ซูเมิ่ง นักธุรกิจสาว ทะลุมิติมาเกิดในร่างบุตรีแสนชังในตระกูลขุนนาง ไม่ยังถูกส่งให้มาแต่งงานกับท่านแม่ทัพตระกูลศัตรูเพื่อเป็นตัวประกัน โดนสามีทิ้งหรือ....ดียิ่ง ข้าจะได้ออกไปก่อร่างสร้างตัวด้วยสองมือของตนเอง ........ นางเอกหัวธุรกิจ vs ท่านแม่ทัพเจ้าแผนการ ปากอยู่นู่น ใจอยู่นี่ _________________________💖❤️_____________________________ “หากของหวานที่ข้าต้องการกินคือเดี๋ยวนี้เล่า” “....” ซูเมิ่งกลืนน้ำลายหนืดคอ “ข้ามิชอบการรอ หากเจ้าก้าวเดินออกไปจากห้องก็มิต้องกลับเข้ามาอีกต่อไป” “ท่านหายโกรธข้าแล้วหรือเจ้าคะ” “ยัง” “....” “ขึ้นอยู่กับของหวานที่ข้าได้กินว่าจะหวานพอสามารถละลายโทสะของข้าได้หรือไม่” “.....”
บทนำ
วันนี้ ณ จวนขนาดกลางของขุนนางระดับไม่สูงมาก
ที่เอ่ยว่าไม่สูงมากก็เพราะขขนาดประมุขของตระกูลแห่งนี้มีตำแหน่งขุนนางเพียงขั้น 4 ทว่าทั้งจวนบัดนี้กลับประดับตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้ใหม่เอี่ยม บางอันทำจากหยกมันแพะ พู่ผ้าสีแดงผูกทั่วเรือนทำให้จวนขนาดกลางในวันนี้กลายเป็นจวนที่ดูร่ำรวยและมากอำนาจขึ้นมาในชั่วพริบตา
แน่นอนว่าตกแต่งจวนเป็นสีแดงอันเป็นสีมงคลก็เพราะเตรียมพร้อมสำหรับงานแต่งงานของหนึ่งในลูกสาวของประมุขตระกูลซู
ในสายตาคนภายนอกอาจรู้สึกทั้งอิจฉาลูกสาวตระกูลนี้และสงสารเวทนายิ่งในเวลาเดียวกัน
เพราะอันใดน่ะหรือ....
ชาวบ้านในเมืองหลวงต่างรู้แจ้งอยู่แล้วว่างานแต่งงานในครั้งนี้เป็นงานแต่งงานประเภทที่ตระกูลฝ่ายเจ้าสาวมิมีทางเลือกจำยอมส่งบุตรีของตนให้เข้าไปอยู่ในตระกูลของฝ่ายเจ้าบ่าวซึ่งเป็นตระกูลของขั้วตรงข้าม
จะเรียกว่าเป็นศัตรูกันก็มิผิด
แม้ว่าการแต่งงานครั้งนี้ฝ่ายเจ้าสาวจะได้รับสินสอดจำนวนมากจากตระกูลฝ่ายเจ้าบ่าวอย่างตระกูลหยาง ตระกูลฝ่ายบู๊อันแสนยิ่งใหญ่ก็ตามที อย่างไรก็มิสามารถกลั้นกลืนความโกรธแค้นที่ฝังลึกมานานหลายชั่วอายุคนมาดีใจกับงานมงคลในครั้งนี้ได้ง่ายดาย
ชะตากรรมของเจ้าสาวจะเป็นตายร้ายดีอย่างไร คนที่รับรู้ความสัมพันธ์ระหว่างสองตระกูลนี้ย่อมคาดเดาไปในทางลบกันถ้วนหน้า
