สาวหล่อที่แอบทำให้ใจพัชสั่นไหวได้พยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็วแต่พัชยังคงมองตามร่างนั้นจนหายไปลับตา “พัช ถ้าแกจะมองคนที่ดาขนาดนั้น ทำไมไม่ขอเบอร์ให้จบ ๆ ไปเลยวะ” “เอ่ออ...ลืมเลย” “จ้า ๆ” ............................................................................................................ “คือ...พลอยอยากถามแม่ว่า แม่เคยคิด คิด ที่จะรังเกียจความรักในแบบของพัชไหมคะ” พัชที่กำลังจะตักกับข้าวถึงกับชะงักมือก่อนจะมองไปทางแม่ที่นั่งยิ้มและมองมาทางพัชด้วยสายตาที่อ่อนโยน “ความรักเป็นสิ่งสวยงาม ไม่ว่าจะเป็นรักแบบไหนก็ตาม แต่ขอให้รักที่เกิดนั้นเป็นรักที่ไม่ผิดต่อใครและไม่ทำให้ทั้งตัวเราและใครเสียใจก็พอ”
การสอบแข่งขันเปรียบดั่งการต่อสู้ที่ศศินาพัชร์หรือพัชต้องผ่านมันไปให้ได้ แม้หญิงสาวจะมิชอบการแข่งขันเท่าใดนักแต่เพราะนั่นคือความหวังที่มารดาปลูกฝังมาตั้งแต่เด็ก จึงทำให้หญิงสาวมุ่งมั่นที่จะทำให้มารดาภูมิใจ
“พัช ลูกเห็นหรือยัง ตอนนี้เขตเรียกตัวลูกแล้วนะ”
เสียงมารดาของพัชเอ่ยบอกบุตรสาวด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นดีใจ แม้พัชจะมิได้ดีใจเท่าใดนักแต่เมื่อได้ยินน้ำเสียงของมารดาหญิงสาวจึงอดยิ้มกับโทรศัพท์มือถือไม่ได้
“ค่ะแม่ ตอนนี้พัชกำลังไปรายงานตัวแล้วค่ะ”
“ในที่สุด แม่ก็จะได้เห็นลูกใส่ชุดข้าราชการเสียที”
พัชเผลอมองบนเล็กน้อย ‘ทำไมแม่และคนแถวบ้านถึงอยากให้ลูกหลานรับราชการกันนะ’ แม้จะเอ่ยบ่นกับตัวเองแต่หญิงสาวกลับมิเคยปฏิเสธในสิ่งที่มารดาของเธอต้องการแม้สักครั้ง
“แค่นี้ก่อนนะคะแม่”
“จ๊ะ ๆ เสร็จแล้วก็รีบกลับบ้านนะ”
“ค่า แม่”
พัชเอ่ยขึ้นก่อนจะรีบเดินเข้าไปในสำนักงานสถานศึกษาที่หญิงสาวถูกเรียกตัว หลังจากเสร็จจากการรายงานตัวแล้ว หญิงสาวจึงได้ตรงกลับบ้านในทันที
“แม่น้องพัช ๆ”
“มีอะไรหรือพี่”
“ได้ยินมาว่าน้องพัชสอบครูได้งั้นหรือ”
“จ๊ะ น้องพัชเพิ่งถูกเรียกบรรจุจ๊ะ”
“งั้นหรือ ดี ๆ แต่ก็อย่างว่าแหละนะ เป็นครูรัฐจะได้เงินสักเท่าไหร่กันเชียว ดูพี่แอนสิทำงานเอกชน ได้ทั้งเงินเดือน ได้ทั้งเงินพิเศษ นี่ยังไม่รวมเงินสอนพิเศษและเงินโบนัสอีกนะ”
