คราแรกเข้ามาทำเป็นรักเพื่อผลประโยชน์ ทว่าความน่ารักอ่อนโยนของเธอก็ทำให้หัวใจที่ถูกทำร้ายจนเหี่ยวเฉากลับมามีความสดชื่นอีกครั้ง ชีวิตรักของธารดาวและแสนรักไม่ได้สวยงามดั่งใจที่หวัง เพราะแผนการร้ายที่ชายหนุ่มเริ่มต้นเอาไว้ มันย้อนกลับมาทำร้ายความสัมพันธ์ของพวกเขาจนไม่เหลือชิ้นดี เมื่อคำว่ารักจากลมปากชายหนุ่มกลายเป็นแค่คำหลอกลวงสำหรับหญิงสาวที่กำลังอุ้มท้องลูกของคนใจร้าย เธอจะจัดการชีวิตยังไงต่อไป ติดตามอ่านเรื่องราวของพวกเขาทั้งสองได้ในเรื่อง ลวงรักเจ้าสาวบ้านไร่ ได้เลยนะคะ เนื้อหาในนิยายไม่ว่าจะเป็นชื่อคนหรือสถานที่ล้วนเกิดจากจินตนาการ ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามการอัปเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว นะคะ ธารดาวในชุดคลุมท้องสีชมพูหวานยืนโอบกอดหน้าท้องที่เพิ่งนูนออกมาเล็กๆ หญิงสาวยิ้มทั้งน้ำตาเพราะรู้สึกมีความสุขและทุกข์ใจไปในคราวเดียวกัน ไม่ได้อยากส่งพลังงานไม่ดีไปยังลูกน้อยในท้อง แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรเธอก็ไม่สามารถลืมความข่มขื่นใจใจที่เพิ่งเจอมาได้เลย “แม่ขอโทษนะลูก แม่จะพยายามเข้มแข็งให้เร็วที่สุด แม่สัญญา” ธารดาวนึกย้อนกลับไปในอดีตที่ผ่านมาไม่นานนัก ก่อนหน้านี้เธอและพี่ชายได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุขในไร่แสงฟ้า ไร่ที่เป็นมรดกตกทอดมาจากยายของเธอ ชีวิตของเธอเป็นไปอย่างเรียบง่ายในวิถีชีวิตที่ชนบท จนกระทั่งมีใครบางคนเข้ามาในชีวิต เขาให้ทั้งความสุขที่เธอไม่เคยพานพบ และก็ให้ความทุกข์ระทมใจที่เธอไม่เคยได้รับมาก่อนเช่นกัน
เมื่อยามลมหนาวพัดมาคนในไร่แสงฟ้าก็รวมตัวกันก่อไฟผิงกันที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ใกล้กับโรงครัวของไร่ในยามเช้ามืด บ้างก็นั่งดื่มกาแฟ บ้างก็นั่งปิ้งกล้วยเผามันที่ข้างกองไฟเสียเลย เป็นเรื่องปกติไปแล้วสำหรับกิจกรรมของคนในไร่เมื่อเข้าสู่หน้าหนาวในวันที่อากาศเย็นจัด
ไร่แสงฟ้าแห่งนี้มีพื้นที่กว้างใหญ่เป็นพันๆ ไร่ ตั้งอยู่ที่จังหวัดแพร่ ในไร่ครึ่งหนึ่งทำเป็นสวนป่า ส่วนที่เหลือทำเป็นไร่ชา ไร่สตรอเบอรี่ รวมไปถึงแบ่งพื้นที่สร้างรีสอร์ทกับร้านอาหาร
กิจการทั้งหมดควบคุมดูแลโดยพ่อเลี้ยงธาราและธารดาวน้องสาวของพ่อเลี้ยงที่ทำหน้าที่ดูแลบัญชีของไร่
“มันเผาที่นี่อร่อยแล้วก็หวานมากๆ เลยอะแก”
นับพันได้มีโอกาสตื่นเช้ามานั่งเผามันที่ไร่แสงฟ้าครั้งแรกก็รู้สึกติดใจรสชาติสดใหม่ของมันเผาที่นี่เสียแล้ว ก่อนหน้านี้เคยมาพักที่นี่บ่อยๆ แต่ก็ไม่เคยได้ทำกิจกรรมเช่นนี้เสียที เพราะไม่ค่อยได้มาในหน้าหนาว เห็นทีหลังจากนี้ถ้าเข้าฤดูหนาวเมื่อไหร่จะต้องแวะเข้ามาพักที่ไร่ของธารดาวทุกปีแล้ว
