“ฉันเอาเธอตายแน่พิ”
“ฉันเอาเธอตายแน่พิ”
บทนำ
.
.
.
ณ บ้านหลังงามของตระกูลพ่อค้าทองคำแห่งเมืองสมุนไพรอย่างโรจนวาณิชย์ บัดนี้เนืองแน่นไปด้วยแขกเหรื่อที่เดินทางมาเพื่อเป็นสักขีพยานรักของลูกสาวคนสุดท้องของบ้าน วลี โรจนวาณิชย์ เจ้าของร้านเครื่องประดับสุดหรูของปราจีนบุรีอย่าง Larimar Jewelry ที่ควงคู่ทายาทร้านอะไหล่จากมิตรภาพยานยนต์เช่น แทนคุณ วงศ์ชวาลา เข้าประตูวิวาห์หลังจากทั้งคู่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย
เป็นเวลาเก้าปีของบ่าวสาวที่ช่วยกันปลูกต้นรักจนสุกงอมได้ที่ พร้อมผลิดอกออกผลในวันที่ทั้งคู่โตพอจะสร้างครอบครัวด้วยกันอย่างวันนี้ โดยมีใครบางคนที่ปีติไม่ต่างจากบ่าวสาว ใครคนนั้นที่อยู่เคียงข้างคู่รักมาตั้งแต่ในรั้วโรงเรียน ด้วยฝ่ายชายอายุมากกว่าสองปี มีช่วงที่แทนคุณเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองหลวง รักทางไกลย่อมมีปัญหาบ้าง ก็ได้ใครคนนั้นช่วยเป็นตัวกลางคอยเชื่อมให้เสมอ
วันนี้ใครคนนั้นมาในฐานะเพื่อนเจ้าสาว...พินรี เพื่อนที่ดีที่สุดของน้องเล็กแห่งบ้านพ่อค้าทองคำ
เจ้าหล่อนมองดูเพื่อนสนิทในชุดเจ้าสาวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ด้วยตนเองมีความสุขไม่ต่างจากบ่าวสาวเลย เพราะนอกจากจะได้ส่งเพื่อนรักและรุ่นพี่เข้าประตูวิวาห์แล้วนั้น วันนี้ก็ยังเป็นวันที่เธอจะได้เจอกับรักแรกของตัวเองอีกด้วย
ที่ผ่านมาทุกครั้งที่เขากลับบ้านจะมีสายรายงานเธอตลอด แต่ก็มินำพา ด้วยเจ้าตัวหลบหน้าหลบตาไม่เคยให้ได้พบเจอ มาแป๊บๆ ก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ จะได้เจอกันสักทีก็แสนยากเย็น ได้เห็นก็แค่ครู่สั้นๆ ชวนคุยก็ไม่เคยจะตอบ ไหนยังบล็อกเธอทุกช่องทางจนมิอาจจะติดตามความเคลื่อนไหวของพี่ชายเพื่อนได้ แต่เธอมีหน่วยข่าวกรองระดับวงในของวงใน
วลีมักจะรายงานความเป็นไปของพี่ชายคนรองให้เธอได้รับรู้เสมอ เดิมทีเธอเคยสมัครแอคอวตารแล้วแอดเฟรนด์ไป แต่เหมือนเขาจะรู้ทัน ชิงกดบล็อกไปเสียก่อน
ทว่าวันนี้เขาจำเป็นต้องอยู่นานเพราะเป็นงานแต่งของน้องสาว ถึงกระนั้นจนบ่ายคล้อยแล้วพินรีก็ยังหาจังหวะที่จะเข้าไปคุยกับชายผู้เป็นรักแรกและรักเดียวไม่ได้ เพราะเขาจับกลุ่มกับคนสนิทและเธอเองก็ติดภารกิจเพื่อนเจ้าสาว คอยช่วยงานอยู่ตลอด แต่ไม่ว่าอย่างไรวันนี้เธอก็ต้องหาโอกาสคุยกับเขาให้จงได้ เพราะทราบมาว่าเขาจะเดินทางกลับเมืองหลวงในช่วงหัวค่ำ ด้วยเจ้านายที่เป็นนักการเมืองของเขามีงานสำคัญในวันพรุ่งนี้
