“บ้าอำนาจชะมัด” หญิงสาวแอบบ่น กระแทกตัวลงนั่งริมสุดของขอบโซฟา ทิ้งระยะห่างจากเขาให้มากที่สุด “นี่แม่คุณ มานั่งใกล้หน่อยสิ นั่งไกลอย่างนั้นแล้วจะบริการฉันได้ยังไง ไม่เห็นเหรออาหารหมดถ้วยแล้ว” ถ้ารู้มาก่อนว่าคนที่จองห้องวีไอพีคือเขาคนนี้ เธอไม่ยอมเป็นพนักงานเสิร์ฟจำเป็นแน่นอน หญิงสาวเขยิบร่างกายเข้ามาอีกนิด ตักอาหารใส่ถ้วย ก่อนจะวางไว้ตรงหน้าเขาเหมือนเดิม “ป้อนด้วยสิ” เขาพูดอย่างอารมณ์ดี “ดิฉันมีหน้าที่คอยให้บริการอำนวยความสะดวกให้กับคุณ ตามที่เห็นสมควรนะคะ การป้อนอาหารเป็นนอกหน้าที่ของดิฉัน” สร้อยระย้าพูดด้วยน้ำเสียงค่อนข้างเข้ม จ้องมองอีกฝ่ายอย่างไม่พอใจ ชายหนุ่มกระตุกยิ้มกับท่าทีแสนพยศของเธอ ขยับร่างกายเข้ามาประชิดร่างบางอย่างรวดเร็ว โดยที่หญิงสาวไม่ทันตั้งตัว “ว้าย!!..ปล่อยนะ” หญิงสาวร้องเสียงหลง ผลักร่างหนาให้ออกห่าง แกะมือใหญ่ที่รัดเอวของเธอไว้แน่น แต่ยิ่งพยายามเอวของเธอก็ต้องถูกรัดแน่นมากยิ่งขึ้น ไม่เพียงเท่านั้นร่างงามลอยขึ้นเหนือเบาะ เนื่องจากเขาอุ้มร่างของเธอมานั่งบนตัก “พยศนักนะ” ไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนกล้าปฏิเสธเขามาก่อน เห็นจะมีเพียงผู้หญิงกลิ่นกายเย้ายวนใจคนนี้ ยิ่งชิดใกล้เลือดในกายของเขาเดือดพล่าน ความต้องการปะทุขึ้นมาทันที เรียวปากใหญ่ปิดสนิทปากนุ่มที่กำลังจะอ้าปากต่อว่า ทำให้เขาสอดแทรกลิ้นร้อนชื้นเข้าไปภายในโพรงปากอย่างง่ายดาย เรียวลิ้นหนาตวัดพัดโบกกับลิ้นนุ่มที่ตื่นกลัวทำอะไรไม่ถูก เนื่องจากจูบนี้เป็นจูบแรกของชีวิตสาว สมองของเธอนั้นเริ่มมีกลุ่มหมอกควันสีขาวเข้ามาปกคลุม ความว่างเปล่ากำลังเข้ามาแทนที่ ไม่มีสตินึกคิด ความหวานนุ่มชวนหอมหวานที่เขาได้สัมผัส กระตุ้นความเป็นชายของเขาให้ตื่นจากการหลับใหล เสียงครางที่ดังทักท้วงในลำคอสาว เสมือนยากระตุ้นให้ความดันโลหิตของเขาเสียดทานกับความต้องการทางเพศ ร้อนรุ่มไปทั้งกาย มือใหญ่ลูบแผ่นหลังบางไปมา ก่อนจะวกมากอบกุมทรวงอกขนาดพอเหมาะกับฝ่ามือของเขา ไม่ใหญ่มากเกินไปจนล้นมือและไม่เล็กจนเสียอารมณ์
1
ความสุขไม่จำกัดว่า บ้านที่อยู่อาศัยจะหลังเล็กหรือหลังใหญ่ บางบ้านหลังใหญ่โต ทว่าหาความสุขไม่ได้ ต่างคนต่างอยู่ วันหนึ่งแทบไม่เจอหน้ากันก็มี ต่างกับบ้านหลังนี้ พื้นที่ไม่ถึงสี่สิบตารางวา บ้านกลางเก่ากลางใหม่ แต่ความรัก ความอบอุ่น กว้างใหญ่ไร้ขอบเขต