“ดีจังเลยจ้ะ แล้วนี่น้องแอนไปที่ไหนหรือคะวันนี้ ไม่เห็นตั้งแต่เช้าแล้ว”
“ก็อย่างว่าแหละ ทำงานเอกชนวันหยุดก็เลยไม่ได้หยุด ต้องทำงานนั่นแหละ”
พัชจอดรถหน้าบ้านก่อนจะลงมาสวัสดีแม่และป้าข้างบ้าน
“น้องพัช เป็นอย่างไรบ้างได้ข่าวว่าถูกเรียกบรรจุแล้วนี่ ได้ที่ไหนกัน”
“อ่อ ได้แถวแม่แจ่มค่ะ”
“แม่แจ่มงั้นเหรอ ตาย ๆ ๆ กันดารเสียขนาดนั้น น้องพัชจะไหวเหรอ”
“ทำไมจะไม่ไหวกันคะ”
“แม่แจ่มทั้งไกลทั้งกันดาร น้องพัชที่มีแม่เคยดูแลมาตลอดประหนึ่งลูกคุณหนู น้องพัชจะไปที่อยู่ที่แบบนั้นได้เหรอ”
“แม้แม่จะดูแลพัชเป็นอย่างดี แต่แม่ก็ไม่เคยสอนให้พัชเหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อนะคะ แม้ที่ที่พัชจะไปนั้นกันดารแต่ผู้คนคงจะน่ารักและจริงใจแน่นอนค่ะ”
“พัช ทานอะไรมาหรือยัง เข้าบ้านไปคุยกันเถอะ”
“ค่ะแม่”
อาหารที่พัชชอบถูกจัดวางไว้เต็มโต๊ะ พัชมองอาหารเหล่านั้นก่อนจะเดินเข้าไปกอดแม่
“แม่ พัชต้องไปบรรจุบนดอย แม่จะอยู่ได้เหรอคะ”
“ได้สิ แม่ก็คิดเสียว่าลูกไปเข้าค่าย เสาร์-อาทิตย์ลูกก็กลับมาไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ค่ะ”
ทั้งสองกอดกันก่อนจะนั่งลงรับประทานอาหารด้วยกัน ขณะที่กินข้าวนั้นพัชสังเกตเห็นว่าแม่แอบดีใจจนน้ำตาซึมจนต้องแอบเช็ดน้ำตาอยู่หลายที จนเมื่อรับประทานอาหารเรียบร้อยแล้วทั้งสองต่างเดินมามองรูปชายหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลาถูกวางอยู่บนโต๊ะข้างตู้โชว์
“หากพ่อยังอยู่ก็คงจะดี”
“แม้ตอนนี้พ่อจะอยู่บนสวรรค์ แต่พ่อก็มองลงมาและคอยดูแลพวกเราอยู่เสมอนะคะแม่”
“อื่ม”
ทั้งสองยืนกอดกันขณะมองรูปนั้นด้วยใบหน้าที่เปื้อนยิ้มและคราบน้ำตา
วันที่ต้องไปรายงานตัวยังโรงเรียนที่ต้องบรรจุมาถึง เพื่อน ๆ และญาติพี่น้องได้มาส่งพัชอย่างพร้อมเพรียงกัน รถขับเคลื่อนสี่ล้อสองคันได้มาจอดอยู่หน้าบ้านพัชพร้อมเสียงพูดคุยอย่างสนุกสนาน
“พัชเป็นคนแรกในรุ่นเลยนะที่ถูกเรียก”
“ใช่ค่ะแม่ พัชของเราเก่งมาก ๆ”
“พัช เก็บของเสร็จหรือยัง พวกเราจะไปวันนี้นะ”