พิธีแต่งงานของวลีและแทนคุณถูกจัดในหนึ่งวัน ช่วงเช้าเป็นพิธีสงฆ์ ช่วงบ่ายกินเลี้ยงโต๊ะจีน พินรีรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อนๆ ในขณะที่พี่ชายคนรองของโรจนวาณิชย์นั่งอยู่อีกมุมซึ่งไกลกันมาก
พินรีได้เห็นเขาใกล้ที่สุดก็ตอนพิธีรดน้ำสังข์ ซึ่งเธอทำหน้าที่เตรียมน้ำให้แก่แขก
เธอส่งยิ้มให้เขาเหมือนครั้งเยาว์วัย ดวงตาสีอัลมอนด์ทอประกายระยิบระยับคล้ายหมู่ดาวเต้นรำในยามราตรี ยิ้มที่ใครๆ ก็บอกว่าสดใสเหมือนดอกทานตะวันได้รับแสงแรกจากพระอาทิตย์
แม้ว่าคุณพระอาทิตย์ของเธอจะเมินกันไปเหมือนมองไม่เห็นก็ตาม
นั่นมิอาจสั่นคลอนความรักที่เธอมีให้เขาได้ ต่อให้เขาไม่ยิ้มก็ไม่เป็นไร เธอได้ยิ้มให้เขาเท่านั้นมันก็พอแล้ว
เพื่อนเจ้าสาวคนสวยนั่งเหลียวไปยังโต๊ะที่อยู่อีกฟากจนไม่เป็นอันสนใจอาหารตรงหน้า ปล่อยให้กลุ่มเพื่อนจัดการจานบนโต๊ะคลอเคล้าบทสนทนาเพราะไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่
คนที่ไม่ได้เจอกันนานย่อมคิดถึงกันเป็นธรรมดา เหมือนที่เธอคิดถึงพี่ชายเพื่อนมากอย่างตอนนี้
“กินก่อนก็ได้พิ เธอจะเหลียวอะไรขนาดนั้น”
เพื่อนอีกคนแทรกขึ้น “จะอะไรล่ะ ก็มองสุดที่รักของมันน่ะสิ”
คนที่ตกเป็นหัวข้อการสนทนายอมผินหน้ากลับมา อมยิ้มอย่างเขินอายที่ถูกเพื่อนแซว “เขาหล่อขึ้นเนอะ”
“มีแฟนไปแล้วมั้ง หล่อๆ พรรค์นั้น”
พินรีตอบเสียงแข็ง “ยัง!” ก่อนลดระดับเสียงลง “รี่บอกว่าโสดสนิท อีกอย่างนะ ฉันไม่ยอมให้เขาคบกับคนอื่นเด็ดขาด ฉันก็ชอบของฉันมาตั้งนาน”
“พิ”
เรือนคิ้วสวยได้รูปเลิกขึ้น “ว่า?”
“ไม่ยอมแล้วเธอทำอะไรได้เหรอ”
ประหนึ่งมีลูกตะกั่วแหวกอากาศมาฝังอยู่ในอกข้างซ้าย ตัดขั้วหัวใจดวงน้อยๆ จนหยุดการเคลื่อนไหว พินรีแสร้งปั้นหน้างอคล้ายจะร้องไห้ ส่งค้อนวงใหญ่ให้เจ้าของประโยคแทงใจดำ “แรง”
“ก็พูดความจริง แม้แต่ให้เขาปลดบล็อกเธอยังทำไม่ได้เลยพิ หาผู้ชายคนใหม่เถอะ เฮียสี่เขาไม่มีวันชอบเธอหรอก ถ้าเขาจะชอบคงชอบไปนานแล้ว”
หนึ่งในสมาชิกของโต๊ะแทรกขึ้น “เห็นด้วย”
“ใช่ไหม ก็มันเล่นแอบชอบแบบไม่แอบ ทุกคนรู้ เฮียสี่ก็รู้ ถ้าเขาจะชอบพิจริงๆ จะปล่อยให้เวลามันผ่านมาขนาดนี้เหรอ วัยอย่างเรามันยังสาวยังแส้ ยังได้เจอคนดีๆ อีกเยอะ ช่างหัวคนที่ไม่เห็นหัวเราดีกว่า”
“เห็นด้วยว่าแรงอะ โอ๋ ยายพิได้น้ำตาท่วมปราจีนแน่” ว่าพลางดึงตัวเพื่อนเจ้าสาวมาทำท่าปลอบประโลม
พินรีก็เล่นตามน้ำ ทำเสียงกระซิกๆ แล้วซบไปกับอกของเพื่อน
“ฉันพูดเพราะหวังดีย่ะ โน่น หมอขลุ่ยเขาปลื้มเธอมากนะ ถึงได้เช้าถึงเย็นถึง เทียวไปซื้อปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้บ้านเธอทุกเช้าน่ะ” นวมล พยาบาลสาวแห่งโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรพาดพิงไปถึงหมอหนุ่มที่ดันไปตกหลุมรักลูกแม่ค้าปาท่องโก๋เข้าอย่างจัง แต่พินรีสนใครที่ไหนนอกจากหนึ่งในผู้ติดตามของสส. สัตรา
