"คุณไม่มีสิทธิ์์มายุ่งกับความรู้สึกของฉัน" "งั้น... ผมจะยืนยันสิทธิ์ของผมเดี๋ยวนี้!" เมลดา หญิงสาวปากกล้า ผู้ไม่เคยเชื่อเรื่อง 'รักแท้' เพราะรักแท้... มีแค่ในนิยายเท่านั้นแหละ! ฮุนจีอึน ซุปเปอร์สตาร์หนุ่ม เพลย์บอยนักรัก ผู้มีสาวๆ มาพัวพันมากมาย แต่กลับรู้สึกเหมือนว่า กำลังเฝ้ารอใครสักคน... แรกพบ เขาก็ทำราวกับเธอเป็นของเล่นใหม่ แต่เมื่อหัวใจซุปตาร์หนุ่มปั่นป่วนวุ่นวาย ก็ถึงคราวจะต้องใช้เล่ห์พราวสารพัด เพื่อมัดใจสาวใจแข็งให้อยู่หมัด เมื่อคนหนึ่งก้ปากร้าย อีกฝ่ายก็เห็นเธอเป็นเพียงสาวในคอลเคชั่น ที่สุดแสนท้าทาย น่าสะสม ซุปตาร์พันเล่ห์อย่างเขา จะเปลี่ยนเกลัยดแรกพบ... ให้กลายเป็นบทสรุปที่ต่างก็เผลอรักกันได้อย่างไร ในเมื่อเส้นทางรัก เต็มไปด้วยเรื่องราวมากมายที่ต้องฝ่าฟัน...
“เม! รับไว้!”
สิ้นเสียงชาตรี กระเป๋าสีดำใบกระทัดลัดก็ลอยละลิ่วมาเข้ามือน้อยๆ ของเมลดาแบบไม่ทันตั้งตัว เล่นเอาเธอเกือบรับไม่ทัน!
“นี่มันอะไรกันอ่ะคะพี่ชา”
“ไม่ต้องถาม! วิ่งก่อนเลย ไปเร้ว... วิ่ง!!”
เขาสั่งน้ำเสียงลุกลี้ลุกลน พร้อมผลักร่างหญิงสาวให้ออกห่าง
“ไปเร็ว! อย่าให้พวกนั้นเอากระเป๋าไปได้” เมลดาหันมองตาม แล้วเห็นว่าชายร่างกำยำสองคนวิ่งกรูเข้ามาประชิดตัวชาตรี เหมือนกับกำลังจะหาเรื่อง
‘เอาอีกแล้วเหรอเนี่ย! เที่ยวกลางคืนทีไรชอบมีเรื่องตลอดพี่ชาอ่ะ ไม่รู้ล่ะบอกให้วิ่งก็วิ่งก่อนแล้วกัน!’ หญิงสาวคิด
ชายร่างใหญ่สองคนเข้าประชิดตัวชาตรีอย่างรวดเร็ว แสดงกิริยาข่มขู่คุกคามอย่างดุดัน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้ชาตรีกลัวเลยแม้แต่น้อย
“ไง... ตามฉันมาทำไมล่ะเพื่อน” ชาตรีถามเสียงยียวน
“ส่งของมา!!” ชายคนหนึ่งออกคำสั่งแกมขู่บังคับจะเอาอะไรบางอย่างจากชาตรี
“ของอะไรคร้าบบบ ผมไม่ได้ขโมยอะไรออกมาจากพวกพี่นี่ครับผม” ชาตรีลากเสียงราวกับตั้งใจจะกวนอารมณ์
“ก็แกทำอะไรผิดกฎในร้านล่ะ ไม่รู้หรือไงที่เที่ยวที่นี่เขามีคนมีชื่อเสียงมาเที่ยวกันเยอะ พวกเขาต้องการความเป็นส่วนตัว อะไรที่แกเอาออกมานั่นแหล่ะคือสิ่งที่แกต้องคืน”
