เธอถูกทำร้ายโดยสามีและชู้จนเสียลูกในท้องไป ครานี้เธอกลับได้ลูกโดยไม่ต้องท้องมีหรือที่เธอจะไม่รักและปกป้องเด็กคนนี้ ว่าแต่พ่อของเด็กคือใครกัน….
เสียงประทัดดังสนั่นไปทั่วบริเวณ ตลอดจวนแม่ทัพถูกตกแต่งไปด้วยคำมงคลและประดับประดาไปด้วยผ้าสีแดงงดงาม ผู้คนเริ่มทยอยเข้ามาร่วมงานมงคลนี้อย่างคับคั่ง
“นี่เจ้ารู้หรือไม่”
“รู้อะไรงั้นหรือ”
“เขาลือกันว่า เหตุที่ท่านแม่ทัพตะวันออกหยางเฟยหย่าต้องแต่งกับคุณหนูใหญ่จวนเซวียนั้นล้วนแล้วแต่เพราะจำใจเท่านั้น”
“จำใจงั้นหรือ...แต่การแต่งงานของตระกูลใหญ่ ๆ ส่วนมากแล้วหากมิใช่เพราะผลประโยชน์ก็ไม่สามารถเป็นเรื่องอื่นไปได้มิใช่หรือ”
“เจ้าไม่รู้อะไร เมื่อครั้งอดีตเสนาบดีเซวียนั้นเคยช่วยเหลืออดีตแม่ทัพหยางซึ่งเป็นบิดาของแม่ทัพหยางเฟยหย่าไว้ ดังนั้นอดีตแม่ทัพหยางจึงได้ปฏิญาณไว้ว่าหากมีบุตรชายจะให้หมั้นหมายและแต่งงานกับบุตรีคนโตของตระกูลเซวีย”
“เช่นนี้ก็ถูกต้องแล้วมิใช่หรือ”
“เจ้าเนี่ยนะ ช่างไม่รู้อะไรจริง ๆ”
“อะไร ไหนเจ้าลองเล่ามาสิ เท่าที่ข้ารู้มาคุณหนูใหญ่ตระกูลเซวียนั้นทั้งงดงามและอ่อนโยนมีความเป็นกุลสตรี เช่นนี้แล้วจะไม่เหมาะกับแม่ทัพหยางได้อย่างไร ทั้งสองตระกูลก็ล้วนแล้วแต่มีหน้ามีตาอีกทั้งยังฐานะทัดเทียมกัน อายุของทั้งสองก็....เหมาะแก่การออกเรือน เช่นนี้แล้วยังจะมีสิ่งใดไม่เหมาะอีก”
“เจ้านี่ก็เหลือเกิน หากเป็นเช่นเจ้าว่าข้าคงจะสบายใจมากกว่านี้ ดูเหมือนในจวนเซวียนั้นไม่สงบเท่าใดนัก หากคุณหนูใหญ่เซวียไม่รีบแต่งงานเข้าจวนแม่ทัพเสียแต่ตอนนี้ เกรงว่าอีกไม่นานอาจจะไม่ได้ออกเรือนกับคนดี ๆ เช่นแม่ทัพหยางก็เป็นได้”
“ทำไมกัน”
“ดูเหมือนตอนนี้หลังบ้านของจวนตระกูลเซวียจะไม่สงบเท่าไหร่นัก”
“เจ้านี่ก็ช่างรู้มากเสียเหลือเกิน นั่น ๆ ขบวนเจ้าสาวมาแล้ว”
ขบวนเจ้าสาวถูกรับเข้าจวนแม่ทัพตามประเพณีทุกอย่างถูกจัดอย่างเรียบง่ายแต่ยิ่งใหญ่ ในมุมลับตาไม่ไกลออกไปกลับมีสตรีดวงหน้างดงามยืนหน้าตาบูดบึ้งมองพิธีแต่งงานนั้นอย่างอิจฉาริษยา
“คุณหนู”
“ทำไม ทำไมไม่ใช่ข้า ทำไมท่านพ่อต้องให้นางแต่งงานกับคนที่ข้าหมายปอง ทั้ง ๆ ที่ข้าแอบชอบท่านแม่ทัพก่อนพี่หญิงและนางเองก็รู้เรื่องนี้”
“แต่คุณหนูเจ้าคะ เรื่องนี้เป็นนายท่านที่จัดการทั้งหมด แม้คุณหนูจะถูกใจท่านแม่ทัพแต่งานแต่งงานในครั้งนี้คุณหนูใหญ่เองก็ไม่สามารถที่จะปฏิเสธได้ อีกทั้ง......ในสัญญาหมั้นหมายก็ได้กล่าวไว้ว่าต้องเป็นบุตรีคนโตของภรรยาเอกเท่านั้น”
“ก...”