เห็นเพื่อนทำหูทวนลมหล่อนก็เสริมสำทับไปอีกเพื่อประกอบการตัดสินใจ เพราะเล็งเห็นว่าหมอเมดอย่างสิงขรน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าไปมัวแต่จมปลักกับพี่ชายเพื่อน
“อย่างหมอขลุ่ยใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ นะยายพิ รูปหล่อ พ่อรวย นิสัยก็ดี รักเด็ก เลี้ยงหมา อบอุ่นยิ่งกว่าไมโครเวฟ ไหนยังเรียนโคตรเก่ง สาวน้อยสาวใหญ่ในโรงบาลเอาขนมจีบมาเร่ขายเขาทุกวันแต่เขาไม่ยักจะซื้อ ที่สำคัญไม่แก่แบบเฮียสี่ด้วย หมอเพิ่งยี่สิบเก้าเอง เฮียสี่อีกห้าหกปีก็สี่สิบละ เอามาเป็นพ่อหรือไงวัยแบบนั้น”
พวกเธออายุเท่ากับเจ้าสาวซึ่งเป็นน้องเล็กของบ้าน คือยี่สิบห้า แต่พี่ชายเพื่อนที่พินรีปันใจให้นั้นอายุมากกว่าเกือบหนึ่งรอบ
คนตัวเล็กยันตัวกลับมานั่งท่าเดิม ไหวไหล่เล็กน้อยด้วยท่าทีไม่ค่อยจะยี่หระ “ต่อให้เฮียสี่แก่กว่านี้ก็ชอบแค่เฮียสี่”
“งั้นตามใจเหอะ อกหักมาที่บ้านหล่อนมีแต่น้ำเต้าหู้นะ หาใบบัวบกไปคั้นกินเองแล้วกัน”
“ขอบคุณที่ซ้ำเติม จุดเดิมที่เคยเจ็บ” นวมลทิ้งสายตาเรียบสนิทมาทางแม่ดอกทานตะวันของกลุ่ม “ร้องเพลงจ้ะ”
ก่อนบรรยากาศบนโต๊ะอาหารจะกลับสู่สภาวะปกติ คือมีเสียงพูดคุยหยอกล้อระหว่างกลุ่มเพื่อน และพูดคุยกันถึงงานแต่งงานของหนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม
พินรีไม่เก็บคำพูดแทงใจดำของพยาบาลสาวมาคิด เธอชอบอยู่ในโลกของตัวเอง โลกที่หลับตาแล้วฝันถึงวสุ แต่ก่อนเขาเป็นแค่พี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น เธอนับถือเขาเพราะเป็นพี่ของเพื่อน ด้วยความสนิทสนมจึงมีโอกาสได้ไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยครั้ง บ้านเธอไม่ได้ยากจนแต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนอย่างเจ้าของห้างทองเทวาลัยที่มีถึงเจ็ดสาขาทั่วจังหวัด แบ่งเป็นสาขาละหนึ่งอำเภอ ทั้งยังมีเหมืองทองที่กบินทร์บุรีอีกด้วย
โรจนวาณิชย์น่ะเศรษฐี ส่วนเชาว์เจริญเป็นแม่ค้าพ่อขาย เช้ามาบ้านเธอขายปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้ ตกเย็นขายซาลาเปาขนมจีบ โดยมีพ่อและแม่ช่วยกันทำ ส่วนเธอก็ช่วยบ้างแต่หลักๆ แล้วขายน้ำหอมในช่องทางออนไลน์ เป็นแม่ค้าเหมือนกันแค่ยังไม่รวยเหมือนแม่ค้าออนไลน์คนอื่นๆ