และที่ชัดเจนที่สุดคือฝ่ายเจ้าบ่าวประกาศออกมาแล้วว่าการแต่งงานในครั้งนี้แม้ว่าจะเป็นการแต่งงานให้บุตรชายคนเดียวของประมุขตระกูลหยางที่ยังมิมีภรรยาเลยสักคนเดียว ทว่าพวกเขามาสู่ขอเจ้าสาวให้แต่งเข้าไปในฐานะฮูหยินรอง
ก็ยังดีที่มิใช่ตำแหน่งอนุไร้เกียรติไร้ศักดิศรี
ภายนอกจวนตระกูลลู่มีชาวบ้านมายืนออเฝ้ามองเกี้ยวเจ้าสาวที่แม้ว่าการตกแต่งยิ่งใหญ่อลังการแค่ไหนก็มิสามารถปกปิดตัววัสดุที่ใช้ทำเกี้ยวนั้นได้
ไม้ชนิดที่สามารถพบเห็นได้ทั่วไป สีรึก็เก่าคร่ำครึ ดีที่ไม่ผุพังจึงยังคงสามารถรับน้ำหนักคนหนึ่งคนได้อยู่อย่างสบายๆ
ส่งเกี้ยวไร้คุณภาพเช่นนี้มารับตัวเจ้าสาว ฝ่ายเจ้าบ่าวเองก็แสดงความเกลียดชังในตัวว่าที่เจ้าสาวมาอย่างชัดเจน
เกลียดแล้วไยจึงส่งแม่สื่อมาสู่ขอบุตรีบ้านศัตรู?
เรียกว่ามาสู่ขอก็พูดได้มิเต็มปาก
หากบอกว่าส่งมาข่มขู่ให้รับข้อตกลงนั้นจะถูกต้องมากกว่า
เกลียดกันแล้วไยจึงต้องการตัวลูกสาวมาอยู่ในจวนของตนเอง
หากหลายคนคิดในทำนองว่าฝ่ายตระกูลหยางต้องการแก้แค้นทำให้ตระกูลซูรู้สึกตายทั้งเป็น ด้วยการใช้ตัวลูกสาวเป็นตัวประกันก็ผิดมากนัก
แถมมีใครมิรู้บ้างว่าบุตรชายคนเดียวของท่านแม่ทัพใหญ่หยางสือเป็นคนเยี่ยงไร
บุรุษเจ้าแห่งสงคราม
รบร้อยครั้งชนะเก้าสิบเก้าครั้ง
หนึ่งครั้งที่พ่ายแพ้เพราะตั้งใจแพ้เพื่อให้ศัตรูตายใจก็เท่านั้น
นอกจากเรื่องการกระหายชัยชนะ เห็นการฆ่าฟันคนเป็นเรื่องง่ายดายแล้ว
เรื่องนิสัยใจคอของชายหนุ่มก็เลื่องลือว่าทั้งดุดันและโหดร้ายกับแม้กระทั่งสตรีที่เข้าไปทอดสะพานด้วยมิเคยปรานี
หนึ่งในเหตุการณ์ที่โด่งดังคือชายหนุ่มตัดแขนแม่นางที่แตะต้องตัวเขาทิ้งอย่างหน้าตาเฉย
ทำให้ผู้อื่นพิการถึงขนาดนั้นกลับไม่มีผู้ใดเอาผิดเขาได้แม้กระทั่งฮ่องเต้ของแคว้นก็ตั้งใจละเลย
เห็นได้ชัดว่าตระกูลหยางเปรียบเสมือนเป็นแขนขวาที่องค์ฮ่องเต้หวางซานเย่มิสามารถขาดได้ ให้ความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
บัดนี้ด้านนอกจวนวุ่นวาย เนืองแน่นไปด้วยผู้คนยิ่งนัก
ช่างผิดกับด้านในที่มีบ่าวรับใช้เดินเพ่นพล่านอยู่ไม่กี่คน ยิ่งมิต้องพูดถึงเจ้านายในจวน
ทั้งท่านประมุขตระกูลและฮูหยินใหญ่ของตระกูลล้วนอยู่ในสภาพของคนเพิ่งตื่นนอน