ทันทีที่เซวียอินจะกรี๊ดกลับถูกบ่าวรับใช้คนสนิทรีบนำผ้าปิดปากและลากตัวออกจากตรงนั้นทันที หญิงสาวดิ้นรนและสะบัดตัวให้หลุดพ้นแต่กลับสู้แรงของบ่าวรับใช้ไม่ได้แม้แต่น้อย จนเมื่อพ้นจากผู้คนแล้วบ่าวรับใช้คนสนิทของหญิงสาวจึงได้ปล่อยตัวคุณหนูของตน
“อาลัว นี่เจ้ากล้า...”
“คุณหนู บ่าวเพียงทำตามคำสั่งของอนุจินเท่านั้น หากคุณหนูทำเช่นนั้นต่อหน้าผู้คน พวกเขาจะมองคุณหนูเช่นไร”
“นี่เจ้ากล้าสอนข้าหรือ”
“มิได้เจ้าค่ะ บ่าวเพียงพูดตามคำสั่งของอนุจินก็เท่านั้น”
อาลัว บ่าวรับใช้คนสนิทของเซวียอินที่อนุจินใช้ให้ดูแลบุตรสาวของนาง นางรู้ว่าเซวียอินมีนิสัยอย่างไรแม้จะพยายามแก้ไขแต่เป็นเพราะการตามใจของนางจึงทำให้บุตรสาวมีนิสัยเอาแต่ใจมาตั้งแต่เล็ก วิธีที่ดีที่สุดในตอนนี้คือต้องหาคนที่ไว้ใจได้คอยดูแลและช่วยให้บุตรสาวของนางผ่านพ้นสถานการณ์ที่ทุกข์ยากเหล่านั้นไปให้ได้
“ข้าไม่เข้าใจท่านแม่ เหตุใดถึงต้องยอมให้พี่หญิงใหญ่แต่งกับท่านแม่ทัพแทนข้า ทั้ง ๆ ที่ท่านแม่สามารถพูดแทนข้าก็ได้แล้วแท้ ๆ”
“ดูเหมือนสัญญามิสามารถเปลี่ยนแปลงได้ แต่ฮูหยินจวนแม่ทัพนั้นในอนาคตสามารถเปลี่ยนได้อย่างแน่นอนเจ้าค่ะ”
“เจ้าหมายความว่าอย่างไร”
“เรื่องนี้บ่าวไม่สามารถพูดอะไรมากได้ เพียงแต่อนุจินได้ให้บ่าวแจ้งคุณหนูว่า ให้ทำตัวดี ๆ จนกว่าเรื่องนี้จะจบลง แล้วตำแหน่งฮูหยินจวนแม่ทัพจะเป็นของคุณหนูอย่างแน่นอน”
เมื่อได้ยินบ่าวรับใช้คนสนิทพูดจบเซวียอินยกยิ้มก่อนจะจัดแจงตนเองและเดินนำอาลัวไปยังงานพิธีอีกครั้งดั่งไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น
เสียงกรีดร้องในห้องที่มีหญิงรับใช้เดินพลุกพล่านได้ทำให้เซวียอินมองด้วยรอยยิ้ม
“คุณหนู ดูเหมือนคุณหนูใหญ่ใกล้จะคลอดแล้วนะเจ้าคะ”
“หมอตำแยมาหรือยัง”
“เห็นว่ากำลังไปตามอยู่เจ้าค่ะ”
“หากหมอตำแยมาแล้ว เจ้ารีบพามาหาข้าก่อน”
“เจ้าค่ะ”
“ถึงท่านแม่จะให้ข้ามาอยู่เป็นเพื่อนพี่หญิงใหญ่ยามนี้ แต่ใครจะรู้ว่านางจะรอดหรือไม่ อีกทั้งท่านแม่ทัพเองก็มิได้อยู่จวน เรื่องนี้ต้องขอบคุณท่านแม่ที่คิดและลงมือแทนข้า ฮึ ๆ”
ฮูหยินเซวียที่จู่ ๆ ก็ล้มป่วยอย่างไม่ทราบสาเหตุจึงทำให้ไม่สามารถมาอยู่เป็นเพื่อนบุตรสาวยามคลอดได้จึงทำให้เซวียอินที่เป็นสตรีได้รับคำสั่งให้มาอยู่เป็นเพื่อนพี่สาวของนาง ครั้งแรกที่ทราบนั้นนางตั้งใจจะปฏิเสธ แต่เมื่อมารดาของนางบอกแผนการบางอย่างแก่นางแล้ว รอยยิ้มร้านจึงผุดขึ้นและทำให้นางได้มาเหยียบจวนแม่ทัพนี้