ครั้งยังเป็นเด็ก ทุกครั้งที่บ้านโรจนวาณิชย์พากันไปเที่ยววลีมักหิ้วปีกเพื่อนสนิทไปด้วย วันหนึ่งมีโอกาสได้ไปน้ำตกภายในจังหวัด เด็กสาววัยแปดขวบเล่นน้ำอยู่ดีๆ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อร่างกายดิ่งลงสู่ความเวิ้งว้างไร้ที่ยึดเหนี่ยวของสายน้ำเย็นเยียบ เธอตะเกียกตะกายเอาตัวรอดแต่ก็ไม่เป็นผล ร่างทั้งร่างหนักอึ้ง ทว่าก่อนจะจมไปลึกกว่านั้นกลับมีมือของใครบางคนมาคว้าเอาไว้แล้วฉุดกระชากลากเด็กน้อยขึ้นมาบนบก
เป็นพี่มัธยมปลายปีสุดท้ายอย่างวสุ
วันนั้นทุกคนเดินทางกลับบ้านด้วยบรรยากาศอึมครึม ต่างพากันใจสั่นไหวที่เกือบสูญเสียเธอไป หลังพาเด็กน้อยไปส่งคืนพ่อแม่ประมุขของโรจนวาณิชย์ขอโทษขอโพยยกใหญ่ จำได้ว่าหลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้ไปเที่ยวกับบ้านของวลีอีกเลย แต่ก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกันได้เหมือนเดิม
ที่ไม่เหมือนเดิมเห็นจะเป็นความนับถือน้ำใจที่พินรีมีให้พี่ชายเพื่อน มันทวีขึ้นหลายร้อยหลายพันเท่า เธอมองเขาเป็นฮีโร่ก็ไม่ปาน ไม่ว่าวสุจะทำอะไรก็ดูเก่งและยอดเยี่ยมในสายตาของเด็กน้อยเสมอ เธอชื่นชมเขาทุกอย่าง นับเป็นผู้มีพระคุณของชีวิตเลยด้วยซ้ำ พินรีตั้งใจไว้ว่าหากวสุมีเรื่องที่อยากขอให้เธอช่วย เธอจะช่วยด้วยความยินดี
แต่แล้วเธอก็เติบโตขึ้น จากเด็กน้อยในวันนั้นกลายเป็นเด็กสาววัยแรกแย้ม พี่ชายสุดหล่อก็หล่อขึ้นทุกวัน และแล้วความชื่นชมก็กลายเป็นความชอบ
เธอชอบถึงขนาดที่วันเกิดวัยสามสิบของเขาได้ลั่นวาจาออกไปว่า... ‘พิอยากเป็นเจ้าสาวของเฮีย’
นับจากนั้นวสุก็ตัดเธอทิ้งออกจากวงโคจรด้วยคำที่บอกว่า ‘เธอคบกับฉันไม่ได้หรอกพิ ฉันไม่ชอบเด็ก’
เขาบล็อกกันทุกช่องทาง เจอหน้าก็ไม่ยิ้มให้เหมือนแต่ก่อน กลับบ้านไม่บ่อยเหมือนเดิมโดยอ้างว่างานเยอะ เธอจึงแทบไม่ได้พบหน้าเขา แต่พินรีกลับหาทางสลัดรักแรกออกจากใจไม่ได้
เมื่องานเลี้ยงจบลง แขกเหรื่อต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ไม่ต่างจากคณะของนักการเมืองท่านหนึ่งที่จำเป็นต้องเดินทางกลับไปยังกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายเพราะเมียเจ้านายตั้งใจว่าจะอยู่เที่ยวชมธรรมชาติอันสมบูรณ์ของเมืองสมุนไพรสักหน่อย เจ้าบ้านอย่างสดายุก็ออกตัวว่าจะนำเที่ยว แต่เพราะพรุ่งนี้ท่านสส. มีนัดกับผู้นำจากฝั่งยุโรป จึงมิอาจอยู่ค้างคืนที่นี่ได้
ระหว่างที่คนนับสิบชีวิตเดินไปยังรถหรูหลังร่ำลาเจ้าของงานเสร็จเป็นที่เรียบร้อย พินรีก็ตัดสินใจสับเท้าตามหลังไปหวังให้ตนเองได้มีโอกาสพูดคุยกับวสุสักนิดก็ยังดี
ทันทีที่มายังโซนจอดรถที่ปลอดผู้คนเว้นกลุ่มของท่านสส. กับตัวเธอ เสียงหวานก็ดังแหวกอากาศพาให้เท้าทั้งสิบคู่ชะงักกึก “เฮียสี่!”