“คืนอะไร? ก็ผมไม่ได้เอาอะไรไปนี่ครับคุณ” ชาตรียังไม่เลิกยียวน
“แกพูดแบบนี้ อยากมีเรื่องเรอะ?” จากนั้นชายคนหนึ่งก็เข้าประชิด หวังจะล็อคตัวชาตรีไว้ แต่ชายหนุ่มไหวตัวทัน กระโดดหลบเสียก่อน
“พวกคุณไม่เห็นรึไง ผมก็มีแต่ตัว จะค้นกันมั้ยล่ะ? แต่ถ้าไม่เจออะไรที่พวกคุณกล่าวหา ผมแจ้งความคุณนะ ข้อหาหมิ่นประมาทหาว่าผมขโมยของน่ะ” ชาตรีเสียงเข้มเข้าใส่ หวังทำใจดีสู้เสือไปอย่างนั้น เพราะลำพังสองรุมหนึ่ง เขายับแน่ๆ
“มันพูดจากวนตีนไปแล้วว่ะ กระทืบมันตรงนี้เลย ถึงไม่ได้ของคืน อย่างน้อยก็ฝากรอยตีนไว้กับมันซะหน้าร้านนี่ล่ะ” ชายร่างกำยำ การ์ดของสถานบันเทิง อดไม่ไหวตั้งท่าจะซัดชาตรีให้น่วม
“ของอยู่ในกระเป๋าใช่มั้ย ข้าเห็นแกโยนส่งให้ผู้หญิงสวยๆ ที่มากับแก เธอหนีไปแล้วสิ” ชายร่างบึ้กกำลังหมายถึงเมลดา
“งั้นก็ลุยมันก่อนเลย”
ทันทีที่สิ้นเสียง ทั้งสองก็รุดเข้าจะทำร้ายร่างกายชาตรี ต่างฝ่ายต่างตะลุมบอน ออกแรงแลกหมัดเข้าสู้กันบริเวณหน้าร้าน จนเริ่มเป็นจุดสนใจคนเที่ยวแถวนั้น แต่ก็ไม่มีใครแสดงตัวเป็นพลเมืองดีออกมาช่วยใคร
ฝ่ายเมลดากึ่งเดินกึ่งวิ่ง พาตัวเองออกมาจากย่านสถานบันเทิงไฮโซ กะว่าพ้นปากซอยจะเรียกแท็กซี่และตามคนมาช่วย ใจก็ห่วงรถที่จอดอยู่แถวหน้าร้าน เกิดเรื่องทีไร เป็นอย่างนี้ทุกที แต่ใครจะกล้าแจ้งตำรวจ มีเรื่องในย่านนี้ต้องเอาผู้ใหญ่มาคุยเท่านั้นถึงจะรอด คิดหาทางรอด อยู่ๆ ก็เหมือนมีใครตามมา ทำเอาพะว้าพะวงคอยหันหลังกลับไปมองตลอดทางอย่างหวาดระแวง
“อ๊ะ!!” แต่ไม่ทันแล้ว เมื่อจู่ๆ ก็มีใครบางคน โผ
ล่มาดักตัวเธอ ตรงมุมหนึ่งของถนน ก่อนที่จะพ้นย่านสถานบันเทิงแถวนั้น ทำเอาเมลดาตกใจอุทานออกมาเสียงดัง เนื้อตัวสั่นเทา เธอไม่เคยกลัวอะไรอย่างนี้มาก่อนเลย อีกอย่างเธอก็ไม่รู้ว่าชาตรีไปก่อเรื่องอะไร ทำไมเธอต้องรับผิดชอบกระเป๋าสีดำใบนี้ และต้องหนี... หนี... แล้วก็หนี...
“จะรีบไปไหนครับ?” คำถามภาษาอังกฤษจากชายร่างสูงโปร่ง แต่งตัวแบบผู้ชายเมโทรเซ็กชวล สวมหมวกไหมพรมคลุมผมเหมือนเด็กฮิปฮอป และเขาสวมแว่นตาดำแม้จะเป็นเวลากลางคืน!
การแต่งตัวลึกลับของเขานี่ล่ะ ที่ทำให้หญิงสาวหวาดกลัวเพิ่มขึ้นไปอีก
“คุณตามฉันมา ต้องการอะไร!” เมลดาทำใจดีสู้เสือถามออกไป แววตาเขียวปั๊ดตั้งใจจะขู่เอาไว้ก่อน เพราะไม่รู้ว่าเขา เป็นคนดีหรือคนเลว แต่คนดีที่ไหนจะตามผู้หญิงมาอย่างนี้ คงเป็นพวกโรคจิตอารมณ์หื่น ที่ออกล่าเหยื่อแถวนี้มากกว่า
“ผมตามมาเอากระเป๋าใบนั้น”
“อยู่ดีๆจะมาเอาไปทำไม นี่มันของๆพี่ที่ออฟฟิศฉันนะยะ” เมลดาแหวกลับ พร้อมขึงตาเขียวปั๊ดใส่อย่างมิหวั่นเกรง
“พวกคุณคงเป็นนักข่าวสินะ” ชายหนุ่มตรงหน้าสันนิษฐาน
“คุณรู้ได้ยังไง?” เมลดาครางเบาแผ่ว มันมีป้ายแสดงอาชีพบนหน้าผากเธอหรือไง ใครๆ จึงรู้กันทั่ว
“รู้สิครับ ก็ผมเป็นคนที่แฟนคุณแอบถ่ายภาพ ไว้ในกล้องนี้... ในกระเป๋าน่ะ” เขาหยุดเว้นจังหวะการพูด เพื่อดูอาการหญิงสาวว่าจะแก้ตัวอย่างไร
เมลดาได้ยินอย่างนั้นก็อึ้ง พยายามตั้งสติคิดตาม... ‘ปาปารัซซี่งั้นหรือ แล้วพี่ชาปลีกตัวไปแอบถ่ายชาวบ้านเขาตอนไหนล่ะเนี่ย?’ เธองงไปหมดแล้ว ชอบทำอะไรไม่ปรึกษา เดือดร้อนกันไปตามๆ กัน
“นะ... นั่นพี่ชา... เพื่อนร่วมงาน ไม่ใช่แฟน พี่เขาเพิ่งมาช่วยงานฉัน”
‘ไม่รู้อะไรจริง ยังจะพูดอีก’
“เอาเถอะ... จะยังไงก็ช่าง! ส่งเมมโมรีการ์ดมาได้แล้ว ผมไม่อนุญาตให้คุณเอาภาพผมไปเผยแพร่เด็ดขาด” เสียงเขาจริงจัง ฟังดูดุดันอย่างยิ่ง
“คุณเป็นใครกัน! แล้วทำไมฉันต้องให้สิ่งนี้กับคุณด้วย”
“ผมขอร้องดีๆ เพราะถ้าเป็นเพื่อนผม มันจะไม่ขอคุณดีๆ แบบนี้ เพราะในร้านของเพื่อนผมถือเป็นสถานที่ส่วนตัว การที่คุณแอบถ่ายดาราแบบนี้ ก็ผิดกฎมากพอแล้ว” เขาขู่ พร้อมขยับร่างสูงโปร่งเบียดเข้ามาใกล้หญิงสาวมากยิ่งขึ้น ทำเอาเมลดาถอยหลังพิงกำแพง
เขาเข้าใกล้... จนแทบจะหายใจรดต้นคอได้อยู่แล้ว
“คืนให้ผมซะดีๆ อย่าให้ต้องบังคับ” เขาพูดเสียงเรียบเฉย พลางถอดแว่นตาดำที่ใส่เพื่อปกปิดใบหน้าที่แท้จริงมาตั้งนาน นาทีที่หญิงสาวรู้ว่าเขาเป็นใคร เมลดายิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่ นิ่งงันเหมือนต้องคำสาป
ซุปเปอร์สตาร์เกาหลี!
“ว่าไงครับ” เขาทวง “จะคืนได้หรือยัง?” แม้จะพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง หากในประโยคฟังดูแสนคุกคาม
จนหญิงสาวยอมจำนน ควักกล้องถ่ายรูปของชาตรีขึ้นมา แล้วส่งคืนให้เขา
“แต่ว่า.. มันไม่ได้มีแต่รูปคุณนี่นา มันไม่ยุติธรรมกับคนทำงานนี่ มันอาจมีงานที่พี่ชาถ่ายไว้เยอะแยะและกองบรรณาธิการรองานอยู่”
“งั้น.. ผมเอาไปลบรูปผมออก เสร็จแล้วจะรีบส่งคืนให้” เขายังมีน้ำเสียงเรียบเฉยไม่แคร์ว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกยังไง
“แต่ว่าตอนนี้ คนของคุณคงกำลังทำร้ายพี่ชาอยู่ คุณได้สิ่งที่ต้องการไปแล้ว ช่วยบอกให้คนของคุณหยุดทำตัวนักเลงกร่างใส่คนของฉันบ้างได้แล้ว” เมลดาฉุนใส่ขอออกคำสั่งบ้าง