“คุณหนู หมอตำแยมาแล้วเจ้าค่ะ”
สตรีมากอายุค่อย ๆ เดินมาก่อนจะคำนับสตรีที่อ่อนวัยกว่า
“มีใครเห็นนางหรือไม่”
“ไม่มีเจ้าค่ะ”
“ที่นี่มีนางเป็นหมอตำแยเพียงคนเดียวงั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ ดูเหมือนตอนนี้จะมีเพียงนางคนเดียวเท่านั้น”
เซวียอินพยักหน้าช้า ๆ ให้กับอาลัว หญิงรับใช้คนสนิทได้ล้วงเอาถุงเงินมอบให้กับหมอตำแยนั้นก่อนจะกระซิบบางอย่างแก่นาง สตรีมากอายุพยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะคำนับขอบคุณแล้วเดินหายไปอย่างรวดเร็ว
“เพียงเท่านี้....ทุกอย่างก็จบ”
ขณะที่ทุกอย่างเป็นไปตามที่หญิงสาวต้องการนั้น จู่ ๆ กลับมีเสียงร้องอย่างดีใจของบ่าวรับใช้ในห้องคลอดดังขึ้นจนทำให้เซวียอินอดไม่ได้ที่จะเดินไปด้านหน้าประตู
“เกิดอะไรขึ้น”
“ฮูหยินคลอดแล้วเจ้าค่ะ ฮูหยินคลอดแล้ว”
บ่าวรับใช้บอกด้วยรอยยิ้มดีใจ
“เป็นเด็กผู้ชายเจ้าค่ะ เป็นเด็กผู้ชาย”
บ่าวอีกคนเอ่ยขึ้น เซวียอินบีบมือของตนจนเลือดซึมใต้แขนเสื้อที่ปกปิดอยู่ แม้ใบหน้าจะฝืนยิ้มให้กับบ่าวไพร่นั้น ‘บ้าจริง เช่นนี้แล้วจะทำอย่างไรต่อไปดี’ ขณะนั้นเองหญิงรับใช้อีกคนได้เดินหน้าตาตื่นเข้ามาเรียกบ่าวก่อนหน้านี้
“พวกเจ้ารีบเข้าไปดูฮูหยินเร็วเข้า ดูท่าจะไม่ดีเสียแล้ว”
“ด้านในเกิดอะไรขึ้น”
สตรีเหล่านั้นรีบเดินเข้าไปด้านในอย่างรวดเร็ว ไม่มีเสียงตอบรับจากด้านในขณะที่เซวียอินเอ่ยถาม แม้ใจหนึ่งจะอดไม่ได้ที่จะห่วงสตรีผู้ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นพี่สาวพ่อเดียวกัน แต่ความรู้สึกตื่นเต้นและดีใจก็มิได้หายไปแม้แต่น้อย
สตรีในอาภรณ์ไว้ทุกข์ได้คุกเข่าอยู่ข้างโลงศพ ในมือของนางนั้นอุ้มเด็กน้อยที่ลืมตาดูโลกได้เพียงไม่กี่วัน เด็กน้อยในอ้อมแขนของนางกลับนอนหลับสนิท ขณะนั้นจู่ ๆ กลับมีม้าเร็วได้วิ่งมาหยุดหน้าจวน
“ไม่ทราบว่าฮูหยินหยางอยู่ที่ใด”
ทหารหนุ่มที่ลงจากหลังม้ารีบเอ่ยขึ้น ทุกคนจึงหันไปทางเซวียอินที่ตอนนี้อุ้มเด็กชายตัวน้อยไว้ในอ้อมแขน
“ฮูหยิน...พี่หญิงใหญ่ของข้าเพิ่งเสียชีวิตจากการคลอดบุตร ตอนนี้ท่านพ่อท่านแม่มิได้อยู่ที่นี่ ท่านแม่ทัพเองก็มิมีผู้ใหญ่ในจวน เช่นนั้นข้า....”
