“ไม่ขายแล้วโว้ยนิยาย ขายตัวดีกว่า” เพราะคำที่ตะโกนออกไปในตอนที่เมา เป็นผลพวงทำให้เธอได้ป่าวประกาศว่า “ประธานคนนี้สามีของฉัน” ในวันแต่งงาน เธอ นักเขียนนิยายที่เริ่มย่อท้อในการเป็นนักเขียน เพราะไม่ว่าจะทำยังไงเธอก็ไม่ประสบผลสำเร็จในเส้นทางนี้เสียที เธอนั่งดื่มคลายเครียดแล้วตะโกนว่าอยากขายตัวในขณะที่ไม่มีสติ... เขา ประธานผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนยักษ์ใหญ่ ผู้ที่เชื่อมั่นในรักแรกพบ ในเมื่อคนที่ถูกตาต้องใจเสนอขายตัวมาแล้ว มีหรือเขาจะไม่สนอง... เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการ ไม่มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามอัพเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว
รถเก๋งสีดำขับเข้ามาจอดที่หน้าบ้านเรือนไทยใต้ถุงสูงหลังใหญ่ ที่ตั้งตระหง่านอยู่ท่ามกลางทุ่งนา ด้านหลังรายล้อมไปด้วยวิวทิวทัศน์ภูเขาสูงสวยงาม หญิงสาวหน้าสวยที่นั่งอยู่บนรถเริ่มมีสีหน้าไม่สู้ดี เธอไม่อยากลงไปจากรถแม้บ้านตรงหน้าจะเป็นบ้านของเธอเองก็ตาม
ก๊อก ก๊อก ก๊อก “แก้ว...เป็นอะไรหรือเปล่าลูก” เสียงเคาะกระจกบวกกับน้ำเสียงที่ดูรนรานของคนเป็นแม่ทำให้ช่อแก้วเริ่มได้สติและรีบเปิดประตูลงจากรถ
“เป็นอะไรหรือเปล่าลูก หลับในเหรอ” เมื่อลูกสาวคนโตลงจากรถมาได้ ชบาก็รีบพาไปนั่งที่แคร่ไม้สักที่ใต้ถุนบ้านทันที
“เปล่าจะแม่ ง่วงๆ นิดหน่อย เดี๋ยวแก้วไปนอนก่อนนะ”
“อ่อ งั้นรีบไป ตื่นแล้วก็ลงมากินข้าว เดี๋ยวเย็นนี้แม่ทำแกงส้มกับปลาเกลือทอดเอาไว้ให้” หญิงวัยกลางคนพอจะโล่งใจไปได้ คราแรกคิดว่าลูกเธอจะเป็นอะไรไปแล้วเสียอีก
“จะ” ช่อแก้วเดินขึ้นบันไดมาที่ห้องนอนของตัวเองด้วยท่าทางเหม่อลอย เพราะเรื่องที่เพิ่งได้ไปประสบพบเจอมาทำให้เธอไม่อยากจะสู้หน้าใครในครอบครัวเลย
“เฮ้อ... ทำอะไรลงไปวะเนี่ยไอ้แก้ว” เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้าที่เธอไปเที่ยวเพื่อคลายเครียด จนพลาดไปนอนกับผู้ชายที่ไม่เคยรู้จักหน้าค่าตากันมาก่อนก็อยากจะเขกหัวตัวเองเป็นล้านๆ ครั้ง เพราะเหตุการณ์เมื่อคืนทำให้เธอเสียความบริสุทธิ์ที่หวงแหนไป
เหตุการณ์ก่อนหน้า
“นี่ฝีมือฉันใช้ไม่ได้จริงๆ ใช่ไหม เขียนนิยายมาตั้งยี่สิบกว่าเรื่องแล้วทำไมยังไม่มีชื่อเสียงสักที รายได้ก็น้อยนิดไม่พอค่าใช้จ่าย หรือว่าฉันต้องไปหางานประจำทำ” ช่อแก้วนั่งบ่นกับยาหยีด้วยน้ำเสียงและท่าทางที่เริ่มท้อ เธอเขียนนิยายมาร่วมสองปีจนเข้าปีที่สามแล้วยังไม่มีวี่แววว่านามปากกาของตัวเองจะมีชื่อเสียงหรือนิยายของเธอจะเป็นที่รู้จักในวงกว้างเลย อีกทั้งตอนนี้ที่บ้านก็ประสบปัญหาเรื่องหนี้สินที่ไม่รู้ว่าจะใช้ไปถึงปีไหนถึงจะหมดลงได้อีก
“แกก็ทำควบคู่กันไปก็ได้นี่ เขียนนิยายไปด้วยแล้วก็ทำงานประจำไปด้วยไง” เจ้าของร้านเบเกอรี่สาวสวยนั่งเท้าคางจ้องหน้าช่อแก้วด้วยแววตาอ่อนใจแทนเพื่อน
“ถ้าฉันไปทำงานประจำฉันก็ต้องไปพบเจอผู้คนใหม่ๆ มันน่าเหนื่อย แล้วถ้าฉันเครียดกับงานประจำฉันก็จะต้องเขียนงานนิยายไม่ออกแน่เลย” ช่อแก้วบุ้ยปาก
“โอ้ย...ดูแกฟุ้งซ่านนะแก้ว ไม่ได้ออกไปเที่ยวนานหรือยัง”
“ก็...เป็นปีแล้ว”
“ฉันขอเสนอให้แกออกไปเที่ยวพักผ่อนกับธรรมชาติที่ไหนก็ได้ที่แกชอบ เผื่อสมองปลอดโปร่งแล้วอาจจะตัดสินใจอะไรได้ง่ายขึ้นก็ได้”
“เที่ยวเหรอ แกจะไปกับฉันไหม”
“ช่วงนี้ฉันยุ่ง วันหยุดก็เหมือนไม่ได้หยุด คนที่ร้านลาป่วยตามๆ กันเลย แกไปคนเดียวได้ไหม”
“ก็ได้”
หลังจากปรึกษากับยาหยีจนได้ข้อสรุปว่าเธอจะต้องมาเที่ยวผ่อนคลาย วันรุ่งขึ้นช่อแก้วจึงเดินทางคนเดียวด้วยรถเก๋งคันเก่งมาที่จังหวัดสระบุรี เพราะเชื่อว่าการเที่ยวตามสถานที่ธรรมชาติจะทำให้ตัวเองผ่อนคลายได้ดีที่สุด
ช่อแก้ว อนันต์วิชิต หญิงสาวตัวเล็กผิวขาวน่าตาน่ารักน่าชังวัย25 ย่างเข้า26 ตากลมโตปากนิดจมูกหน่อยผมดกดำยาวสยายถึงกลางหลังหุ่นนาฬิกาทรายเรียกว่าเป็นตุ๊กตาก็ว่าได้ แต่เธอก็ไม่ค่อยได้ออกไปเฉิดฉายในสังคมมากนัก เพราะเป็นคนคบเพื่อนน้อยไม่ค่อยออกไปพบปะผู้คน หลังเรียนจบก็มุ่งมั่นอยู่กับการทำงานเป็นนักเขียน แต่เห็นทีตอนนี้เธอจะมุ่งมั่นในเรื่องนี้อย่างเดียวไม่ได้แล้ว เพราะเงินที่หาได้ไม่พอค่าใช้จ่ายเพราะที่บ้านมีหนี้หลายล้าน อีกอย่างก็เริ่มรู้สึกท้อแท้กับการปั้นตัวเองให้มีชื่อเสียงในวงการเขียนด้วย
เช้าวันนี้หญิงสาวเลือกขับรถมาจองที่พักติดริมธารน้ำตกใกล้กับอุทยานแห่งชาติน้ำตกชื่อดังของจังหวัดสระบุรี เมื่อเช็กอินที่พักเรียบร้อยเธอก็เลือกที่จะออกมานั่งแคร่ไม้ไผ่ที่ตั้งอยู่ริมธารน้ำตกหลังที่พัก วันนี้เป็นวันธรรมดาผู้คนในแหล่งท่องเที่ยวก็ไม่คึกคักมากนัก ซึ่งเป็นสิ่งที่ช่อแก้วชอบที่สุด เพราะเธออยากอยู่ในที่เงียบสงบที่สุดเท่าที่จะทำได้
หญิงสาวนั่งกินลมชมววฟังเสียงน้ำตกอยู่พักใหญ่ จู่ๆ ในหัวก็พลันนึกถึงเรื่องราวในอตีต ตอนนั้นเธอเพิ่งเริ่มคบหากับกรภัคลูกชายเข้าของร้านทองใหญ่ในตัวจังหวัด ในระหว่างที่คบกันเธอกับกรภัคไม่มีปัญหาติดขัดอะไรและดูความรักของเธอและเขาจะเริ่มพัฒนาไปในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ
จนกระทั่งกรภัคได้ตัดสินใจพาเธอไปแนะนำตัวกับครอบครัวของเขา วันนั้นเป็นวันที่เธอร้องให้หนักที่สุด และเลือกที่จะขอจบความสัมพันธ์กับกรภัคตั้งแต่วันนั้น เพราะพ่อแม่ของกรภัคไม่ชอบใจที่จะให้ลูกชายของพวกเขาคบกับคนที่มีฐานะต่ำกว่าตัวเอง อีกอย่างครอบครัวของชายหนุ่มก็ได้เลือกคู่ครองที่เหมาะสมกันเอาไว้แล้ว
แม้กรภัคยืนยันว่าจะจับมือเธอไม่ปล่อยถึงจะถูกพ่อแม่กีดกัน แต่เธอก็ไม่สามารถจับมือเขาต่อไปได้ เพราะยังไงเขาก็ตัดไม่ขาดกับครอบครัว และเธอก็ไม่อยากจะเป็นต้นเหตุทำให้เขาต้องผิดใจกับครอบครัวด้วย หลังจากเลิกรากับกรภัคมาเธอก็ไม่คิดออกสังคมหรือทำความรู้จักกับใครอีกเลยเพราะกลัวว่าจะถูกดูถูกอีก เพื่อนที่สนิทกันตั้งแต่เด็กๆ จนมาถึงวันนี้ก็มีเพียงแค่ยาหยีเท่านั้น
“เฮ้อ...” กลับมาจากน้ำตกช่อแก้วก็นอนกลิ้งนอนเกลือกถอนหายใจอยู่บนเตียงนุ่ม เพราะเลื่อนมือถือดูโซเชียลทีไรเพื่อนๆ นักเขียนคนอื่นก็โชว์ยอดรายได้ที่มากกว่าเธอหลายเท่าให้ได้เห็น แม้จะรู้ว่าแต่ละคนจะมาถึงจุดนี้ก็ต้องใช้เวลาและความพยายามมากๆ แต่เธอก็อดท้อใจไม่ได้เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะสามารถเป็นนักเขียนนิยายที่ประสบความสำเร็จได้หรือเปล่า
เมื่อความทุกข์ใจเข้ามาถาโถมหนักเข้าช่อแก้วก็เลือกวิธีที่จะทำให้ตัวเองลืมเรื่องราวโดยการไปหาซื้อเครื่องดื่มมึนเมามานั่งดื่มคนเดียวเงียบๆ ที่แคร่ไม้ริมธารน้ำตกหลังห้องพักของตัวเอง หลังจากดื่มเครื่องดื่มมึนเมาได้ได้พักใหญ่สาวเจ้าก็เริ่มที่จะไม่ได้สติ เธอลุกออกจากแคร่ไม้เดินโงนเงนอยู่ที่ธารน้ำตก ดวงตาคู่สวยปรือเยิ้มกวาดสายตามองไปรอบๆ ตัว เห็นว่าไม่มีใครจึงเลือกที่จะเปิดปากตะโกนเสียงดังเพื่อระบายความเครียด
“ไม่ขายแล้วโว้ยนิยาย ขายตัวดีกว่า” หลังจากตะโกนจบช่อแก้วก็ยืนยิ้มอยู่ครู่หนึ่งและกลับมานั่งที่แคร่ไม้ภายใต้แสงไฟสลัวเหมือนเดิม
“ซื้อครับ”
คนที่เพิ่งกลับมาทิ้งตัวลงนั่งเริ่มยิ้มไม่ออกเพราะจู่ๆ ก็มีเสียงของใครบางคนโผล่ออกมาจากความมืด
เขาพรากแม่ของเธอไปยังไม่พอ ยังมาพรากอิสระของชีวิตโดยการให้เธอแต่งงานกับเขาอีก ดวงตาของเธอ...มองไม่เห็น เพราะผลพวงจากการเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น อุบัติเหตุที่พรากแม่ของเธอไปตลอดกาล หากเป็นไปได้เธอก็อยากจะจากโลกนี้ไปพร้อมกับแม่ จะได้ไม่ต้องมาถูกคนเป็นพ่อบังคับให้แต่งงานกับคนที่พรากชีวิตแม่ของเธอไป เพราะต้องการเงินมาใช้หนี้ นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาจงใจอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ พูดคุยและติดตามอัพเดตนิยายเรื่องใหม่ๆ ได้ที่ FB: ไรท์เกว