กลุ่มคนที่ว่าหันมามองยังต้นเสียงเป็นตาเดียว ว่าที่คุณแม่ในชุดคลุมท้องสีอ่อนเปรยขึ้นเบาๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “พี่พินี่เอง” อัปสราเพิ่งยี่สิบสี่ อายุน้อยกว่าเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวอยู่หนึ่งปี จึงเรียกขานอีกฝ่ายว่าพี่ ทั้งพินรีและวลี ที่คนตรงหน้านั้นเพิ่งได้รู้จักก็วันนี้เพราะอีกฝ่ายเป็นเพื่อนเจ้าสาวเลยได้ทักทายกันพอหอมปากหอมคอ แต่กับวลีเคยเห็นที่งานแต่งของตนเองเมื่อสองเดือนก่อนแล้ว อาจจะไม่ได้คุยอะไรกันนักเพราะวันนั้นเธอก็ง่วนอยู่กับการรับแขก
งานแต่งเป็นอะไรที่ใช้พลังงานเยอะจริงๆ
เจ้าของชื่อยกมือไหว้ปลกๆ ก่อนเอ่ย “สวัสดีค่ะ”
คนอ่อนวัยกว่ารีบยกมือขึ้น “สวัสดีค่ะ พี่พิมีอะไรหรือเปล่าคะ”
มือบางถูกยกขึ้นมาลูบท้ายทอยแก้เก้อ พอดีกับที่สดายุโค้งริมฝีปากให้ “เมื่อกี้น้องพิเรียกเฮียสี่ใช่ไหม งั้นตามสบายเลยนะ” แล้วจึงหันไปหาพี่ชายแท้ๆ ของตน “เฮียเดี๋ยวพวกผมไปก่อนแล้วกัน” ก่อนคนทั้งเก้าจะพากันเดินไปขึ้นรถโดยระหว่างนั้นก็โพล่งขึ้นสั้นๆ ให้พรรคพวกรับรู้ “คนนี้แหละ”
หนุ่มๆ ทั้งหกอย่างไตรทศ ไมยราพ ลิขิต คมชาญ อนันต์และเขมราฐ ทราบได้ทันทีเพราะสดายุเคยแง้มไว้ตั้งแต่คราวงานแต่งของเจ้านาย จะมีก็แต่ท่านสส. กับภรรยาที่ตกข่าว
สุ้มเสียงเข้มของนักการเมืองเอ่ยอย่างใคร่รู้ “อะไร”
อัปสราก็หันไปมองสดายุตาแป๋ว “นั่นสิคะ ถ้าหนูไม่รู้คืนนี้หนูนอนไม่หลับนะคุณยี่”
หนึ่งในสมาชิกโรจนวาณิชย์ยกยิ้มกริ่ม “ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด คนนี้นี่แหละครับพี่สะใภ้ผม”
คล้อยหลังการไปของทุกคน บริเวณนี้จึงหลงเหลือเพียงวสุ พินรี และความเงียบที่คืบคลานเข้ามาปกคลุมจนพาใจดวงน้อยสั่นไหว มันหนาวเหน็บจนสาวเจ้านึกอยากยกแขนมากอดตัวเอง
เป็นชายร่างสูงที่ทำลายมันลงด้วยเสียงผ่อนลมหายใจอย่างนึกระอา แล้วจึงกระชากเสียงถามด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย “มีอะไร”
พินรีโกยอากาศเข้าปอด ทำสมาธิเพียงครู่สั้นๆ ก็ขยับริมฝีปากเพื่อเปล่งวาจาที่อยากเอ่ยกับเขามาเนิ่นนาน
“ตอนนั้นพิอายุยี่สิบ ตอนนี้ยี่สิบห้าแล้วนะ”
เรือนคิ้วเข้มตัดกับผิวขาวขมวดเป็นปม “แล้ว?”