“เช่นนั้นท่านก็รับไปก็แล้วกัน”
ชายหนุ่มล้วงจดหมายออกมาจากอกเสื้อก่อนจะลาจากไป เซวียอินที่ตอนนี้แม้จะทำทีเศร้าสร้อยแต่ลึก ๆ นางกลับรู้สึกภูมิใจที่ได้มีอำนาจในจวนแม่ทัพนี้ ‘กำจัดได้คนหนึ่ง แต่กลับมีตัวยุ่งยากอีกคนเกิดขึ้นมา แต่ก็ไม่เป็นไร รอท่านแม่ทัพกลับมาข้าจะจัดการเขี่ยเจ้าออกไปเอง’ หญิงสาวส่งเด็กน้อยให้อาลัวอุ้มก่อนจะค่อย ๆ บรรจงแกะจดหมายนั้น
“คุณหนู”
อาลัวเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นใบหน้าขาวซีดของคุณหนูตนและมือที่สั่นน้อย ๆ ของหญิงสาว
“ท่านแม่ทัพได้รับบาดเจ็บหนัก ไม่รู้ว่าจะรอดหรือไม่และไม่สามารถกลับจวนได้ในตอนนี้”
เซวียอินพูดขึ้นเบา ๆ ก่อนจะร่ำไห้ด้วยเสียงอันดัง
“ไม่นะ หลานข้ามิใช่ดาวแห่งความโชคร้าย ไม่จริง เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นแค่เรื่องบังเอิญก็เท่านั้น”
เมื่อมีเสียงร่ำไห้อันดังจึงทำให้ผู้คนที่กำลังเดินเข้ามาร่วมงานต่างพากันมองและซุบซิบถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในทันที ข่าวเรื่องเด็กที่เกิดมาก็ทำให้ยายป่วย แม่ตายและพ่อบาดเจ็บหนักจนไม่รู้ว่าจะเป็นหรือตายได้แพร่ไปอย่างรวดเร็ว เรื่องราวของเด็กที่เป็นดาวแห่งความโชคร้ายจึงได้ถูกเล่าต่อ ๆ กันจนกลายเป็นที่หวาดกลัวของทุกคน
“เพี๊ยะ”
เสียงฝ่ามือปะทะแก้มน้อย ๆ อย่างแรงจนร่างของเจ้าของแก้มนั้นกระเด็นล้มลง
“ทะ ท่านน้า”
“ข้าไม่กล้าเป็นน้าของเจ้าหรอก ข้ากลัวความโชคร้ายของเจ้าจะมาตามติดข้า อาลัว ข้าบอกให้เจ้าสอนมันให้เรียกข้าว่าอย่างไร”
“ข้าบอกเจ้าให้เรียกว่าคุณหนูเซวียอย่างไรล่ะ”
“ขอรับ คุณหนูเซวีย”
“ดีมาก จงจำไว้ว่าข้าคือคุณหนูเซวียผู้มีพระคุณของเจ้า”
“ขอรับ”
“กลับไปทำงานของเจ้าให้เรียบร้อย หากยังไม่เสร็จก็ไม่ต้องกินข้าว”
“ขอรับ”
เด็กน้อยหน้าตามอมแมมสวมเสื้อผ้าขาดวิ่นที่ดูย่ำแย่ยิ่งกว่าขอทานค่อย ๆ ลุกขึ้นก่อนจะเดินโซเซออกไปทำงานของตนที่ไม่ต่างจากบ่าวในจวน น้ำตาของเด็กชายค่อย ๆ รินไหลเป็นทาง ‘เพราะข้าเป็นดาวแห่งความโชคร้าย ท่านแม่และท่านพ่อจึงต้องจากข้าไป ทุกอย่างล้วนเป็นความผิดข้า ที่ข้าโดนมันก็ถูกต้องแล้ว ฮือออออ’