พลอยและเพื่อน ๆ ของพัชต่างพูดคุยและแซวพัชอย่างเป็นกันเอง
“จ้า ๆ เสร็จแล้ว ๆ”
กระเป๋า 3 ใบถูกนำมาวางไว้ข้างรถ ทุกคนมองกระเป๋านั้นก่อนจะมองพัชสลับกันไปมา
“ไปอยู่ที่กันดารขนาดนั้น ขนไปแค่นี้เองเหรอ”
“แค่นี้ก็พอ ใบแรกเสื้อผ้าของใช้ส่วนตัว ใบที่สองที่นอนหมอนมุ้ง ใบที่สามอาหารยารักษาโรค ส่วนที่ขาดไม่ได้ มอไซค์คู่ใจ”
รถมอเตอร์ไซค์วิบากถูกนำมาจอดไว้ข้างรถขับเคลื่อนสี่ล้อนั้น
“ถ้าอย่างนั้นพวกเราเก็บของเดินทางกันเถอะ”
การเดินทางเข้าแม่แจ่มแม้จะไม่ได้ลำบากเพราะถนนที่ปูด้วยทางลาดยาง ป่าไม้สองข้างทางที่ให้ร่มเงาอีกทั้งความชุ่มชื้นที่ทำให้อากาศค่อนข้างเย็นสบาย
“พวกเราแวะตลาดกันหน่อยไหม หาซื้อของกินด้วย”
“ดี ๆ”
รถขับเคลื่อนสี่ล้อสองคันได้ขับตามกันมาจอดแถวตลาดข้างอำเภอแม่แจ่ม
“พัช แกอยากได้อะไรเพิ่มไหม”
“ไม่ล่ะ รอขึ้นโรงเรียนก่อนค่อยลงมาซื้ออะไรเพิ่มดีกว่า”
“ก็ดีนะ”
“อุ๊ย! ขอโทษค่ะ”
พัชที่มัวแต่คุยกับพอใจได้เผลอชนเข้ากับใครบางคน หญิงสาวจึงได้เอ่ยขอโทษในทันที
“ไม่เป็นไรค่ะ”
สาวหล่อผมสั้นดูเท่ ๆ ที่ทำให้พัชหยุดหายใจไปชั่วขณะ
“ไม่เป็นไรค่ะ”
เสียงหวาน ๆ พูดยิ้ม ๆ ก่อนจะเอ่ยตอบพัชที่ยังคงมองอยู่เช่นนั้น
“ไอ่ดา เร็วเข้า”
“เอ้อ”
สาวหล่อที่แอบทำให้ใจพัชสั่นไหวได้พยักหน้าช้า ๆ ก่อนจะเดินจากไปอย่างรวดเร็วแต่พัชยังคงมองตามร่างนั้นจนหายไปลับตา
“พัช ถ้าแกจะมองคนที่ดาขนาดนั้น ทำไมไม่ขอเบอร์ให้จบ ๆ ไปเลยวะ”
“เอ่ออ...ลืมเลย”
“จ้า ๆ”
พลอยมองบน เมื่อซื้อของเรียบร้อยแล้วทั้งหมดต่างออกเดินทางกันต่อไป แดดร้อน ๆ ยามบ่ายแก่ ๆ ทำให้ทุกคนในรถต่างหลับบ้างหรือไม่ก็จมดิ่งอยู่ในความคิดของตนเองเมื่อเห็นสภาพถนนหนทางที่เต็มไปด้วยฝุ่นสีแดงฟุ้งกระจายไปตามทาง ใบไม้และต้นไม้ด้านข้างถนนล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยสีแดงจากฝุ่น
“เฮลโล่ ฮ่า ๆ ๆ สภาพ อีกนานไหมถึงจะถึง”
เสียงเพื่อนของพัชที่นั่งหลังรถเอ่ยขึ้น เพราะตอนนี้เนื้อตัวเต็มไปด้วยฝุ่นจนทุกคนที่อยู่ในรถต่างหัวเราะ
“อีกไม่กี่โค้งก็ถึงแล้ว”
“ไม่กี่โค้งนี่คือกี่โค้ง”
“ก็โค้งซ้าย โค้งขวา เดี๋ยวก็ถึง”
“ไอ้บ้า....ฮ่า ๆ ๆ”
จนเมื่อรถขับเคลื่อนสี่ล้อหยุดอยู่หน้าป้ายโรงเรียนที่ใกล้จะพังแหล่ไม่พังแหล่
“โรงเรียน......ถึงซะที”
พลอยบ่นก่อนที่รถจะเลี้ยวขวาเข้าไปด้านใน อาคารเรียนไม้ที่ตั้งอยู่แม้จะไม่ใหม่แต่ก็พอที่จะใช้ได้เรียงรายอยู่ 4 หลังเป็นรูปตัวยู ตรงกลางนั้นคือสนามตะกร้อและสนามบาส รถเคลื่อนเข้าไปอีก 200 เมตรนั่นคือโรงอาหารของนักเรียนที่ตั้งอยู่หลังแทงก์น้ำ ด้านข้างคือบ้านพักไม้สองชั้นสองหลังที่อยู่ติดกัน และท้ายสุดคือบ้านพักครูที่ดัดแปลงให้ด้านล่างเป็นห้องครัว ส่วนด้านบนเป็นห้องพักครู ทุกคนเดินลงมาจากรถก่อนจะยืดเส้นยืดสายและช่วยกันเอารถมอเตอร์ไซค์วิบากลง
“สวัสดีค่ะ ครูใหม่ใช่ไหมคะ”
หญิงสาวร่างเล็กหน้าเก๋ ๆ เดินมาทักทายกลุ่มคนของพัชด้วยรอยยิ้ม
“สวัสดีค่ะ ครูศศินาพัชร์มารายงานตัวค่ะ ไม่ทราบว่าผู้อำนวยการอยู่ไหมคะ”
“ผอ. ไปประชุมค่ะ ถ้างั้นพี่ขออนุญาตรับเอกสารแทนนะคะ อ้อ ลืมไปพี่ชื่อ...หนึ่งจ๊ะ”
“สวัสดีค่ะ น้องชื่อพัชค่ะ”
“พี่หนึ่ง ของเรียบร้อยแล้วจะเอาไงต่อ”
เสียงที่ดังมาจากด้านหลังทำให้พัชต้องหันไปตามเสียง
“อ้าว”
“อ้าว”
สาวหล่อคนที่พัชเจอเมื่อเดินซื้อของในตลาดเอ่ยขึ้นพร้อม ๆ กับพัชก่อนที่ทั้งสองจะส่งยิ้มให้แก่กัน
“น้องมาบรรจุที่โรงเรียนนี้เหรอคะ”
“ค่ะ”
“พี่ชื่ออันดา ชื่อเล่นดา”
“สวัสดีค่ะ เรียกน้องว่าพัชก็ได้ค่ะ”
“ถ้างั้นให้พี่พาไปดูที่พักและรอบ ๆ ก่อนดีไหม”
“ถ้าได้จะขอบคุณมากค่ะ”
พลอยที่เดินมาสมทบแอบสะกิดพัชเบา ๆ ด้วยรอยยิ้มที่ทำให้พัชอดไม่ได้ที่จะหมั่นไส้
“บังเอิญหรือพรหมลิขิตกันนะ”
“พลอย เงียบไปเลย”
ดาเดินเข้ามาทักทายกลุ่มคณะที่มาส่งพัชก่อนจะพาทุกคนชมรอบ ๆ โรงเรียนและดูที่พักรวมถึงพาไปเดินดูรอบ ๆ หมู่บ้านที่มีนักเรียนมาเรียนที่นี่
'คนที่ไว้ใจที่สุดคือคนที่ร้ายที่สุด' หนึ่งคนที่รัก อีกหนึ่งคนที่ไว้ใจรวมหัวกันหลอกเธอจนวาระสุดท้าย ก่อนสิ้นลมหายใจเธอได้อธิษฐานขอโอกาสอีกครั้ง ขอให้เธอได้เจอชีวิตที่ดีกว่านี้
เธอถูกทำร้ายโดยสามีและชู้จนเสียลูกในท้องไป ครานี้เธอกลับได้ลูกโดยไม่ต้องท้องมีหรือที่เธอจะไม่รักและปกป้องเด็กคนนี้ ว่าแต่พ่อของเด็กคือใครกัน….