ซูเจิน ฮูหยินใหญ่พร้อมด้วยบุตรีแสนรักของตนเอง ซูฮวา เดินเข้ามาในห้องซอมซ่อขนาดเล็กท้ายจวนที่บัดนี้เป็นสถานที่ที่นับว่ามีคนอยู่เยอะที่สุด
เยอะในที่นี้คือสี่คนเท่านั้น
มีบ่าวสาวใช้ช่วยเจ้าของเรือนแต่งกายอยู่สองคน บ่าวอีกหนึ่งคนแต่งหน้า ส่วนซูเมิ่ง ตัวเอกของงานแต่งงานในวันนี้กำลังนั่งมีท่าทีและใบหน้าเฉยชาอยู่หน้าคันฉ่อง
นางเปรียบราวกับตุ๊กตาไร้ชีวิตโดยมีบ่าวสาวใช้ร่วมมือกันเนรมิตจากใบหน้าไร้การแต่งแต้ม เสื้อผ้าตัวเก่าซอมซ่อมิต่างจากเรือนหลังที่อยู่อาศัยให้กลายเป็นเจ้าสาวแสนสวยตามความคาดหวังของคนข้างนอก
“ท่านแม่ดูสิเจ้าคะ วันนี้พี่สาวของข้าใบหน้ายิ้มแย้มอิ่มเอมไปด้วยความสุขยิ่ง คิก คิก”
“เหอะ เจ้าดีใจไปเถอะ ข้าได้ข่าวว่าฝ่ายนู้นจัดเตรียมห้องพักดีเลิศไว้เตรียมรับอนุภรรยาอย่างเจ้า อุ้ย มิใช่สิ มิใช่อนุแต่เกรงว่าจะเป็นสถานะมิต่างกันเท่าใดนัก หึ และข้าที่บอกว่าห้องพักดีเลิศข้าหมายถึงเมื่อเทียบกับห้องพักของเจ้าที่จวนข้าล่ะนะ”
“โถ่ท่านแม่ ข้าคิดว่าพี่สาวข้าเกิดมาชาตินี้ช่างวาสนาดียิ่งนัก มิใช่ง่ายๆ นะเจ้าคะที่สตรีตระกูลเล็กอย่างพวกเราจะได้แต่งเข้าจวนยิ่งใหญ่ขนาดนั้น”
ซูเมิ่งเหลือบตามองน้องสาวต่างแม่ตนเองชั่วแวบหนึ่งเท่านั้นก่อนหันกลับมามองใบหน้าตนเองในคันฉ่อง
นางพูดถึงใคร? หากตามิบอดก็คงปากมิดี จงใจเยาะเย้ยผู้อื่นก็ใช้สมองสร้างสรรค์มากกว่านี้ได้หรือไม่
เดี๋ยวแม่ตบสั่งสอนสักดอกเลยนี่
หากมิได้มีแผนการอยู่ในใจป่านนี้สตรีผู้เป็นน้องสาวต่างมารดาของนางผู้นี้คงโดนลูกตบของวิญญาณในร่างของซูเมิ่งสั่งสอนไปแล้ว
ใช่แล้ว เวลานี้จิตวิญญาณที่แท้จริงของโฉมสคราญผู้น่าสงสารผู้นี้ได้ตายจากร่างกายนี้ไปแล้วตั้งแต่นางอยู่อาศัยที่บ้านนอกนู่นแล้ว
จากนั้นวิญญาณของซูเมิ่งที่แม้ชื่อเหมือนกันทว่านิสัยใจคอนั้นแตกต่างกันสุดขั้วได้เข้ามาสิงสถิตใช้ร่างกายนี้แทน ความทรงจำแสนเจ็บปวดและเลวร้ายทั้งหมดหลั่งไหลเข้ามามากมาย
ดังนั้นซูเมิ่งสตรียุคอนาคตล่วงหน้าไปสองพันปีจึงได้รับรู้ว่าซูเมิ่งที่นางต้องมาใช้ชีวิตแทนนี้น่าสงสารเพียงใด
เป็นบุตรีของภรรยารองที่ตายไปแล้ว
