ลืมตาตื่นอีกครั้งในร่างของคนอื่นว่าแย่แล้ว วิญญาณเจ้าของร่างก็ยังตามทวงร่างคืนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้นแย่กว่า
ลืมตาตื่นอีกครั้งในร่างของคนอื่นว่าแย่แล้ว วิญญาณเจ้าของร่างก็ยังตามทวงร่างคืนอยู่ทุกเมื่อเชื่อวันนั้นแย่กว่า
ณ พัฒนานิคม จังหวัดลพบุรี ดินแดนอันเลื่องชื่อจากการมีรถไฟลอยน้ำบนเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ สะพานผุดกลางแม่น้ำ ทุ่งทานตะวันเหลืองอร่ามไปทั่วทั้งเมือง ก็ยังมีอีกของดีอีกอย่างหนึ่งที่รอวันถูกค้นพบ
มนุษย์ที่เป็นมิตรกับสรรพสิ่งบนโลก ไม่เว้นแม้แต่...
“หนูลูก มาหาพี่เร็ว อย่าไปทางนั้นเลย พวกพี่สาวเขาตกใจ”
พนักงานคนหนึ่งของร้านนั่งชิลเบะปากออกคล้ายอยากร้องไห้ ซ่อนตัวเองอยู่หลังเสาพลางตะโกนบอกกับอีกฝ่าย “อย่ามัวแต่คุยได้ไหม คนอื่นจะหัวใจวายตายอยู่แล้ว”
ชายหนุ่มกลับยิ้ม ไม่ได้ถือสาอะไรที่เจ้าหล่อนพูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยสบอารมณ์
“น่า ใจเย็นๆ ต้องให้เวลาน้องเขาด้วย”
เหล่าพี่สาวต่างก็ส่งเสียงโหวกเหวกโวยวายไม่รู้จักหยุดเมื่อ ‘น้อง’ ตัวนั้นไม่ยอมเลื้อยเข้าขวดสักที
สายตาทุกคู่มองดูงูเห่าตัวเล็กที่หัวดื้อไม่ยอมให้ ‘คีรี’ จับง่ายๆ ยังคงดึงเชิงประวิงเวลาอยู่อย่างนั้น ถ้าปากขวดอยู่ทางซ้ายงูก็จะเลื้อยไปทางขวา ถ้าปากขวดอยู่ทางขวางูก็จะเลื้อยไปทางซ้าย เป็นแบบนี้มาหลายนาที คนอื่นๆ ที่อยู่ในเหตุการณ์ก็ลุ้นตัวโก่ง เพราะแม้จะเป็นลูกงูแต่ก็เป็นงูเห่าที่มีพิษร้ายแรง บางจังหวะน้องของคีรียังชูคอแผ่แม่เบี้ยขู่ฟ่อๆ อยู่เลย
มันน่าเอ็นดูตรงไหนทำไมเจ้านั่นถึงยังมองสัตว์ชนิดนี้ด้วยแววตาที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยนกัน
ห้านาทีให้หลังลูกงูเห่าก็เลื้อยเข้าไปอยู่ในขวดที่เจาะรูระบายอากาศเรียบร้อย ทำให้พนักงานของทางร้านพากันถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะจวนจะถึงเวลาเปิดร้านแล้ว หากเจองูช่วงที่มีลูกค้าคงได้วุ่นวายกว่านี้ ดีที่พนักงานขนส่งนำพัสดุชิ้นสุดท้ายที่ลูกค้านัดรับมาส่งให้พนักที่ร้านพอดี ผนวกกับมีทักษะอยู่บ้างเลยช่วยจับงูไว้ได้โดยไม่ต้องถึงมืออาสากู้ภัย
“ขอบใจแกมากนะคีน”
“ไม่เป็นไรครับพี่ ถ้าอย่างนั้นเดี๋ยวผมพาน้องไปไว้ที่ศูนย์ก่อนแล้วกันครับ”