สาวหล่อที่แอบทำให้ใจพัชสั่นไหวได้พยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็วแต่พัชยังคงมองตามร่างนั้นจนหายไปลับตา “พัช ถ้าแกจะมองคนที่ดาขนาดนั้น ทำไมไม่ขอเบอร์ให้จบ ๆ ไปเลยวะ” “เอ่ออ...ลืมเลย” “จ้า ๆ” ............................................................................................................ “คือ...พลอยอยากถามแม่ว่า แม่เคยคิด คิด ที่จะรังเกียจความรักในแบบของพัชไหมคะ” พัชที่กำลังจะตักกับข้าวถึงกับชะงักมือก่อนจะมองไปทางแม่ที่นั่งยิ้มและมองมาทางพัชด้วยสายตาที่อ่อนโยน “ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นรักแบบไหนก็ตาม แต่ขอให้รักที่เกิดนั้นเป็นรักที่ไม่ผิดต่อใครและไม่ทำให้ทั้งตัวเราและใครเสียใจก็พอ”
'คนที่ไว้ใจที่สุดคือคนที่ร้ายที่สุด' หนึ่งคนที่รัก อีกหนึ่งคนที่ไว้ใจรวมหัวกันหลอกเธอจนวาระสุดท้าย ก่อนสิ้นลมหายใจเธอได้อธิษฐานขอโอกาสอีกครั้ง ขอให้เธอได้เจอชีวิตที่ดีกว่านี้
ในชีวิตชาติที่แล้ว เพื่อช่วยรักแรกของตัวเอง คนชั่วสามคนได้ทำลายพลังการต่อสู้ของนาง ตัดแขนขาของนางออก ตัดเส้นเลือดของนางและปล่อยเลือดของนางไหลออกมาทั้งอย่างนั้น และทรมานนางจนตาย เมื่อเกิดใหม่ครั้งนี้ นางวางแผนอย่างรอบคอบ โดยสาบานว่าจะให้พวกเขาได้สัมผัสกับความทุกข์ทรมานที่นางเคยประสบมา! รักแรกที่ไร้เดียงสาอะไรกัน ที่จริงก็เป็นเพียงผู้หญิงที่ตีสองหน้าเก่ง อยากจะไต่ขึ้นไปสูงเหรอ งั้นก็จะให้เจ้าปีนขึ้นไป ยิ่งปีนขึ้นสูงมากเท่าไร ตอนตกลงมาก็จะยิ่งเจ็บมากเท่านั้น! พวกสวะสมควรได้รับบาปกรรมของพวกสวะ พวกมันทำชั่วกับนางไปชั่วชีวิตหนึ่ง นางจะทำให้พวกมันไม่ตายดี พวกคนที่เจ้าเล่ห์ ตีสองหน้าเก่ง นางจะจัดการกับทุกคน! แต่นางไม่เคยคิดเลยว่าในการแก้แค้นของนาง นางจะไปมีเรื่องกับเสด็จอาที่เป็นเจ้าแผนการเข้า ที่วัน ๆ ต้องการให้นางจูบและกอดเขาตลอดทั้งวัน ในขณะที่นางแก้แค้นคนชั่วนั้นยังสามารถสนิทสนมกับเสด็จอาด้วย ในความจริงแล้ว การที่เป็นผู้หญิงชั่วๆ ก็มีความสุขมาทีเดียวกว่าที่คิดเลย!
ผมต้องทำงานนอกเวลาทุกวันเพื่อหารายได้ประคองชีวิตและจ่ายค่าเรียนมหาวิทยาลัยด้วยตัวเอง เนื่องจากฐานะครอบครัวยากจนและไม่สามารถส่งเสียผมเข้ามหาวิทยาลัยได้ และตอนเรียนที่มหาวิทยาลัย ผมก็ได้พบกับเธอ-สาวแสนสวยที่หนุ่มๆ ทุกคนในชั้นเรียนต่างก็ใฝ่ฝันถึง ไม่เว้นแม้แต่ผมเอง แต่ผมก็รู้ตัวดีว่าตัวเองไม่คู่ควรกับเธอ ถึงอย่างนั้นก็ตาม ผมก็รวบรวมความกล้าสารภาพกับเธอจนได้ สุดท้ายผมนึกไม่ถึงว่าเธอจะยอมตกลงเป็นแฟนกับผม เธอบอกกับผมว่าอยากได้ของขวัญเป็นไอโฟนรุ่นล่าสุด ผมก็ไปรับงานซักเสื้อผ้าให้เพื่อนร่วมชั้นเรียนเพื่อพยายามเก็บเงินซื้อให้เธอจนได้ และในที่สุดหนึ่งเดือนต่อมา ผมก็ซื้อมาได้จริง ๆ แต่ขณะที่ผมกำลังห่อของขวัญเพื่อนำไปมอบให้เธอ ก็พบว่าเธอกำลังมีอะไรกับหัวหน้าทีมฟุตบอลในห้องล็อกเกอร์ เธอเหมือนเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งซึ่งผมไม่เคยรู้จักเลย เธอหัวเราะเยาะความโง่เขลาของผม เหยียดหยามศักดิ์ศรีของผม ปล่อยให้เขาซึ่งตอนนี้ได้กลายเป็นแฟนใหม่ของเธอไปแล้ว ทุบตีผม ผมนอนเจ็บอยู่บนพื้นอย่างสิ้นหวัง ต่อมา จู่ ๆ ผมก็ได้รับโทรศัพท์จากพ่อ ตั้งแต่วันนั้น ชีวิตของผมก็ได้เปลี่ยนแปลงไปอย่างกับหนัามือเป็นหลังมือ ใครจะไปรู้ว่า ผมเป็นลูกชายของมหาเศรษฐี
"นางเป็นบุตรีผู้สูงศักดิ์ของฮูหยินเอกของจวนเสนาบดี นางมีหน้าตาโดดเด่น ทั้งอ่อนโอนและมีน้ำใจไมตรีต่อผู้อื่น แต่... นางทำดีต่อป้าของนาง นางกลับฆ่าแม่ของนางตาย นางรักเอ็นดูน้องสาวของนาง แต่น้องสาวกลับแย่งสามีของนางไป นางคอยสนับสนุนและดูแลสามีของนางอย่างสุดหัวใจ แต่สามีกลับทำให้นางตายทั้งกลม...ตระกูลฝ่ายมารดาของนางก็ถูกประหารชีวิตทั้งตระกูลด้วย นางตายตาไม่หลับและสาบานว่าหากมีชาติหน้า นางจะไม่เมตาตาต่อใครอีก ใครก็ตาม กล้ามาทำร้ายข้า ข้าจะล้างแค้นด้วยชีวิตทั้งตระกูลของพวกเจ้า เมื่อเกิดใหม่อีกครั้ง นางอายุได้สิบสี่ปี นางสาบานว่าจะต้องเปลี่ยนชะตากรรมและแก้แค้นชาติก่อน ป้านางใจ้ร้าย นางจะใจร้ายกลับยิ่งกว่านาง นางคิดจะได้ครองตำแหน่งฮูหยินงั้นเหรอ บอกเลยไม่มีทาง! ส่วนน้องสาวชอบผู้ชายชั่ว ๆ นักไม่ใช่หรือ ได้!ข้าจะยกให้เลย ส่วนชายชั่วนั่น ข้าจะทำให้เจ้าไม่สามารถมีทายาทได้อีกตลอดทั้งชาติ!แต่ข้าจะแก้แค้น เหตุใดเจ้าต้องมาช่วยข้าด้วย?"
เพราะคิดว่าเป็นความฝัน ฉินหร่านจึงร่วมมือบรรเลงเพลงรักอย่างไม่ได้ตั้งใจ ไฉนตื่นขึ้นมาถึงมีสามีเป็นของตัวเอง อีกทั้งสามีนางยังตาบอดอีกด้วย! แต่นั่นไม่น่าตกใจ เท่ากับที่นางมาอยู่ในร่างเด็กสาวในยุคจีนโบราณ ที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ อีกทั้งร่างนี้ถูกขายให้มาเป็นภรรยาของชายตาบอด แต่ไหนๆ ก็มาแล้วจึงจะใช้ชีวิตให้ดี ส่วนสามีนะหรือ หล่อขนาดนั้น แซ่บขนาดนี้ เดินหน้าเกี้ยวสามีสิ จะรออะไร!
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"