ลูกชังของบิดาเพราะก่อนตายมารดานางโดนกล่าวหาว่าคบชู้สวมหมวกเขียวให้สามี
ส่วนแม่เลี้ยงหรือก็หน้าไหว้หลังหลอกยิ่ง ต่อหน้าทำเป็นเมตตาต่อบุตรีกำพร้าเช่นนาง ทว่าลับหลังเป่าหูให้บิดาส่งตัวบุตรีคนโตไปดัดนิสัยยังจวนบ้านนอกที่ทั้งเก่าและห่างไกลความเจริญร่วมสิบปี
ขนาดลูกสาวตัวจริงเคยจมน้ำวิญญาณตัวจริงตายจากไปแล้วยังมิรู้เรื่องเลยด้วยซ้ำ
หากมิเกิดงานแต่งงานในครั้งนี้ขึ้นมา คงไม่มีทางที่ซูเมิ่งจะได้กลับมาเหยียบพื้นแผ่นดินที่เมืองหลวงกระมัง
เหอะ จะอย่างไรเสียอีก ก็พอมีแม่สื่อจากศัตรูเข้ามาเจรจาขอบุตรีบ้านนี้แต่งเข้าตระกูลหยางในฐานะภรรยารอง
จากตอนแรกที่คนในจวนประพฤติตัวราวกับมีบุตรคนเดียวมานับสิบปีก็กลับกลายเป็นลูกสาวสองคนขึ้นมาทันที
ในเมื่อทางฝั่งนู้นมิได้ระบุว่าต้องการลูกสาวคนใด ดังนั้นตระกูลซูจึงใช้ช่องโหว่ข้อนี้จับบุตรีแสนชังอีกคนหนึ่งใส่ตะกร้าล้างน้ำประเคนให้อีกฝ่ายอย่างมิต้องสงสัย
ซูเมิ่งคนใหม่แม้คาดเดาแผนการในครั้งนี้ออกแจ่มแจ้งก็มิคิดต้านทานเพราะนางเองก็ได้คิดแผนซ้อนลงไปแล้วอีกชั้นหนึ่ง โดยจุดประสงค์ของแผนนางนั้นแสนเรียบง่าย
คือ...ทำอย่างไรก็ได้ให้หลุดพ้นจากตระกูลที่เกลียดแสนเกลียดนางเสีย อยู่ไปก็มิรู้ว่าจะโดนวางยาพิษให้ตายตกตามมารดาของตนเองไปเมื่อไหร่ มิสู้ออกไปตายเอาดาบหน้า แม้ว่าหนทางข้างหน้านั้นจะเป็นถึงตระกูลของศัตรูก็ตามที
ในยุคโบราณนี้มีความเชื่อว่าบุตรโดยเฉพาะบุตรสาวเป็นสมบัติของบิดาผู้ให้กำนิด ส่วนบุตรสาวที่แต่งงานออกไปก็เหมือนน้ำที่สาดออกไปแล้ว หาได้สามารถหวนกลับคืนไม่ หลังจากแต่งงานไปสตรีจะเป็นสมบัติของสามี
ซูเมิ่งคิดว่านางเข้าไปที่นู่น อย่างน้อยก็เป็นถึงภรรยาคนหนึ่ง ได้ยินสาวใช้คุยกันว่าทางนู้นต้องการตัวประกันของคนในตระกูลนางเอาไว้ ได้ยินเช่นนั้นกลับยิ่งทำให้ซูเมิ่งสบายใจขึ้น
ตัวประกันอย่างน้อยก็มิสามารถสังหารกันได้
เพียงนางสงบเสงี่ยมเจียมตัวเองอยู่ในที่ของตนเพียงเท่านั้นชีวิตในชาตินี้ของนางคงสงบสุขแล้วกระมัง
พอฝั่งนั้นมิต้องการตัวประกันแล้วนางก็เพียงขอหนังสือหย่าจากพวกเขาและเดินทางออกไปหาที่เงียบสงบสักที่ในแคว้นเย่แห่งนี้อาศัยอยู่ก็มินานจนเกินรอ