ใช้เวลาไม่กี่นาทีคีรีก็มาถึงที่หมาย ชายหนุ่มสืบเท้าเข้าไปในมูลนิธิร่วมกตัญญูพร้อมขวดพลาสติกที่บรรจุเจ้างูน้อยไว้หนึ่งตัว เมื่อเจอกับใครสักคนที่ทำงานอยู่ในนี้ก็ส่งขวดที่ว่าให้ “ผมฝากพี่พาน้องไปปล่อยด้วยนะครับ”
อีกฝ่ายก็รับมาถือไว้อย่างไม่อิดออด เพ่งพินิจเพียงครู่สั้นๆ ก็เอ่ยปากถาม “งูเห่ารึ”
“ครับพี่ ไปได้มาจากร้านเฮียผา”
“เอ็งจับงูเป็นตั้งแต่เมื่อไร”
“เคยเห็นในเน็ตครับ เลยเอามาปรับใช้”
“ครั้งแรก?” เขาพยักหน้ารับ “คนจริงว่ะ ไงก็ขอบใจเอ็งมาก เอาๆ กลับบ้านไปนอนได้แล้ว”
คีรีรับปากพี่กู้ภัยเสียดิบดี แต่แล้วก็มาติกแหง็กอยู่ด้านหน้าศูนย์กับสุนัขหลังอานแสนขี้อ้อนที่เดินมาพันแข้งพันขา พอเขายอบกายลงไปหาพลางยื่นมือไปเกาพุงให้เท่านั้นล่ะ ดูเหมือนเจ้าด่างนี่จะชอบใจมากทีเดียว
คล้อยหลังการเกาพุงน้องหมาเสร็จเป็นที่เรียบร้อย พี่ชายใจดีก็กล่าวเสียงอ่อน “ไว้พี่มาเล่นด้วยนะคนเก่ง”
แล้วจึงได้ฤกษ์กลับสำนักงานเพื่อทำเรื่องเลิกงาน
มอเตอร์ไซค์คู่ใจเคลื่อนไปบนท้องถนนอย่างไม่เร่งรีบ แต่ไม่นานก็มาถึงที่ทำงาน คีรีนำพัสดุที่ส่งไม่สำเร็จในวันนี้ไปเก็บ เนื่องจากลูกค้าไม่สะดวกที่จะรับของและเลื่อนเป็นวันพรุ่งนี้แทน เขาจัดการทุกอย่างด้วยใบหน้าเจือรอยยิ้มบางๆ แม้ว่าจะเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวัน
คีรีเดินทางกลับบ้านช่วงหนึ่งทุ่มเศษๆ เขาแวะซื้ออาหารสำหรับคนเดียวเพื่อนำกลับไปทานที่บ้านเช่า
เกิดมายี่สิบห้าปีคีรีไม่เคยมีบ้านเป็นของตัวเอง เขาอยู่บ้านเช่ามาตั้งแต่จำความได้ ในบ้านหลังนั้นเคยมีเขา พ่อ แม่และย่า แต่ตอนนี้เหลือแค่เขาคนเดียวแล้ว โดยที่สมาชิกของครอบครัวคนสุดท้ายเพิ่งจากไปเมื่อสองปีที่แล้วเพราะโรคชรา ในขณะที่พ่อและแม่เสียไปเมื่อช่วงโรคระบาดหนักๆ ทั้งโลกเมื่อห้าปีที่แล้ว
การอยู่คนเดียวไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ยากเกินใจจะทำ
ระหว่างทางกลับบ้านต้องผ่านคลองสายเล็กๆ สายหนึ่ง ปกติแล้วเขาก็แค่ต้องขี่รถข้ามสะพานไป แต่วันนี้ต่างไปจากเดิมเมื่อมีรถหรูทะเบียนกรุงเทพฯ คันหนึ่งจอดอยู่ที่เชิงสะพานซึ่งไม่ค่อยมีใครนิยมจอดรถตรงนี้ พอขี่ผ่านมาครู่หนึ่งสายตาก็สบเข้ากับร่างของใครบางคนที่ยืนอยู่ใกล้ๆ ราวสะพาน
คีรีผ่อนความเร็วลงในขณะที่สายตาไม่ละไปจากแผ่นหลังนั้น ในที่สุดล้อรถก็หยุดหมุน พร้อมชายหนุ่มที่ตวัดขาลงไปยืนอยู่ที่พื้น เขาก้าวเดินไปหยุดยืนอยู่ข้างๆ คนที่อายุน่าจะไล่เลี่ยกัน