เจ้าของบ้านมีนามว่าบุญพา ชายวัยหกสิบสามปีและเป็นหัวหน้าครอบครัว มีภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากนามว่าจามจุรี ทั้งสองมีลูกชายเพียงคนเดียวคือป้องปราบ ผู้ยึดอาชีพเจ้าหน้าที่การเงินของบริษัทเอกชนแห่งหนึ่ง และสมาชิกคนสุดท้ายของครอบครัวนี้คือ สร้อยระย้า เด็กกำพร้าที่ถูกบุพการีนำไปขัดดอกไว้ ในบ่อนการพนัน ตอนนั้นสร้อยระย้ามีอายุเพียงสิบปีเท่านั้น
“พ่อจ๋า แม่จ๋า วันนี้เงินเดือนกระรอกออก กระรอกเอามาให้พ่อกับแม่ค่ะ”
สร้อยระย้ายื่นเงินสดแปดพันห้าร้อยบาทให้กับผู้มีพระคุณทั้งสอง เงินจำนวนนี้เป็นเงินเดือนๆ แรกในชีวิตของสาวน้อย ตั้งแต่บุญพานำเงินที่เก็บสะสมไว้ ไปไถ่ตัวหญิงสาวออกมาจากบ้านเฮียกวง สองสามีภรรยาส่งเสียเธอเรียนหนังสือจนจบชั้นปริญญาตรี ให้ที่อยู่ที่กินและรักเธอเหมือนกับลูกสาวคนหนึ่ง มีทางใดที่จะตอบแทนบุญคุณทั้งสองคนได้ สร้อยระย้ายินดีทุกอย่าง
“เอามาให้พ่อกับแม่หมด แล้วกระรอกจะเอาอะไรใช้ล่ะลูก” จามจุรีเอ่ยถามลูกบุญธรรมด้วยรอยยิ้ม มองจำนวนเงินที่อยู่ในมือด้วยความตื้นตันใจ
“กระรอกเก็บไว้สามพันห้า เอาไว้เป็นค่ารถค่ากินตอนไปทำงาน ที่เหลือกระรอกให้พ่อกับแม่หมดเลยค่ะ”
“แค่นั้นจะพออะไรลูก เอาไปอีกสิ กระรอกทำงานเหนื่อยมาทั้งเดือน จะใช้เงินแค่สามพันห้าเองเหรอ” บุญพาแย้งโต้อีกคนหนึ่ง
“กระรอกก็ไม่ได้ใช้อะไรนี่คะ ช้าวเช้าแม่ก็หาให้ ตอนเย็นกลับมาก็มีข้าวกิน พ่อกับแม่เก็บเอาไว้เถอะจ้ะ กระรอกตั้งใจว่าจะให้พ่อกับแม่ทุกเดือน ตอบแทนบุญคุณพ่อไถ่ตัวกระรอกออกมาจากที่แบบนั้น”
“พ่อกับแม่ไม่เคยคิดว่าการที่ไถ่ตัวกระรอกมาจากเฮียกวง มันจะเป็นบุญคุณอะไรมากมาย แค่อยากให้กระรอกมีชีวิตที่ดีกว่านี้ ไม่ต้องถูกเสี่ยเบิ้มเอาตัวกระรอกไปขายที่ชายแดนเท่านั้นเองลูก”
วันที่เขาตัดสินใจนำเงินเจ็ดเหมื่นบาทไปไถ่ตัวสร้อยระยะออกมานั้น เขาได้ยินเสี่ยเบิ้มพูดกับลูกน้องว่าจะนำตัวหญิงสาวที่ตอนนั้นมีอายุเพียงสิบสี่ปีไปขายที่ชายแดน บุญพาเห็นสร้อยระยะมานานหลายปี เธอเป็นเด็กดีมากคนหนึ่ง แม้ว่าจะอยู่กับเฮียกวงคอยรับใช้พวกนักเสี่ยงโชคแล้วแต่จะใช้สอย หากแต่สร้อยระย้าเกลียดการพนันจับใจ เพราะการพนันทำให้เธอต้องมาอยู่ที่นี่ อีกข้ออาจเป็นเพราะความสาวและความสวยที่โดดเด่น แม้วัยเพียงสิบสี่ปี ทำให้เสี่ยเบิ้มคิดจะนำตัวหญิงสาวไปขาย บุญพาจึงนำเรื่องนี้มาปรึกษาภรรยา และลงความเห็นว่าการที่ได้ช่วยเหลือเด็กคนหนึ่ง ให้รอดพ้นจากคาวราคี นับว่าเป็นบุญกุศลอย่างหนึ่ง