“ที่คุณถอดมาให้ผม ผมชักไม่แน่ใจว่ามันใช่รูปทั้งหมดที่เพื่อนคุณถ่ายไว้รึเปล่า ส่งมาทั้งกระเป๋านั่นล่ะ” เขาสั่งเสียงเข้ม
“เอ๊ะ คุณนี่ยังไงนะพี่ชาเขาไม่มีการ์ดสำรองหรอก ฉันรู้นิสัยเขาดี อีกอย่างคุณยังไม่ดังมากมายอะไรในเมืองไทยหรอก ลงข่าวไปไม่รู้จะขายได้รึเปล่าเลย อย่ามาทำนิสัยอย่างนี้นะ” เมลดาแว๊ดเสียงใส่ จะด้วยความรำคาญรึก็ใช่ เขาเห็นท่าทางดุดันของหญิงสาวก็อดขำไม่ได้จึงแกล้งเบียดตัวเข้ามาใกล้จนเธอถอยหลังร่นไปอีกจนล้มลงแทบหงายหลังดีที่เขาคว้าร่างบางไว้ทัน
“นี่.. นายจะทำอะไรเนี่ย”
“ก็เห็นอยู่ว่าคุณจะล้มลงหงายหลังนี่ผมช่วยคุณไว้นะ ไม่ได้อยากจะแตะต้องตัวคุณนักหรอก ดุยังกะอะไร” เขาว่าท่าทางยียวน
“...” เมลดาเงียบ อึ้งกำลังคิดว่าจะจัดการยังไงกับตัวเอง
“เกิดอะไรขึ้น?” เขาถามมือที่หนึ่งก็ประคองร่างบางไว้ มืออีกข้างที่ถือการ์ดความจำอยู่ก็ล้วงเข้าไปเก็บในกระเปากางเกง
“รองเท้าชั้น... โธ่! ดูสิส้นมันหักน่ะ” เมลดาตอบเสียงเบาใจรึก็อยากร้องไห้ทั้งเสียดายทั้งเจ็บใจ คำตอบทำให้เขาหลุดเสียงหัวเราะออกมาอย่างไม่ตั้งใจ
“หัวเราะเยาะชั้นเหรอ? ก็เพราะคุณนั่นแหล่ะ” เมลดาโวยวายป้ายความผิด ดูซิแล้วจะเดินกลับไปหาพี่ชายังไงล่ะเนี่ย ป่านนี้โดนอัดหน้ายุบไปแล้วมั้ง “คุณได้ของไปแล้วก็โทรไปห้ามคนของคุณซี่ ว่าอย่าทำอะไรพี่ชา หยุดกันได้แล้ว” เมลดายังโวยวายเสียงดังได้อยู่
“โอเคๆ” ว่าแล้วเขาก็ต่อมือถือถึงปลายสาย “ปุณณ์นะ ชั้นได้เมมการ์ดแล้ว ไงก็อย่าเพิ่งซ้อมหมอนั่นล่ะ กำลังจะกลับเข้าไปแล้ว พร้อมสาวสวย” เขาวางสายสายตาก็เจ้าเล่ห์กรุ้มกริ่ม ทำเอาเมลดาอดไม่ได้ที่จะด่าในใจซะให้สา “มองหน้าชั้นทำไมอีตาตี๋บ้า หน้าชั้นเหมือนญาติแดนกิมจินายนักรึไง”
“โอ๊ย.... แล้วนี่ชั้นจะเดินยังไงล่ะเนี่ย?” หญิงสาวโวยวายร้องลั่นทำเอาคนแถวนั้นต้องหยุดมองแต่ก็ไม่ได้สนใจเพราะคงแฟนคู่รักหนุ่มสาวที่เง้างอนกันปกติทั่วไป
“เอางี้” เขาเสียสละด้วยการถอดรองเท้าผ้าใบออกให้หญิงสาวใส่พลางๆระหว่างทางที่ต้องเดินกลับไปที่ร้านสถานบันเทิงที่เกิดเรื่อง
“ไซค์มันใส่ด้วยกันได้ที่ไหนเล่า ดูเท้าคุณสิ” ยังไม่เลิกโวย
“ก็ดีกว่าคุณเดินเท้าเปล่านี่ รึอยากจะให้ผมอุ้ม” เขาไม่เลิกกวนประสาท เมลดารำคาญถอดรองเท้าส้นสูงของตัวเองที่ข้างหนึ่งส้นหักไม่มีชิ้นดีแล้วก็สวมเท้าเรียวบางที่ขนาดเล็กเหลือเกินเข้าไปในรองเท้าของเขา แต่มันก็พอเดินได้แต่ไม่คล่องนักเพราะมันหลวมและเหลือ จากนั้นเขาก็ก้มลงหยิบรองเท้าของหญิงสาวขึ้นถือให้ ส่วนเขาดีที่มีถุงเท้าอีกชั้นเดินระหว่างตรงนี้กลับไปร้านก็คงไม่ทำให้เจ็บเท้าเท่าไหร่
“อย่าคิดนะ ว่าทำแค่นี้ฉันจะหายโกรธคุณน่ะ”
“งั้นต้องทำไงอีกล่ะถึงจะพอ กระชากกล้อง ทำลายกล้อง เหมือนดารานักร้องคนอื่นทำกับนักข่าวรึ?”