“ทำอย่างกับไม่เคยกินมันเผาอย่างงั้น”
ณัชชาจีบปากจีบคอพูดกับเพื่อนรักที่กำลังตื่นเต้นกับมันเผา
“จะไปเคยกินได้ยังไง ตอนที่เคยมาก็ไม่ใช่หน้าหนาวที่อากาศเย็นขนาดนี้ แถมกว่าจะปลุกแม่คนขี้เซาตื่นได้ก็พระอาทิตย์ขึ้นแล้ว”
ธารดาวยิ้มเจ้าเล่ห์ เอ่ยหยอกเอิญนับพันด้วยท่าทางขบขัน หากเธอไม่บอกว่าหมอตุลย์เพื่อนรักของพี่ชายออกมานั่งผิงไฟในยามเช้ามืด เพื่อนเธอคงไม่ยอมตื่นแล้วลุกจากเตียงนอนออกมานั่งทำกิจกรรมยามเช้าด้วยแน่
“นั่นสินะ ฉันก็ลืมคิดไป”
“ชิ” เงียบปากเดี๋ยวนี้นะ”
นับพันถลึงตาโตใส่เพื่อนทั้งสองที่ดูท่าจะพูดเรื่องไม่ดีของเธอไม่จบ หมอตุลย์นั่งอยู่ไม่ไกลจากกลุ่มของเธอนัก เธอไม่อยากให้คนที่แอบชอบมองเธอไปในทางที่ไม่ดี
“เออหนาว ฉันได้ข่าวว่าลุงเด่นจะมาขอส่วนแบ่งมรดกคุณยายด้วยเหรอ”
ณัชชาเริ่มกระซิบกระซาบเมื่อต้องถามถึงเรื่องในครอบครัวของธารดาว เพราะคราวที่แล้วที่พ่อของเธอมาดูคุณภาพไม้ที่สวนป่าก่อนจะรับเข้าโรงงานเฟอร์นิเจอร์ของตัวเองยังเห็นเด่นหล้ามาโวยวายขอส่วนแบ่งพื้นทีในไร่กับธาราอยู่เลย
“อืม เค้าก็ได้แต่โวยวาย แต่ก็ไม่มีสิทธิ์อยู่ดี เพราะไร่นี้เป็นของเพื่อนคุณยายที่ให้กรรมสิทธิ์กับคุณยายแค่คนเดียวเท่านั้น แล้วคุณยายก็เขียนในพินัยกรรมชัดเจนว่ายกไร่ให้ฉันกับพี่เหนือแค่สองคน”
“ผัวเมียคู่นั้นเค้าอยากได้อยากดีอะไรขนาดนั้น โรงสีข้าวของคุณตาแกก็ได้ไปแล้ว คุณตากับคุณยายแกเลี้ยงลูกเสือลูกตะเข้แท้ๆ เลย”
นับพันพอจะรู้รายละเอียดเรื่องการแบ่งมรดกของครอบครัวธารดาวอยู่เหมือนกัน คิดว่าสิ่งที่เด่นหล้าได้ไปก็มีมูลค่ามหาศาลพอสมควรทั้งที่เป็นแค่ลูกเลี้ยง ยังจะอยากได้ในสิ่งที่ไม่ใช่ของตัวเองอีก ความโลภมันไม่เข้าใครออกใครจริงๆ
“อย่าไปพูดถึงพวกเค้าเลย พาลปวดหัวเปล่าๆ”
นึกถึงเรื่องของคนที่มีศักดิ์เป็นลุงธารดาวก็ไม่สบอารมณ์ เธอคิดว่าเขาจะไม่มายุ่งเกี่ยวกับครอบครัวของเธอตั้งแต่คุณตาของเธอเสียไปแล้วเสียอีก เพราะเด่นกล้าได้รับมรดกจากตาของเธอมากกว่าลูกสาวแท้ๆ อย่างแม่เธอด้วยซ้ำ
เธอเดาได้เลยว่าเด่นหล้าคงถูกภรรยาอย่างสายสมรเป่าหูให้มาหาเรื่องอยากได้ที่ดินที่ไร่แน่นอน ลำพังเรื่องสู้กันด้วยหลักฐานซึ่งๆ หน้าว่าเขามีสิทธิ์ในพื้นที่แห่งนี้หรือไม่ เธอเชื่อว่าทางฝั่งของเธอชนะเห็นๆ แต่หากอีกฝ่ายเล่นไม่ซื่อข้อนี้น่ากลัว
“นี่...คนนั้นใคร ฉันไม่เคยเห็นหน้ามาก่อนเลย”
เมื่อคนงานเลิกจับกลุ่มกันและลุกออกไปยืดเส้นยืดสาย นับพันก็ดึงผ้าที่คลุมหัวล่นมากองเอาไว้ตรงบ่า และมองไปยังผู้ชายรูปร่างบึกบึนสูงใหญ่ที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่เงียบๆ คนเดียว เธออดที่จะเพ่งสายตาไปมองเขาอย่างละเอียดไม่ได้ เพราะอยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใคร
ธารดาวมองตามสายตาของนับพันจนไปเห็นแสนรักที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่คนเดียวก็เริ่มแสยะยิ้มออกมา
“อ๋อ นั่นพี่แสนคนขับรถคนใหม่น่ะ พี่เหนือเพิ่งจะรับมาเดือนที่แล้วเอง”
“ไม่บอกไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าเค้าคือคนขับรถ หล่อยังกับนายแบบแน่ะ ไม่เป็นขวัญใจสาวๆ ในไร่เลยเหรอ”
นับพันอดเอ่ยปากชมคนขับรถคนใหม่ของธารดาวไม่ได้ เพราะชายหนุ่มดูมีออร่าผิวพรรณผุดผ่อน ทั้งหน้าตายังหล่อเหลาดูสะอาดสะอ้าน แม้จะอยู่ในชุดทำงานเก่าๆ ก็ยังดูดีจนเธอแทบจะละสายตาไม่ได้เลยทีเดียว
“ขนาดแกนั่งอยู่ตรงนี้ยังสนใจเค้าเลย นั้บประสาอะไรกับคนอื่นล่ะ”
ธารดาวส่ายหัวน้อยๆ คราแรกที่เธอเห็นชายหนุ่มวัย29คนนี้ก็มีอาการชื่นชมเขาเช่นนับพันเหมือนกัน เพราะทั้งหน้าตาและผิวพรรณของเขาดูอ่อนกว่าวัยมากพอสมควร ทั้งยังเป็นคนที่สุภาพและมีมารยาทมากๆ อีกด้วย
“จะเปลี่ยนใจจากพี่หมอมาเป็นคนขับรถสุดหล่อเหรอจ๊ะ”
ณัชชาหยอกนับพันที่เอาแต่นั่งจ้องผู้ชายใต้ต้นไม้ใหญ่ไม่ว่างสายตา
“ฉันไม่ใช่คนหลายใจย่ะ”
นับพันรีบดึงสติหันกลับมามองค้อนณัชชา ไม่ว่าจะเจอคนหล่อคนดีกว่าหมอตุลย์แค่ไหนนับพันก็ไม่มีทางที่จะสนใจไปมากกว่าหมอตุลย์ผู้ที่เป็นรักแรกของเธอแน่นอน
หลังหมดกิจกรรมเดินเล่นชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าจบ สามสาวก็มานั่งกันอยู่ที่ร้านอาหารของรีสอร์ท แม้มื้อเช้าจะมีน่าตาน่ารับประทานเพียงใดแต่ตอนนี้นับพันก็รู้สึกรับประทานอะไรไม่ลง เพราะเมื่อครู่เธอถูกคนเป็นพ่อบังคับให้กลับไปที่บ้าน เพราะกลัวว่าลูกสาวของตัวเองจะกลายไปเป็นครูอยู่ต่างจังหวัดอย่างที่เคยเกริ่นเอาไว้
“ใจฉันก็อยากอยู่ต่อนะ แต่ฉันต้องเข้าไปคุยกับคุณพ่อคุณแม่ให้รู้เรื่องว่าฉันจะยังไม่เข้าไปช่วยงานที่โรงเรียน”
นับพันพูดอู้อี้ ทั้งที่เธอเคยพูดกับพ่อและแม่เอาไว้แล้วแท้ๆ ว่าอยากจะทำประโยชน์ให้สังคมสักสองสามปี โดยการขึ้นไปเป็นครูอาสาบนดอย แต่พ่อกับแม่ของเธอก็เอาแต่ขัดขวางอยู่ร่ำไป ด้วยให้เหตุผลว่าไม่อยากให้เธอลำบาก
“เอาใจช่วยนะนับ”
ธารดาวรู้ดีว่าคนอย่างนับพันมุ่งมั่นอะไรแล้วก็จะทำให้ได้ แต่หากมีการขัดขวางจากครอบครัวเธอก็รู้สึกหนักใจแทนเพื่อนพอสมควร
“ฉันก็ด้วย”
ณัชชายื่นมือแตะบ่านับพันเพื่อให้กำลังใจ คราแรกเธอคิดว่านับพันอยากจะไปเป็นครูอาสาบนดอยเพราะเห็นหมอตุลย์อาสาไปรักษาคนบนดอยบ่อยๆ แต่ตอนนี้เธอเชื่อแล้วว่านับพันน่าจะอยากทำในสิ่งที่ตั้งใจด้วยตัวเองจริงๆ
หากเป็นคนอื่นที่ขัดขวางนับพันเธอก็พร้อมจะช่วยพูดให้เพื่อนเธอได้สมหวัง แต่นี่เป็นครอบครัวของนับพัน หากเธอไปแซกแทรงเรื่องครอบครัวของเพื่อนมันคงไม่ดีเท่าไหร่ ทำได้ดีที่สุดก็คือการให้กำลังใจ
เขาพรากแม่ของเธอไปยังไม่พอ ยังมาพรากอิสระของชีวิตโดยการให้เธอแต่งงานกับเขาอีก ดวงตาของเธอ...มองไม่เห็น เพราะผลพวงจากการเกิดอุบัติเหตุครั้งนั้น อุบัติเหตุที่พรากแม่ของเธอไปตลอดกาล หากเป็นไปได้เธอก็อยากจะจากโลกนี้ไปพร้อมกับแม่ จะได้ไม่ต้องมาถูกคนเป็นพ่อบังคับให้แต่งงานกับคนที่พรากชีวิตแม่ของเธอไป เพราะต้องการเงินมาใช้หนี้ นิยายเรื่องนี้เกิดจากจินตนาการของผู้เขียนไม่ได้มีเจตนาจงใจอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ พูดคุยและติดตามอัพเดตนิยายเรื่องใหม่ๆ ได้ที่ FB: ไรท์เกว
“ออกไปให้พ้นจากชีวิตพราว คนอย่างคุณมันไม่เคยรักใครนอกจากตัวเอง” “ไม่ว่าจะยังไงผมก็ไม่ยอมปล่อยคุณไปจากชีวิตเด็ดขาด เพราะผมต้องการให้คุณเป็นเมียน้อยผมต่อไป” ตัวอย่างบางตอน “จะรีบไปไหนเรายังไม่ได้คุยกันเลย” “ปล่อย พราวไม่มีอะไรจะคุยกับคุณ” สาวเจ้าพยายามสะบัดมือหนาที่น่าขยะแขยงหมายจะให้มันหลุดพ้นไปจากแขนของเธอ ทว่าคนที่มือเหนียวปานตุ๊กแกก็ไม่ยอมปล่อยแขนเธอให้หลุดมือไปง่ายๆ ไม่พอแค่นั้นเขายังรวบอุ้มเธอพาดบ่าแล้วเดินดุ่มไม่อายสายตาของคนที่อยู่ระแวกนี้แม้แต่น้อย หากเขาไม่อายเธอเองก็จะแหกปากร้องอย่างให้คนช่วยอย่างไม่อายเช่นกัน เพราะไม่อยากจะอยู่แนบชิดกับตะวันวาดแม้แต่นาทีเดียว “ช่วยด้วยค่า ไอ้บ้านี่มันลักพาตัวฉันค่า ช่วยด้วย...” ปากเล็กตะโกนร้องให้คนช่วย ในขณะที่มือน้อยฟาดกำปั้นทุบไปที่แผ่นหลังกว้างไม่ขาดช่วง “แหกปากไปเถอะไม่มีใครช่วยคุณ ที่นี่มีแต่คนของผมทั้งนั้น” ตะวันวาดยังคงเดินเยื้องย่างสบายอารมณ์จนไปถึงลานจอดรถ หลังจากนั้นเขาก็จับพราวจันทร์ยัดเข้าไปในรถตู้ที่นครินทร์จอดรอพวกเขาอยู่แล้ว “ทำชั่วกันเป็นขบวนการจริงๆ” นครินทร์สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อพราวจันทร์สบถขณะมาถึงรถ ไม่รู้ว่าเจ้านายตนไปมีเรื่องอะไรกับหญิงสาวก่อนหน้า แต่เขาก็ต้องพยายามทำตัวให้นิ่งที่สุดเท่าที่จะทำได้ และทำหน้าที่ขับรถต่อไปตามที่เจ้านายสั่งเท่านั้น “ถ้าอยากกลับถึงกรุงเทพอย่างปลอดภัยผมขอให้คุณสงบปากสงบคำเอาไว้ดีกว่า” พูดจบตะวันวาดก็ปรับเบาะนอนสบายอารมณ์ พราวจันทร์หันไปมองคนที่นอนอยู่เบาะข้างๆ ด้วยสีหน้าแววตาไม่สบอารมณ์บวกกับความฉงนหนัก ไม่อยากจะเชื่อว่าตะวันวาดจะหลับตาลงได้ในขณะที่เธอยังคงกระวนกระวายใจเพราะความเผด็จการของเขา ท่าทางคงจะทำไม่ดีกับคนอื่นจนชินเป็นนิสัยถึงได้ทำไม่รู้ร้อนรู้หนาวได้เก่งในเวลาที่ต้องบังคับคนอื่น
“อย่ามาแตะตัวฉัน” พลอยชมพูถอยห่างและส่งเสียงแข็งปรามอีกฝ่ายเมื่อเขากำลังยื่นมือหมายจะเชยคางของเธอ “อย่าหวงตัวไปหน่อยเลย เพราะถ้าคุณหวงตัวกับผม พ่อของคุณนั่นแหละจะเจ็บตัว” นี่หรือคนที่เธอเคยชื่นชมว่าเป็นสุภาพบุรุษ ตอนนี้เขาทำกับเธออย่างป่าเถื่อนและโหดร้าย เพียงเพราะต้องการที่จะใช้เธอเป็นเครื่องมือแก้แค้นพ่อของเธอ ผิดด้วยหรือที่เขาใจร้าย ในเมื่อเขาถูกกระทำให้เป็นแพะรับบาปว่าฆ่าพ่อตัวเองก่อน และเธอ...ก็เป็นเครื่องมือที่ดีที่สุดที่เขาจะใช้ในการแก้แค้น เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ
“ไม่ขายแล้วโว้ยนิยาย ขายตัวดีกว่า” เพราะคำที่ตะโกนออกไปในตอนที่เมา เป็นผลพวงทำให้เธอได้ป่าวประกาศว่า “ประธานคนนี้สามีของฉัน” ในวันแต่งงาน เธอ นักเขียนนิยายที่เริ่มย่อท้อในการเป็นนักเขียน เพราะไม่ว่าจะทำยังไงเธอก็ไม่ประสบผลสำเร็จในเส้นทางนี้เสียที เธอนั่งดื่มคลายเครียดแล้วตะโกนว่าอยากขายตัวในขณะที่ไม่มีสติ... เขา ประธานผู้บริหารโรงพยาบาลเอกชนยักษ์ใหญ่ ผู้ที่เชื่อมั่นในรักแรกพบ ในเมื่อคนที่ถูกตาต้องใจเสนอขายตัวมาแล้ว มีหรือเขาจะไม่สนอง... เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการ ไม่มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามอัพเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว
“จำเอาไว้ ถ้าคุณมีลูกเมื่อไหร่ วันนั้นผมจะพรากลูกคุณไปให้ไกลแสนไกล คุณจะต้องเจ็บปวดทรมานเจียนตาย ให้สาสมกับที่เข้ามาหลอกลวงผม” เพราะคำประกาศิตนี้เธอถึงให้เขารู้เรื่องลูกไม่ได้ ชื่อตัวละคร ชื่อสถานที่ และเนื้อหาในนิยายล้วนเกิดขึ้นจากจินตนาการของนักเขียน ไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามการอัพเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว ตัวอย่างบางตอน เจ้าเอยเดินหน้าเศร้ามายืนอยู่ที่หน้าห้องทำงานของมานูแอล เธอยืนถอนหายใจครู่หนึ่งก่อนที่จะตัดสินใจเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ก๊อก เธอเคาะประตูเรียบร้อยก็เปิดประตูเดินก้มหน้าก้มตาเข้าไปด้านใน “ไปไหนมา” เสียงแข็งที่เอ่ยทักทายทำเข้าเอยเริ่มกำมือกันแน่น ประหม่ากับเรื่องที่จะพูดกับมานูแอลพอสมควร “เอยขอยืมเงินคุณสักห้าหมื่นได้ไหมคะ แล้วเอยจะรีบหามาคืนค่ะ” เธอไม่อยากลงรายละเอียดว่าจะเอาเงินไปจ่ายค่ารักษาของพ่อ เดี๋ยวจะถูกมองสิ่งที่เธอต้องการจากเขาก็มีเพียงแค่เงินเท่านั้น “หึ่...” มานูแอลละสายตาจากการมองหน้าจอไปแพดในมือ เขาสบถในลำคอเสมือนกำลังเยาะเย้ยตัวเองและหญิงสาวไปพร้อมๆ กัน เขารู้ความจริงเรื่องที่เธอเข้ามาในชีวิตจเขาเพราะเงินไม่เท่าไหร่ วันนี้หญิงสาวก็แบกหน้ามาขอให้เขาช่วยเหลือเรื่องเงินอย่างหน้าไม่อาย “ผมไม่ให้ยืม แต่ผมจะให้เป็นค่าตัว แค่คุณนอนอ้าขาให้ผมระบายอารมณ์ ผมจะให้คุณครั้งละสองหมื่น” สิ้นเสียงของมานูแอเสมือนมีก้อนอะไรแข็งๆ ติดอยู่ที่คอของเจ้าเอย เธอกลืนน้ำลายไม่ลงคอ ทั้งยังต้องพยายามกลั้นน้ำตาเพราะรู้ตัวว่ากำลังถูกดูถูกค่าความเป็นคน แต่ยังไงเธอก็ต้องยอม “ครั้งนี้ผมจะให้ห้าหมื่นตามที่คุณขอก็แล้วกัน อีกสองชั่วโมงผมจะเข้าไปที่ห้องนอนคุณก็จัดการตัวเองให้เรียบร้อยก็แล้วกัน” เจ้าเอยพยักหน้าน้อยๆ รับคำของมานูแอล หลังจากนั้นจึงรีบหันหลังให้เขาและเดินออกไปจากห้องทำงานของชายหนุ่ม เพราะไม่อยากให้เขาได้เห็นน้ำตาจากความอ่อนแอของเธอ
“เหนื่อยทั้งกายเหนื่อยทั้งใจค่ะ แต่ม่อนไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ อยู่แล้วค่ะ หัวใจของเค้าเป็นของม่อนมาตั้งแต่แรก แค่ตอนนี้กำลังล่องลอยไม่รู้จุดหมาย แต่ม่อนจะตามหัวใจของเค้ากลับมาอยู่ที่ม่อนเหมือนเดิมให้ได้ค่ะ” เนื้อหาในนิยายล้วนเกิดจากจินตนาการไม่ได้มีเจตนาอ้างอิงถึงใครหรือสิ่งใด ขอทำความเข้าใจ ณ ที่นี้ด้วยนะคะ ติดตามอัพเดตนิยายใหม่ๆ หรือพูดคุยกับไรท์ได้ที่ FB: ไรท์เกว ตัวอย่างบางตอน “แผล...แอล” หญิงสาวรีบพลิกตัวชายหนุ่มเพื่อดูรอยแผลเป็นตรงหัวไหล่ข้างซ้ายของเขา รอยแผลของเขายังอยู่ เธอคิดไม่ผิดจริงๆ ว่ายังไงเขาก็คือแอลคนรักของเธอ “ผมไม่ใช่แอล” ลอเลนโซพลิกตัวกลับมาพูดกับหญิงสาวเสียงเข้ม อันที่จริงเขาตื่นก่อนเธอนานแล้วและสามารถออกไปจากบ้านของเธอได้แต่ไม่คิดจะทำ เพราะอยากจะรู้เท่านั้นว่าหากเธอตื่นมาเจอเขาอยู่ข้างๆ จะมีปฏิกิริยาอย่างไร “ถ้าไม่ใช่ แล้วคุณมายุ่งกับฉันทำไม” หญิงสาวตวาดเสียงสั่นเพราะโมโหที่เธอจับเขาได้ขนาดนี้ยังจะมาปฏิเสธหน้าด้านๆ มือเรียวกำหมัดกันแน่น ดวงตาคู่สวยเริ่มมีน้ำตาคลอจ้องมองค้อนคนข้างกายไม่วางตา “ผมเป็นผู้ชาย คุณเสนอมาผมก็แค่สนองไปก็เท่านั้น อ่อ... ถ้าติดใจครั้งหน้าผมก็น่าจะแอบมาเจอคุณได้” “อย่ามาดูถูกฉันนะ” “ก็คุณ...ทำตัวให้ผมดูถูกเอง ถ้าไม่อยากถูกผมมองอย่างดูถูกอีก ก็อยู่ให้ห่างผมเข้าไว้เข้าใจใช่ไหม” เขายื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูของคนที่กำลังมีน้ำตาด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ออกไปจากบ้านฉัน อ๊าย... ฮือๆๆๆ...” ม่อนไหมผลักใบหน้าลอเลนโซเต็มแรง เธอกรีดร้องลั่นด้วยความเจ็บใจและฟุบหน้ากอดเข่าร้องสะอึกสะอื้นไม่ยอมเงยหน้ามองความเป็นจริง