“แต่สำหรับกระรอกมันคือบุญคุณที่ชาตินี้ทั้งชาติ กระรอกกฌไม่มีวันใช้หมด ขนาดพ่อกับแม่ที่แท้จริงของกระรอก ยังไม่สนใจนำเงินมาไถ่ตัวกระรอกเลย ต่างกับพ่อที่เป็นแค่นักเสี่ยงโชคหนึ่ง แต่กลับมีความเมตตาและความเอ็นดูกับกระรอกอย่างมากมายมหาศาล เปิดประตูให้กระรอกได้พบกับชีวิตใหม่ ชีวิตใหม่ที่กระรอกเองก็ไม่รู้ว่า ถ้าไม่มีพ่อกับแม่ กระรอกจะมีวันนี้หรือเปล่า พ่อกับแม่รับเงินไว้เถอะค่ะ” หญิงสาวยิ้มละไมเมื่อพูดประโยคกลั่นออกมาจากความรู้สึกตนเอง
“ถ้ากระรอกต้องการแบบนั้น แม่ก็จะเก็บไว้ให้ แต่ถ้ากระรอกอาจจะเอาไปซื้ออะไร ก็มาเอาที่แม่นะลูก”
เมื่อก่อนนางเคยคิดว่าเอาลูกเขามาเลี้ยงเอาเมี่ยงเขามาอม เป็นสิ่งที่ไม่สมควร เพราะน้อยคนนักที่เด็กในอุปการะจะมีความกตัญญูกับเราอย่างแท้จริง สร้อยระย้าทำให้ความคิดนั้นของนางเปลี่ยนไป เด็กคนนี้เป็นคนดี ช่วยเหลืองานบ้านทุกอย่าง โดยไม่ต้องสั่งและรู้หน้าที่ของตน อยู่อย่างเจียมตนว่าเป็นแค่คนอาศัย ไม่แปลกที่สามี ตัวนางรวมถึงลูกชายจะรัดและเอ็นดูสร้อยระย้าเหมือนสมาชิกคนหนึ่งของครอบครัวที่เกิดจากสายเลือดเดียวกัน
“ไปอาบน้ำเถอะลูกจะได้มากินข้าวกัน ใกล้เวลาป้องกลับบ้านแล้ว”
“ค่ะพ่อ” การกินอาหารเย็นเป็นกิจวัตรประจำวันที่ปฏิบัติกันมาทุกวัน ของคนในบ้านหลังนี้ ป้องปราบจะกลับมาบ้านหกโมงเย็นของทุกวัน เนื่องจากที่ทำงานอยู่ห่างจากบ้านไม่ถึงสามร้อยเมตร ป้องปราบใช้การเดินทั้งไปและกลับ สะดวกและไม่ต้องเสียเวลาติดอยู่บนรถประจำทาง อีกทั้งประหยัด ค่าใช้จ่ายไปในตัวด้วย
“พ่อแม่จ๋า คืนนี้กระรอกจะไปที่ผับนะคะ พี่โรสบอกว่าคนงานในครัวลางานสามวัน ให้กระรอกไปทำแทนค่ะ”
พี่โรสคือเพื่อนบ้านที่อยู่ถัดไปจากบ้านของบุญพาสี่หลัง ยึดอาชีพผู้จัดการผับชื่อดังแห่งหนึ่งของเมืองไทย ส่วนมากจะเป็นลูกผู้ดีมีเงิน เศรษฐีใหม่และเก่า นักธุรกิจผู้มีชื่อเสียงไปใช้บริการแทบทั้งสิ้น มนุษย์เงินเดือนอย่างเช่นป้องปราบไม่มีสิทธิ์เข้าไปเหยียบย่ำ เนื่องจากบุคคลที่เข้าไปใช้บริการ จะต้องเป็นสมาชิกเท่านั้น ค่าสมาชิกไม่ต้องพูดถึง มากกว่าเงินเดือนของเขาทั้งปีเสียอีก
“พ่อไม่อยากให้กระรอกทำงานที่ผับ เราก็ไม่ได้เดือดร้อนอะไร อีกอย่างสถานที่แบบนั้นมันไม่เหมาะกับลูกเลยนะกระรอก” บุญพากล่าวเตือนลูกสาวด้วยความหวังดี ไม่ได้คิดดูถูกสถานที่ หรือดูถูกคนที่ทำงานในผับนั้นเลย แต่ที่ว่าไม่เหมาะในความหมายของเขา สร้อยระย้ายังเด็กเกินไปที่จะทำงานในสถานบันเทิงแห่งนั้น เขาเป็นห่วงกลัวว่าลูกสาวบุญธรรมจะไม่ทันเล่ห์เหลี่ยมของพวกเฒ่าหัวงู หรือไม่ก็พวกเจ้าชู้ไก่แจ้
“กระรอกทำอยู่แต่ในครัว ไม่ออกมาด้านนอกไม่เป็นอะไรหรอกค่ะ อีกอย่างพี่โรสดูแลกระรอกเป็นอย่างดี ไม่ให้ใครมาวุ่นวายกับกระรอกเลยค่ะ” สร้อยระย้าบอกให้คนเป็นพ่อสบายใจ
“ให้กระรอกไปทำเถอะครับ เดี๋ยวผมไปรับเองที่เก่าเวลาเดิม” ป้องปราบพูดอย่างรู้งาน
“ไม่ต้องก็ได้พี่ป้อง กระรอกกลับกับพี่โรสดีกว่า พรุ่งนี้พี่ป้องต้องไปทำงานแต่เช้า"
“ไม่เป็นไรหรอก กระรอกเองก็ต้องไปทำงานแต่เช้าเหมือนกันไม่ใช่เหรอ ถือว่าเจ๊ากันนะ"
“ให้พี่ไปรับเถอะลูก ไม่งั้นพ่อกับแม่ไม่ให้ไปนะ”
“ค่ะแม่” หญิงสาวรับคำ เงินที่มาจากการไปทำงานที่ผับ หญิงสาวจะเก็บหอมรอมริบรวบรวมไป ซื้อมอเตอร์ไซค์คันใหม่ให้กับบุญพา แทนคันเก่าที่นำไปขาย เพื่อนำเงินมาจ่ายค่าเล่าเรียนให้กับเธอ
เพียงแค่ได้เห็นใบหน้าสวย สรีระหน้าฟัดของ พลอยพัตรา ทำให้ เฟอเดอริค มอโร อยากจะคว้าตัวเธอมาเป็นดอกไม้บนเตียงของเขาทันที คนเจ้าเล่ห์และเจ้าบุญทุ่มอย่างเขาจึงทำทุกอย่างที่จะได้ดอกไม้ดอกนี้มาเชยชม
"ฮือๆ .. ทำไมทำอย่างนี้กับรุ้ง ทำไมต้องเป็นเดียร์ ทำไม?" ความรู้สึกเสียงใจของหทัยชนกจะน้อยกว่านี้ หากคนที่เป็นภรรยาน้อยของสามีไม่ใช่เกวลิน...เพื่อนรักของเธอ
"คนอย่างเธอความเจ็บปวดแค่นี้มันยังน้อยเกินไป เธอต้องเจ็บเหมือนกับที่มินามิเจ็บ และต้องเจ็บยิ่งกว่าหลายร้อยเท่า ฉันจะทำให้เธอตายอย่างช้าๆ แต่ทุกข์ทรมานแสนสาหัส เธอจะไม่ได้ยินหรือสัมผัสกับความอ่อนโยนเมตตาจากฉัน สิ่งที่ฉันจะมอบให้เธอมีเพียงความเกลียดชังเท่านั้น จำใส่กะโหลกไว้" เรียวเหวี่ยงร่างงามไปที่เตียงนอนอย่างแรง มือหนาจับที่ข้อเท้าของเธอไว้แน่นเมื่อรู้ว่าเธอกำลังกระเถิบตัวหนี "หนีสิ หนีเลย ถ้าเธอหนี คนที่ตายเป็นคนแรกคือแม่ของเธอ ฉันจะให้แม่เธอตายเหมือนหมูเหมือนหมาข้างถนน เหมือนกับที่เธอฆ่าแม่ของฉัน" ดวงตาเขาเปล่งแสงแรงกล้าของความอาฆาต เมื่อนึกถึงข้อนี้อยากจะฆ่าหญิงสาวตรงหน้าให้ตายตามมารดาและคนที่เขารัก แต่ความตายอาจจะไม่ทำให้เขาสะใจ นอกจากกระกระทำต่อไปนี้ที่สะใจเขามากที่สุด ทรรศิกาหยุดดิ้นรนขัดขืน เขาจึงปล่อยข้อเท้าของเธอให้เป็นอิสระ จัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าต่อหน้าเธอ ความกลัวเริ่มเกาะกินจิตใจของเธอมากขึ้นเรื่อยๆ อยากจะวิ่งหนีออกไปจากที่นี่ แต่เมื่อนึกถึงมารดา ทำให้เธอก้มหน้ารับชะตากรรมที่กำลังจะเกิดขึ้น เรื่องที่คุณน่าจะสน
