ความรักที่มาพร้อมกับคำว่าบุคคลต่างชนชั้น เมื่อเด็กหนุ่มธรรมดาผู้แสนจะยากจนข้นแค้น ได้มาพบกับคนที่เป็นเหมือนแสงสว่างในชีวิตยามที่ลำบาก และเกิดตกหลุมรักขึ้นมา ซึ่งมันก็บังเอิญกับที่ชายหนุ่มผู้เป็นเหมือนแสงสว่างให้กับเขา ก็ตกหลุมรักเขาเหมือนกันความรักของเขาทั้งสองเป็นเหมือนดั่งเทพนิยาย ที่เจอกันและรักกันอย่างมีความสุข แต่!! ความรักมันไม่ได้สวยงามและง่ายดายขนาดนั้น เมื่อมีรัก ก็ย่อมมีอุปสรรคเกิดขึ้น ฐานะที่ต่างกัน ความเห็นต่างของครอบครัวทำให้รักกันไม่ได้เพราะถูกกีดกันจนหมดหนทาง เขาจึงตัดสินใจที่จะหนีออกไปโดยไม่บอกกล่าว แต่ความบังเอิญหรือเพราะโชคชะตา ก็ทำให้เขาทั้งสองคนกลับมาพบเจอกันอีกครั้งในรอบหลายปี ด้วยความรู้สึกที่ยังคงเดิม แต่สถานะได้ต่างกันออกไป แล้วแบบนี้เขาสองคนจะยังรักกันได้ไหม ติดตามได้ใน Impossidble love ( ความรักที่เป็นไปไม่ได้ ) นิยายรักโรแมนติกดราม่า ที่จะทำให้คุณ เศร้า เสียน้ำตา และอบอุ่นหัวใจไปในคราเดียวกัน....
บทเริ่มเรื่อง
ในวันที่อากาศปกคลุมไปด้วยหิมะในยามฤดูหนาวได้มีร่างของคนสองคน ยืนอยู่ท่ามกลางหิมะที่ตกลงมาอย่างหนักหน่วง
"เย่วซิน...ฉันขอถามนายหน่อย ที่ผ่านมา นายเคยรักฉันบ้างไหม!!"
เสียงตะโกนเรียกร้องจนสุดเสียงดังขึ้นท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บจนตัวสั่นเทา
"รักกัน....แล้วมันกินเข้าไปได้ไหมละ!!! หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว!!"
ร่างบาง ที่ถูกปกคลุมไปด้วยเสื้อผ้าหนาพอสมควร หันมามองซีห่าว แล้วตะโกนกลับไป พร้อมกับใบหน้าที่ฉีกยิ้มออกมาบางๆ เพื่อต้องการจะตอกย้ำคำพูดนั้นให้อีกฝ่าย ที่กำลังทรุดตัวลงไปนั่งกับกองหิมะ เชื่อว่านี่คือคำพูดที่ออกมาจากใจของเขาจริงๆ.........
