“จำเอาไว้ ถ้าคุณมีลูกเมื่อไหร่ วันนั้นผมจะพรากลูกคุณไปให้ไกลแสนไกล คุณจะต้องเจ็บปวดทรมานเจียนตาย ให้สาสมกับที่เข้ามาหลอกลวงผม” เพราะคำประกาศิตนี้เธอถึงให้เขารู้เรื่องลูกไม่ได้ ชื่อตัวละคร ชื่อสถานที่ และเนื้อหาในนิยายล้วนเกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามการอัพเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว ตัวอย่างบางตอน เจ้าเอยเดินหน้าเศร้ามายืนอยู่ที่หน้าห้องทำงานของมานูแอล เธอยืนถอนหายใจครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูเรียบร้อยก็เปิดประตูเดินก้มหน้าก้มตาเข้าไปด้านใน “ไปไหนมา” เสียงแข็งที่เอ่ยทักทายทำเข้าเอยเริ่มกำมือกันแน่น ประหม่ากับเรื่องที่จะพูดกับมานูแอลพอสมควร “เอยขอยืมเงินคุณสักห้าหมื่นได้ไหมคะ แล้วเอยจะรีบหามาคืนค่ะ” เธอไม่อยากลงรายละเอียดว่าจะเอาเงินไปจ่ายค่ารักษาของพ่อ เดี๋ยวจะถูกมองสิ่งที่เธอต้องการจากเขาก็มีเพียงแค่เงินเท่านั้น “หึ่...” มานูแอลละสายตาจากการมองหน้าจอไปแพดในมือ เขาสบถในลำคอเสมือนกำลังเยาะเย้ยตัวเองและหญิงสาวไปพร้อมๆ กัน เขารู้ความจริงเรื่องที่เธอเข้ามาในชีวิตจเขาเพราะเงินไม่เท่าไหร่ วันนี้หญิงสาวก็แบกหน้ามาขอให้เขาช่วยเหลือเรื่องเงินอย่างหน้าไม่อาย “ผมไม่ให้ยืม แต่ผมจะให้เป็นค่าตัว แค่คุณนอนอ้าขาให้ผมระบายอารมณ์ ผมจะให้คุณครั้งละสองหมื่น” สิ้นเสียงของมานูแอเสมือนมีก้อนอะไรแข็งๆ ติดอยู่ที่คอของเจ้าเอย เธอกลืนน้ำลายไม่ลงคอ ทั้งยังต้องพยายามกลั้นน้ำตาเพราะรู้ตัวว่ากำลังถูกดูถูกค่าความเป็นคน แต่ยังไงเธอก็ต้องยอม “ครั้งนี้ผมจะให้ห้าหมื่นตามที่คุณขอก็แล้วกัน อีกสองชั่วโมงผมจะเข้าไปที่ห้องนอนคุณก็จัดการตัวเองให้เรียบร้อยก็แล้วกัน” เจ้าเอยพยักหน้าน้อยๆ รับคำของมานูแอล หลังจากนั้นจึงรีบหันหลังให้เขาและเดินออกไปจากห้องทำงานของชายหนุ่ม เพราะไม่อยากให้เขาได้เห็นน้ำตาจากความอ่อนแอของเธอ
“คุณแม่ขา เจ้าขาคิดถึงคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ” เด็กหญิงตัวอ้วนกลมผิวขาวอมชมพูถักเปียสองข้างในชุดนักเรียนวิ่งเข้ามาหาคนเป็นแม่ที่ยืนรออยู่หน้าโรงเรียน แทบทุกวันเห็นจะได้ที่เด็กหญิงลูกครึ่งหน้าตาน่ารักน่าชังวัยสามขวบจะต้องกระโจนเข้ากอดคนเป็นแม่ เมื่อเห็นว่าแม่มายืนรอที่หน้าประตูรั้วหลังเลิกเรียน เพราะต้องการจะอ้อนเอาอะไรบางอย่างที่อยู่ตรงข้ามกับหน้าโรงเรียน
“คิดถึงคุณแม่หรือคิดถึงไอศครีมลุงชัยกันน้า” เจ้าเอยเอ่ยหยอกเจ้าตัวกลมด้วยสีหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้ม
“วันนี้เจ้าขาอยากกินไอศครีมรสมะนาวค่ะ”
“โอเค งั้นไปกันค่ะ” เจ้าเอยรวบอุ้มเจ้าตัวกลมเดินข้ามถนนไปยังร้านไอศครีมฝั่งตรงข้ามของโรงเรียน เป็นประจำทุกวันที่หญิงสาวหน้าสวยร่างสูงเพรียวเดินอุ้มลูกไปที่ร้านไอศครีมของวิชัย เพราะเป็นสินบนที่ให้กับลูกว่าถ้าไม่งอแงเวลามาโรงเรียนตอนเลิกเรียนจะได้กินไอศครีมของโปรด
“วันนี้กินไอศครีมรสอะไรคะคนสวยของลุง” ชายหนุ่มร่างสูงใหญ่วัยสี่สิบกว่าที่รู้จักมักจี่กับเจ้าเอยและเด็กหญิงตัวกลมเป็นอย่างดี เมื่อเห็นสองแม่ลูกพากันเดินเข้ามาในร้านก็รีบเดินออกมาต้อนรับและยื่นมือรวบอุ้มเจ้าขาเอาไว้ในอ้อมอกเป็นแบบนี้ประจำทุกวัน
“วันนี้บอกว่าอยากกินรสมะนาวค่ะ” เป็นปกติไปแล้วที่เจ้าเอยจะต้องบอกรสชาติไอศครีมกับวิชัยทุกวัน เพราะแต่ละวันลูกของเธอไม่เคยกินรสชาติซ้ำกันสักวัน เพราะอะไรที่เย็นๆ หวานๆ ลูกเธอชอบทั้งหมด
“ไป ไป เดี๋ยวลุงพาไปกิน เอยเข้าไปหาพี่ณีสิ เห็นว่าจะเอาขนมตาลฝากเราไปให้แม่พี่ด้วย”
“ค่ะ” เจ้าเอยรีบเดินไปหลังร้านไอศครีมเพื่อเข้าไปหาปราณีภรรยาของวิชัย ที่เธอดูสนิทสนมกับทั้งสองก็เพราะสาลี่แม่ของวิชัยเคยเป็นแม่บ้านและเลี้ยงเธอมาเมื่อครั้งที่แม่ของเธอยังมีชีวิตอยู่
หลังจากที่แม่ของเธอเสียไปก็เรื่องราวมากมายเข้ามาในชีวิตของเธอจนสุดท้ายเธอก็ต้องระหกระเหินมาขออาศัยอยู่กับสาลี่ จนทุกวันนี้ก็มาอยู่เชียงใหม่กับสาลี่ได้สี่ปีแล้ว
“พี่เพิ่งเตรียมของเสร็จพอดี กล่องนี้ของแม่ แล้วนี่ก็ของเอยจะ” ปราณีเอากล่องขนมที่เพิ่งเตรียมเสร็จใส่ถุงแยกเอาไว้สองถุงก่อนจะส่งให้กับมือของเจ้าเอย
“ขอบคุณนะคะพี่ณี” เจ้าเอยรับของจากปราณีเรียบร้อยก็เอาไปเก็บที่รถ หลังจากนั้นจึงกลับมานั่งเฝ้าลูกสาวเธอกินไอศครีมจนหมดถ้วย
“ชื่นใจไหมคะ”
“ชื่นใจมากๆ ค่ะ”
“เรากลับกันเถอะค่ะ เดี๋ยวแม่ต้องแวะเอาขนมไปให้ยายจ๋าด้วย เจ้าขาอยากไปหายายจ๋าไหมคะ” เจ้าเอยหยิบทิชชู่เช็ดมุมปากของเจ้าขาก่อนจะส่งแก้วน้ำให้ลูกเธอได้ดื่ม
“อยากไปค่ะ ไปกันเถอะค่ะ” เจ้าตัวกลมดื่มน้ำเสร็จก็รีบวิ่งแจ้นนำหน้าคนเป็นแม่ไปที่รถเก๋งคันสีขาวหน้าระรื่น เพราะรู้ตัวว่าจะได้ขนมกลับมากองโตเมื่อไปหาสาลี่ ยายจ๋าที่ชอบตามใจตัวเองเป็นที่สุด
เจ้าเอยขับรถออกมาจากร้านไอศครีมของวิชัยร่วมห้ากิโลแล้วจึงเลี้ยวเข้าซอยเล็กที่เป็นทางลูกรังตรงไปยังบ้านสวนของสาลี่ เมื่อรถยนต์เข้ามาจอดใต้ต้นมะม่วงใหญ่ได้หญิงร่างท้วมวัยหกสิบกว่าที่นั่งเล่นอยู่บนแคร่ไม้หน้าบ้านเรือนไทยหลังใหญ่ก็รีบลุกยืนยิ้มหน้าระรื่น
“ยายจ๋า” เจ้าขาลงจากรถได้ก็รีบวิ่งแจนเข้าไปหาสาลี่
ฟอด ฟอด “ชื่นใจจริงๆ เลย” สาลี่กอดรัดเจ้าก้อนกลมกดจมูกฟัดแก้มย้วยๆของเจ้าขาแก้มซ้ายทีแก้มขวาที เจ้าเอยได้แต่ยืนอมยิ้มที่เห็นรอยยิ้มมีความสุขของคนที่เธอเคารพเสมือนแม่อีกคน
“ขนมตาลพี่ณีฝากมาให้ค่ะป้าสา”
“กำลังอยากกินอยู่พอดีเลย หนูเอยหิวหรือเปล่าป้าทำปลานึ่งเอาไว้ วันนี้กินข้าวเย็นซะที่นี่เลยนะคะ”
“เอยต้องรีบกลับไปเคลียบัญชีให้พี่ลัคน่ะค่ะ” วันนี้เห็นทีเจ้าเอยจะอยู่ตามคำขอของสาลี่ไม่ได้ เพราะงานในมือของเธอตอนนี้ยังไม่เสร็จเรียบร้อยดี ยิ่งเธอถูกลัคณาไว้ใจให้ทำงานบัญชีอยู่กับบ้านเธอก็ต้องยิ่งรักษาเวลาของงานให้ได้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้
“เสียดายจังเลย งั้นไปเอาขนมกับยายแล้วค่อยกลับนะลูก” สาลี่ก้มคุยกับเด็กหญิงในอ้อมกอด
“ค่ะ” เด็กหญิงพยักหน้าหงึกหงักแทบจะโน้มไปทั้งตัว ริมฝีปากบางอมชมพูฉีกยิ้มร่าที่รู้ตัวว่ากำลังจะได้ขนมถุงโตๆ กลับบ้านอีกแล้ว
เจ้าเอยมองตามหลังสองยายหลานด้วยใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มไม่คลาย อันที่จริงเธอก็เกรงใจสาลี่ไม่น้อยที่ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่เธอพาเจ้าขามาที่นี่ สาลี่จะต้องเอาขนมมาให้ลูกเธอเยอะๆ ทุกครั้ง แต่จะปฏิเสธก็ไม่ได้ เพราะสาลี่จะมีความสุขทุกครั้งที่ได้ดูแลเธอและลูก ส่วนเธอก็หาโอกาสตอบแทนเป็นของขวัญหรือเงินสดในทุกๆ เดือน แม้สาลี่จะไม่อยากรับแต่ก็ถูกเธอยัดเยียดให้รับได้ทุกครั้ง
คิดย้อนกลับไปเมื่อสี่ปีก่อนไม่รู้เลยว่าหากมาที่นี่แล้วไม่เจอสาลี่ชีวิตของเธอสองแม่ลูกจะเป็นไปอย่างไร เจ้าเอยเดินกอดอกมองท้องฟ้ายามเย็นด้วยสายตาที่เศร้าหมองลงเล็กน้อย ตอนนี้คิดถึงทั้งพ่อและแม่ หากท่านทั้งสองได้อยู่ป่านนี้คงได้มีรอยยิ้มจากความสดใสของลูกสาวของเธอไปแล้ว
“เยอะไหมคะ”
“เยอะมากๆ เลยค่ะ”
“วันหลังมาหายายจ๋าอีกนะคะ”
“โอเคค่ะ” เสียงเจื้อยแจ้วของเจ้าขาที่พูดคุยกับสาลี่ขณะเดินถือถุงขนมถุงโตออกมาจากบ้านตรงมายังรถทำเจ้าเอยหลุดจากภวังค์และรีบเดินเข้าไปหาทั้งสอง เธอเปิดประตูรถให้เจ้าตัวกลมขึ้นไปนั่งที่คาร์ซีทด้านหลังและหันมาลาสาลี่
“กลับก่อนนะคะป้าสา”
“ขับรถดีๆ นะหนูเอย”
เจ้าเอยขับรถออกมาจากซอยบ้านสวนตรงมาที่ถนนใหญ่อีกครั้ง หญิงสาวขับรถบนถนนใหญ่มาร่วมกิโลก็ถึงปากทางเข้าซอยบ้าน ที่ดินในซอยนี้เดิมทีเป็นของคุณยายของเจ้าเอย แต่เมื่อคุณยายของเธอเสียแม่ของเธอจึงยกให้สาลี่เพราะเห็นว่าคงไม่ได้ใช้พื้นที่ตรงนี้ทำประโยชน์อะไร อีกอย่างที่ยกให้สาลี่ก็เพราะเห็นว่าทำงานด้วยกันมานานจนเสมือนคนในครอบครัวเดียวกันไปแล้ว เมื่อสาลี่เจอกับเธออีกครั้งและเห็นว่าเธอไม่มีที่ไปจึงยกที่ตรงนี้คืนให้กับเธอ เจ้าเอยกับลูกจึงมีที่อยู่มาจนถึงปัจจุบัน
เขาพรากแม่ของเธอไปยังไม่พอ ยังมาพรากอิสระของชีวิตโดยการให้เธอแต่งงานกับเขาอีก ดวงตาของเธอ...มองไม่เห็น เพราะผลพวงจากการเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น อุบัติเหตุที่พรากแม่ของเธอไปตลอดกาล หากเป็นไปได้เธอก็อยากจะจากโลกนี้ไปพร้อมกับแม่ จะได้ไม่ต้องมาถูกคนเป็นพ่อบังคับให้แต่งงานกับคนที่พรากชีวิตแม่ของเธอไป เพราะต้องการเงินมาใช้หนี้ นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาจงใจอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ พูดคุยและติดตามอัพเดตนิยายเรื่องใหม่ๆ ได้ที่ FB: ไรท์เกว
“ออกไปให้พ้นจากชีวิตพราว คนอย่างคุณมันไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง” “ไม่ว่าจะยังไงผมก็ไม่ยอมปล่อยคุณไปจากชีวิตเด็ดขาด เพราะผมต้องการให้คุณเป็นเมียน้อยผมต่อไป” ตัวอย่างบางตอน “จะรีบไปไหนเรายังไม่ได้คุยกันเลย” “ปล่อย พราวไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” สาวเจ้าพยายามสะบัดมือหนาที่น่าขยะแขยงหมายจะให้มันหลุดพ้นไปจากแขนของเธอ ทว่าคนที่มือเหนียวปานตุ๊กแกก็ไม่ยอมปล่อยแขนเธอให้หลุดมือไปง่ายๆ ไม่พอแค่นั้นเขายังรวบอุ้มเธอพาดบ่าแล้วเดินดุ่มไม่อายสายตาของคนที่อยู่ระแวกนี้แม้แต่น้อย หากเขาไม่อายเธอเองก็จะแหกปากร้องอย่างให้คนช่วยอย่างไม่อายเช่นกัน เพราะไม่อยากจะอยู่แนบชิดกับตะวันวาดแม้แต่นาทีเดียว “ช่วยด้วยค่า ไอ้บ้านี่มันลักพาตัวฉันค่า ช่วยด้วย...” ปากเล็กตะโกนร้องให้คนช่วย ในขณะที่มือน้อยฟาดกำปั้นทุบไปที่แผ่นหลังกว้างไม่ขาดช่วง “แหกปากไปเถอะไม่มีใครช่วยคุณ ที่นี่มีแต่คนของผมทั้งนั้น” ตะวันวาดยังคงเดินเยื้องย่างสบายอารมณ์จนไปถึงลานจอดรถ หลังจากนั้นเขาก็จับพราวจันทร์ยัดเข้าไปในรถตู้ที่นครินทร์จอดรอพวกเขาอยู่แล้ว “ทำชั่วกันเป็นขบวนการจริงๆ” นครินทร์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพราวจันทร์สบถขณะมาถึงรถ ไม่รู้ว่าเจ้านายตนไปมีเรื่องอะไรกับหญิงสาวก่อนหน้า แต่เขาก็ต้องพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ และทำหน้าที่ขับรถต่อไปตามที่เจ้านายสั่งเท่านั้น “ถ้าอยากกลับถึงกรุงเทพอย่างปลอดภัยผมขอให้คุณสงบปากสงบคำเอาไว้ดีกว่า” พูดจบตะวันวาดก็ปรับเบาะนอนสบายอารมณ์ พราวจันทร์หันไปมองคนที่นอนอยู่เบาะข้างๆ ด้วยสีหน้าแววตาไม่สบอารมณ์บวกกับความฉงนหนัก ไม่อยากจะเชื่อว่าตะวันวาดจะหลับตาลงได้ในขณะที่เธอยังคงกระวนกระวายใจเพราะความเผด็จการของเขา ท่าทางคงจะทำไม่ดีกับคนอื่นจนชินเป็นนิสัยถึงได้ทำไม่รู้ร้อนรู้หนาวได้เก่งในเวลาที่ต้องบังคับคนอื่น
คราแรกเข้ามาทำเป็นรักเพื่อผลประโยชน์ ทว่าความน่ารักอ่อนโยนของเธอก็ทำให้หัวใจที่ถูกทำร้ายจนเหี่ยวเฉากลับมามีความสดชื่นอีกครั้ง ชีวิตรักของธารดาวและแสนรักไม่ได้สวยงามดั่งใจที่หวัง เพราะแผนการร้ายที่ชายหนุ่มเริ่มต้นเอาไว้ มันย้อนกลับมาทำร้ายความสัมพันธ์ของพวกเขาจนไม่เหลือชิ้นดี เมื่อคำว่ารักจากลมปากชายหนุ่มกลายเป็นแค่คำหลอกลวงสำหรับหญิงสาวที่กำลังอุ้มท้องลูกของคนใจร้าย เธอจะจัดการชีวิตยังไงต่อไป ติดตามอ่านเรื่องราวของพวกเขาทั้งสองได้ในเรื่อง ลวงรักเจ้าสาวบ้านไร่ ได้เลยนะคะ เนื้อหาในนิยายไม่ว่าจะเป็นชื่อคนหรือสถานที่ล้วนเกิดจากจินตนาการ ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามการอัปเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว นะคะ ธารดาวในชุดคลุมท้องสีชมพูหวานยืนโอบกอดหน้าท้องที่เพิ่งนูนออกมาเล็กๆ หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตาเพราะรู้สึกมีความสุขและทุกข์ใจไปในคราวเดียวกัน ไม่ได้อยากส่งพลังงานไม่ดีไปยังลูกน้อยในท้อง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรเธอก็ไม่สามารถลืมความข่มขื่นใจใจที่เพิ่งเจอมาได้เลย “แม่ขอโทษนะลูก แม่จะพยายามเข้มแข็งให้เร็วที่สุด แม่สัญญา” ธารดาวนึกย้อนกลับไปในอดีตที่ผ่านมาไม่นานนัก ก่อนหน้านี้เธอและพี่ชายได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขในไร่แสงฟ้า ไร่ที่เป็นมรดกตกทอดมาจากยายของเธอ ชีวิตของเธอเป็นไปอย่างเรียบง่ายในวิถีชีวิตที่ชนบท จนกระทั่งมีใครบางคนเข้ามาในชีวิต เขาให้ทั้งความสุขที่เธอไม่เคยพานพบ และก็ให้ความทุกข์ระทมใจที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อนเช่นกัน
“อย่ามาแตะตัวฉัน” พลอยชมพูถอยห่างและส่งเสียงแข็งปรามอีกฝ่ายเมื่อเขากำลังยื่นมือหมายจะเชยคางของเธอ “อย่าหวงตัวไปหน่อยเลย เพราะถ้าคุณหวงตัวกับผม พ่อของคุณนั่นแหละจะเจ็บตัว” นี่หรือคนที่เธอเคยชื่นชมว่าเป็นสุภาพบุรุษ ตอนนี้เขาทำกับเธออย่างป่าเถื่อนและโหดร้าย เพียงเพราะต้องการที่จะใช้เธอเป็นเครื่องมือแก้แค้นพ่อของเธอ ผิดด้วยหรือที่เขาใจร้าย ในเมื่อเขาถูกกระทำให้เป็นแพะรับบาปว่าฆ่าพ่อตัวเองก่อน และเธอ...ก็เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดที่เขาจะใช้ในการแก้แค้น เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
“ไม่ขายแล้วโว้ยนิยาย ขายตัวดีกว่า” เพราะคำที่ตะโกนออกไปในตอนที่เมา เป็นผลพวงทำให้เธอได้ป่าวประกาศว่า “ประธานคนนี้สามีของฉัน” ในวันแต่งงาน เธอ นักเขียนนิยายที่เริ่มย่อท้อในการเป็นนักเขียน เพราะไม่ว่าจะทำยังไงเธอก็ไม่ประสบผลสำเร็จในเส้นทางนี้เสียที เธอนั่งดื่มคลายเครียดแล้วตะโกนว่าอยากขายตัวในขณะที่ไม่มีสติ... เขา ประธานผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนยักษ์ใหญ่ ผู้ที่เชื่อมั่นในรักแรกพบ ในเมื่อคนที่ถูกตาต้องใจเสนอขายตัวมาแล้ว มีหรือเขาจะไม่สนอง... เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการ ไม่มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามอัพเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว
“เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจค่ะ แต่ม่อนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ อยู่แล้วค่ะ หัวใจของเค้าเป็นของม่อนมาตั้งแต่แรก แค่ตอนนี้กำลังล่องลอยไม่รู้จุดหมาย แต่ม่อนจะตามหัวใจของเค้ากลับมาอยู่ที่ม่อนเหมือนเดิมให้ได้ค่ะ” เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามอัพเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว ตัวอย่างบางตอน “แผล...แอล” หญิงสาวรีบพลิกตัวชายหนุ่มเพื่อดูรอยแผลเป็นตรงหัวไหล่ข้างซ้ายของเขา รอยแผลของเขายังอยู่ เธอคิดไม่ผิดจริงๆ ว่ายังไงเขาก็คือแอลคนรักของเธอ “ผมไม่ใช่แอล” ลอเลนโซพลิกตัวกลับมาพูดกับหญิงสาวเสียงเข้ม อันที่จริงเขาตื่นก่อนเธอนานแล้วและสามารถออกไปจากบ้านของเธอได้แต่ไม่คิดจะทำ เพราะอยากจะรู้เท่านั้นว่าหากเธอตื่นมาเจอเขาอยู่ข้างๆ จะมีปฏิกิริยาอย่างไร “ถ้าไม่ใช่ แล้วคุณมายุ่งกับฉันทำไม” หญิงสาวตวาดเสียงสั่นเพราะโมโหที่เธอจับเขาได้ขนาดนี้ยังจะมาปฏิเสธหน้าด้านๆ มือเรียวกำหมัดกันแน่น ดวงตาคู่สวยเริ่มมีน้ำตาคลอจ้องมองค้อนคนข้างกายไม่วางตา “ผมเป็นผู้ชาย คุณเสนอมาผมก็แค่สนองไปก็เท่านั้น อ่อ... ถ้าติดใจครั้งหน้าผมก็น่าจะแอบมาเจอคุณได้” “อย่ามาดูถูกฉันนะ” “ก็คุณ...ทำตัวให้ผมดูถูกเอง ถ้าไม่อยากถูกผมมองอย่างดูถูกอีก ก็อยู่ให้ห่างผมเข้าไว้เข้าใจใช่ไหม” เขายื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูของคนที่กำลังมีน้ำตาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ออกไปจากบ้านฉัน อ๊าย... ฮือๆๆๆ...” ม่อนไหมผลักใบหน้าลอเลนโซเต็มแรง เธอกรีดร้องลั่นด้วยความเจ็บใจและฟุบหน้ากอดเข่าร้องสะอึกสะอื้นไม่ยอมเงยหน้ามองความเป็นจริง
' "เจ้าชายฮิมราน บิน ฮาเซม อัล-ราชิด" องค์มกุฎราชกุมารแห่งประเทศความาร์ เดินทางมาประเทศไทยเพื่อดูตัวว่าที่เจ้าสาวที่ถูกพระมารดาบังคับให้แต่งงานด้วย เขาเต็มไปด้วยความชิงชังเมื่อเห็นหล่อนเดินเฉิดฉายอยู่ในผับยามค่ำคืน ท่าทางใสซื่อไร้เดียงสาของหล่อนที่พยายามแสดงออกมานั้นไม่ได้ทำให้เขาซาบซึ้งใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขาแทบยากจะอาเจียนออกมา เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าผู้หญิงอย่างหล่อนไม่มีทางเป็นชายาที่ดีของเขาได้อย่างแน่นอน นอกเสียจาก... นางบำเรอ!
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
ว่าที่ลูกสะใภ้ไฟแรงสูงเธอต้องเข้ามาอยู่ร่วมบ้านกับว่าที่พ่อผัวหม้ายร้างเมียมานายอรมปี
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
ตลอดระยะเวลาสามปีของการแต่งงาน เธอรู้สึกสิ้นหวัง ที่ถูกบังคับให้เซ็นใบหย่า ทั้งๆที่เธอกำลังท้อง เธอใจสลายกับความไร้มนุษยธรรมของเขา กระทั่งเธอออกไปจากชีวิตของเขา เขาเพิ่งรู้ตัวว่าเธอคือรักแท้ของเขา ไม่มีวิธีใดที่จะเยียวยาหัวใจที่บอบช้ำของเธอให้หายขาดได้ เขาจึงมอบความรักทั้งหมดของเขาให้แก่เธอเพื่อชดเชย