มังกร หนุ่มหล่อหน้าใสลูกชาวไร่ชาวนา อายุ 22 ปี ที่ได้รับทุนเรียนดีจนจบมหาวิทยาลัย ได้แบกร่างกายพาหัวใจอันแตกสลายกลับบ้านเกิดทันทีในวันที่จบการศึกษา เพราะบิดามารดาได้เสียชีวิตกระทันหันทั้งคู่หลังจากกลับจากการนำข้าวไปขายและโดนสิบล้อที่เบรคแตกเสียหลักพุ่งชนรถของพ่อแม่ของมังกร เมื่อสูญเสียพ่อและแม่ไปอย่างกระทันหันเขาจึงกลับบ้านเกิดเพื่อไปทำไร่ทำนาสานฝันของพ่อแม่และนำความรู้ที่ได้เรียนมากลับมาพัฒนาที่ดินมรดกในบ้านเกิด หากแต่ว่ามังกรยังไม่ทันได้ทำอะไรเขากลับตายลงอย่างไม่ทันตั้งตัว ตายแบบไม่ตั้งใจและไม่เต็มใจที่สุด เขาจำได้เพียงแค่ว่าหลังจากเดินทางกลับมาถึงบ้านเกิดเขาได้ไปไหว้พ่อกับแม่ที่วัดในหมู่บ้าน แล้วก็กลับมานอนแต่พอเขากลับตื่นขึ้นมาในร่างของเด็กชาย อายุ 8ขวบ กับบ้านพุๆพังๆ เขาตื่นมาในร่างของคนอื่นไม่พอ แล้วเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่นี่มันที่ไหน และใครพาเขามา แล้วมังกรจะทำยังไงต่อไปกับชีวิตที่อยู่ในร่างเด็กชายยากจนคนนี้ มาติดตามชีวิตใหม่ของมังกรกันต่อไปค่ะ
ในช่วงสามปีที่หลูเฉียนหนิงอยู่ข้างๆ เขา โจวเป่ยจิ้งคิดอยู่เสมอว่าเธอเป็นเพียงผู้ช่วยพิเศษ เธอต้องการเงินเพื่อรักษาอาการป่วยของแม่ และจะไม่มีวันจากตนเองไป ครั้งแล้วครั้งเล่า ให้เงินแลกกับความต้องการอย่างชัดเจน ในที่สุด เมื่อเขาเกือบจะหลงใหลนั้น หลูเฉียนหนิงก็ไม่อดทนอีกต่อไป "มีคนรักในใจแล้ว ยังนอนกับฉันทุกวัน คุณชั่วชัดๆ" เมื่อข้อตกลงการหย่าถูกโยนต่อหน้าต่อตา โจวเป่ยจิ้งก็ตระหนักว่าภรรยาลึกลับที่เขาแต่งงานเมื่อหกปีที่แล้วกลับคือเธอ? จากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ขึ้นชื่อเป็นชายเจ้าชู้อละตามจีบภรรยาทั้งยังเอาเปรียบเธอ! เขาอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนด้วยทัศนคติที่เผด็จการและเอาใจเธออย่างเต็มที่ เมื่อทุกคนรังเกียจที่เธอมีภูมิหลังที่ต่ำต้อย เขาก็มอบทรัพย์สินและหุ้นของตระกูลทั้งหมดอย่างตรงๆ และเข้าไปอยู่บ้านของตระกูลหลู จู่ๆ เธอก็กลายเป็นประธานหลู ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินนับไม่ถ้วน และทุกคนอิจฉา แต่โจวเป่ยจิ้งกลับตกลงไปในวังวนที่ใหญ่กว่านั้น...
หลังจากแต่งงานกันมาสามปี เวินเหลี่ยงก็ยังไม่เคยได้ความรักจากฟู่เจิ้งแต่อย่างใดเลย เมื่อรักแรกของเขากลับมา สิ่งที่รอเธออยู่คือหนังสือการหย่า "ถ้าฉันมีลูก คุณยังเลือกหย่าไหม?" เธออยากจับโอกาสสุดท้ายนี้ไว้ แต่แล้วมีแต่คำตอบที่เย็นชาว่า "ใช่" เวินเหลี่ยงหลับตาและเลือกที่จะปล่อยมือ ...ต่อมาเธอนอนอยู่บนเตียงคนไข้ด้วยความสิ้นหวังและลงนามในข้อตกลงการหย่า "ฟู่เจิ้ง เราไม่ได้เป็นหนี้กันอีกต่อไปแล้ว..." ชายที่มีความเด็ดขาดและเย็นชามาโดยตลอดนอนอยู่ข้างเตียงขอร้องให้อีกฝ่ายกลับมาด้วยเสียงแผ่วเบา "เหลียง ได้โปรดอย่าหย่าได้ไหม?"
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
"คุณต้องการเจ้าสาว ส่วนฉันก็ต้องการเจ้าบ่าว ทำไมเราไม่แต่งงานกันล่ะ?" ภายใต้เสียงเยาะเย้ยของทุกคน ถังเลี่ยน ซึ่งถูกคู่หมั้นของเธอทอดทิ้งในพิธีแต่งงาน กลับแต่งงานกับเจ้าบ่าวพิการข้างบ้านที่ถูกรังเกียจ ถังเลี่ยนคิดว่าอวิ๋นเซินเป็นชายหนุ่มที่น่าสงสาร และเธอสาบานว่าจะให้ความรักใคร่แก่เขาและตามใจเขาหลังแต่งงาน ใครจะรู้ว่าเขาแกล้งเป็นแบบนั้น... ก่อนแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "เธอต้องสนใจเงินของผมถึงยอมแต่งงานกับผม ผมจะหย่ากับเธอหลังจากที่ผมใช้ประโยชน์เธอเสร็จ" หลังแต่งงาน อวิ๋นเซินว่า "ภรรยาของผมต้องการหย่าทุกวัน แต่ผมไม่อยากหย่า ทำอย่างไรดีล่ะ"
“หยุดทำบ้าๆ นะพี่สิงห์...อ๊อย...” น้ำผึ้งขนลุกซู่ เขาจูบไซ้ซอกคอของหล่อน ขณะหญิงสาวกำลังยืนส่องกระจกอยู่หน้าอ่างล้างหน้า “พี่ขออีกนิด แค่ภายนอกเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่เสียหายอะไรนี่นา...นะครับ” พี่เขยปะเหลาะปะแหละอย่างคนเอาแต่ได้ เสียงออดอ้อนอ่อนหวานเริ่มทำให้น้องเมียใจอ่อนหวามไหว ปล่อยให้มือของเขาเคล้นคลึงสะโพกของหล่อนอย่างนึกมันเขี้ยว สอดท่อนแขนเข้ามาระหว่างง่ามก้น หงายฝ่ามือลูบไล้เข้ามาถึงหนอกเนื้ออุ่นจัดอีกครั้ง ตะล่อมล้วงเข้ามาโอบเนินนูนเหมือนหลังเต่า บีบขยำเบาๆ เหมือนจะประมาณความอวบใหญ่ล้นอุ้งมือ “ของผึ้งใหญ่จัง” มือสัมผัสกลีบเนื้อเป็นพูแน่น โหนกนูนและใหญ่กว่าของเจนนี่มากมาย “อ๊าย...” น้ำผึ้งเสียว กระดกก้นขึ้นโดยอัตโนมัติ สิงหาบีบขยำความเป็นผู้หญิงของหล่อนเป็นจังหวะ หัวใจเต้นแรงกับความอวบใหญ่ที่อัดแน่นอยู่ในอุ้งมือของตน “อย่า...พี่สิงห์...หยุดเดี๋ยวนี้นะ เดี๋ยวพี่เจนนี่มาเห็นผึ้งซวยแน่ๆ” น้องเมียร้องห้ามอย่างสับสนใจ ส่ายก้นทำท่าว่าจะดิ้นหนี แต่ช้ากว่ามือใหญ่ของสิงหาอีกข้างที่กดลงบนแผ่นหลังของหล่อนเหมือนจะล็อกกายไม่ให้ขยับหนี