ณ หมู่บ้านเล็กๆเเห่งหนึ่ง ในประเทศจีน
หมู่บ้านชนบทแห่งนี้ มีชื่อเสียงด้านสถาปัตยกรรมแบบเก่าในสมัยของหลายราชวงศ์ บ้านเป็นหินสีขาวมีหลังคากระเบื้องสีเทาตัดกันอย่างสวยงาม ฤดูใบไม้ผลิเป็นช่วงเวลาที่ยอดเยี่ยมที่สุดในการแวะมาเยี่ยมดอกพีชที่บานสะพรั่งตัดกับต้นชาสีเขียว แต่ในเวลานี้เป็นช่วงของฤดูหนาวที่หนาวเหน็บ หิมะที่ร่วงหล่นลงมา ทำให้เด็กชายคนหนึ่งต้องหนาวสั่นแล้วหาที่ซุกตัว
เย่วซิน เด็กน้อยอายุราวๆ17-18 ปี ร่างกายผอมบางผิดขาวซีด ยืนตัวสั่นเทาอยู่ท่ามกลางพายุหิมะที่โหมกระหนำ เหตุผลที่เขาต้องมายืนหลบหิมะใต้กองฟางข้างทางอยู่แบบนี้ เพราะเขาต้องออกไปที่ตลาดซึ่งห่างจากบ้านเขามากถึง5กิโลด้วยการเดินเท้าเปล่า เพื่อออกไปซื้อเนื้อวัวมาทำกับข้าวให้กับครอบครัวของเขาในเย็นนี้ แต่ทว่าเกิดพายุหิมะขึ้นระหว่างการเดินทางกลับ เขาเลยต้องวิ่งไปหาที่หลบจนตอนนี้ผ่านไปนับชั่วโมงแล้วที่เขาติดอยู่ตรงนั้น
"หวัดดี นายกำลังหลบพายุอยู่หรอ"
เสียงของใครคนหนึ่ง ทำให้เย่วซิน แหงนหน้าขึ้นมอง ก่อนจะพบกับเด็กหนุ่มรุ่นราวคราวเดียวกับเขา ร่างกายสูงผิวขาวผุดผ่องดูปราดเดียวก็รู้ว่าคงไม่ใช่คนแถวนี้ ยืนถือร่มพร้อมกับเสื้อผ้าที่หนาดูแล้วคงจะอบอุ่นน่าดู เด็กหนุ่มค่อยๆนั่งลงตรงหน้าของเย่วซิน เเล้วยื่นร่มกับผ้าพันคอสีเขียวที่หนานุ่มให้กับเย่วซินช้าๆ
"นายรับนี่ไว้นะ ที่พักฉันอยู่แค่นี้เองเดี๋ยวฉันวิ่งไปเเปบเดียวก็ถึงเเล้ว นายคงหนาวน่าดูสินะ"
เด็กหนุ่มคนนั้นพูดขึ้นแล้วรีบวิ่งออกไปทันที
หลังจากที่ได้รับร่มและผ้าพันคอนั้นแล้ว พอดีกับที่พายุเริ่มจะสงบลง เย่วซินจึงรีบวิ่งเพื่อกลับให้ถึงบ้านของตัวเองทันที โดยที่ยังไม่ได้เอ่ยปากขอบคุณเด็กหนุ่มคนนั้นสักคำ
โคร่ม!!!
"ฉันให้แกไปซื้อวัวมาทำอาหารแค่นี้ ทำไมแกถึงได้กลับมาช้านัก ไอ่ลูกคนนี้!!!"
อาเหม่า พ่อของเย่วซินเมื่อเห็นเขากลับมาถึงเเล้ว กลับเขวี้ยงข้าวของภายในบ้านใส่ตัวของเย่วซิน จนเกิดเสียงดังโครมครามขึ้น
"พ่อครับ ข้างนอกเกิดพายุหิมะขึ้น ซิน แค่ไปหลบแปบเดียวเองนะครับ"
ร่างเล็กๆของเด็กน้อยค่อยๆลุกขึ้นมาหลังจากที่พึ่งถูกผลักลงไปกับพื้น พร้อมกับร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลจากการทุบตีของผู้ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของเขา
"ยังจะเถียงอีกเรอะ ไอ่ตัวดี แกมานี่เลยนะ!!!"
อาเหม่าคว้ามือมาจับตัวของเย่วซินได้ เขาใช้กิ่งไม้ที่ล่วงหล่นตามพื้นดิน ตีไปที่หน้าขาเย่วซินซ้ำๆไปมาอยู่แบบนั้นหลายสิบที
"พ่อ...ซินเจ็บนะครับ ปล่อยซินไปเถอะนะ ฮืออ..."
เด็กน้อยเย่วซินร้องไห้คร่ำครวญออกมาด้วยความเจ็บปวด..น้ำตาไหลออกมาเป็นสาย แต่ก็ไม่ได้ความเห็นใจจากผู้เป็นพ่อเลยแม้แต่น้อย
"อาเหม่า!!! หยุดตีลูกได้แล้ว..เห็นไหมว่าซินมันช้ำไปทั้งตัวหมดแล้ว พี่ไม่สงสารลูกบ้างหรอ!!"
เจียอีแม่ของเย่วซิน และเป็นเมียของอาเหม่าเข้ามาห้ามเหตุการ์ณเอาไว้
"แม่ครับ..ฮืออ.."
"พอเถอะนะพี่ถือว่าฉันขอร้อง ซิน เข้าไปในบ้านเถอะลูก"
"เอ้า!!!! เอาเนื้อวัวนี่ไปแล้วรีบไปทำกับข้าวมาให้ฉันเดี๋ยวนี้!!!" อาเหม่าเขวี้ยงถุงที่บรรจุเนื้อวัวเอาไว้ให้เย่วซิน ก่อนจะไล่ให้ไปทำกับข้าว
อาเหม่า ถึงเขาจะขึ้นชื่อว่าเป็นพ่อของเย่วซินแต่หาใช่พ่อแท้ๆไม่ เขาเป็นเพียงพ่อเลี้ยงที่มีนิสัยขี้เหล้าเมายา ขี้โมโหและมักจะทำร้ายเย่วซินกับแม่อยู่ตลอดเวลา ถึงเจียอีจะเคยพยายามเลิกกับอาเหม่ามาแล้วนับครั้งไม่ถ้วน แต่อาเหม่าก็ไปตามกลับมาแล้วทุบตีรุนแรงทุกครั้งโดยเฉพาะเย่วซิน และหากยังคิดจะไปจากเขากันอีก อาเหม่าก็ขู่ว่าจะฆ่าทั้งคู่ให้ตายไปตามๆกัน นั้นทำให้เย่วซินต้องอดทนอยู่ในสภาพแบบนี้เพื่อความปลอดภัยของผู้เป็นแม่และตัวเขานั้นเอง
"ซิน...เจ็บมากไหมลูก" เจียอีที่เดินตามลูกเข้ามาในห้องครัว ที่เริ่มจะพุพังเต็มที พูดขึ้น
"ฮึก!!!..ซะ..ซินไม่เป็นไรครับแม่ เเม่ไม่ต้องห่วงซินนะครับ"
"แม่ขอโทษนะซิน ทั้งหมดมันเป็นเพราะแม่ แม่ไม่น่า.."
"แม่ครับ ซินไม่เป็นไรจริงๆ แม่เข้าไปข้างในบ้านเถอะครับ ตรงนี้อากาศเย็นเดี๋ยวจะป่วยเอาได้ เดี๋ยวซินทำกับข้าวเสร็จ จะรีบยกเข้าไปให้นะครับ"
เย่วซินหันไปบอกกับผู้เป็นแม่แล้วยิ้มให้อย่างอ่อนโยน..
"ซิน...ฮึก!! แม่ขอโทษ!!"
เจียอีโถมตัวเข้าไปกอดลูกชายตัวเล็กของเธอ ด้วยความรู้สึกผิด เธอไม่น่าทิ้งพ่อของเย่วซินเพื่อไปแต่งงานกับอาเหม่าเลย ทั้งหมดมันเป็นเพราะเธอคนเดียว..
โคร่ม!!! เสียงถีบประตูดังลั่นพร้อมกับอาเหม่าที่เดินเข้ามา
"นี่พวกมึงจะกอดกันร้องไห้อีกนานไหม!! กูหิวข้าว เมื่อไหร่จะเสร็จ ห๊ะ!!"
"สะ..เสร็จแล้วครับพ่อ ซินกำลังจะยกออกไป พ่อไปรอข้างนอกก่อนนะครับ"
"เออ!!! รีบๆกูหิว!!"
หลังจากนั้น เย่วซินก็ยกกับข้าวไปให้อาเม่าที่กำลังนั่งกินเหล้าอยู่ ก่อนจะเดินออกมาพร้อมกับปาดน้ำตาที่ไหลรินออกมาไม่หยุด
เช้าวันต่อมา
"ไอ่ซิน!!!! มึงอยู่ไหน!!"
เสียงอาเหม่าเอะอะโวยวายเเต่เช้าเรียกหาเย่วซิน ทำให้เด็กน้อยที่หลับอยู่ สดุ้งตัวลุกขึ้นก่อนวิ่งออกไปหาผู้เป็นพ่อ
"ครับ ครับพ่อ"
"มึงออกไปซื้อเหล้ามาให้กูเพิ่มซิ!! มันหมดแล้ว!!"
"แต่ซินไม่มีเงินแล้วนะครับพ่อ ซินไม่ได้ไปทำงานมา2วันเเล้ว เงินที่เหลือก็เอาไปซื้อเนื้อวัวให้พ่อเมื่อวานหมดแล้ว"
"นี่แกกล้าขัดฉันหรอไอ่ซิน!!" อาเหม่ากำลังจะพุ่งตัวเข้ามาทำร้ายเย่วซินอีกครั้ง
"หยุดนะอาเหม่า!!! ซิน..มาเอาเงินที่แม่ไปก่อนแล้วกันนะลูก"
เจียอี รีบเข้ามาห้ามเอาไว้แล้วยื่นเงินที่มีอยู่น้อยนิดให้เย่วซินไป
เมื่อเย่วซินมองออกไปข้างนอก หิมะสีขาวยังร่วงหล่นลงมาจากบนท้องฟ้าไม่หยุดหย่อน เขาเลยวิ่งเข้าไปในห้องนอน เเล้วหยิบเอาร่มกับผ้าพันคอสีเขียว ของเด็กหนุ่มตัวโตคนนั้น ที่เป็นคนหยิบยื่นให้เขาแล้วออกเดินทางท่ามกลางหิมะอันหนาวเหน็บนั้น
"อากง เอาเหล้าหนึ่งไหครับ" เย่วซินพูดขึ้นเมื่อถึงร้านค้าในหมู่บ้าน
"อั้ยหยาา!!! อาเย่วซิน ทำไมถึงได้มาซื้อเหล้าแต่เช้าแบบนี้กันละ ไออาเหม่ามันใช้เองมาอีกแล้วใช่ไหม"
"ครับกง"
เย่วซินพูดแล้วก้มหน้าลงเพื่อปกปิดรอยเเผลฟกช้ำบนใบหน้า
"เฮ้อ...เจียอีนะเจียอี ไม่น่าหลงผิดมาเอาไออาเหม่าเป็นผัวเลย สงสารมันจริงๆ"
"เท่าไหร่ครับกง"
"อะๆๆ กงไม่คิดเงินแล้วกัน ส่วนเงินที่จะเอามาซื้อเหล้าให้ไอ่เหม่า เองก็เอาไปซื้อกับข้าวกับปลามากินกับเเม่เองซะนะ กงให้ๆ"
"ขอบคุณนะครับกง อ๊ะ!!"