“คุณมีความคิดอย่างนั้นเหรอ? ก็ลองสิชั้นจะอัพรูปของคุณขึ้นทวิตเตอร์ให้มันเป็นข่าวนาทีนี้เลย” เมลดาขู่ฟ่อ
“นั่นไง คุณก็แอบถ่ายผมไว้เหรอ”
“นี่ อย่าเข้ามาใกล้นะ ไม่งั้นชั้นอัพโหลดขึ้นทวิตเตอร์แน่ๆ ไว้ถึงร้านแล้วแน่ใจว่าพี่ชาปลอดภัยไม่น่วมหน้ายับล่ะก็ชั้นถึงจะลบรูปคุณ” เมลดาเสียงเข้มเข้าขู่มือรึก็ชูมือถือแบล็คเบอร์รี่เป็นหลักฐานว่าจะทำจริง มีที่ไหนล่ะอีตาบ้าเอ๊ย ชั้นก็ขู่ไปงั้นแหล่ะ เมลดาบ่นในใจส่วนเท้ารึก็เดินตามต้อยๆ พี่ชานะพี่ชาจะปาปารัซซี่แอบถ่ายดาราก็ไม่บอกไม่กล่าวไม่ปรึกษา ดูสิให้เขาตามล่าได้ อีตานี่มันนักร้องซุปเปอร์สตาร์เกาหลี สังกัดเขาถนอมยังกะไข่ในหิน ช่างไม่รู้อะไรเล้ย.... พี่ชา!!
เพื่อปกป้องชีวิต... คุณทวดของบุหงาจึงเขียนยันต์วิเศษไว้คุ้มครองหลานสาวผู้ที่จะสืบทอดวิชาเขียนยันต์ แต่ด้วยความซุ่มซ่าม เจ้าหล่อนจึงย้อนอดีตไปสมัยทวารวดี เพื่อหนีการตามล่า บุหงาจึงต้องสวมรอยเป็น ‘แม่นาย’ ทำให้ทุกคนในเรือนรัก เพื่อความอยู่รอด กลับไปยุคเดิมที่จากมาอย่างปลอดภัย นั่นก็คือ... ยุครัตนโกสินทร์ตอนปลาย เพื่อทำหน้าที่สืบทอดวิชาเขียนยันต์เก่าแก่โบราณของต้นตระกูล
คริญาไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อยในท่าทีหวงก้างของพศุตม์ เธอรู้ว่า... ในสถานการณ์ที่เธออยู่ในสระว่ายน้ำเย็นฉ่ำในเวลานี้ ผู้ปกครองหนุ่มจะต้องโจนจ้วงตามลงมา ดวงใจสาววัยแรกแย้มเต้นตูม ด้วยความรู้สึกหวั่นไหว แม้รู้ดีแก่ใจว่า ชายหนุ่มคือของต้องห้ามและจะแสลงใจจนเจ็บปวดในวันหนึ่ง เพราะพศุตม์เคยยื่นคำขาดว่า... เขาไม่ชอบเด็กน้อยกะโปโลอย่างเธอ และถ้าเกิดอะไรขึ้นเพราะเธอกล้าเล่นกับไฟยั่วยวนเขา เขาจะไม่มีวันรับผิดชอบ! . ‘คำสั่ง’ จากปากเขามันคือคำเตือนจากผู้ชายอันตราย . เขารวบตัวเด็กในปกครองเข้ามาสวมกอดแน่นราวจะสูญเสีย ความร้อนซ่านกำซาบไปทั้งเรือนกายสาว ส่วนเปลือยสวยสัมผัส แนบชิดแทบทุกส่วนสัดของกายแกร่ง แม้ร่างทั้งสองที่โอบล้อมไปด้วยความเย็นเยียบของสายน้ำ แต่การขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวพริ้วพรายตามกระแสน้ำก็ก่อให้เกิดไอความรุ่มร้อนระบายอยู่ในน้ำและพยุงสองร่างให้รู้สึกวาบหวิวแผ่ซ่านถึงกัน... เด็กสาวแรกรุ่นหัวใจเต้นโครมคราม วาบหวิวเมื่อผู้ปกครองหนุ่มประกบริมฝีปากร้อนแรงลงมา ดูดดื่มริมฝีปากสวยอิ่มตึง คริญาตอบสนองจูบเร่าร้อน สอดลิ้นยั่วเย้าให้เขากระดกลิ้นร้อนฉ่าตามมาพัวพัน ร่างเล็กบดเบียดส่วนอิ่มเต็มตึงที่สวยสล้างยั่วยวนสายตาเข้าใกล้แผงอกแกร่งกำยำที่ระบายไปด้วยปอยขนนุ่มกลางอกแกร่งของเขา สร้างความเซ็กซี่ชวนสะท้านยามจ้องมอง เขาบดจูบหนักหน่วงร้อนแรงจนคริญาคราง ไอร้อนสวาทกำลังก่อตัวใต้สายน้ำเย็นฉ่ำ “...” “ฉันต้องได้เธอ... คริญา”
“นะ.. นายเก่งอยู่แล้ว ทำไมต้องจ้างติวด้วยเหรอ?” “ผมก็... แค่อยากจะทำตามคำสั่งพ่อแค่นั้นล่ะ” เขาเอ่ยเสียงพร่า เป่ารดลมหายใจหอมบนใบหน้าสวย มันใกล้กันจนจะจูบกันอยู่แล้ว “แต่ว่า... พ่อนายคงไม่สั่งให้ติวแบบนี้หรอก” ติวเตอร์สาววางปลายนิ้วเรียวบนอกแกร่งของเขา ที่สวมเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมสองเม็ดเผยให้เห็นอกแกร่งและดูเร้าใจ เธอค่อยๆ ลูบเบาๆ เขามองตามปลายนิ้วเรียวสวยด้วยดวงตาเปล่งประกาย สองคนสบตากัน ไม่นานเธอก็ถอดเสื้อของเขาออก ขณะที่นักเรียนหนุ่มล้วงมือใต้ชายเสื้อทีเชิ้ตตัวโคล่งที่เธอสวมมันเอาไว้โดยปราศจากบราเซีย “อื้อ...” เขาบีบนวดหน้าอกสวยอย่างเบาๆ สะกิดนิ้วโป้งบนยอดทรวงเบาๆ ก่อนถลกเสื้อขึ้นเหนือศีรษะ ถอดออกจนเธออยู่ในสภาพโป๊ “หิวนมจังครับ... ขอดูดนมพี่หน่อยจะได้ไหม” คำเตือน นิยายเรื่องนี้สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น เนื้อหาเหมาะสำหรับผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื้อหาบรรยายถึงการแสดงออกของความรักรุนแรง การร่วมรักชัดเจนโชกโชน บางส่วนตัวละครมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่น่าเอาเยี่ยงย่างหรือเลียนแบบ
"ชลิดา" เป็นเด็กสาวที่โชคร้าย ครอบครัวทิ้งเธอไปไม่ลา เหลือเอาไว้แต่เธอคนเดียว กับชีวิตที่โดดเดี่ยวอ้างว้างท่ามกลางอันตรายที่มองไม่เห็น ทิ้งไว้กับปริศนาว่าเธอและครอบครัวผิดอะไร ในวันที่เหมือนชีวิตเจอฝันร้าย คนเพียงคนเดียวที่ยื่นมือเข้ามาช่วย กลับเป็น 'เขา' ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่ศิวะจะพูดดีกับเธอ ฉากหน้า เย็นชา ปากร้าย เจ้าอารมณ์และแสดงท่าทีรังเกียจเธอ "ศิวะ" แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเกลียดชลิดา เพียงเพราะหล่อนเป็นคนรักของพี่ชายเขา ที่รอวันตกกระป๋อง เขาอยากให้เธอเลิกรากับพี่ชาย เลิกยุ่งกับคนมีเจ้าของ มันไม่ใช่เพราะศิวะเกลียดชลิดาหรอก แต่เพราะเขารักหล่อนเสียเอง แต่กลับแสดงออกตรงข้ามกับความรู้สึกที่แท้จริงในใจ คนสองคน ที่ฉากหน้าเกลียดชังกัน แต่ต้องนอนเตียงเดียวกันทุกคน บทสรุปจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน... มหาศาลการรัก
...เหตุเพราะน้องชายตัวดี ไปมีความสัมพันธ์ต้องห้าม กับศัตรู หัวเด็ดตีนขาด “เธอ” ก็ไม่มีวันยอมให้น้องชายลงเอยกับลูกสาวของตระกูลที่เคยดูถูกเธออย่างไม่มีดี . ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้ หากไม่เพราะ “เขา” ทายาทหนุ่มเสเพลของบ้านนั้น ที่ซ้อนแผนเอาคืนเธอ ทำเอางานนี้ เจ้าหล่อนจะต้องเลือกว่าจะยอมให้น้องชายได้ลงเอยในเรื่องความสัมพันธ์ หรือจะจนมุมไปกับจอมวางแผนที่ตนก็เพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้ว.... เขาช่างเจ้าคิดเจ้าแค้น และต้องการเอาชนะเธอมาตั้งแต่ต้น โดยมี “เรือนร่าง” เธอเป็นเดิมพัน +++++++++++++++++++++++++++++++ “ปล่อยฉันไปนะ นี่คุณเล่นบ้าอะไร?” “เล่นบ้าอะไรงั้นเหรอ... ก็เล่นผัวเมียกันยังไงล่ะ” “คนบ้า! มันใช่เวลามาล้อเล่นแบบนี้มั้ย ปล่อยฉันไปนะ!” “เล่นผัวเมียกันจริงๆ มีลูกด้วยกันจริงๆ สักคนสองคน” “คนบ้า เล่นไปคนเดียวเถอะ” “มีลูกกับผม คุณจะได้รู้... ความรู้สึกที่โดนพรากลูกพรากแม่มันเป็นยังไง” “เลว! นรกขุมไหนส่งคุณมาเกิดกัน คนบ้า!” สิ้นเสียงเล็ก จูบร้อนแรงถูกบดขยี้ลงมาอย่างร้ายกาจ เชลยในอ้อมกอดไม่อาจขัดขืนเขาได้แม้แต่น้อย หญิงสาวรู้ตัวดีว่า จุมพิตนี้หาใช่เกิดจากความรัก หากเขาต้องการแค่เพียงลงทัณฑ์เธอ... “คุณ... ไม่นะ พราวไม่อยากท้อง!” หญิงสาวบ่ายหน้าหนีจนหลุดพ้นพันธนาการจุมพิตร้าย ก่อนวอนขอ... “ไม่ทันแล้วครับ คุณต้องท้องและรับรู้ความเจ็บปวดว่าการถูกพรากลูกมันเป็นยังไง” “คนเลว... ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” “ถ้าปล่อย... ก็ยังไม่หายแค้นน่ะสิครับ” ถ้อยคำนั้นแสนธรรมดา หากเจือแววเยือกเย็นพร่าผลาญใจ ส่งให้เชลยสาวในอ้อมกอดรู้สึกหนาวยะเยือกกับสิ่งที่ต้องเจอนับจากนี้....
ดูเหมือนโชคชะตาของ ‘รินรุ้ง’ จะไม่มีวันหนีพ้นจากความวุ่นวายได้ ตอนที่ยังเป็นพนักงานขาย ของรีสอร์ตที่ไทย ก็ต้องคอยรองรับอารมณ์ของลูกค้า พอหนีมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่สเปน ก็ยังไม่วายต้องสู้รบตบมือกับเด็กหญิงจอมแก่แดด ผู้หวงบิดายิ่งกว่าจงอางหวงไข่ และพร้อมจะใช้ความแสบป่วนหัวผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้ แต่นั่นก็ยังไม่ใช่จุดพีก เพราะลูกสาวที่ว่าร้าย ยังร้อนแรงไม่ถึงครึ่งของตัวพ่อ งานนี้หญิงสาวคงต้องลงทุนลงแรงอย่างหนัก เพื่อหาทางกำราบสองพ่อลูกให้ได้ ก่อนที่ชีวิตของเธอจะกลายเป็นการตกนรกทั้งเป็น ‘เซคิโอ ด็อพบาร์ กอนซาเลซ’ นักธุรกิจหนุ่มมหาเศรษฐีชาวสเปน ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงลึกลับที่เขาขโมยจูบเธอในเรือนร้างกลางสายฝน จะกลายเป็นคนเดียวกันกับพี่เลี้ยงคนใหม่ของลูกสาว ที่สำคัญ เขาเคยคิดว่าการขย้ำ ‘ลูกแกะน้อย’ ที่หลงเข้ามาใน ‘รังหมาป่า’ คงเป็นเรื่องง่าย หากตัวอุปสรรคสำคัญที่ชายหนุ่มต้องจัดการเป็นอันดับแรก ถ้าคิดจะเคลมรินรุ้ง ก็ไม่ใช่อื่นไกล แต่เป็น ‘ลูกหมาป่าตัวน้อย’ ของเขานั่นเอง “เจ็บ” พูดเสียงเครือ “ไหนดูซิ” เซคิโอพุ่งพรวดเข้าไปหา ก่อนจะคุกเข่าลง มองเลือดที่ไหลซึมออกจากเท้าเธอ “กลับห้องก่อน อยากเลือดทะลักหมดตัวหรือไง” เขารีบอุ้มเธอขึ้น น้ำเสียงลนลานเป็นห่วงเจือบงการ “เรื่องของฉัน เลือดนี่มันก็เลือดฉันนะ!” เธอเถียง ที่เจ็บอยู่แบบนี้ เพราะเขาไม่ใช่หรือไง “อย่าดื้อสิ... แต่ถ้าเธออยากเลือดออกจริงๆ ล่ะก็ ฉันมีวิธีที่เจ็บน้อยกว่านี้นะ จะเอาไหม” ++++++++++++++++++++++++++++ เพราะถูกปลดกลางอากาศ ทั้งที่ไม่มีความผิดใดๆ รินรุ้ง หงสกรพงษา จึงตัดสินใจรับข้อเสนอไปทำงานสบายๆ ที่สเปน ตามบัญชาของแม่เลี้ยง หากเธอไม่เคยรู้เลยว่า นั่นจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิต! . โฉมหน้าสุภาพบุรุษมหาเศรษฐีทายาทสายการบินที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก เจ้าของตำแหน่งสุดยอดหนุ่มในฝันหลายปีซ้อนที่สาวน้อย สาวใหญ่ต่างคลั่งไคล้มาตลอด แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า ภายใต้ฉากหน้าราวเทพบุตรนั้น เซคิโอ เดอ ด็อพบาร์ กอนซาเลซ ได้ซ่อนคราบซาตานร้ายเอาไว้อย่างมิดชิด หัวใจเขาปิดตายนานกว่าแปดปีหลังสูญเสียคู่หมั้นสาวที่เขารัก มันถูกเปลี่ยนเป็นความแค้นรอวันสะสาง และเมื่อ... ‘ลูกแกะตัวน้อย’ ติดกับดักมาให้เขาแก้แค้น . . กลับกลายเป็นว่า เจ้าหล่อนคือหญิงสาวคนเดียวกันที่ขโมย ‘หัวใจ’ ที่เคยเหี่ยวเฉาของเขาไป เพียงเพราะจุมพิตดื่มด่ำไร้เดียงสา ในค่ำคืนแห่งโชคชะตา ที่เขายากจะลืม!
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
เพิ่งหย่ากับอดีตสามีไปไม่นานแต่ปรากฏว่าตัวเองท้อง จะทำอย่างไรดี? หรือจะให้อดีตสามีรับผิดชอบ แต่ก็ไม่คิดว่าอดีตสามีมีคนรักใหม่ไปแล้ว ชีวิตของถังชีชีนั้นช่างสับสน ช่างน่าวิตกกังวลและไม่รู้จะอธิบายยังไงดี เธอต้องคอยระวังไม่ให้คุณเฟิงรู้เรื่องการตั้งครรภ์จนกระทั่งคลอดลูกออกมาอย่างปลอดภัย แต่ไม่คิดว่าจะถูกเขาบังคับถึงเพียงนี้ "เราหย่ากันแค่สี่เดือน แต่เธอกลับตั้งครรภ์ได้เจ็ดเดือนแล้ว บอกมาดี ๆ ว่า ลูกเป็นของใคร!"
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
เซิ่งหนานหยินเกิดใหม่แล้ว ชาติที่แล้ว เธอถูกชายชั่วหักหลัง ถูกชายเสแสร้งใส่ร้าย โดนครอบครัวสามีเล่นงาน จนทำให้เธอล้มละลายและเป็นบ้าไป ในท้ายที่สุด เธอเสียชีวิตอย่างน่าสลดใจด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อเธอตั้งครรภ์ได้ 9 เดือน แต่คนร้ายกลับทำเงินได้มากมาย และใช้ชีวิตทั้งครอบครัวอย่างมีความสุข เกิดใหม่ครั้งนี้ เซิ่งหนานหยินคิดตกอล้ว อะไรที่ว่าพระคุณช่วยชีวิต คนรักในใจอะไรกัน ล้วนไม่ต้องไปสน เธอจะจัดการชายชั่วหญิงร้าย สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลเก่าของตนเองขึ้นมาใหม่อีกครั้งและนำตระกูลเซิ่งไปสู่จุดสูงสุดของชีวิต สิ่งที่แตกต่างออกไปก็คือ คนที่หยิ่งมาตลอดในชาติที่แล้ว กลับเป็นฝ่ายริเริ่มมาหาเธอ "เซิ่งหนานหยิน การแต่งงานครั้งแรกผมไม่ทัน การแต่งงานครั้งที่สองก็ต้องถึงคิวผมแล้วสินะ"