“ออกไปให้พ้นจากชีวิตพราว คนอย่างคุณมันไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง” “ไม่ว่าจะยังไงผมก็ไม่ยอมปล่อยคุณไปจากชีวิตเด็ดขาด เพราะผมต้องการให้คุณเป็นเมียน้อยผมต่อไป” ตัวอย่างบางตอน “จะรีบไปไหนเรายังไม่ได้คุยกันเลย” “ปล่อย พราวไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” สาวเจ้าพยายามสะบัดมือหนาที่น่าขยะแขยงหมายจะให้มันหลุดพ้นไปจากแขนของเธอ ทว่าคนที่มือเหนียวปานตุ๊กแกก็ไม่ยอมปล่อยแขนเธอให้หลุดมือไปง่ายๆ ไม่พอแค่นั้นเขายังรวบอุ้มเธอพาดบ่าแล้วเดินดุ่มไม่อายสายตาของคนที่อยู่ระแวกนี้แม้แต่น้อย หากเขาไม่อายเธอเองก็จะแหกปากร้องอย่างให้คนช่วยอย่างไม่อายเช่นกัน เพราะไม่อยากจะอยู่แนบชิดกับตะวันวาดแม้แต่นาทีเดียว “ช่วยด้วยค่า ไอ้บ้านี่มันลักพาตัวฉันค่า ช่วยด้วย...” ปากเล็กตะโกนร้องให้คนช่วย ในขณะที่มือน้อยฟาดกำปั้นทุบไปที่แผ่นหลังกว้างไม่ขาดช่วง “แหกปากไปเถอะไม่มีใครช่วยคุณ ที่นี่มีแต่คนของผมทั้งนั้น” ตะวันวาดยังคงเดินเยื้องย่างสบายอารมณ์จนไปถึงลานจอดรถ หลังจากนั้นเขาก็จับพราวจันทร์ยัดเข้าไปในรถตู้ที่นครินทร์จอดรอพวกเขาอยู่แล้ว “ทำชั่วกันเป็นขบวนการจริงๆ” นครินทร์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพราวจันทร์สบถขณะมาถึงรถ ไม่รู้ว่าเจ้านายตนไปมีเรื่องอะไรกับหญิงสาวก่อนหน้า แต่เขาก็ต้องพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ และทำหน้าที่ขับรถต่อไปตามที่เจ้านายสั่งเท่านั้น “ถ้าอยากกลับถึงกรุงเทพอย่างปลอดภัยผมขอให้คุณสงบปากสงบคำเอาไว้ดีกว่า” พูดจบตะวันวาดก็ปรับเบาะนอนสบายอารมณ์ พราวจันทร์หันไปมองคนที่นอนอยู่เบาะข้างๆ ด้วยสีหน้าแววตาไม่สบอารมณ์บวกกับความฉงนหนัก ไม่อยากจะเชื่อว่าตะวันวาดจะหลับตาลงได้ในขณะที่เธอยังคงกระวนกระวายใจเพราะความเผด็จการของเขา ท่าทางคงจะทำไม่ดีกับคนอื่นจนชินเป็นนิสัยถึงได้ทำไม่รู้ร้อนรู้หนาวได้เก่งในเวลาที่ต้องบังคับคนอื่น