ระหว่างที่เย่วซินรับไหเหล้าจากอากงแล้ว เขาก็ดันถอยหลังไปชนกับใครบ้างคนที่ยืนอยู่ด้านหลัง เมื่อเขาหันหน้าไปมอง เขาก็พบกับเด็กหนุ่มตัวโตคนเดิม ที่ให้ร่มกับผ้าพันคอเขาเมื่อวาน
"นี่นายดื่มเหล้าด้วยหรอ" เด็กหนุ่มถามขึ้นแล้วมองไปที่ไหเหล้าในมือเย่วซิน
"อ๊ะ!! เปล่า เปล่านะ ซินแค่มาซื้อไปให้พ่อ" เย่วซินรีบปฏิเสธทันที
"อืม..นายอยู่แถวนี้หรอ"
"อื้ม!! ใช่"
"แล้วนายชื่ออะไรละ"
"เออ..เย่วซิน ฉันชื่อเย่วซิน"
"เย่วซิน ที่แปลว่าดวงจันทร์แห่งความสุขสินะ แต่นายดูไม่มีความสุขเลยนะเย่วซิน" เด็กหนุ่มพูดพร้อมกับจ้องไปตามร่างกายที่มีแต่รอยฟกช้ำของเย่วซิน
"หืม..นายรู้จักความหมายชื่อของเราด้วยหรอ"
"อืมม...เคยอ่านมานะ ฉันชื่อ ซีห่าว ที่แปลว่าความสามารถและมุ่งมั่น"
"ความหมายชื่อของนายเท่จังเลย"
"อืมม...นั่นสินะ"
"แล้วซีห่าวมาทำอะไรที่หมู่บ้านชนทบแบบนี้เหรอ ซินไม่เคยเห็นหน้าเลย"
"ฉันตามป๊าม๊ามาทำธุระแถวนี้นะ เลยมาเดินเล่นนิดหน่อย เมื่อวานก็ดันไปเจอลูกกระต่ายน้อยหลบอยู่ที่กองฟาง ไม่คิดว่าวันนี้จะยังเจออีก"
"ซีห่าวหมายถึงซินหรอ"
"555 ก็ใช่ไง นายนั้นแหละ"
"อื้มม......ขอบใจนะเรื่องเมื่อวาน"
"ไม่เป็นไรหรอก แล้ว.."
"อ๊ะ!!! ตายซิ ซินออกมานานเกินไปแล้วขอตัวก่อนนะซีห่าว แล้วเจอกันใหม่นะ"
เย่วซินรีบกุลีกุจอวิ่งออกไปทันที โดยที่ซีห่าวยังไม่ทันจะพูดจบ
"อ๊ะ..เดี๋ย..!!"
"เฮ้ออ...น่าสงสารอีจริงๆนะ อาเย่วซินเนี่ย ดูเนื้อตัวสิมีแต่แผลชกช้ำเต็มไปหมด"
"นั้นสิกง ไม่น่าเลยนะ ไม่รู้จะได้เรียนต่อกับเขารึเปล่า นี้ก็ใกล้จะจบม.6แล้วด้วย"
"อั๊ยหยา!! อีจะเอาเงินที่ไหนไปเรียนต่อละ ขนาดแค่เรียนมัธยมอียังต้องทำงานส่งตัวเองเรียนเลย"
เสียงของอากงและชาวบ้านแถวระเวกนั้นพูดขึ้นด้วยความสงสารในตัวของเย่วซินกันทั้งนั้น
โดยที่มีซีห่าวยืนฟังเรื่องราวของเย่วซินอยู่แบบนั้นเงียบๆ ก่อนค่อยๆเดินออกไป....
ความรักที่มาพร้อมกับคำสาป เมื่อเพลย์บอยเสือผู้หญิงอย่างเขาต้องมาแต่งงานกับคนที่ไม่รู้จัก และยังเป็นผู้ชายอกสามศอกเหมือนกัน เขาจึงต้องทำทุกวิถีทางเพื่อไม่ให้งานแต่งเกิดขึ้น..