“เฮียบอกว่าไม่ชอบเด็ก”
“ใช่”
“แต่ตอนนี้พิไม่เด็กแล้วค่ะ” ว่าพลางส่งยิ้มแสนสดใสให้คุณรักแรก “พิโตพอจะเป็นเจ้าสาวของเฮียสี่ได้หรือยังคะ”
ทั้งวัยเยาว์และตอนนี้...เธอเป็นคนสำคัญสำหรับเขาเสมอ เช่นเดียวกับเขา...ที่เป็นแค่คนอื่นในสายตาของเธอมาตลอดเช่นกัน
แต่งงานซ่อนเงากับหลี่ เจวี๋เฉินมาได้สามปี เจียงวานเคยคิดว่าความรักของเธอจะทำให้หัวใจเขาอุ่นขึ้นได้ แต่สิ่งที่รอเธออยู่ กลับเป็นวันที่จู่ ๆ รักแรกของเขากลับมาจากต่างประเทศ แล้วเขาก็พูดเพียงประโยคเดียวว่า “พวกเราหย่ากันเถอะ” เจียงวานรู้ดีว่าคนที่หลี่ เจวี๋เฉินรักไม่ใช่เธอ เธอจึงกลบเก็บความรู้สึกทั้งหมดไว้ หยิบกระเป๋าแล้วเดินจากไปอย่างเด็ดขาด หลังหย่า ชีวิตของเจียงหว่านกลับพุ่งแรงราวติดปีก ทั้งงานทั้งโชคลาภหลั่งไหลไม่หยุด กลายเป็นสไตลิสต์ระดับท็อปของโลก ทั้งการงานและความรักล้วนรุ่งโรจน์ ส่วนอดีตสามีผู้มีตำแหน่ง บางคน นั้นวัน ๆ เอาแต่จ้องหน้าจอ คิดทุกวิถีทางว่าจะทำยังไงให้ได้แต่งงานกับเธออีกครั้ง จนกระทั่งวันหนึ่ง ผู้มีพระคุณที่เคยช่วยชีวิตเจียงวานตอนยังเด็กกลับมาอีกครั้งหลี่ เจวี๋เฉินถึงกับอยู่เฉยไม่ไหวอีก “วานวาน แต่งงานกันอีกครั้งเถอะนะ ได้โปรด!” เจียงวานเพียงยิ้มบาง ๆ อย่างไม่ใส่ใจ“ไม่มีเวลาหรอก ไปหารักแรกของคุณเถอะ!” หลี่ เจวี๋เฉินควักแหวนออกมา คุกเข่าข้างเดียวแล้วเอ่ยว่า “ฉันไม่มีใครคนอื่นในใจ มีเพียงเธอเท่านั้น เธอคือคนที่ฉันรักมาตลอด ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ก็ยังเป็นเธอ!” ตลอดสามปีที่อยู่ด้วยกันทั้งเช้าเย็น ทำให้ทั้งคู่ค่อย ๆ เกิดความรักและผูกพันต่อกัน เธอเข้าใจว่าเขายังรักแฟนเก่าอย่างสุดหัวใจ แต่เขากลับคิดว่าในใจเธอมีใครอีกคนอยู่แล้ว คนดื้อสองคนที่แอบรักกันอยู่ฝ่ายละมุม แต่กลับเข้าใจผิดเพราะมีคนอื่นเข้ามาอยู่รอบตัวจนคิดไปต่าง ๆ นานา ความรักครั้งนี้จะฝ่าหมอกแห่งความเข้าใจผิดไปจนถึงตอนจบที่งดงามได้หรือไม่?
ความรักที่ซ่อนเร้นของสาวน้อยเริ่มต้นในวันที่ทั้งสองได้พบกันในการพบกันที่ถูกวางแผนมาอย่างยาวนาน ทว่าเด็กสาวที่ครอบครัวรับมาเลี้ยงกลับแย่งชิงครอบครัวและเด็กหนุ่มไปโดยไม่รู้สึกเกรงกลัว เมื่อโตขึ้น เธอใช้โอกาสการแต่งงานเพื่อผลประโยชน์เพื่อแย่งชิงตำแหน่งภรรยาของชายคนนั้น ไม่ยอมถอยแม้แต่นิดเดียว ฟู่เป่ยชวนกอดพี่สาวของเธอไว้ในอ้อมแขน ดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “เธอทำให้ฉันรู้สึกสะอิดสะเอียน” ซูชิงเฉินรู้สึกปวดท้องเหมือนมีบางอย่างในร่างกายของเธอค่อยๆ เลือนหายไป เธอยิ้มเล็กน้อย น้ำเสียงแน่วแน่ “แน่นอน ฉันจะไม่มีวันปล่อยมือ ถึงจะต้องตายก็ตาม” ไม่นานนัก ซูชิงเฉินก็เหมือนจะหายไปจริงๆ จากนั้นเป็นต้นมา ไม่มีใครรู้ว่าเธอยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ ในยามค่ำคืน ฟู่เป่ยชวนมักจะได้ยินเสียงผู้หญิงคนหนึ่งพูดกับเขาว่า “ถ้าฉันไม่เคยรักเธอเลยก็คงจะดี” ห้าปีต่อมา ซูชิงเฉินกลับมาพร้อมกับเด็กคนหนึ่ง กลับมาในสายตาของคนทั่วไปอีกครั้ง ...
ไม่คิดว่าการพบกันครั้งแรกกับสามีที่แต่งงานกันสามปีจะเกิดขึ้นบนเตียง และหลังจากเกิดเรื่องฮั่วฮานยูไม่เพียงจำเธอไม่ได้ แต่กลับมองเธอว่าเป็นผู้หญิงที่ขายตัวเพื่อเงิน เกลียดเธออย่างรุนแรง ข้อตกลงการหย่าฉบับหนึ่ง เดิมทีซวี่อี้คิดว่าจากนี้เป็นต้นไปสองคนจะไม่มีทางมีอะไรเกี่ยวข้องกันอีก แต่กลับไม่คิดว่าโชคชะตานำพาให้เธอได้กลายเป็นที่ปรึกษาด้านกฎหมายของบริษัทฮั่วซื่อ ทำให้เธอกลับมาเกี่ยวพันกับอดีตสามีอีกครั้ง รอจนฮั่วฮานยูจำซวี่อี้ได้ และอ้อนวอนให้เธออยู่ต่อ ซวี่อี้ก็ปัดมือของเขา และยิ้มอ่อน ๆ “คุณฮั่ว ตอนหย่าคุณไม่สนใจ ตอนนี้ฉันแค่ลาออก คุณร้องไห้อะไรกันคะ? ”
เธอทะลุมิติไปเป็นสาวใช้ส่วนตัวที่เขาซื้อมาจากครอบครัวที่เก็บขยะขาย ในยุคปัจจุบันก็ทำงานจนตัวตาย มาอยู่อดีตก็กลายเป็นคนอัตคัดขัดสน ชีวิตจะลำบากซ้ำซ้อนไปถึงไหน ……………………………………………… เช็ดท่อนบนเสร็จเนื้อนวลก็เตรียมถอดชิ้นล่างที่เป็นกางเกงผ้านิ่มขายาว มือเล็กกำลังจับขอบกางเกงเตรียมจะถอดออก หมับ! แต่ก็มีมือใหญ่มายึดไว้อีกครั้ง พร้อมเปล่งเสียงแหบพร่าออกมา “หย่า!” เด็กอะไรแก่แดดขนาดนี้ ไม่รู้จักอายผีอายสาง กลางวันแสก ๆ ยังจะแก้ผ้าผู้ชาย ถึงปู่กับย่าจะไม่ค่อยมีเวลาอบรมบ่มนิสัยให้รักนวลสงวนตัวแต่เธอก็น่าจะคิดเองเป็นบ้าง หรือเธอเป็นเด็กใจแตกถึงไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้ เช่นเดิมเนื้อนวลไม่ได้สนใจ เพราะกลิ่นตัวของเขาที่โชยเข้าจมูกเธอคิดว่าน่าจะเกือบเดือนแล้วที่เขาไม่ได้เช็ดตัว เพราะเท่าที่เนื้อนวลเข้ามารับใช้เขาไม่กี่วัน สุรเชษฐ์ก็ไล่เธอท่าเดียว แต่อย่าหวังว่าเนื้อนวลคนนี้จะยอมแพ้ง่าย ๆ “ถ้าอายก็หลับตา” เนื้อนวลพูดเสียงเรียบเรื่อยเหมือนเป็นเรื่องปกติสำหรับเธอ มือข้างหนึ่งจับสะโพกเขายกขึ้นมืออีกข้างดึงกางเกงนอกลงมาจนสุดปลายเท้าตามด้วยกางเกงผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เพราะเขาไม่สามารถควบคุมการขับถ่ายทั้งหนักและเบาของตัวเองได้ ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างรวดเร็วจนเขาไม่ทันระวังตัว เมื่อนั้นแหละสุรเชษฐ์จึงนอนแน่นิ่งปิดเปลือกตาแน่น ร่างใหญ่แข็งทื่อไปทั้งตัว จากที่ไม่รู้สึกแค่ฝั่งขวาตอนนี้เหมือนจะชาไปทุกสัดส่วนบนร่างกาย ให้ตายเถอะ! ผู้หญิงคนนี้ช่างไร้ยางอายสิ้นดี เกิดมาเขายังไม่เคยให้ผู้หญิงคนไหนเห็นร่างเขาตอนเปลือยเปล่าแบบนี้มาก่อน เว้นเสียแต่ภรรยาของเขาเพียงคนเดียว เธอช่างเป็นผู้หญิงที่…หน้าด้านเหลือทน มีผู้หญิงคนไหนกันที่อยู่กับชายแปลกหน้าที่นอนเปลือยล่อนจ้อนแบบนี้ในห้องสองต่อสองเหมือนเธอบ้าง ถ้าคนอื่นรู้เข้ามีหวังเธอไม่มีทางหาสามีได้แน่ อย่างว่าล่ะนะก็คนไม่ได้เรียนหนังสือก็คงไม่รู้ว่าอะไรควรหรือไม่ควร พ่อจ๋า! แม่จ๋า! ช่วยลูกด้วย ผมกำลังโดนแทะโลมทางสายตา สุรเชษฐ์พร่ำบ่นในใจเมื่อคิดว่าสาวใช้คงใช้สายตาจ้องมองเขาไปทั้งตัว
เกิดใหม่ในชาตินี้ นางแค่ต้องการอยู่อย่างสงบสุขปกป้องครอบครัวจากเรื่องร้ายที่จะเกิดขึ้น นางไม่อยากตกอยู่ในบ่วงรักอันทำให้ครอบครัวต้องพบกับวิบัติอีกต่อไปแล้ว... คำเตือน นิยายเรื่องนี้เป็นนิยายรักโรแมนติก ดราม่า มีฉากความรุนแรง ฉาก NC และมีฉากเศร้าสะเทือนใจ โปรดพิจารณาก่อนดาวโหลดนะคะ กราบขอบพระคุณค่ะ
-- ในศตวรรษที่ 26 ทหารรับจ้างอันดับหนึ่งได้กลับชาติมาเกิดใหม่ กลายเป็นลูกเลี้ยงที่ไร้ค่าของตระกูลผู้มีชื่อเสียง แต่เมื่อนางลืมตาขึ้นอีกครั้ง โลกก็เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง ย่ำยีชายทรยศ ข่มเหงหญิงเลว จัดการกับพวกที่ทำให้ชีวิตติดขัด เปลี่ยนแปลงทุกสิ่งตามใจปรารถนา ควบคุมเทพสัตว์นับพัน ถลุงยาวิเศษ วางข่ายศักดิ์สิทธิ์ วาดยันต์ผี ทุกอย่างนางทำได้อย่างชำนาญ อยู่เหนือกว่าอัจฉริยะทั้งห้าภพ โลกนี้นางครอบครอง ไม่สามารถบำเพ็ญตบะงั้นหรือ แต่นางเป็นผู้ครอบครองพลังครบทุกธาตุ ไม่มีคุณสมบัติมากพอบำเพ็ญลัทธิหรือ นางนอกจากบำเพ็ญลัทธิอสูรลัทธิเทพลัทธิวิญญาณลัทธิมารทั้งสีแล้ว ยังสร้างลัทธิภูตผีอีกด้วย ไร้ค่า ไม่มีความสามารถงั้นหรือ นางคือราชาผี ที่สืบทอดพลังหยินขั้นสูง แค่กระดิกนิ้ว พญาวิญญาณแค้นนับหมื่นก็พรั่งพรูมาปรนนิบัติ เพียงแต่ว่าจักรพรรดิผู้ลึกลับที่ตามตื้อนางนั้น มันคือยังไงกัน เฝิงอี้ "เพิ่งเจอหน้ากันก็ถอดเสื้อข้า เช่นนั้นเราสู้กันบนเตียงอีกรอบดีหรือไม่" เย่วเฉิงเฟิงยิ้มยั่ว "ผู้ชายมีแต่จะเป็นตัวถ่วงของข้า ท่านจักรพรรดิ ท่านเดินทางดีๆ ลาก่อนนะ"
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY