“นะ.. นายเก่งอยู่แล้ว ทำไมต้องจ้างติวด้วยเหรอ?” “ผมก็... แค่อยากจะทำตามคำสั่งพ่อแค่นั้นล่ะ” เขาเอ่ยเสียงพร่า เป่ารดลมหายใจหอมบนใบหน้าสวย มันใกล้กันจนจะจูบกันอยู่แล้ว “แต่ว่า... พ่อนายคงไม่สั่งให้ติวแบบนี้หรอก” ติวเตอร์สาววางปลายนิ้วเรียวบนอกแกร่งของเขา ที่สวมเสื้อเชิ้ตปลดกระดุมสองเม็ดเผยให้เห็นอกแกร่งและดูเร้าใจ เธอค่อยๆ ลูบเบาๆ เขามองตามปลายนิ้วเรียวสวยด้วยดวงตาเปล่งประกาย สองคนสบตากัน ไม่นานเธอก็ถอดเสื้อของเขาออก ขณะที่นักเรียนหนุ่มล้วงมือใต้ชายเสื้อทีเชิ้ตตัวโคล่งที่เธอสวมมันเอาไว้โดยปราศจากบราเซีย “อื้อ...” เขาบีบนวดหน้าอกสวยอย่างเบาๆ สะกิดนิ้วโป้งบนยอดทรวงเบาๆ ก่อนถลกเสื้อขึ้นเหนือศีรษะ ถอดออกจนเธออยู่ในสภาพโป๊ “หิวนมจังครับ... ขอดูดนมพี่หน่อยจะได้ไหม” คำเตือน นิยายเรื่องนี้สร้างขึ้นเพื่อความบันเทิงเท่านั้น เนื้อหาเหมาะสำหรับผู้มีอายุ 18 ปีขึ้นไป โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน เนื้อหาบรรยายถึงการแสดงออกของความรักรุนแรง การร่วมรักชัดเจนโชกโชน บางส่วนตัวละครมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ไม่น่าเอาเยี่ยงย่างหรือเลียนแบบ
สวัสดีค่ะ พบกับ Chineserose กับนิยายรักโรมานซ์ร้อนแรงแห่ง(ต้น)ปี (ฮ่าๆ) เรื่องนี้เป็นนิยายขนาดสั้นนะคะ แต่ความฟินและร้อนแรงขอบอกว่าไม่แผ่วเลย
‘ยั่วรักติวเตอร์สาว’ ไรต์เขียนขึ้นมาคั่นอารมณ์ระหว่างเขียนนิยายเรื่องยาวเรื่องหลักค่ะ บางทีเขียนๆ เรื่องยาวอยู่แล้วมันคันมืออยากหาอะไรเขียนเพื่อระบายอารมณ์ ฮ่าๆๆ และเรื่องนี้เป็นแนวอีโรติก แซ่บซี้ด เรื่องราวดำเนินด้วยบทรัก ไม่มีพล็อตและปมอะไรเลยค่ะ เน้นความฟินตามแนวสุขนิยมล้วนๆ เรื่องนี้นางเอกกินเด็กนะคะ รุกหน่อยๆ ด้วย ใจอยากจะเขียนให้ดูหักมุมในช่วงท้ายแต่จะหักมุมยังไงรีบไปอ่านกันนะคะ อยากให้ติดตามความสนุกในเล่มค่ะ
ท้ายนี้ ไรต์ขอขอบพระคุณนักอ่านที่รักทุกคนเลยนะคะที่สนับสนุนผลงานด้วยดีเสมอมา ความรักที่นักอ่านมีให้ไรต์สัมผัสได้และเป็นสิ่งหล่อเลี้ยงชีวิตและจิตวิญญาณ(โฮ้!) ทำให้มีพลังในการเขียนนิยายอย่างไม่รู้เหนื่อย ไม่มีตันค่ะไรต์คนนี้! แล้วความรักที่ไรต์จะสามารถตอบแทนได้ก็คือตั้งใจทำงาน และเขียนนิยายสนุกๆ มาให้คุณอ่าน เพื่อผ่อนคลายและมีความสุขไปกับเรื่องราวและตัวละครในนิยายของไรต์นะ
ขอให้มีความสุขกับนิยายนะคะ แล้วรอติดตามผลงานลำดับต่อไปด้วยน้าาา
ด้วยรักและขอบคุณจากหัวใจ
Chineserose.