ความรักที่มาพร้อมกับความแค้น เมื่อแฟนสาวที่คบกันมานานมาดันมาฆ่าตัวตายในวันที่พึ่งคลอดลูกของตัวเอง ความเศร้าเข้ามาเยือนภายในจิตใจ และเริ่มเปลี่ยนเป็นความแค้น เขาจึงเก็บความแค้นนี้เอาไว้ในใจเพื่อรอวันที่จะชำระให้ตายตกไปตามกัน แล้ววันหนึ่งเขาก็ได้ค้นพบว่าใคร คือสาเหตุที่ทำให้คนรักของเขาเลือกที่จะจบชีวิตลง การแก้แค้นจึงได้เริ่มต้นขึ้น!!! เขาจงใจที่จะใช้ตัวเองเพื่อเข้าหาคนที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทั้งหมด แล้วหลอกให้รักทำให้เฟมือนตายทั้งเป็นเพียงเพื่อแก้แค้นให้คนที่จากไป แต่เรื่องกลับไม่ได้ง่ายขนาดนั้น เพราะเขาดันตกหลุมรักให้กับศัตรูที่ไม่ควรรัก เรื่องราวอึดอัดใจจึงได้เกิดขึ้น เขาจะแก้แค้นต่อ หรือหยุดการกระทำเลวทรามที่กำลังทำอยู่ลง มาลุ้นไปพร้อมๆกันใน เงาแค้น นิยายโรแมนติกดราม่า ที่จะทำให้คุณเศร้าเคล้าน้ำตาไปกับเรื่องราวการแก้แค้นและฟินไปกับฉากของพระนางยามรักไปพร้อมๆกัน
ความสัมพันธ์ร่านสวาทชั่วข้ามคืน นำมาสู่ความน่าอึดอัดใจของรักสามเศร้าเมื่อเขาดันไปมีอะไรกับรุ่นพี่ในคณะเดียวกันที่มีแฟนอยู่แล้ว…
“อ๊ะ… อ๊อย... ” ดวงตาของฝ้ายคำหลับพริ้ม เม้มปากแน่น เมื่อโดนสามีกดใบหน้าแนบเน้นซุกไซ้เข้าหาความเป็นสาว ฉั่วๆ ๆ ๆ ๆ ๆ เสียงลิ้นสากเฉาะรัว ลากเลียเลยขึ้นเป็นจังหวะยาวๆ ตามรูปทรงของกลีบสวาท เบียดกันแน่นเป็นพูงามอร่ามอะร้าอยู่ตรงง่ามขาของหญิงสาวที่เข่าสองข้างโดนดันแบะอ้า แอ่นร่องสวาทให้สามีเบิร์นอย่างดิบเถื่อน “อ๊า... ซี้ด... อูย... เสียวค่ะ... ฮึ่ก” ทั้งที่หล่อนพยายามกัดฟัน เม้มริมฝีปากแน่น สะกดกลั้นเสียงคราง กลัวว่าจะหลุดออกมาน่าอาย หากความเสียวซ่านก็ทำให้เสียงของคนโดนเลียร่องหอย เล็ดลอดออกมาจากริมฝีปากสั่นระริก ปลายลิ้นของอลังค์จุ่มจ้วงทะลวงเลียกลีบมาลีสีชมพูสดสวยอย่างโหยหา “อ๊า... อ๊า... อ๊า... ” หญิงสาวร้องครางตามจังหวะลิ้นปาดเลียรัวๆ สลับลากเสยขึ้นๆ ลงๆ ตามแนวความยาวของร่องสวาท เรียกน้ำเสียวของหญิงสาวให้สาดทะลักออกมาอย่างมิอาจสะกดกลั้นเอาไว้ได้ “อ๊า... ที่รักจ๋าฝ้ายเสียวเหลือเกิน... ซี้ดอูย... สะ... เสียวมาก” คนโดนจู่โจมหนอกเนินสวาท เปล่งเสียงร้องครางครวญออกมาอย่างซื่อสัตย์ต่อความรู้สึกของตัวเอง ปลายลิ้นของอลังค์เสียบรัวเข้าใส่กลีบบอบบาง โดนแบะบีบจนเบ่งบวมขึ้นมารับปลายลิ้น บดขยี้ลงบนความนุ่มอ่อน ไชชอนสำรวจซอกหลืบอย่างมีลีลา สมกับเป็นสายเบิร์นตัวจริง อลังค์ไม่ทำให้หญิงสาวผิดหวัง ทำเอาผู้หญิงสามคนที่กำลังมองดูภาพของการเล้าโลมสุดเร่าร้อนผ่านหน้าจอมอนิเตอร์จนเกิดอาการน้ำเดินไปตามๆ กัน