ซินหยาน นักฆ่าสาวที่ใช้นามแฝงว่า สืออี เธอถูกพาตัวมาจากสถานสงเคราะห์ตั้งแต่อายุเพียงเจ็ดปี เพื่อฝึกให้เป็นนักฆ่าขององค์การใต้ดิน เพราะความสามารถของเธอ รวมถึงความเฉลียวฉลาดจากการเอาตัวรอด ทำให้เธอได้รับภารกิจเสี่ยงอันตรายอยู่เสมอ จนวันหนึ่งที่องค์กรยื่นข้อเสมอสุดพิเศษให้ หากทำภารกิจครั้งนี้เสร็จสิ้นเธอจะสามารถไปใช้ชีวิตตามที่เธอต้องการได้ แต่เรื่องมันจะง่ายถึงเพียงนั้นได้อย่างไร ซินหยาน แม้จะรู้ดีว่านี้เป็นภารกิจสุดท้ายก่อนที่เธอจะถูกสั่งเก็บแต่ก็รับงานมาอย่างเต็มใจ แต่ที่องค์การคิดไม่ถึงคือ ซินหยานเลือกที่จะจบชีวิตลงพร้อมกับภารกิจสุดท้ายที่สูญหายไปพร้อมกับเธอด้วย ซินหยานเมื่อลืมตาขึ้นอีกครั้งก็พบว่าเธออยู่ในร่างของเด็กสาววัยสิบสองหนาว จางซินหยาน ชื่อนี้ช่างคุ้นหูนัก และยิ่งคุ้นมากขึ้นเมื่อชื่อของบิดามารดาของซินหยานก็คือนิยายเรื่องหนึ่งที่เธอได้เคยอ่านเมื่ออยู่ภพที่แล้ว หลังจากที่จางซินหยานอายุได้สิบหกหนาว นางตกหลุมรักท่านแม่ทัพจ้าว ที่ได้รับบาดเจ็บและจางซินหยานเป็นผู้ช่วยไว้ ถ้าหากท่านแม่ทัพจ้าวมิได้มีสตรีที่ตบแต่งไปแล้วเรื่องนี้ก็คงจบอย่างสวยงาม แต่เพราะเขารับจางซินหยานไปเป็นได้เพียงอนุเท่านั้น จางซินหยานก็ยังคิดว่าถึงจะเป็นเพียงอนุนางก็ยังหวังว่าท่านแม่ทัพจะรักนางเช่นกัน แต่เปล่าเลย ในสายตาของท่านแม่ทัพมีเพียงฮูหยินเอกเท่านั้น จนตายจางซินหยานก็ไม่เคยได้ยินคำว่ารักจากปากของท่านแม่ทัพ ซินหยานเมื่อมาอยู่ในร่างของจางซินหยานแล้วนางจะยอมให้เกิดเหตุการณ์นี้ได้อย่างไร แต่เหมือนโชคชะตาชอบเล่นตลก เพราะเรื่องที่นางไม่อยากยุ่งเกี่ยวดันเข้าไปยุ่งเต็มๆ
ในการแต่งงานที่ทำข้อตกลงไว้ เจียงหว่านเป็นฝ่ายที่มีใจให้อีกฝ่ายก่อน แต่ตอนที่เธอต้องการเผยเสี้ยนมากที่สุด เขากลับอยู่เคียงข้างคนรักในใจของเขา ในท้ายที่สุด เจียงหว่านก็ตัดสินใจหย่า และเริ่มต้นชีวิตใหม่ เมื่อเผยเสี้ยนรู้สึกตัวขึ้นมา เธอก็จากไปแล้ว เมื่อเผชิญหน้ากับคู่แข่งที่เข้าคิวเพื่อรับป้ายหมายเลข เผยเสี้ยนหยิบเงินร้อยล้านออกมาและพูดว่า "หว่านหว่าน คู่รักก็ต้องเป็นคู่เดิมเราแต่งงานใหม่อีกครั้งได้ไหม"
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หยางจื้อซี เด็กกำพร้าจากศตวรรษที่21 ถูกองค์กรมืดเลี้ยงดูจนเติบโตและทำให้เธอกลายเป็นมนุษย์กลายพันธ์ ในระหว่างที่ถูกส่งตัวไปทำภารกิจลับ เธอกลับถูกคนในองค์กรมืดหักหลังและถูกฆ่าโดยเพื่อนสนิทที่เธอไว้ใจมากที่สุด ก่อนสิ้นใจเธอถามเพื่อนสนิทว่าทำไม แต่ไม่ได้รับคำตอบจากปากของอีกฝ่าย สิ่งที่เธอได้รับคือรอยยิ้มที่ดูถูกเหยียดหยามและ คำว่า “โง่” จากปากของอีกฝ่ายเท่านั้น หลังจากที่ตายไปแล้วสิ่งที่เธอคิดไว้ คงจะเป็นนรกหรือที่ไหนสักแห่งที่เป็นโลกหลังความตาย แต่ทว่ามันกลับไม่เป็นเช่นนัน เธอตื่นขึ้นมาในร่างของ หยางจื้อซี เด็กหญิงอายุ เพียง 13 ขวบปีในหมู่บ้านป่าหมอก ในดินแดนโบราณล้าหลังที่ไม่มีในประวัติศาสตร์ คล้ายกับว่าเป็นโลกคู่ขนานที่อยู่อีกมิติหนึ่ง เธอตื่นขึ้นมาในบ้านที่ผุพัง ครอบครัวยากจน มีแม่ที่อ่อนแอและเจ็บป่วย มีพี่น้องที่อายุน้อย มีปู่ย่าตายายที่เห็นแก่ตัวและใจร้าย มีลุงที่เห็นแก่ได้ป้าสะใภ้ที่เต็มไปด้วยความละโมบโมบโลภมาก หยางจื้อซี คิดว่านับจากนี้ไปชีวิตจะต้องอยู่ได้ด้วยตัวเอง หากใครมารังแกก็แค่ทุบตี เธอไม่เชื่อว่าด้วยพลังที่ติดตัวเธอมาจากชาติที่แล้วจะไม่สามารถอยู่รอดได้ในโลกล้าหลังแห่งนี้
ชูจี้ถูกเก็บไปอุปการะตั้งแต่ยังเด็ก ซึ่งถือเป็นความฝันของเด็กกำพร้าทั่วไปอย่างชูจี้ แต่ชีวิตหลังจากนั้นมันไม่ได้มีความสุขดั่งที่ชูจี้คิดฝันไว้เลย เธอต้องอดทนถูกเย้ยหยันและการทำทารุณจากแม่บุญธรรมของเธอ แต่ก็ยังโชคดีที่เธอได้รับความเมตตาจากคนใช้สูงวัยคนหนึ่งในบ้านหลังนั้น ชึ่งเป็นคนคอยดูแลและเอาใส่เธอเหมือนแม่แท้ ๆ ของเธอ จนกระทั่งคนใช้จากไปด้วยอาการป่วย ชูจี้ก็ถูกบังคับให้แต่งกับผู้ชายที่ไม่เอาการเอางานแทนลูกสาวแท้ ๆ ของพ่อแม่บุญธรรมของเธอเพื่อชดใช้ค่ารักษาพยาบาลของคนใช้ เรื่องราวจะเป็นเช่นเดียวกับซินเดอเรลล่าหรือไม่? อย่างไรก็ตาม ชายที่เธอจะแต่งงานด้วยนั้นไม่เหมือนเจ้าชายเลยสักนิดนอกจากรูปร่างหน้าตาของเขาที่สามารถเทียบเท่ากับเจ้าชายได้เท่านั้นเอง ลู่เหยี่ยนเป็นลูกชายนอกสมรสของครอบเศรษฐีครอบครัวหนึ่ง เขาใช้ชีวิตไปวันๆ (พอลอดไปด้วยค่ะ)มาโดยตลอด ที่เขาตกลงแต่งกับชูจี้ก็เพราะอยากจะทำให้ความปรารถนาสุดท้ายของแม่ของเขาสมหวังเท่านั้น แต่ในคืนวันแต่งงาน เขากลับพบว่าเจ้าสาวคนนี้มีพฤติกรรมที่ผิดกับที่เคยได้ยินได้ฟังมา โชคชะตาจะบันดาลให้พวกเขาเป็นอย่างไร และลู่เหยี่ยนจะเป็นดั่งที่เราคิดหรือไม่ สิ่งที่น่าประหลาดใจคือลู่เหยี่ยนมีหลายอย่างที่คล้ายๆ กับมหาเศรษฐีที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้อย่างพิลึก สุดท้ายแล้ว ลู่เหยี่ยนจะสามารถรู้ได้หรือไม่ว่าชูจี้ คือเจ้าสาวจำเป็นที่ต้องได้แต่งงานแทนพี่สาวของเธอ การแต่งงานของพวกเขาจะเป็นจุดเริ่มต้นเรื่องราวสุดโรแมนติกหรือวิบากกรรมของชีวิต โปรด ติดตามและค้นหาชีวิตและเรื่องราวของทั้งสองคนด้วยกันเถอะ
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"