เพื่อปกป้องชีวิต... คุณทวดของบุหงาจึงเขียนยันต์วิเศษไว้คุ้มครองหลานสาวผู้ที่จะสืบทอดวิชาเขียนยันต์ แต่ด้วยความซุ่มซ่าม เจ้าหล่อนจึงย้อนอดีตไปสมัยทวารวดี เพื่อหนีการตามล่า บุหงาจึงต้องสวมรอยเป็น ‘แม่นาย’ ทำให้ทุกคนในเรือนรัก เพื่อความอยู่รอด กลับไปยุคเดิมที่จากมาอย่างปลอดภัย นั่นก็คือ... ยุครัตนโกสินทร์ตอนปลาย เพื่อทำหน้าที่สืบทอดวิชาเขียนยันต์เก่าแก่โบราณของต้นตระกูล
คริญาไม่ประหลาดใจแม้แต่น้อยในท่าทีหวงก้างของพศุตม์ เธอรู้ว่า... ในสถานการณ์ที่เธออยู่ในสระว่ายน้ำเย็นฉ่ำในเวลานี้ ผู้ปกครองหนุ่มจะต้องโจนจ้วงตามลงมา ดวงใจสาววัยแรกแย้มเต้นตูม ด้วยความรู้สึกหวั่นไหว แม้รู้ดีแก่ใจว่า ชายหนุ่มคือของต้องห้ามและจะแสลงใจจนเจ็บปวดในวันหนึ่ง เพราะพศุตม์เคยยื่นคำขาดว่า... เขาไม่ชอบเด็กน้อยกะโปโลอย่างเธอ และถ้าเกิดอะไรขึ้นเพราะเธอกล้าเล่นกับไฟยั่วยวนเขา เขาจะไม่มีวันรับผิดชอบ! . ‘คำสั่ง’ จากปากเขามันคือคำเตือนจากผู้ชายอันตราย . เขารวบตัวเด็กในปกครองเข้ามาสวมกอดแน่นราวจะสูญเสีย ความร้อนซ่านกำซาบไปทั้งเรือนกายสาว ส่วนเปลือยสวยสัมผัส แนบชิดแทบทุกส่วนสัดของกายแกร่ง แม้ร่างทั้งสองที่โอบล้อมไปด้วยความเย็นเยียบของสายน้ำ แต่การขยับเขยื้อนเคลื่อนไหวพริ้วพรายตามกระแสน้ำก็ก่อให้เกิดไอความรุ่มร้อนระบายอยู่ในน้ำและพยุงสองร่างให้รู้สึกวาบหวิวแผ่ซ่านถึงกัน... เด็กสาวแรกรุ่นหัวใจเต้นโครมคราม วาบหวิวเมื่อผู้ปกครองหนุ่มประกบริมฝีปากร้อนแรงลงมา ดูดดื่มริมฝีปากสวยอิ่มตึง คริญาตอบสนองจูบเร่าร้อน สอดลิ้นยั่วเย้าให้เขากระดกลิ้นร้อนฉ่าตามมาพัวพัน ร่างเล็กบดเบียดส่วนอิ่มเต็มตึงที่สวยสล้างยั่วยวนสายตาเข้าใกล้แผงอกแกร่งกำยำที่ระบายไปด้วยปอยขนนุ่มกลางอกแกร่งของเขา สร้างความเซ็กซี่ชวนสะท้านยามจ้องมอง เขาบดจูบหนักหน่วงร้อนแรงจนคริญาคราง ไอร้อนสวาทกำลังก่อตัวใต้สายน้ำเย็นฉ่ำ “...” “ฉันต้องได้เธอ... คริญา”
"ชลิดา" เป็นเด็กสาวที่โชคร้าย ครอบครัวทิ้งเธอไปไม่ลา เหลือเอาไว้แต่เธอคนเดียว กับชีวิตที่โดดเดี่ยวอ้างว้างท่ามกลางอันตรายที่มองไม่เห็น ทิ้งไว้กับปริศนาว่าเธอและครอบครัวผิดอะไร ในวันที่เหมือนชีวิตเจอฝันร้าย คนเพียงคนเดียวที่ยื่นมือเข้ามาช่วย กลับเป็น 'เขา' ที่ตลอดเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยมีครั้งไหนที่ศิวะจะพูดดีกับเธอ ฉากหน้า เย็นชา ปากร้าย เจ้าอารมณ์และแสดงท่าทีรังเกียจเธอ "ศิวะ" แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเกลียดชลิดา เพียงเพราะหล่อนเป็นคนรักของพี่ชายเขา ที่รอวันตกกระป๋อง เขาอยากให้เธอเลิกรากับพี่ชาย เลิกยุ่งกับคนมีเจ้าของ มันไม่ใช่เพราะศิวะเกลียดชลิดาหรอก แต่เพราะเขารักหล่อนเสียเอง แต่กลับแสดงออกตรงข้ามกับความรู้สึกที่แท้จริงในใจ คนสองคน ที่ฉากหน้าเกลียดชังกัน แต่ต้องนอนเตียงเดียวกันทุกคน บทสรุปจะเป็นอย่างไร ติดตามได้ใน... มหาศาลการรัก
...เหตุเพราะน้องชายตัวดี ไปมีความสัมพันธ์ต้องห้าม กับศัตรู หัวเด็ดตีนขาด “เธอ” ก็ไม่มีวันยอมให้น้องชายลงเอยกับลูกสาวของตระกูลที่เคยดูถูกเธออย่างไม่มีดี . ดูเหมือนทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนที่เธอวางไว้ หากไม่เพราะ “เขา” ทายาทหนุ่มเสเพลของบ้านนั้น ที่ซ้อนแผนเอาคืนเธอ ทำเอางานนี้ เจ้าหล่อนจะต้องเลือกว่าจะยอมให้น้องชายได้ลงเอยในเรื่องความสัมพันธ์ หรือจะจนมุมไปกับจอมวางแผนที่ตนก็เพิ่งรู้ว่าแท้จริงแล้ว.... เขาช่างเจ้าคิดเจ้าแค้น และต้องการเอาชนะเธอมาตั้งแต่ต้น โดยมี “เรือนร่าง” เธอเป็นเดิมพัน +++++++++++++++++++++++++++++++ “ปล่อยฉันไปนะ นี่คุณเล่นบ้าอะไร?” “เล่นบ้าอะไรงั้นเหรอ... ก็เล่นผัวเมียกันยังไงล่ะ” “คนบ้า! มันใช่เวลามาล้อเล่นแบบนี้มั้ย ปล่อยฉันไปนะ!” “เล่นผัวเมียกันจริงๆ มีลูกด้วยกันจริงๆ สักคนสองคน” “คนบ้า เล่นไปคนเดียวเถอะ” “มีลูกกับผม คุณจะได้รู้... ความรู้สึกที่โดนพรากลูกพรากแม่มันเป็นยังไง” “เลว! นรกขุมไหนส่งคุณมาเกิดกัน คนบ้า!” สิ้นเสียงเล็ก จูบร้อนแรงถูกบดขยี้ลงมาอย่างร้ายกาจ เชลยในอ้อมกอดไม่อาจขัดขืนเขาได้แม้แต่น้อย หญิงสาวรู้ตัวดีว่า จุมพิตนี้หาใช่เกิดจากความรัก หากเขาต้องการแค่เพียงลงทัณฑ์เธอ... “คุณ... ไม่นะ พราวไม่อยากท้อง!” หญิงสาวบ่ายหน้าหนีจนหลุดพ้นพันธนาการจุมพิตร้าย ก่อนวอนขอ... “ไม่ทันแล้วครับ คุณต้องท้องและรับรู้ความเจ็บปวดว่าการถูกพรากลูกมันเป็นยังไง” “คนเลว... ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ!” “ถ้าปล่อย... ก็ยังไม่หายแค้นน่ะสิครับ” ถ้อยคำนั้นแสนธรรมดา หากเจือแววเยือกเย็นพร่าผลาญใจ ส่งให้เชลยสาวในอ้อมกอดรู้สึกหนาวยะเยือกกับสิ่งที่ต้องเจอนับจากนี้....
ดูเหมือนโชคชะตาของ ‘รินรุ้ง’ จะไม่มีวันหนีพ้นจากความวุ่นวายได้ ตอนที่ยังเป็นพนักงานขาย ของรีสอร์ตที่ไทย ก็ต้องคอยรองรับอารมณ์ของลูกค้า พอหนีมาเป็นพี่เลี้ยงเด็กที่สเปน ก็ยังไม่วายต้องสู้รบตบมือกับเด็กหญิงจอมแก่แดด ผู้หวงบิดายิ่งกว่าจงอางหวงไข่ และพร้อมจะใช้ความแสบป่วนหัวผู้หญิงทุกคนที่เข้าใกล้ แต่นั่นก็ยังไม่ใช่จุดพีก เพราะลูกสาวที่ว่าร้าย ยังร้อนแรงไม่ถึงครึ่งของตัวพ่อ งานนี้หญิงสาวคงต้องลงทุนลงแรงอย่างหนัก เพื่อหาทางกำราบสองพ่อลูกให้ได้ ก่อนที่ชีวิตของเธอจะกลายเป็นการตกนรกทั้งเป็น ‘เซคิโอ ด็อพบาร์ กอนซาเลซ’ นักธุรกิจหนุ่มมหาเศรษฐีชาวสเปน ไม่คิดเลยว่าผู้หญิงลึกลับที่เขาขโมยจูบเธอในเรือนร้างกลางสายฝน จะกลายเป็นคนเดียวกันกับพี่เลี้ยงคนใหม่ของลูกสาว ที่สำคัญ เขาเคยคิดว่าการขย้ำ ‘ลูกแกะน้อย’ ที่หลงเข้ามาใน ‘รังหมาป่า’ คงเป็นเรื่องง่าย หากตัวอุปสรรคสำคัญที่ชายหนุ่มต้องจัดการเป็นอันดับแรก ถ้าคิดจะเคลมรินรุ้ง ก็ไม่ใช่อื่นไกล แต่เป็น ‘ลูกหมาป่าตัวน้อย’ ของเขานั่นเอง “เจ็บ” พูดเสียงเครือ “ไหนดูซิ” เซคิโอพุ่งพรวดเข้าไปหา ก่อนจะคุกเข่าลง มองเลือดที่ไหลซึมออกจากเท้าเธอ “กลับห้องก่อน อยากเลือดทะลักหมดตัวหรือไง” เขารีบอุ้มเธอขึ้น น้ำเสียงลนลานเป็นห่วงเจือบงการ “เรื่องของฉัน เลือดนี่มันก็เลือดฉันนะ!” เธอเถียง ที่เจ็บอยู่แบบนี้ เพราะเขาไม่ใช่หรือไง “อย่าดื้อสิ... แต่ถ้าเธออยากเลือดออกจริงๆ ล่ะก็ ฉันมีวิธีที่เจ็บน้อยกว่านี้นะ จะเอาไหม” ++++++++++++++++++++++++++++ เพราะถูกปลดกลางอากาศ ทั้งที่ไม่มีความผิดใดๆ รินรุ้ง หงสกรพงษา จึงตัดสินใจรับข้อเสนอไปทำงานสบายๆ ที่สเปน ตามบัญชาของแม่เลี้ยง หากเธอไม่เคยรู้เลยว่า นั่นจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญในชีวิต! . โฉมหน้าสุภาพบุรุษมหาเศรษฐีทายาทสายการบินที่ยิ่งใหญ่ระดับโลก เจ้าของตำแหน่งสุดยอดหนุ่มในฝันหลายปีซ้อนที่สาวน้อย สาวใหญ่ต่างคลั่งไคล้มาตลอด แต่ไม่มีใครรู้เลยว่า ภายใต้ฉากหน้าราวเทพบุตรนั้น เซคิโอ เดอ ด็อพบาร์ กอนซาเลซ ได้ซ่อนคราบซาตานร้ายเอาไว้อย่างมิดชิด หัวใจเขาปิดตายนานกว่าแปดปีหลังสูญเสียคู่หมั้นสาวที่เขารัก มันถูกเปลี่ยนเป็นความแค้นรอวันสะสาง และเมื่อ... ‘ลูกแกะตัวน้อย’ ติดกับดักมาให้เขาแก้แค้น . . กลับกลายเป็นว่า เจ้าหล่อนคือหญิงสาวคนเดียวกันที่ขโมย ‘หัวใจ’ ที่เคยเหี่ยวเฉาของเขาไป เพียงเพราะจุมพิตดื่มด่ำไร้เดียงสา ในค่ำคืนแห่งโชคชะตา ที่เขายากจะลืม!