ความอิจฉาน้องสาวต่างมารดาคือจุดเริ่มต้นของแผนการ “ชิงไอศูรย์” มาเป็นของตน เธอจึงใช้เล่ห์เหลี่ยมง่ายๆ คือวางยานอนหลับเขา พอตื่นขึ้นมาก็จะติ๋งต่างว่า เขากับเธอมีอะไรกัน ทว่าแผนเกิดผิดพลาด ยาที่ผสมในไวน์กลับเป็นยาปลุกเซ็กซ์ ผลที่ออกมาคือ ไอศูรย์มีความสัมพันธ์ทางกายกับเธอจริงๆ ในที่สุด ชเนตตีได้แต่งงานกับเขาตามตั้งใจ ทว่าผลที่ออกมา ไม่ได้เป็นไปตามที่คิดไว้ “เนยใส่อะไรในแก้วไวน์ของพี่ใช่ไหม ไม่อย่างนั้นพี่จะไม่มีวันอยู่ในสภาพแบบนี้” เขาถามอีกครั้งเมื่อเห็นอีกฝ่ายเงียบ เสียงที่ถามเข้มห้วน ใบหน้ายังคงเรียบตึง สายตาถมึงทึงใส่ร่างอวบที่ย่นคอหนีน้ำเสียงแผดกร้าว “ตอบพี่มา” “ใส่อะไร เนยไม่รู้เรื่อง…ฮือ…พี่เจย์ทำผิดแล้วอย่ามาโทษว่าเนยวางยาพี่นะ…ฮือ” เธอยังคงปากแข็งต่อไป หลบสายตาแข็งกร้าวพัลวัน
“ว้าย!!..” เธอร้องได้เพียงเท่านั้น ก่อนที่ปากของหยาดน้ำค้างจะถูกมือใหญ่ของใครบางคนปิดเอาไว้ ลำแขนอีกข้างรัดร่างน้อยไว้แน่น ก่อนจะลากไปที่พุ่มไม้รกข้างทาง “อย่าดิ้น อย่าร้อง ไม่งั้นจะจับปล้ำมันตรงนี้แหละ” เสียงที่พูดชิดเรียวหูสะอาด ทำให้เธอรู้ว่าเจ้าของเสียงนั้นคือใคร..เหมันต์ วิเศษเดโช เขาดันร่างเล็กให้แผ่นหลังแนบชิดกับต้นไม้ใหญ่ขนาดสี่คนโอบ ใช้ลำแขนกักร่างบางเอาไว้ “ปล่อยนะ” หญิงสาวพูดเสียงเบาทว่าหนักแน่น เธอไม่กล้าพูดเสียงดังมาก เพราะกลัวว่าคนที่เดินผ่านไปผ่านมาจะได้ยิน “ไปกล่อมพ่อหรือกล่อมลูกมาล่ะ ถึงได้อ้อยอิ่งเป็นชั่วโมงแบบนี้” น้ำเสียงของเหมันต์เขียวเหมือนกับใบหน้าที่เขียวคล้ำด้วยความโกรธ “มันเรื่องของฉัน..คุณไม่เกี่ยว..เราไม่มีอะไรต่อกันแล้ว คุณก็ได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้วนี่ จะมาเอาอะไรกับฉันอีก ปล่อยนะ ฉันจะกลับที่พัก” หยาดน้ำค้างพยายามดิ้นรนหนีพันธนาการที่รัดร่างอยู่ แต่ทว่าลำแขนของเขานั้นหาได้คลายออกไม่ ยิ่งรัดแน่นมากกว่าเก่า เมื่อได้ยินวลีของเธอ “ทำไมผมจะไม่เกี่ยว ในเมื่อน้ำค้างเป็นเมียของผม..เป็นเมีย หรือว่าจำไม่ได้ว่าเราสองคนมีความสุขกันมากแค่ไหน” เขาเท้าความหนหลังให้เธอได้ฟัง ฝ่ายหญิงนิ่งเงียบกับคำพูดของเขา เธอไม่เถียงว่ามีความสุขมากแค่ไหนเวลาได้อยู่ใกล้ชิดกับเรือนกายที่แสนแข็งแรงและอบอุ่น หากแต่ความทุกข์และความเสียใจที่เธอได้รับนั้นมันก็มากมายเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นความสุขหรือว่าความทุกข์ เธอก็ไม่มีวันลืมเช่นกัน และไม่มีทางจะกลับไปจมกับความทุกข์อีกแล้ว “ฉันไม่ใช่เมียคุณ..ถ้าคุณคิดว่าการที่เรามีอะไรกันแล้วฉันจะเป็นเมียคุณ พี่ว่านก็ต้องเป็นสามีของฉันเหมือนกัน” หยาดน้ำค้างคิดว่าวิธีนี้เป็นวิธีที่ดีที่สุด วิธีที่เขาไม่มีทางมายุ่งเกี่ยวกับเธออีก อ้อมแขนที่รัดร่างนิ่มคลายออกโดยอัตโนมัติ หัวใจของคนที่ฟังเต้นเร็ว ดวงตาคมเข้มสีดำเรืองแสงในความมืดที่โรยตัวไปทั่วบริเวณ บ่งบอกอะไรหลายอย่างในแววตา เสียใจ ไม่คาดฝัน ไม่แน่ใจ
จะกี่หมัดก็ไม่หวั่น กี่ยกก็ไม่กลัว เธอจะ Knock Out ด้วยหัวใจติดปลายนวม ภัทรียายินดีสานต่อค่ายมวยและรับผิดชอบหนี้สินรุงรังต่อจากพ่อซึ่งเสียชีวิต แต่ ณ วันนี้หนี้สินสามปีที่ผัดผ่อนมาตลอดทำให้เธอมืดแปดด้าน ไม่ว่าความหวังแสนริบหรี่แค่ไหน เธอก็คว้าไว้อย่างไม่รอช้า ไม่เว้นแม้แต่การเป็นภรรยาหลอกๆ ต่อให้ต้องโดนแม่สามีดูถูกทุกขณะ น้องสาวสามีจ้องเหยียดชาติกำเนิดทุกครั้งที่เจอหน้า ภัทรียาก็ไม่หวั่นเกรงแม้แต่น้อย เพราะเธอคือ... ‘มะปราง ลูกจ่าดาบ ศิษย์จอมทอง’ นักมวยสาวหุ่นกระชากใจหนุ่มๆ หากไม่เพราะกำลังจะถูกแม่จับคลุมถุงชน ธัชธรรมจึงต้องเลือกใช้วิธีสิ้นคิด จ้างนักมวยสาวหมัดหนักที่กำลังร้อนเงินมาเป็นภรรยากำมะลอ จดทะเบียนจริง อยู่ด้วยกันจริง...และทำท่าว่าจะต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน รออีกอย่างเดียวเท่านั้น... รอให้สะใภ้กำมะลอยอมเป็นภรรยาตัวจริงของเศรษฐีหนุ่มหล่อ
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
รูรักอันบริสุทธิ์เมื่อถูกปลายลิ้นร้อนของชายหนุ่มเป็นครั้งแรกดูเหมือนว่าจะตอบสนองได้เป็นอย่างดี ร่องของนางขมิบรัว สะโพกของนางยกขึ้นยังเด้งเข้าไปหาปากร้อน ฝ่าบาทเก่งกาจยังสามารถแยงลิ้นเข้าไปในรู อันซูเซี่ยถูกทาขี้ผึ้งหอมรอบปากทาง ขี้ผึ้งนี้นอกจากจะมีรสชาติดีส่งเสริมรสน้ำรักของนางแล้วยังมีคุณสมบัติอันวิเศษ แม้จะเป็นหญิงพรหมจรรย์ก็จะไม่รู้สึกเจ็บปวด และเผลอทำร้ายฝ่าบาทจนบาดเจ็บ อี้หลงดูดแบะขาของนางให้กว้างขึ้นแล้วรวบขึ้นไปให้ขาชี้ฟ้า จากนั้นมุดใบหน้าลงมาอย่างหลงใหล “หอมอร่อยเหลือเกิน รู้สึกเหมือนดื่มสุราไม่เมามาย อ้า ข้าชอบยิ่ง หอยของฮองเฮาช่างใหญ่โต ดูโคกเนื้อโยนีแทบจะล้นริมฝีปากของข้า สีแดงเช่นนี้คงไม่เคยผ่านสิ่งใดมาก่อน บริสุทธิ์ยิ่งนัก ซี้ด” นางดิ้นเร่าอยู่ในปาก ไม่รู้ว่าต้องทำอย่างไรนอกจากเชื่อฟังในคำของฝ่าบาท “อืม อร่อยยิ่งนัก อ้า ข้าไม่ไหวแล้วขอดูหน้าฮองเฮาของข้าหน่อยเถิด” ดูเหมือนว่าร่องรักของนางยังขมิบ นางไม่อยากให้เขาเงยหน้าขึ้นจากตรงนั้นด้วยซ้ำ อยากถูกปลายลิ้นเลียเช่นนั้นจนกว่านางจะได้รับการปลดปล่อย “อ้า ฝ่าบาทเพคะ อย่าหยุดเพคะ อื้อ” นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักสำหรับผู้ใหญ่ มี 2 เล่มจบ เป็นนิยายแบบพล็อตอ่อน เน้นฉากรักบนเตียงของตัวละครเป็นหลัก เหมาะสำหรับผู้มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไม่เหมาะสำหรับสายคลีนใส ๆ นะคะ หากใครไม่ชอบอ่าน NC เยอะ ๆ กรุณาเลื่อนผ่าน เพราะเรื่องนี้เน้น NC เป็นหลักค่ะ ซีไซต์ นักเขียน
เว่ยจื้อโหยวลืมตาตื่นขึ้นมาอีกครั้งพบว่าตนอยู่ในยุคสมัยที่ไม่คุ้นเคยสิ่งรอบกายดูโบราณล้าหลัง โลกโบราณที่ไม่มีในประวัติศาสตร์โลก ยังไม่ทันได้เตรียมใจก็ถูกส่งให้ไปแต่งงานกับชายยากจนที่ท้ายหมู่บ้าน สาเหตุที่เว่ยจื้อโหย่วถูกส่งมาให้แต่งงานกับชายที่ขึ้นชื่อว่ายากจนที่สุดในหมู่บ้านนั้น เพราะนางเกิดไปต้องตาต้องใจเศรษฐีผู้มักมากในกามเข้า เพื่อหาทางหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกบ้านใหญ่ขายไปเป็นอนุภรรยาของเศรษฐีเฒ่า พ่อแม่ของนางจึงยอมแตกหักจากบ้านใหญ่และท่านย่าที่เห็นแก่ตัวและลำเอียงเป็นที่สุด ด้วยเหตุนี้พ่อแม่ของนางจึงตัดสินใจยกนางให้กับอวิ๋นเซียว ชายหนุ่มที่แสนยากจนข้นแค้น ที่เพิ่งเสียบิดามารดาไป อีกทั้งยังทิ้งน้องชายน้องสาวเอาไว้ให้เขาเลี้ยงดู นอกจากนี้ยังมีป้าสะใภ้มหาภัยที่คอยแต่จะมารังแกเอารัดเอาเปรียบสามพี่น้อง สิ่งที่ย่ำแย่ที่สุดไม่ใช่ป้าสะใภ้มหาภัย แต่ มันคืออะไรแต่งงานนางไม่ว่ายังไม่ทันได้เข้าหอสามีหมาดๆ ก็ถูกเกณฑ์ไปเป็นทหารในสงครามระหว่างแคว้น มันไม่มีอะไรเลวร้ายไปมากว่านี้อีกแล้วสำหรับ เว่ยจื้อโหยว หากสามีทางนิตินัยของนางตายในสนามรบ ก็ไม่เท่ากับว่านางเป็นหม้ายสามีตายทั้งที่ยังบริสุทธิ์หรอกหรือ แถมยังต้องเลี้ยงดูน้องชายน้องสาวของอดีตสามีอีก สวรรค์เหตุใดถึงได้ส่งนางมาเกิดใหม่ในที่แบบนี้
