของเขาเหมือนระลอกคลื่นยักษ์ที่กระแทกโครมเข้าใส่หัวใจดวงน้อยของพรรษรดา เธอถึงกับร้องไห้สะอึกสะอื้นเพราะแบกรับความรู้สึกอันท่วมท้นนั้นไม่ไหว “ฉันมันคงน่าสมเพชมากสินะ” ร่างใหญ่ขยับตัวเหมือนจะถอดถอนออกไป แต่พรรษตวัดขารัดรอบเอวสอบไว้แน่น ทำให้เขาดำดิ่งเข้ามาฝังลึกอยู่ในช่องสาวอีกครั้ง “อย่าบังอาจลุกจากตัวพรรษ” เธอแหวใส่เขาเสียงดังลั่น ตัวสั่นเทาเพราะความรัญจวนและความเต็มตื้นในหัวใจ “พรรษรดา...” “อย่าคิดว่าจะผลักไสพรรษง่ายๆ อีก รู้มั้ยว่าพรรษรอนานแค่ไหน รู้ไหมว่าต้องเสียน้ำตาไปกี่ครั้งเมื่อคิดว่าตัวเองรักคุณภูข้างเดียว อย่ามาบอกรักพรรษ ล้อเล่นกับหัวใจพรรษแล้วหนีไปง่ายๆ อีก พรรษไม่ยอมอีกแล้ว คราวนี้พรรษจะตามรังควานไปตลอดชีวิตเลย อย่าหวังว่าจะได้มีโอกาสมีความสุขกับผู้หญิงคนไหน อย่าหวังว่าจะได้บอกรักใครอีก เพราะคำว่ารักของคุณภูจะเป็นของพรรษคนเดียวตลอดไป”
ในเมื่อเธอเป็นเมียที่ได้มาจากการทรยศ ความรู้สึกเดียวที่เธอจะได้รับจากเขาก็มีแค่ ความชัง เท่านั้น อย่างหวังว่า เขาจะเลิกชัง อย่าหวังว่า เขาเหลียวแล อย่าหวังว่า จะได้แม้แต่เศษเสี้ยวความรักของเขา นภัทรบอกตัวเองเช่นนั้น อย่างหนักแน่นอยู่เสมอ แต่ความเกลียดชังโกรธแค้นของเขามันน้อยลงตั้งแต่เมื่อไหร่ หรือเป็นเพราะนัยน์ตาเศร้าๆ ซื่อๆ ของเด็กคนนั้น ที่มันค่อยๆ เขย่าความเย็นชาในหัวใจเขา ให้กลายเป็นความรู้สึกอื่น
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"