เมื่อเซิ่งหนิงเตรียมจะบอกฮั่วหลิ่นเกี่ยวกับการตั้งครรภ์ของเธอ ทว่ากลับพบเขาช่วยพยุงผู้หญิงอีกคนลงจากรถอย่างเอาใจใส่... เคยคิดว่าตนเองอยู่เคียงข้างฮั่วหลิ่นคอยดูแลเขามาสามปี สักวันหนึ่งเขาจะมาสามารถสร้างความประทับใจให้กับเขา แต่สุดท้ายเป็นตนเองที่คิดเองเออเองไปฝ่ายเดียว เซิ่งหนิงตายใจแล้วจากไป สามปีต่อมา ข้างกายของเธมีผู้ชายอีกคนหนึ่ง และฮั่วหลิ่นเสียใจมาก เจาพูดด้วยความโศกเศร้า "เซิ่งหนิง เรามาแต่งงานกันเถอะ" เซิ่งหนิงยิ้มอย่างเฉยเมย "ขออภัยนะคุณฮั่ว ฉันมีคู่หมั้นแล้ว"
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
หลังจากแต่งงานกันมาสองปี สามีของเธอไม่เคยเหยียบเข้าไปในบ้านและมองดู 'ภรรยาขี้เหร่' ของเขาเลย แถมเขาก็มีเรื่องอื้อฉาวกับดาราหน้าใหม่หลายคนทุกวัน ซูเหว่ยทนไม่ไหวอีกต่อไป เธอตัดสินใจปล่อยเขาไป ต่อไปก็ต่างคนต่างไปเลย แต่เมื่อเธอเสนอเรื่องหย่า... ฟู่เหยียนอันพบว่านักออกแบบในบริษัทนั้นสะดุดตาเป็นพิเศษ เขาค่อยๆ ทำความรู้จักกับเธอเรื่อยๆ จนกระทั่งวันหนึ่งเขาค้นพบตัวตนที่แท้จริงของเธอเข้า เขาเสียใจแล้ว
อวิ๋นหลาน นักฆ่าอันดับหนึ่งแห่งศตวรรษที่ 25 ได้ข้ามภพและเกิดใหม่ในร่างของหญิงสาวผู้ไร้ประโยชน์ซึ่งมีชื่อเดียวกันในจวนเทพเจ้าแห่งสงคราม รากวิญญาณถูกทำลายไป? บำเพ็ญวิชาไม่ได้? คู่หมั้นถอนหมั้น? ทุกคนหัวเราะเยาะนาง? การควบคุมอสูร ยาพิษ ยาลูกกลอนปีศาจ อาวุธลับ...นางจัดการได้อย่างสบายๆ อดีตผู้ไร้ค่า แต่บัดนี้มาแก้แค้นชาาเจ้าชู้ เอาคืนทุกคนที่รังแกตนเอง ได้ประสบความสำเร็จ และขึ้นไปสู่จุดสูงสุด ผู้แข็งแกร่งอย่าคิดจะทำอะไรตามใจ ผู้อ่อนแออย่าท้อแท้ กล้ามารุกรานข้า งั้นก็อย่าหาว่าข้าไม่เตือนก็แล้วกัน เขาเป็นจ้าวแห่งอาณาจักรปีศาจ ชอบเอาใจนาง นางฆ่าคน เขาช่วยปิดปาก นางทำลายศพ เขาช่วยกำจัดหลักฐาน เขายอมทำทุกอย่างเพื่อนาง ชีวิตนี้ยอมร่วมทุกข์ร่วมสุขไม่ทอดทิ้งกัน
เรื่องราวการผจญภัยของอดีตสายลับนักฆ่า ที่ทะลุมิติมาเป็นแม่ผู้ชั่วร้าย ทั้งยังต้องร่วมเดินทางกับเด็กน้อยผู้แสนใสซื่อในโลกที่ผู้คนใช้พลังลมปราณ อันตรายมีทั่วทุกหนแห่ง แล้วพวกเขาจะเอาชีวิตรอดได้หรือไม่?!