กู้ชิงเฉิงเชื่อมั่นมาตลอดว่าตราบใดที่เธอประพฤติตัวดี สักวันหนึ่ง เธอก็จะสามารถชนะใจมู่ถิงเซียวให้ได้ อย่างไรก็ตาม เมื่อเสิ่นถัง รักแรกที่เขาคิดถึงมาตลอดกลับมา ทุกอย่างก็เปลี่ยนไป กู้ชิงเฉิงเป็นคนว่าง่ายสอนง่ายจริงๆ เธอจัดงานแต่งงานด้วยคนเดียว และนอนคนเดียวในห้องผ่าตัดเพื่อรับการรักษาฉุกเฉิน มีข่าวลือว่าเธอบ้าไปแล้ว อันที่จริงเธอบ้าไปแล้วจริงๆ ที่รักใครสักคนอย่างไม่ละอายขนาดนี้ ต่อมา ทุกคนลือกันว่า กู้ชิงเฉิงป่วยหนักและกำลังจะเสียชีวิต มู่ถิงเซียวถึงสูญเสียการควบคุมอย่างสิ้นเชิง "ฉันไม่ปล่อยให้เธอตาย" แต่เธอกลับยิ้มอย่างนิ่งๆ ว่า "ดีจังเลย ฉันเป็นอิสระแล้ว" ใช่แล้ว ไม่ต้องการกู้ชิงเฉิงอีกแล้ว"
อวิ๋นเจินอาศัยอยู่ในตระกูลอวิ๋นมาเป็นเวลา 20 ปี กลับพบว่าเธอเป็นลูกสาวปลอม พ่อแม่บุญธรรมของเธอวางยาเธอเพื่ออยากจะได้เงินมาลงทุน หลังจากที่อวิ๋นเจินรู้เรื่องนี้ เธอก็ถูกไล่กลับไปที่ชนบท จากนั้นเธอก็ค้นพบว่าตัวเองคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลเฉียวและมีชีวิตที่หรูหราสุด ๆ หลังจากกลับมา เธอได้รับความรักจากครอบครัวและมีชื่อเสียงโด่งดัง น้องสาวจอมปลอมใส่ร้ายอวิ๋นเจิน แต่เธอไม่คาดคิดว่าอวิ๋นเจินจะมีความสามารถต่างๆ เมื่อต้องเผชิญกับการยั่วยุ เธอได้แสดงความสามารถและทักษะต่างๆ มากมายเพื่อจัดการผู้รังแก มีข่าวลือกันว่าอวิ๋นเจินยังคงโสด และชายหนุ่มชื่อดังแห่งเมืองงก็ผลักเธอไปเข้ากำแพง "คุณนายกู้ ถึงตามราเปิดเผยตัวตนได้แล้วนะ"
ซูมู่หยูคือลูกสาวแท้ๆ ของตระกูลที่พลัดพรากจากกันไปนาน หลังจากกลับมาสู่ครอบครัว เธอพยายามอย่างเต็มที่เพื่อเอาใจญาติๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวตน เกียรติศักดิ์ หรือผลงานการออกแบบ เธอก็ถูกบังคับให้มอบสิ่งเหล่านี้ให้กับลูกสาวบุญธรรม อย่างไรก็ตาม เธอไม่ได้รับความรักและการดูแลจากครอบครัวแต่อย่างใด แต่กลับโดนเอาเปรียบตลอด นับแต่นั้นเป็นต้นมา มู่หยูไม่ยอมให้ใครอีกเลย และตัดความรู้สึกและความรักทั้งหมดออกไป ปัจจุบันเธอเป็นสายดำระดับเก้า เชี่ยวชาญภาษาถึงแปดภาษา เป็นผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ และนักออกแบบระดับโลก ซูมู่หยูกล่าวว่า "จากนี้ไป ฉันเป็นหนึ่งของตระกูลซู"