ชายผู้นั้นหันหน้ามามองคนมาใหม่ ก่อนหันกลับไปทางเดิม
ความเงียบปกคลุมพื้นที่อยู่นาน ก่อนเจ้าถิ่นจะเอ่ยขึ้นหวังชวนคุย “สวัสดีครับ ผมคีนนะ คุณล่ะ” อีกฝ่ายไม่ตอบโต้ “มายืนทำอะไรตรงนี้คนเดียวครับ ลมแรงออก”
ชายหนุ่มผิวพรรณดีชำเลืองมองคนปากมากเป็นระยะ “ยุ่ง”
“กินข้าวยังครับ กินข้าวก่อนไหม ที่นี่มีร้านอาหารอร่อยๆ เยอะเลย” เพราะคำว่ายุ่งหรือท่าทีไม่เป็นมิตรนั้นไม่สามารถพรากความมีไมตรีจิตของคีรีไปได้ เขาก็แค่อยากให้คนคนนี้ได้มีชีวิตอยู่ต่อเท่านั้น “ผมไม่รวยหรอกนะ แต่มื้อนี้ผมเลี้ยงคุณได้”
“อย่ามายุ่ง จะไปไหนก็ไป”
คงจะเจอเรื่องไม่ดีมาสิท่า
“นั่นรถคุณเหรอ คันหรูๆ นั่นน่ะ” คนเจ้าอารมณ์ยังคงเงียบ “ไปนั่งบนรถแพงๆ แบบนั้นเถอะ อย่ามายืนตากลมตรงนี้เลย”
“โคตรน่ารำคาญ” ว่าจบก็หมุนตัวเดินกลับไปทางซีดานสีขาว
คีรีไม่ยี่หระกับคำตำหนิ แค่เห็นว่าอีกฝ่ายดูเหมือนจะเปลี่ยนใจไม่มายืนสุ่มเสี่ยงตรงราวสะพานก็พอใจแล้ว เขาตะโกนไปว่า “นี่คุณ ถ้าไม่ให้ผมเป็นเจ้ามือก็อย่าลืมหาข้าวอร่อยๆ กินสักมื้อนะ”
แล้วจึงควบมอเตอร์ไซค์มุ่งหน้ากลับบ้านของตน ทว่ายังไม่ทันจะพ้นเชิงสะพานอีกฝั่ง เสียงวัตถุบางอย่างก็ตกกระแทกผืนน้ำจนเกิดเสียงดังสนั่น เขารีบพาตัวเองเข้าไหล่ทางพร้อมกับที่ได้ยินเสียงชาวบ้านแถวนั้นตะโกนพูดว่ามีคนกระโดนสะพาน
หัวใจกระตุกวูบ
เป็นคนคนนั้นหรือ คนที่เขาเพิ่งคิดว่าได้ช่วยไว้แล้ว
คีรีว่ายน้ำเป็น และเขาก็ห้ามขาตัวเองไม่ทันถึงได้รีบถอดรองเท้าแล้วกระโดดลงไปในน้ำ ก่อเกิดเสียงกระแทกไม่ต่างจากเมื่อครู่ เขาออกแรงว่ายสุดแรงเกิดเพื่อไปให้ถึงจุดที่มีมือของผู้ประสบภัยชูขึ้นหวังขอความช่วยเหลือ เขาคว้าตัวของชายผู้นั้นไว้ได้ในที่สุด แต่แล้วพ่อหนุ่มหน้ายุ่งก็กอดรัดรอบลำคอและพยายามตะเกียกตะกายเพื่อพาตัวเองขึ้นสู่ผิวน้ำ ทำให้การช่วยเหลือเป็นไปได้อย่างยากลำบาก เพราะนอกจากจะต้องช่วยคนอื่นแล้ว คีรียังต้องช่วยตัวเองให้ไม่จมดิ่งสู่ใต้น้ำ
ไม่ทันที่คีรีจะได้พาอีกฝ่ายขึ้นฝั่ง ร่างทั้งสองก็จมดิ่งไปพร้อมๆ กัน
จริงอยู่ที่คีรีว่ายน้ำเป็น แต่เขาไม่เคยช่วยคนจมน้ำ เขาลืมไปชั่วขณะว่าหากไม่มีความเชี่ยวชาญก็ไม่ควรเสนอตัวทำเรื่องเกินความสามารถ แต่นาทีนั้นมันยั้งขาตัวเองไม่ทัน
เขายังไม่อยากตาย แต่ความทรมานนี้บอกเขาว่าตัวเองใกล้สิ้นใจแล้ว
พ่อ แม่ ย่า ผมกำลังจะไปหานะ
ในท้ายที่สุดภาพทุกอย่างก็ดับลง...
⋆ ˚。⋆୨୧˚ ˚୨୧⋆。˚ ⋆
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
"ไล่ผู้หญิงคนนี้ออกไปซะ" "โยนผู้หญิงคนนี้ลงทะเลซะ" ขณะที่ไม่รู้จักตัวตนที่แท้จริงของเหนียนหย่าเสวียน โฮว่หลิงเฉินได้ปฏิบัติต่อเธออย่างไม่เป็นมิตร "คุณหลิงเฉินครับ เธอคือภรรยาของท่านครับ" ผู้ช่วยของหลิงเฉินกล่าวเตือนเขา เมื่อได้ยินเช่นนั้น หลิงเฉินหยุดเพ่งมองไปที่เขาอย่างเย็นชาและบ่นขึ้นมาว่า "ทำไมไม่บอกผมให้เร็วกว่านี้?" นับจากนั้นเป็นต้นมา หลิงเฉินได้ตามใจและรักใคร่ทะนุถนอมหย่าเสวียนมาตลอด โดยไม่มีใครคาดคิดว่าพวกเขาจะหย่าร้างกัน
"พี่ริก" นินิวเรียกคนที่เข้ามาในห้องเธอ ฉันอยากจะกรี๊ดและกัดลิ้นตัวเองให้ขาด ฉันลืมไปสนิทว่าริกเป็นคนที่เข้าออกคอนโดของเธอได้อย่างง่ายดาย "ออกไป ถ้าไม่อยากโดนข้อหาบุกรุกห้องคนอื่นในยามวิกาล" นินิวบอกริกมาเสียดังด้วยสีหน้าโกรธจัด ที่ริกเข้าห้องเธออย่างถือวิสะ "ไม่ไป ในเมื่อที่นี่คือห้องเมียฉัน ทำไมฉันต้องออก" ร่างสูงบอกมาด้วยเสียงแข็งด้วยความไม่พอใจ "ห้องฉันไม่ใช่ห้องของยัยโมเน่ เมียคนปัจจุบันของพี่ ถ้าพี่ยังหลงเหลือความเป็นคนอยู่บ้างก็ออกไปจากห้องฉันคะ" แต่ริกกับไม่สนใจคำพูดนินิวเลยซักนิด ร่างสูงเดินเข้ามาหาคนตรงหน้า นินิวที่เห็นเช่นนั้นถึงกับจับที่ชายผ้าขนหนูเอาไว้แน่นขึ้น เพราะคนตรงหน้านั่นดูอันตรายสำหรับเธอ "อย่านะพี่ริก เรื่องของเรามันจบไปแล้ว" นินิวบอกมาด้วยเสียงสั่นเพราะสายตาที่เขามองเธอมามันน่ากลัวมากจริงๆ "ชอบฉันไม่ใช่เหรอ เอาฉันแล้วจะไปอ่อยคนอื่น อีกทำไม ฉันเห็นเต็มสองตาว่าเธอจูบกับไอ้ไทม์" "ในเมื่อพี่เห็นเช่นนั้น พี่ก็เลิกยุ่งกับฉันเสียสิ ฉันจะอ่อยจะจูบกับใครมันก็เรื่องของฉันไหม ฉันบอกพี่ไม่กี่ร้อยครั้งแล้วว่าเราเลิกกันแล้ว เพราะพี่มันเลว ฉันเลยไม่อยากได้พี่แล้ว " นินิวบอกคนใจร้ายอย่างคนเหลืออด เธอระเบิดอารมณ์ใส่คนตรงหน้าอย่างไม่มีท่าทีเกรงกลัว สำหรับริกตอนนี้เธอมองเขาเป็นแค่เศษฝุ่นที่รู้สึกขยะแขยงยิ่งกว่าแมลงสาบ ริกถึงกับกัดฟันกอดด้วยความโกรธและโมโห เชตเรื่องหนุ่มๆวิศวะทั้ง 4 หนุ่มนะคะ พันธะร้ายนายวิศวะ เรียวตะ x เชอรีน (มีให้อ่านจบเรื่อง) พิษรักร้าย Toxic Love