คราแรกเข้ามาทำเป็นรักเพื่อผลประโยชน์ ทว่าความน่ารักอ่อนโยนของเธอก็ทำให้หัวใจที่ถูกทำร้ายจนเหี่ยวเฉากลับมามีความสดชื่นอีกครั้ง ชีวิตรักของธารดาวและแสนรักไม่ได้สวยงามดั่งใจที่หวัง เพราะแผนการร้ายที่ชายหนุ่มเริ่มต้นเอาไว้ มันย้อนกลับมาทำร้ายความสัมพันธ์ของพวกเขาจนไม่เหลือชิ้นดี เมื่อคำว่ารักจากลมปากชายหนุ่มกลายเป็นแค่คำหลอกลวงสำหรับหญิงสาวที่กำลังอุ้มท้องลูกของคนใจร้าย เธอจะจัดการชีวิตยังไงต่อไป ติดตามอ่านเรื่องราวของพวกเขาทั้งสองได้ในเรื่อง ลวงรักเจ้าสาวบ้านไร่ ได้เลยนะคะ เนื้อหาในนิยายไม่ว่าจะเป็นชื่อคนหรือสถานที่ล้วนเกิดจากจินตนาการ ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามการอัปเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว นะคะ ธารดาวในชุดคลุมท้องสีชมพูหวานยืนโอบกอดหน้าท้องที่เพิ่งนูนออกมาเล็กๆ หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตาเพราะรู้สึกมีความสุขและทุกข์ใจไปในคราวเดียวกัน ไม่ได้อยากส่งพลังงานไม่ดีไปยังลูกน้อยในท้อง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรเธอก็ไม่สามารถลืมความข่มขื่นใจใจที่เพิ่งเจอมาได้เลย “แม่ขอโทษนะลูก แม่จะพยายามเข้มแข็งให้เร็วที่สุด แม่สัญญา” ธารดาวนึกย้อนกลับไปในอดีตที่ผ่านมาไม่นานนัก ก่อนหน้านี้เธอและพี่ชายได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขในไร่แสงฟ้า ไร่ที่เป็นมรดกตกทอดมาจากยายของเธอ ชีวิตของเธอเป็นไปอย่างเรียบง่ายในวิถีชีวิตที่ชนบท จนกระทั่งมีใครบางคนเข้ามาในชีวิต เขาให้ทั้งความสุขที่เธอไม่เคยพานพบ และก็ให้ความทุกข์ระทมใจที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อนเช่นกัน
“อย่ามาแตะตัวฉัน” พลอยชมพูถอยห่างและส่งเสียงแข็งปรามอีกฝ่ายเมื่อเขากำลังยื่นมือหมายจะเชยคางของเธอ “อย่าหวงตัวไปหน่อยเลย เพราะถ้าคุณหวงตัวกับผม พ่อของคุณนั่นแหละจะเจ็บตัว” นี่หรือคนที่เธอเคยชื่นชมว่าเป็นสุภาพบุรุษ ตอนนี้เขาทำกับเธออย่างป่าเถื่อนและโหดร้าย เพียงเพราะต้องการที่จะใช้เธอเป็นเครื่องมือแก้แค้นพ่อของเธอ ผิดด้วยหรือที่เขาใจร้าย ในเมื่อเขาถูกกระทำให้เป็นแพะรับบาปว่าฆ่าพ่อตัวเองก่อน และเธอ...ก็เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดที่เขาจะใช้ในการแก้แค้น เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
“จำเอาไว้ ถ้าคุณมีลูกเมื่อไหร่ วันนั้นผมจะพรากลูกคุณไปให้ไกลแสนไกล คุณจะต้องเจ็บปวดทรมานเจียนตาย ให้สาสมกับที่เข้ามาหลอกลวงผม” เพราะคำประกาศิตนี้เธอถึงให้เขารู้เรื่องลูกไม่ได้ ชื่อตัวละคร ชื่อสถานที่ และเนื้อหาในนิยายล้วนเกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามการอัพเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว ตัวอย่างบางตอน เจ้าเอยเดินหน้าเศร้ามายืนอยู่ที่หน้าห้องทำงานของมานูแอล เธอยืนถอนหายใจครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูเรียบร้อยก็เปิดประตูเดินก้มหน้าก้มตาเข้าไปด้านใน “ไปไหนมา” เสียงแข็งที่เอ่ยทักทายทำเข้าเอยเริ่มกำมือกันแน่น ประหม่ากับเรื่องที่จะพูดกับมานูแอลพอสมควร “เอยขอยืมเงินคุณสักห้าหมื่นได้ไหมคะ แล้วเอยจะรีบหามาคืนค่ะ” เธอไม่อยากลงรายละเอียดว่าจะเอาเงินไปจ่ายค่ารักษาของพ่อ เดี๋ยวจะถูกมองสิ่งที่เธอต้องการจากเขาก็มีเพียงแค่เงินเท่านั้น “หึ่...” มานูแอลละสายตาจากการมองหน้าจอไปแพดในมือ เขาสบถในลำคอเสมือนกำลังเยาะเย้ยตัวเองและหญิงสาวไปพร้อมๆ กัน เขารู้ความจริงเรื่องที่เธอเข้ามาในชีวิตจเขาเพราะเงินไม่เท่าไหร่ วันนี้หญิงสาวก็แบกหน้ามาขอให้เขาช่วยเหลือเรื่องเงินอย่างหน้าไม่อาย “ผมไม่ให้ยืม แต่ผมจะให้เป็นค่าตัว แค่คุณนอนอ้าขาให้ผมระบายอารมณ์ ผมจะให้คุณครั้งละสองหมื่น” สิ้นเสียงของมานูแอเสมือนมีก้อนอะไรแข็งๆ ติดอยู่ที่คอของเจ้าเอย เธอกลืนน้ำลายไม่ลงคอ ทั้งยังต้องพยายามกลั้นน้ำตาเพราะรู้ตัวว่ากำลังถูกดูถูกค่าความเป็นคน แต่ยังไงเธอก็ต้องยอม “ครั้งนี้ผมจะให้ห้าหมื่นตามที่คุณขอก็แล้วกัน อีกสองชั่วโมงผมจะเข้าไปที่ห้องนอนคุณก็จัดการตัวเองให้เรียบร้อยก็แล้วกัน” เจ้าเอยพยักหน้าน้อยๆ รับคำของมานูแอล หลังจากนั้นจึงรีบหันหลังให้เขาและเดินออกไปจากห้องทำงานของชายหนุ่ม เพราะไม่อยากให้เขาได้เห็นน้ำตาจากความอ่อนแอของเธอ
“เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจค่ะ แต่ม่อนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ อยู่แล้วค่ะ หัวใจของเค้าเป็นของม่อนมาตั้งแต่แรก แค่ตอนนี้กำลังล่องลอยไม่รู้จุดหมาย แต่ม่อนจะตามหัวใจของเค้ากลับมาอยู่ที่ม่อนเหมือนเดิมให้ได้ค่ะ” เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามอัพเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว ตัวอย่างบางตอน “แผล...แอล” หญิงสาวรีบพลิกตัวชายหนุ่มเพื่อดูรอยแผลเป็นตรงหัวไหล่ข้างซ้ายของเขา รอยแผลของเขายังอยู่ เธอคิดไม่ผิดจริงๆ ว่ายังไงเขาก็คือแอลคนรักของเธอ “ผมไม่ใช่แอล” ลอเลนโซพลิกตัวกลับมาพูดกับหญิงสาวเสียงเข้ม อันที่จริงเขาตื่นก่อนเธอนานแล้วและสามารถออกไปจากบ้านของเธอได้แต่ไม่คิดจะทำ เพราะอยากจะรู้เท่านั้นว่าหากเธอตื่นมาเจอเขาอยู่ข้างๆ จะมีปฏิกิริยาอย่างไร “ถ้าไม่ใช่ แล้วคุณมายุ่งกับฉันทำไม” หญิงสาวตวาดเสียงสั่นเพราะโมโหที่เธอจับเขาได้ขนาดนี้ยังจะมาปฏิเสธหน้าด้านๆ มือเรียวกำหมัดกันแน่น ดวงตาคู่สวยเริ่มมีน้ำตาคลอจ้องมองค้อนคนข้างกายไม่วางตา “ผมเป็นผู้ชาย คุณเสนอมาผมก็แค่สนองไปก็เท่านั้น อ่อ... ถ้าติดใจครั้งหน้าผมก็น่าจะแอบมาเจอคุณได้” “อย่ามาดูถูกฉันนะ” “ก็คุณ...ทำตัวให้ผมดูถูกเอง ถ้าไม่อยากถูกผมมองอย่างดูถูกอีก ก็อยู่ให้ห่างผมเข้าไว้เข้าใจใช่ไหม” เขายื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูของคนที่กำลังมีน้ำตาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ออกไปจากบ้านฉัน อ๊าย... ฮือๆๆๆ...” ม่อนไหมผลักใบหน้าลอเลนโซเต็มแรง เธอกรีดร้องลั่นด้วยความเจ็บใจและฟุบหน้ากอดเข่าร้องสะอึกสะอื้นไม่ยอมเงยหน้ามองความเป็นจริง
' "เจ้าชายฮิมราน บิน ฮาเซม อัล-ราชิด" องค์มกุฎราชกุมารแห่งประเทศความาร์ เดินทางมาประเทศไทยเพื่อดูตัวว่าที่เจ้าสาวที่ถูกพระมารดาบังคับให้แต่งงานด้วย เขาเต็มไปด้วยความชิงชังเมื่อเห็นหล่อนเดินเฉิดฉายอยู่ในผับยามค่ำคืน ท่าทางใสซื่อไร้เดียงสาของหล่อนที่พยายามแสดงออกมานั้นไม่ได้ทำให้เขาซาบซึ้งใจแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขาแทบยากจะอาเจียนออกมา เพราะเขารู้อยู่เต็มอกว่าผู้หญิงอย่างหล่อนไม่มีทางเป็นชายาที่ดีของเขาได้อย่างแน่นอน นอกเสียจาก... นางบำเรอ!
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
"ความรักทำให้คนตาบอด" เซิงเกอละทิ้งชีวิตที่สงบสุขเพื่อแต่งงานกับชายคนนั้น ยินยอมทำตัวเหมือนคนรับใช้ที่ไร้ตัวตนมาสามปีเต็ม แต่ในที่สุดเธอก็ตระหนักว่าความพยายามของเธอ มันไร้ประโยชน์สิ้นดี เพราะในใจของสามีตัวเองมีแต่รักแรกของเขา เซิงเกอรู้สึกผิดหวังอย่างมาก และขอหย่าอย่างเด็ดขาด "ถึงเวลาแล้ว ฉันไม่ปกปิดอีกแล้ว จะบอกความจริงให้" ทันใดนั้น โลกออนไลน์ก็ระเบิดขึ้นทันที มีข่าวลือว่าสาวรวยพันล้านคนหนึ่งหย่าร้างแล้ว ดังนั้น ซีอีโอนับไม่ถ้วนและชายหนุ่มรูปงามต่างรีบเข้าหาเธอเพื่อเอาชนะใจเธอ เฝิงอวี้เหนียนเห็นดังนั้นจึงทนไม่ไหวอีกต่อไปเลยจัดงานแถลงข่าวในวันถัดไป โดยขอร้องอย่างจริงจังว่า: ผมรักเซิงเกอ ขอร้องคุณภรรยากลับบ้านนะ