ดังนั้นซูเมิ่งจึงสงบปากสงบคำเป็นพิเศษ ปฏิบัติตามธรรมเนียมประเพณีของการแต่งงานให้ลุล่วงแม้ว่าจะมีแมลงหวี่แมลงวันมากมายพร้อมใจมาตอมระหว่างทางก็ตาม
[แนวลูกเด็กน่ารัก+สาวเก่ง+แก้แค้น]ฉวี่ชิงเกอแต่งงานกับฟู่หนานจิ่นมาเป็นเวลา 5 ปี เธอใช้ชีวิตเหมือนแม่บ้าน เธอคิดว่าตัวเองท้องแล้วจะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาดีขึ้น แต่สุดท้ายสิ่งที่ได้มาคือ ข้อตกลงการหย่า เมื่อคลอดลูก ฉวี่ชิงเกอแทบจะไม่รอดเพราะมีคนทำร้าย เธอถึงรู้สํานึก ห้าปีต่อมา เธอกลายเป็น"ท่านประธานฉวี่"แล้วกลับมาแก้แค้น คนที่เคยรังแกเธอต่างก็ได้รับการสั่งสอนอย่างสะหัส และความจริงที่ถูกปิดบังไว้ก็ค่อย ๆ ถูกเปิดเผยออกมาก อดีตสามีคิดจะขอคืนดีกับเธอเหรอ คิดง่ายไปหน่อยไหม? ฟู่หนานจิ่นอ้อนวอน"ที่รัก ลูกต้องการหม่ามี๊ ขอแต่งงานใหม่ได้ไหม?"
คิณ อัคนี สุริยวานิชกุล ทายาทคนโตของสุริยวานิชกุลกรุ๊ป อายุ 26 ปี นักธุรกิจหนุ่มที่หน้าตาหล่อเหลาราวกับเทพบุตร เย็นชากับผู้หญิงทั้งโลกยกเว้นเธอเพียงคนเดียวเท่านั้น เอย อรนลิน "เมื่อเขาดึงเธอเข้ามาในวังวนของไฟรักที่แผดเผาหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้ไหม้ไปทั้งดวง" "เธอแน่ใจนะว่าจะให้ฉันช่วยค่าตอบแทนมันสูงเธอจ่ายไหวเหรอ?" เอย อรนลิน พิศาลวรางกูล ดาวเด่นของวงการบันเทิงที่ผันตัวไปรับบทนางร้าย เธอสวย เซ็กซี่ ขี้ยั่วกับเขาเพียงคนเดียวเท่านั้น "เขาคือดวงไฟที่จุดประกายขึ้นในหัวใจดวงน้อยๆของเธอให้หลงเริงร่าอยู่ในวังวนแห่งไฟรัก" "อะ อึก จะ เจ็บ เอยเจ็บค่ะคุณคิณ"
เมื่อนางย้อนยุคกลายเป็นพระชายาคังที่ถูกขังอยู่ในโรงขังคนบ้า เพิ่งมาถึงฉินเซิงก็กำจัดคนสองคนที่ต้องการทำร้ายนาง นางบุกเข้าไปในงานแต่งงานของคู่รักชั่วชาสองคนนั้นในชุดแดง นางหยิ่งผยองและยั่วยุ ทำให้ชายชั่วโกรธจนกัดฟันแน่นแต่กลับทำอะไรไม่ได้ และหญิงร้ายนั้นก็เกลียดชังอย่างมากทว่าเอาคืนไม่ได้ ท่านอ๋องจิ้นได้เห็นสถานการณ์ทั้งหมดนี้ เขาโค้งงอริมฝีปาก สตรีนางนี้ช่างแตกต่างจากคนอื่นจริงๆ ถูกใจเหลือเกิน เขาจะเอาชนะใจนางและให้ชีวิตที่ดีแกนาง
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที