ครอบครัวของอุดมอดีตเสี่ยใหญ่แห่งลุ่มน้ำเจ้าพระยาเป็นครอบครัวที่มองภายนอกแล้วหลายคนอาจเฝ้าอิจฉาโดยเฉพาะชีวิตของสายป่านลูกสาวเพียงคนเดียวของเสี่ยอุดมกับผกา เธอถูกเลี้ยงดูมาเหมือนไข่ในหินไม่ว่าใครแม้แต่คนในละแวกนั้นยังไม่ค่อยมีใครได้มีโอกาสพูดคุยกับสาวน้อยคนนี้เพราะทั้งพ่อและแม่ต่างเก็บตัวลูกสาวเพียงคนเดียวไว้แต่ภายในบ้านไม้สักหลังใหญ่นอกจากโรงเรียนและมหาวิทยาลัยสายป่านเองแทบจะไม่มีโอกาสปรากฏตัวเพียงลำพังเลยสักครั้ง
“คุณคิดว่าสายป่านจะยอมหรือเรื่องแบบนี้มันไม่ใช่สมัยก่อนที่คุณจะมาใช้บุญคุณมาอ้างแล้วคิดว่าจะคลุมถุงชนใครก็ได้นะ”
ผกาไม่เห็นด้วยกับความคิดของสามีที่จะให้สายป่านแต่งงานกับเจ้าหนี้ที่ทั้งคู่นำที่ดินและบ้านไปจำนองไว้เมื่อครั้งที่อุดมไปเล่นการพนันที่บ่อนต่างประเทศซึ่งครั้งนั้นเขาเสียจนหมดแล้วได้มีนักธุรกิจชาวไทยเข้ามาเสนอให้เขาเอาบ้านและที่ดินมาจำนองเพื่อนำเงินก้อนใหญ่ไปใช้เล่นต่อ
“มันต้องยอมสิ สายเลือดเราก็ไม่ใช่ เราทั้งให้ชีวิตดูแลมันมาเป็นอย่างดีมันคงไม่เนรคุณหรอก”
อุดมเผลอตัวพูดเสียงดังออกมาโดยที่เขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้ประตูห้องนอนของเขาปิดไม่สนิทและสายป่านสาวน้อยผู้ไม่รู้ความจริงอะไรเลย เธอผ่านมาได้ยินข้อความทั้งหมดก็ถึงกับทรุดเข่าร่วงลงไปนั่งอยู่หน้าประตูห้องนอนของพ่อและแม่ที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าทั้งคู่ไม่ใช่พ่อแม่แท้ ๆ ของเธอ
“คุณจะตะโกนไปถึงไหนอยากให้สายป่านมันรู้ใช่ไหมว่าเราไม่ใช่พ่อกับแม่มัน คุณไม่กลัวหรือว่าสักวันไข่ในหินที่คุณคิดว่าเลี้ยงดูมันมาอย่างดีที่สุดมันจะรู้ความจริงว่าคุณคือคนที่ฆ่าพ่อของมัน”
ผกาถึงเธอจะไม่ได้รักสายป่านเหมือนสายเลือดแท้ ๆ แต่เธอก็มีความผูกพันให้กับเด็กน้อยที่เธอเฝ้าเลี้ยงดูมาตั้งแต่อายุเพียงไม่กี่เดือนเพราะตัวเธอเองไม่สามารถมีลูกได้แต่นั่นก็ไม่ทำให้เธอรัก หญิงสาวเหมือนลูกแท้ ๆ แค่เพียงว่าเธอหวังจะพึ่งสายป่านเมื่อครั้งที่เธอแก่ตัวลงก็เท่านั้นจึงไม่อยากให้สามีเสียงดังไปเพราะถ้าวันนึง สายป่านรู้ความจริงสุดท้ายเธออาจจะไม่เหลือใครไว้ให้พึ่งเมื่อยามชราลง
“พูดเหมือนคุณเป็นคนดีกว่าผมเสียอย่างนั้นที่ดวงแม่ของสายป่านต้องฆ่าตัวตายไม่ใช่เพราะคุณหรอกหรือไม่ต้องทำมาโยนความผิดให้ผมคนเดียว”
อุดมรู้สึกไม่พอใจภรรยาที่พูดเหมือนว่าเขาเป็นคนผิดในเรื่องของพ่อแม่ของสายป่านเพียงคนเดียวทั้งที่ความจริงผกาเองก็มีส่วนทำให้แม่ของสายป่านต้องคิดสั้นจากโลกนี้ไปทั้งที่ตอนนั้นทารกน้อยยังอายุได้ไม่กี่เดือน
เด็กสาวในวัยกำลังเรียนอยู่ในรั้วมหาวิทยาลัยเธอไม่คิดเลยว่าสิ่งที่เธอกำลังได้ยินมันจะเป็นเรื่องจริงตลอดเวลาหญิงสาวไม่เคยรู้ระแคะระคายมาก่อน เธอมั่นใจและคิดมาตลอดว่าเธอคือลูกแท้ๆของครอบครัวนี้ถึงแม้ความจริงทุกอย่างจะถูกเปิดเผยโดยที่คนในห้องไม่ตั้งใจแต่สำหรับสายป่านมันคือความจริงที่เธอไม่กล้าแม้แต่จะยอมรับด้วยซ้ำ
“สายป่านทำไมยังไม่ลงมากินข้าวพ่อกับแม่มานั่งรอที่โต๊ะอาหารนานแล้วนะ”
ผกาเดินขึ้นมาเรียกลูกสาวที่ห้องนอนเมื่อได้เวลาอาหารเย็นแต่กลับไม่พบว่าสายป่านไปนั่งรอเหมือนเช่นทุกวันทั้งที่แม่บ้านได้จัดกับข้าวไว้เรียบร้อยแล้ว
“คุณพ่อคุณแม่กินก่อนเลยค่ะ ป่านไม่ค่อยสบายขอนอนพักสักพักถ้าหิวแล้วจะไปหากินในครัวเองค่ะ”
ความจริงที่เพิ่งได้ยินเมื่อช่วงบ่ายไม่สามารถทำให้หญิงสาวบังคับให้ตัวเองปั้นหน้ายิ้มแย้มสดชื่นเหมือนเช่นทุกวันต่อหน้าพ่อและแม่ที่ไม่ใช่สายเลือดของเธอและนอกจากนั้นทั้งคู่ยังเป็นคนทำให้บุพการีของเธอจากไปอย่างไม่มีวันกลับอีกด้วย
“เป็นอะไรลูกไปหาหมอไหม”