ในสายตาของเขา เธอเป็นคนขี้โกหก ในสายตาของเธอ เขาเป็นคนไร้หัวใจ เดิมทีถังหว่านคิดว่าเธอคือคนพิเศษหลังจากอยู่กับเสิ่นติงหลานมาสองปี แต่สุดท้ายก็พบว่าตัวเองเป็นแค่ของเล่นที่สามารถทิ้งได้อย่างตามใจเมื่อไม่มีค่าอีกต่อไป จนกระทั่งถังหว่านเห็นว่าเสิ่นติงหลานพาคนรักของเขาไปตรวจครรภ์ เธอจึงยอมแพ้แล้ว เธอหยุดติดตามเขาอีก แต่จู่ๆ เขากลับไม่ยอมปล่อยเธอไป "ถ้าคุณไม่เชื่อฉัน ทำไมคุณไม่ปล่อยฉันไปล่ะ?" ชายผู้เคยหยิ่งยะโสขนาดนั้น ตอนนี้ก้มหัวลงและขอร้องว่า "หวานหว่าน ฉันผิดไปแล้ว โปรดอย่าทิ้งฉันไป"
‘ทริปฮันนิมูนที่ไม่ได้มีแค่เรา แต่ฉันและเขายังมีผู้ร่วม ทริปเข้ามาสร้างสีสันอีกมากมาย’ หลังแต่งงาน ตฤณก็พาภรรยาสาววัยละอ่อนอย่างยี่หวาไปฮันนิมูนเหมือนคู่สามีภรรยาคู่อื่น ๆ แต่การเดินทางไปดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์กับสามีผู้เป็นนักธุรกิจในครั้งนี้ กลับทำให้ยี่หวาได้รู้ว่าตฤณสามีของเธอมีรสนิยมทางเพศแบบไหน และที่สำคัญยิ่งไปกว่านั้นคือ เขาทำให้เธอได้รู้จักตัวตนของตัวเองอย่างที่เธอไม่คิดว่าจะได้รู้จักด้วยซ้ำ ตฤณจะพายี่หวาไปฮันนิมูนที่ไหน อย่างไร และกับใคร ติดตามอ่านได้ใน “ฉ่ำรักเมียนักธุรกิจ” แนะนำตัวละคร ยี่หวา : สาวสวยวัย 24 ปี ผู้มีผิวขาว และรูปร่างอวบอัด แต่น่าทะนุถนอม นิสัยอ่อนหวาน ว่าง่าย แต่เป็นคนอยากรู้อยากลอง ยี่หวาเพิ่งจะรู้ว่าสิ่งที่ตฤณทำกับเธอในห้องหอนั้นมันก็แค่น้ำจิ้ม เพราะเมื่อเดินทางไปฮันนิมูนกับตฤณจริง ๆ เธอกลับได้เรียนรู้ประสบการณ์ใหม่ จนเธอติดอกติดใจอย่างยากจะถอนตัว สำหรับยี่หวาแล้ว 'คืนเข้าหอที่เคยคิดว่าเด็ด ยังไม่เผ็ดเท่าทริปฮันนิมูนที่สามีหนุ่มจัดให้' ตฤณ : นักธุรกิจหนุ่มวัย 34 ปีหนุ่มลูกเสี้ยว บ้างาน แต่เวลาคลายเครียดก็สนุกสุดเหวี่ยง โดยเฉพาะเรื่องเซ็กส์ ตฤณหมั้นหมายกับยี่หวาตามความเห็นชอบของผู้ใหญ่เพราะถูกใจในความน่ารัก แต่ยิ่งไปกว่านั้นคือเพราะยี่หวาเป็นเด็กดี และไม่เคยดื้อกับเขาเลยสักครั้ง ว่านอนสอนง่ายแบบนี้สิ ถึงจะใช้ชีวิตคู่ไปด้วยกันตลอดรอดฝั่ง
ในวันครบรอบแต่งงาน เหวินซือถูกเมียน้อยของสามีวางยาและไปมีอะไรกับคนแปลกหน้า เธอสูญเสียความบริสุทธิ์ไป แต่เมียน้อยคนนั้นกลับตั้งท้องลูกของสามี ภายใต้ความกดดันต่างๆ เหวินซื่อสูญรู้สึกสิ้นหวังและตัดสินใจหย่า แต่สามีของเธอกลับไม่แยแสโดยคิดว่าเธอกำลังเล่นลูกไม้อยู่ หลังจากการหย่ากัน เหวินซือกลายเป็นจิตรกรที่มีชื่อเสียงและมีผู้ชายนับไม่ถ้วนที่ตามจีบเธอ อดีตสามีไม่ยอมและขอคืนดีไปถึงที่ จากนั้นก็ว่า เธออยู่ในอ้อมแขนของคนใหญคนโตคนหนึ่ง และชายคนนั้นก็พูดอย่างสงบว่า "ดูให้ดี นี่คือพี่สะใภ้ของนาย"