อัลโตนิโอ มาโอริโอ มาเฟียหนุ่มที่โลกของเขาไม่มีพื้นที่ไว้สำหรับ “ความรัก” หากเพียงนาทีแรกที่เขาสบประสานดวงตากลมโตน่าค้นหาคู่นั้น มาเฟียหนุ่มจึงได้รู้ว่าอาการ “ตกหลุมรัก” ที่ทาบทอลงบนหัวใจกร้าวแกร่ง เย็นชา นั้นเป็นเช่นไร... ทุกอย่างดูเหมือนจะไร้คำว่า “อุปสรรค” หากไม่ติดตรงที่ ‘เธอ’ เป็นลูกสาววัยใสที่เข้ามาในชีวิตเขาแบบไม่ตั้งใจ ...บทพิสูจน์รักของมาเฟียหนุ่ม จึงไม่ใช่เส้นทางอันราบเรียบนัก หากเขายินดีฝ่าฟัน ไม่ว่าปราการนั้นจะเป็นหัวใจของหญิงสาวหรือแม้แต่ศัตรูหัวใจอย่างสายลับหนุ่มเจ้าเสน่ห์น่าขัดใจ เพื่อดื่มด่ำความหอมหวาน เร้าใจและร้อนแรงแห่งรักแท้... เพราะเธอคือผู้หญิงของเขา ‘ผู้หญิงของมาเฟีย’
นาธัชชาถูกทำร้ายร่างกายและจิตใจจากผู้เป็นพ่อ เพียงเพราะเธอมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ใครจะคิดว่าชีวิตเด็กเจ็ดขวบ จะถูกโชคชะตาเล่นตลกครั้งแล้วครั้งเล่า และพลิกผันจนกลายเป็น 18 มงกุฏ เพื่อความอยู่รอดของชีวิต ฟาเบียน (อายุ 35 ปี) ชายหนุ่มรูปหล่อทายาทคนโตแห่งมาร์ตินกรุ๊ป เจ้าของธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่มีธุรกิจโรงแรมทั้งที่ไทยและฝรั่งเศส ชีวิตของเขามีพร้อมทุกอย่างแต่กลับไร้เงาของสาวข้างกาย ใครๆ ก็พูดว่าเขาตั้งมาตรฐานผู้หญิงที่จะมาเป็นคู่ชีวิตไว้สูง บางคนบอกว่าระดับเขาต้องได้ผู้หญิงระดับนางงามที่มีมงกุฏการันตีความสวย ซึ่งมันก็คงจะจริง เพราะสาวที่เข้ามาพัวพันเป็นสาวสวยที่มีมุงกุฏการันตี และไม่ได้มีแค่มงกุฏเดียว เพราะเธอเป็น 18 มงกุฏ นาธัชชา (อายุ 20 ปี) นาธัชชาหรือหนูนา เด็กหญิงผู้เผชิญกับชีวิตที่แสนรันทดตั้งแต่อายุแค่เจ็ดขวบ เธอถูกพ่อแท้ๆ ยัดเยียดให้เป็นตัวซวย เพียงเพราะมีส่วนทำให้แม่ต้องตาย ชีวิตของเธอต้องพลิกผันซ้ำแล้วซ้ำเล่า เป็นกราฟชีวิตที่มีแต่จะตกต่ำ จนถึงขั้นต้องเป็น 18 มงกุฏ เพียงเพราะความอยู่รอดของชีวิต ความแตกต่างและความห่างชั้นทางสังคม จะชักนำให้เขาและเธอมาเจอกันได้อย่างไร เรามาติดตามไปพร้อมๆ กันค่ะ - ฟาเบียน ลูกชายคนโตของ เซดริก และมาลารินทร์ จากเรื่อง Malalin of love ร้อยรักมาลารินทร์ - นาธัชชา หรือหนูนา ตัวละครใหม่ คำเตือน -นิยายเรื่องนี้แต่งขึ้นมาเพื่อความบันเทิงเท่านั้น มิได้มีเจตนาชี้นำหรือเป็นตัวอย่างให้นำไปใช้ในชีวิตจริง -นิยายอาจมีเนื้อหาบางช่วงบางตอนที่ไม่เหมาะสม ทั้งเรื่องเพศ และมีคำหยาบคาย โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน - นิยายเรื่องนี้เหมาะสมกับผู้อ่านที่มีอายุ 20 ปีขึ้นไป
“ท่านผู้อำนวยการคะ ทางทีมสำรวจแจ้งว่าคนไม่เพียงพอที่จะเข้าไปเก็บตัวอย่างพันธุ์พืชในป่าเมืองเหอหนานค่ะ” ซูเจิน ที่ได้ยินก็หูผึ่งทันที เธอนั่งทำการอยู่ในห้องวิจัยตั้งแต่เรียนจบ ถึงตอนนี้ก็สี่ปีได้แล้ว ผู้อำนวยที่เข้ามาตรวจงานวิจัยล่าสุด ก็มองไปรอบห้อง เพื่อดูว่ามีใครต้องการเสนอตัวไปทำงานในครั้งนี้หรือไม่ แต่หลายคนที่เขามองไป ต่างหลบสายตาของเขา จะมีใครอยากออกไปเสี่ยงอันตราย เดินป่าขึ้นเขาให้เหนื่อยสู้นั่งทำงานในห้องปรับอากาศเย็นๆ ดีกว่า เมื่อไม่มีใครคิดจะเสนอตัว เขาจึงได้สอบถามหาผู้ที่สมัครใจทันที “มีใครอยากจะอาสาไปไหม” ไว้กว่าความคิด ซูเจินยกมือขึ้น “ฉันค่ะ” เพื่อนสนิทรีบดึงเสื้อของเธอเพื่อจะห้ามปราม “จะบ้าหรอ เธอไม่เคยไปสักครั้ง ไม่รู้หรือว่างานนี้เสี่ยงแค่ไหน” เสียงกระซิบของเสี่ยวชิง เอ่ยลอดไรฟันออกมา เมื่อปีที่แล้ว ที่ทีมสำรวจเดินทางเข้าไปที่ป่าเหอหนาน พื้นป่าที่ไม่อาจสำรวจได้อย่างทั่วถึง สร้างความท้าทายให้เหล่านักพฤกษศาสตร์จากทุกองค์กร แต่ไม่ว่าจะส่งเข้าไปกี่ครั้งก็ไปไม่ถึงป่าชั้นกลางเสียที แม้จะใช้เทคโนโลยีที่ล้ำหน้าเข้าช่วยเพียงได้ ก็สำรวจได้เพียงป่าชั้นนอก แถมยังพาชีวิตคนไปทิ้งอีกนับไม่ถ้วน ปีนี้ทางองค์กรของซูเจิน หยิบโครงการสำรวจป่าเหอหนานขึ้นมาใหม่ แต่กว่าจะหาทีมสำรวจได้ครบคนก็กินเวลาไปหลายเดือน ถึงตอนนี้คนก็ยังไม่พอจนต้องมาถามหาจากทีมวิจัยให้ช่วยเหลือ “คุณอยากไปจริงหรือ” เขาเอ่ยถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง “ค่ะ ฉันอยากลองทำงานนี้” ซูเจินยิ้มออกมา “ได้ อีกสองวัน คุณก็เตรียมตัวให้พร้อม” เมื่อมีคนเสนอตัวแล้ว ผู้อำนวยการก็ออกไปพบทีมสำรวจ เพื่อวางแผนการทำงาน ทั้งยังให้ซูเจินตามเขาไปเข้ารวมการประชุมในครั้งนี้ด้วย “เธอมันบ้าไปแล้ว” เพื่อร่วมงานต่างเดินเข้ามาหาซูเจิน แล้วตำหนิเธอที่กล้ายกมือเสนอตัว “เอาน่า ไว้กลับมาฉันจะเอาเรื่องสนุกมาเล่าให้พวกเธอฟัง” ซูเจินยิ้มหวานออกมา ก่อนที่จะเก็บของแล้วไปเข้าร่วมประชุมกับทีมสำรวจ สองวันต่อมาซูเจินก็แบกกระเป๋าเดินทางมาที่จุดนัดพบ เธอออกเดินทางด้วยรถตู้ขององค์กร พร้อมทีมสำรวจอีกเกือบยี่สิบชีวิต ยังดีที่เธอได้แบกกระเป๋าเพียงใบเดียว หากต้องแบกเต็นท์นอน อาหารด้วย คงได้เป็นภาระของคนอื่นอย่างแน่นอน ภายในป่าเหอหนาน น่ากลัวว่าที่ซูเจินคิดไว้เยอะ พอตะวันตกดิน หากไม่มีแสงไฟที่ทีมสำรวจนำมาด้วยคงจะมืดจนมองไม่เห็นอะไร เสียงแมลงทั้งสัตว์ป่าร้องตลอดทั้งคืน สร้างความหวาดกลัวให้กับคนที่ไม่เคยเข้าป่าสักครั้งอย่างเธอได้อย่างดี ยังดีที่เจ้าหน้าที่ผู้นำทางติดตามมาด้วยอีกหลายคน พวกเขาจึงได้อยู่ผลัดเปลี่ยนเวรยาม เพื่อป้องกันไม่ให้สัตว์ป่าเข้ามาถึงตัวพวกเขา หลายวันที่อยู่ในป่า ซูเจินเก็บตัวอย่างพันธุ์ได้หลายชนิด แต่ทั้งทีม ยังเดินไม่หลุดป่าชั้นนอกเลย ยังดีที่อาหารที่เตรียมมาเพียงพอให้พวกเขาอยู่ไปได้อีกหลายวัน “เอ๊ะ” เข้าวันที่เจ็ดของการสำรวจป่า ซูเจิน เห็นดอกไม้แปลกตา ที่ขึ้นอยู่ท่ามกลางพงหญ้ารก เธอจึงเดินห่างจากกลุ่มทีมสำรวจเข้าไปดูทันที เพราะไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องอะไรได้ ระยะห่างที่อยู่ไกลจากพวกเขา หากร้องเรียกก็ยังได้ยินอยู่ เธอหยิบกล้องถ่ายรูปขึ้นมา พร้อมทั้งจดรายละเอียดก่อนที่จะดึงต้นไม้เก็บเข้าถุงเก็บตัวอย่างที่เตรียมมา แต่เมื่อมือของซูเจินสัมผัสไปที่ดอกไม้ เธอก็ต้องตกตะลึง เหมือนมีกระแสไฟวิ่งผ่านปลายนิ้วไปจนทั่วทั้งตัว “โอ๊ยย” เสียงร้องอย่างเจ็บปวดของซูเจิน เรียกความสนใจให้คนทั้งหมดรีบวิ่งมาทางที่เธออยู่ ซูเจินเห็นเพียงแสงสีขาวที่สว่างวาบไปทั่ว แล้วภาพตรงหน้าของเธอก็ดำมืดลง
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
เดิมทีฟางจินซิ่วมีอวกาศติดตัวได้เปิดคลินิกการแพทย์แผนจีนในยุคปัจจุบันและเจริญรุ่งเรือง ไม่มีการแข่งขันหนัก และทำงานมีวันหยุด เธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย แต่แล้วมีวันหนึ่งที่เธอตื่นขึ้นมากลับข้ามมิติกลายเป็นชาวนาที่ฟมู่บ้านยากจน อีกทั้งได้เจอภัยแล้ง จากนั้นก็โดนขาย โชคดีที่ครอบครัวที่ซื้อเธอแตกต่างจากที่เธอจินตนาการไว้ เธอไม่ได้ถูกทารุณกรรม แต่ได้รับการดูแลอย่างดี ในยุคแห่งความขาดแคลนอาหาร และมีภัยแล้ง ฟางจินซิ่วตัดสินใจตอบแทนความเมตตาของครอบครัวนี้ แม่สามีป่วยหนัก? สำหรับปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอเก็บสมุนไพรและแช่ในสระศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งรักษาเธอให้หายดีภายในไม่กี่นาที ที่บ้านไม่มีอาหาร? ปัญหาเล็กๆ น้อยๆ เธอไปล่าสัตว์กับครอบครัวและโชคก็เข้าข้างเธอ ไม่ว่าเธอจะไปที่ไหน เหยื่อก็จะตกหลุมพรางเสมอ กินแต่เนื้อสัตว์โดยไม่มีผักหรือ? มันเป็นปัญหาเล็กๆ เทน้ำในสระศักดิ์สิทธิ์เพียงหยดเดียว ก็สามารถปลูกพืชได้ทุกชนิดและกินผักและผลไม้อะไรก็ได้ที่พวกเธอต้องการ ญาติที่อิจฉากำลังมาก่อเรื่องเมื่อเห็นว่าพวกเธอใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย สำหรับปัญหาเล็กน้อยนี้ เธอเรียกผู้ชายที่มีความแข็งแกร่งของเธอมาจัดการพวกเขา อะไร คุณถามว่าสามีของฉันทำไมเชื่อฟังได้ขนาดนี้? จงหวี่เดินเข้ามาด้วยสายตาเร่าร้อน "คุณภรรยา ตราบใดเจ้ายอมอยู่เคียงข้างข้าตลอดชีวิต ถึงเอาชีวิตข้าไปข้าก็ยอม"
วิญญาณแพทย์นิติเวชที่มีชื่อเสียงในศตวรรษที่ 21 ได้เข้ามาอยู่ในร่างคุณหนูของจวนเสนาบดีอย่างบังเอิญ ผู้คนกล่าวหาว่านางไม่เชี่ยวชาญด้านการแพทย์และทำให้บุตรชายของแม่ทัพตาย ด้วยเหตุนี้ฮ่องเต้ต้องการฆ่านางเพื่อให้คำอธิบายกับแม่ทัพ! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนหยิ่งยโสและเจ้ากี้เจ้าการ ทุกคนเกลียดนาง และครอบครัวของนางต้องการไล่นางออก! ผู้คนกล่าวหาว่านางเป็นคนเลวทรามและไร้ความปรานี วางยาน้องสาว และพ่อของนางต้องการโบยนางจนตาย! ในความเป็นจริงหากอยากจะกล่าวหาผู้ใดสักคน มันก็หาข้ออ้างได้ทั่ว แต่นางเป็นคนไม่ยอมใคร นางผอมบางนางหนึ่งปลุกปั่นโลกด้วยความสามารถอันทรงพลังตนเอง ท่านอ๋องกล่าวว่า หากได้เจ้ามาครอบครอง ข้ายอมทรยศทุกคนในโลก นางกล่าวว่า เพื่อท่าน ต่อให้ทุกคนในโลกเกลียดข้า ข้าก็ยอม
ในคืนวันเกิดอายุยี่สิบสองปี ลี่เฉี่ยนโลว่ถูกแฟนหนุ่มวางยา และไปมีอะไรกันกับซือจิ้นเหิง ผู้ชายลึกลับคนหนึ่งตลอดทั้งคืน วันรุ่งขึ้นเธอพบว่าครอบครัวเธอถูกทำลายจนไม่มีอะไรเหลือ เธอแต่งงานกับจิ้นเหิง ได้รับการคุ้มครองจากเขา และใช้เขาเพื่อแก้แค้น "ฉันเป็นภรรยาที่ถูกกฎหมายของเขา" แม้ว่าแม่สามีของเธอจะไม่ยอมรับ แม้ว่าแฟนสาวที่เป็นซุปเปอร์สตาร์ของเขาจะตามมาอยู่ด้วยกัน เธอก็ยังคงยืนยันอยู่อย่างนั้น เธอแท้งโดยบังเอิญ แต่เขากลับเข้าใจผิดว่าเธอไม่อยากมีลูกกับเขา และด้วยความเข้าใจผิดต่าง ๆ อีกหลายหย่าง เธอเลือกที่จะกระโดดลงทะเลเพื่อฆ่าตัวตาย หลายปีต่อมา เมื่อเธอกลับเข้ามาในชีวิตของเขาอีกครั้ง เขาถึงกับตกตะลึง ชายคนนี้ได้สิ่งที่ต้องการจากเธอแล้ว แต่เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเขาถึงยังรังควานและทรมานเธอต่อไป