ริกกี้ x นินิว พลาดรักร้ายนายวิศวะ อรัณ x มิริณ คลั่งรักร้ายนายวิศวะ ริว x เจนิส โลกสวยไม่เหมาะกับนิยายเรื่องนี้ ข้ามไปได้เลยจ้า นิยายเรื่องนี้เขียนขึ้นตามจิตนาการของผู้แต่ง ห้ามขัดลอกเรียนแบบใดๆ ทั้งสิ้นเขียนขึ้นตามจิตนาการของผู้เขียนเท่านั้น นิยายเรื่องนี้อาจมีเนื้อหารุนแรงในบางตอน โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน อายุต่ำกว่า 18 ปีควรได้รับคำแนะนำ
เจ้าของร่างเดิมถูกท่านย่าตัวเอง ขายให้ชายพิการด้วยเงินเพียงห้าตำลึง จึงคิดสั้นไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทำให้วิญญาณของเซี่ยซือซือทะลุมิติมาเข้าร่างแทน ชีวิตในโลกนี้บิดามารดาล้วนตายไปแล้ว เหลือเพียงน้องสาวกับน้องชายร่างกายผอมแห้งหิวโซสองคน เธอต้องช่วยพวกเขาให้รอด ก่อนจะถูกคนชั่วพวกนี้ขายทิ้งไปแบบเธอ 1 : ทะลุมิติ แคว้นจ้าว หมู่บ้านตระกูลแซ่อวี่ ภายในบ้านสกุลเซี่ย “ท่านพี่รีบกินเร็วเข้า” เสียงเด็กเล็กดังก้องอยู่ข้างหูอย่างน่ารำคาญ ว่าแต่ฉันมีน้องชายตั้งแต่เมื่อไหร่กัน รู้สึกได้ถึงอะไรแข็ง ๆ มาแตะที่ริมฝีปาก ทว่ายังลืมตาไม่ขึ้น “ท่านพี่กินสิ ๆ” เซี่ยซือซือรู้สึกหนักอึ้งไปทั้งศีรษะ พยายามที่จะเปิดดวงตาขึ้นมอง เจ้าของเสียงเล็ก ๆ ด้านข้าง “ท่านพี่ ๆ ท่านพี่อย่าตายนะ ลืมตาสิท่านพี่” “นังตัวดีออกมาเดี๋ยวนี้นะ !” เสียงเอะอะโวยวายดังหนวกหูเซี่ยซือซือเป็นอย่างมาก ปัง ๆ เสียงเคาะประตูดังขึ้นเรื่อย ๆ เซี่ยซือซือลืมตาขึ้นจนได้ พลันสมองกลับมีเรื่องราวพรั่งพรูเข้ามาไม่ขาดสาย จนต้องกรีดร้องออกมาอย่างเจ็บปวด อ๊าก ! “พี่รอง !” เด็กน้อยเซี่ยซือหยางในวัยสามหนาวเรียกพี่สาวพร้อมเบะปากอยากร้องไห้ “ท่านพี่ !” เซี่ยซานซานทิ้งบานประตูที่ตัวเองดันไว้ หันกลับมาดูพี่สาวด้วยความตกใจ “ท่านพี่ ๆ ท่านเป็นอะไร อย่าทำให้พวกข้าตกใจสิท่านพี่ !” ผลัวะ ! มีคนถีบประตูบานเก่าผุพังเข้ามาภายในห้อง เด็กทั้งสองรีบเข้าไปขวางผู้บุกรุกไม่ให้ทำร้ายพี่สาว แม่เฒ่าเซี่ย เซี่ยจิ่วเม่ย หน้าตาแลดูดุร้าย ไม่ใช่หญิงชราใจดีแต่อย่างใด ด้านหลังของแม่เฒ่าเซี่ยยังมีลูกสะใภ้บ้านใหญ่ กับบ้านรองเดินตามมา ท่าทางดุดันเอาเรื่อง “ไอ้พวกบ้านสามตัวดี กล้าลักขโมยอาหารเอาไว้กินเอง ยังเห็นแม่เฒ่าอย่างข้าอยู่ในสายตาหรือไม่ ไอ้พวกหมาป่าตาขาว ดูซิวันนี้ข้าจะจัดการพวกเจ้าอย่างไร” “ท่านย่าพวกข้าไม่ได้ขโมยนะ นี่เป็นหมั่นโถวของท่านพี่ ท่านพี่ไม่สบายข้าแค่เก็บไว้ให้ท่านพี่เท่านั้นเอง” เซี่ยซานซานยังเป็นเด็กหญิงวัยสิบหนาว แต่นางข่มความกลัวตอบโต้ผู้ใหญ่ในบ้านออกไป “หึ กฎบ้านก็มีบอกอยู่แล้วถ้าพลาดมื้ออาหารไปก็คืออด แต่พวกเจ้ากลับแหกกฎ แอบยักยอกอาหารเก็บไว้กินเอง ยังมีหน้ามาเถียงท่านแม่อีก ท่านแม่ท่านต้องลงโทษคนบ้านสามนะเจ้าคะ ไม่เช่นนั้นข้าไม่ยอมจริง ๆ ด้วย ตอนนั้นยวี่เฟยของข้านางได้พลาดมื้อเย็นไป ท่านก็ไม่ให้นางกินนะเจ้าคะ” สะใภ้บ้านรองนามว่าจงอี้ซิน ย้อนรำลึกถึงเรื่องลูกสาววัยแปดปีของตัวเองขึ้นมา “ดูเจ้าเด็กพวกนี้สิท่านแม่ กางแขนปกป้องพี่สาวตัวเอง ช่างน่าสมเพชไม่รู้จักสำเหนียกกำลังตัวเอง ถุย !” หลินพ่านเอ๋อสะใภ้บ้านใหญ่มองดูเด็กทั้งสองพร้อมถ่มน้ำลายใส่ตรงหน้า แม่เฒ่าเซี่ยมองลูกสะใภ้ทั้งสองสลับกันไปมา เดินตรงไปกระชากหมั่นโถวเย็นชืดแถมแข็งปานหิน ออกจากมือของเซี่ยซือหยาง “แง ๆ ๆ” เด็กน้อยถูกแย่งของกินของพี่สาวไป ถึงกับแผดเสียงร้องลั่น “เจ้าคนชั่ว ! เอามานะ ของท่านพี่ข้า” กำปั้นน้อย ๆ ทุบไปยังต้นขาของแม่เฒ่เซี่ย “เจ้าเด็กเนรคุณกล้าตีข้ารึ นี่นะ !” แม่เฒ่าเซี่ยเตะทีเดียวเซี่ยซือหยางก็กระเด็นไปติดกับผนังห้อง “น้องเล็ก !” เซี่ยซานซานรีบวิ่งไปอุ้มน้องชายขึ้นมากอดไว้ด้วยความตกใจ “ท่านย่า น้องเล็กยังเด็กไม่รู้ความ เหตุใดท่านถึงได้ใจร้ายเช่นนี้” “แง ๆ ๆ” เสียงร้องไห้ของเด็กน้อยฟังแล้วน่าสงสารจับใจ ดวงตาที่ปิดไว้ก่อนหน้าของเซี่ยซือซือ ลืมขึ้นหลังจากค้นพบว่า ตัวเองได้ทะลุมิติมายังอดีตอันไกลโพ้นแล้วจริง ๆ หลังจากหลับตาลืมตาอยู่หลายหน เรียบเรียงความคิดที่ไหลเข้ามาไม่ยอมหยุด เมื่อค่อย ๆ จัดการกับมันได้ ความเจ็บปวดที่ศีรษะก่อนหน้าจึงบางเบาลง และมองเหตุการณ์ตรงหน้าอย่างเฉยชา ครบสูตรของการทะลุมิติจริง ๆ มีท่านย่าผู้ชั่วร้าย ขนาบข้างด้วยป้าสะใภ้เลวทั้งสอง ครั้นหันไปมองน้องสาวในวัยสิบขวบของตัวเองกับน้องชายตัวน้อย ทั้งตัวดำเมี่ยมเหมือนไม่ได้อาบน้ำมาเป็นเดือน ร่างกายผอมแห้งเหลือแต่กระดูก เสื้อผ้าเก่าขาดมีรอยปะชุนเต็มไปหมด เส้นผมแห้งกรังเหมือนไม่ผ่านน้ำมานาน ยกมือของตัวเองขึ้นมาดู ไม่ได้มีสภาพต่างกันแม้แต่น้อย ครั้นเงยหน้ามองป้าสะใภ้ใหญ่ร่างกายอวบอ้วนเต็มไปด้วยก้อนไขมัน ป้าสะใภ้รองแม้ไม่ได้อ้วนแต่ก็ไม่ได้ผอม ยิ่งแม่เฒ่าเซี่ยด้วยแล้ว ร่างกายบึกบึนเหมือนคนกินดูอยู่ดีมาตลอด “ท่านแม่ดูอาซือมองท่านสิเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่เห็นสายตาเย็นเยียบของคนที่นอนอยู่บนเตียงก็อดแปลกใจไม่ได้ ดูเยือกเย็นจนไม่น่าไว้ใจ “เจ้าอย่าคิดว่ากระโดดน้ำตายแล้วทุกอย่างจะจบนะอาซือ ข้ารับเงินคนบ้านถานมาแล้ว ถ้าเจ้าตายข้าจะให้อาซานไปแทนเจ้า” คำพูดของแม่เฒ่าเซี่ยทำให้ดวงตาของเซี่ยซือซือเบิกกว้าง ท่านย่าของนางขายนางให้คนบ้านถานในราคาแค่ห้าตำลึง เจ้าของร่างเดิมไม่อยากไปเป็นเมียคนพิการ เลยไปกระโดดน้ำฆ่าตัวตาย ทว่าเธอที่มาจากยุคปัจจุบันกลับเข้ามาแทนที่เจ้าของร่างนี้ เจ้าของร่างเดิมว่ายน้ำไม่เป็น จึงได้ขาดอากาศตายใต้น้ำ แต่เธอที่เข้ามาสวมร่างกลับพาร่างนี้ขึ้นมาจากน้ำได้ โชคชะตาคงเล่นตลกให้เธอกับเจ้าของร่างเดิมมีชื่อเดียวกัน “ท่านย่าอาซานยังเด็กนัก ท่านอย่าได้ทำเช่นนั้นเลย” นานมากกว่าที่นางจะเอ่ยออกมา “มันอยู่ที่เจ้าอาซือ ข้าขอเตือนเอาไว้ อีกสองวันคนบ้านถานจะมารับตัวเจ้าแล้ว อย่าให้เกิดเรื่องขึ้น ไม่อย่างนั้นข้าจะส่งอาซานไปแทนเจ้า แล้วขายซือหยางทิ้งเสีย” แม่เฒ่าเซี่ยจ้องหน้าเซี่ยซือซือแบบอาฆาต เด็กนี่ก่อนหน้าดูอ่อนแอไร้ทางสู้ ทำไมวันนี้ถึงได้ดูแปลกตาไปนัก “ท่านแม่เจ้าคะ ท่านจะลงโทษคนบ้านสามเรื่องหมั่นโถวนี่อย่างไรเจ้าคะ” สะใภ้ใหญ่ยังไม่ยอมปล่อยสามพี่น้องไปง่าย ๆ “พรุ่งนี้งดอาหารบ้านสาม” แม่เฒ่าเซี่ยเอ่ยแล้วหันหลังเดินออกจากห้องของเด็กน้อยทั้งสามไป โดยมีสะใภ้ใหญ่เดินตามไปด้วย “พวกเจ้าได้ยินแล้วใช่ไหม จำใส่หัวเอาไว้ดี ๆ ด้วยล่ะ” สะใภ้รองหมุนตัวตามหลังไปติด ๆ “ท่านพี่ต่อไปท่านอย่าทำเช่นนี้อีกนะเจ้าคะ ข้ากับน้องเล็กจะทำอย่างไร ถ้าท่านไม่อยู่” เซี่ยซานซานปล่อยเสียงร้องไห้ในทันที
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด