“ฉันเอาเธอตายแน่พิ”
“ฉันเอาเธอตายแน่พิ”
บทนำ
.
.
.
ณ บ้านหลังงามของตระกูลพ่อค้าทองคำแห่งเมืองสมุนไพรอย่างโรจนวาณิชย์ บัดนี้เนืองแน่นไปด้วยแขกเหรื่อที่เดินทางมาเพื่อเป็นสักขีพยานรักของลูกสาวคนสุดท้องของบ้าน วลี โรจนวาณิชย์ เจ้าของร้านเครื่องประดับสุดหรูของปราจีนบุรีอย่าง Larimar Jewelry ที่ควงคู่ทายาทร้านอะไหล่จากมิตรภาพยานยนต์เช่น แทนคุณ วงศ์ชวาลา เข้าประตูวิวาห์หลังจากทั้งคู่คบหากันมาตั้งแต่สมัยเรียนมัธยมปลาย
เป็นเวลาเก้าปีของบ่าวสาวที่ช่วยกันปลูกต้นรักจนสุกงอมได้ที่ พร้อมผลิดอกออกผลในวันที่ทั้งคู่โตพอจะสร้างครอบครัวด้วยกันอย่างวันนี้ โดยมีใครบางคนที่ปีติไม่ต่างจากบ่าวสาว ใครคนนั้นที่อยู่เคียงข้างคู่รักมาตั้งแต่ในรั้วโรงเรียน ด้วยฝ่ายชายอายุมากกว่าสองปี มีช่วงที่แทนคุณเข้าไปเรียนมหาวิทยาลัยในเมืองหลวง รักทางไกลย่อมมีปัญหาบ้าง ก็ได้ใครคนนั้นช่วยเป็นตัวกลางคอยเชื่อมให้เสมอ
วันนี้ใครคนนั้นมาในฐานะเพื่อนเจ้าสาว...พินรี เพื่อนที่ดีที่สุดของน้องเล็กแห่งบ้านพ่อค้าทองคำ
เจ้าหล่อนมองดูเพื่อนสนิทในชุดเจ้าสาวด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ด้วยตนเองมีความสุขไม่ต่างจากบ่าวสาวเลย เพราะนอกจากจะได้ส่งเพื่อนรักและรุ่นพี่เข้าประตูวิวาห์แล้วนั้น วันนี้ก็ยังเป็นวันที่เธอจะได้เจอกับรักแรกของตัวเองอีกด้วย
ที่ผ่านมาทุกครั้งที่เขากลับบ้านจะมีสายรายงานเธอตลอด แต่ก็มินำพา ด้วยเจ้าตัวหลบหน้าหลบตาไม่เคยให้ได้พบเจอ มาแป๊บๆ ก็เดินทางกลับกรุงเทพฯ จะได้เจอกันสักทีก็แสนยากเย็น ได้เห็นก็แค่ครู่สั้นๆ ชวนคุยก็ไม่เคยจะตอบ ไหนยังบล็อกเธอทุกช่องทางจนมิอาจจะติดตามความเคลื่อนไหวของพี่ชายเพื่อนได้ แต่เธอมีหน่วยข่าวกรองระดับวงในของวงใน
วลีมักจะรายงานความเป็นไปของพี่ชายคนรองให้เธอได้รับรู้เสมอ เดิมทีเธอเคยสมัครแอคอวตารแล้วแอดเฟรนด์ไป แต่เหมือนเขาจะรู้ทัน ชิงกดบล็อกไปเสียก่อน
ทว่าวันนี้เขาจำเป็นต้องอยู่นานเพราะเป็นงานแต่งของน้องสาว ถึงกระนั้นจนบ่ายคล้อยแล้วพินรีก็ยังหาจังหวะที่จะเข้าไปคุยกับชายผู้เป็นรักแรกและรักเดียวไม่ได้ เพราะเขาจับกลุ่มกับคนสนิทและเธอเองก็ติดภารกิจเพื่อนเจ้าสาว คอยช่วยงานอยู่ตลอด แต่ไม่ว่าอย่างไรวันนี้เธอก็ต้องหาโอกาสคุยกับเขาให้จงได้ เพราะทราบมาว่าเขาจะเดินทางกลับเมืองหลวงในช่วงหัวค่ำ ด้วยเจ้านายที่เป็นนักการเมืองของเขามีงานสำคัญในวันพรุ่งนี้
พิธีแต่งงานของวลีและแทนคุณถูกจัดในหนึ่งวัน ช่วงเช้าเป็นพิธีสงฆ์ ช่วงบ่ายกินเลี้ยงโต๊ะจีน พินรีรวมกลุ่มอยู่กับเพื่อนๆ ในขณะที่พี่ชายคนรองของโรจนวาณิชย์นั่งอยู่อีกมุมซึ่งไกลกันมาก
พินรีได้เห็นเขาใกล้ที่สุดก็ตอนพิธีรดน้ำสังข์ ซึ่งเธอทำหน้าที่เตรียมน้ำให้แก่แขก
เธอส่งยิ้มให้เขาเหมือนครั้งเยาว์วัย ดวงตาสีอัลมอนด์ทอประกายระยิบระยับคล้ายหมู่ดาวเต้นรำในยามราตรี ยิ้มที่ใครๆ ก็บอกว่าสดใสเหมือนดอกทานตะวันได้รับแสงแรกจากพระอาทิตย์
แม้ว่าคุณพระอาทิตย์ของเธอจะเมินกันไปเหมือนมองไม่เห็นก็ตาม
นั่นมิอาจสั่นคลอนความรักที่เธอมีให้เขาได้ ต่อให้เขาไม่ยิ้มก็ไม่เป็นไร เธอได้ยิ้มให้เขาเท่านั้นมันก็พอแล้ว
เพื่อนเจ้าสาวคนสวยนั่งเหลียวไปยังโต๊ะที่อยู่อีกฟากจนไม่เป็นอันสนใจอาหารตรงหน้า ปล่อยให้กลุ่มเพื่อนจัดการจานบนโต๊ะคลอเคล้าบทสนทนาเพราะไม่ได้เจอกันมาพักใหญ่
คนที่ไม่ได้เจอกันนานย่อมคิดถึงกันเป็นธรรมดา เหมือนที่เธอคิดถึงพี่ชายเพื่อนมากอย่างตอนนี้
“กินก่อนก็ได้พิ เธอจะเหลียวอะไรขนาดนั้น”
เพื่อนอีกคนแทรกขึ้น “จะอะไรล่ะ ก็มองสุดที่รักของมันน่ะสิ”
คนที่ตกเป็นหัวข้อการสนทนายอมผินหน้ากลับมา อมยิ้มอย่างเขินอายที่ถูกเพื่อนแซว “เขาหล่อขึ้นเนอะ”
“มีแฟนไปแล้วมั้ง หล่อๆ พรรค์นั้น”
พินรีตอบเสียงแข็ง “ยัง!” ก่อนลดระดับเสียงลง “รี่บอกว่าโสดสนิท อีกอย่างนะ ฉันไม่ยอมให้เขาคบกับคนอื่นเด็ดขาด ฉันก็ชอบของฉันมาตั้งนาน”
“พิ”
เรือนคิ้วสวยได้รูปเลิกขึ้น “ว่า?”
“ไม่ยอมแล้วเธอทำอะไรได้เหรอ”
ประหนึ่งมีลูกตะกั่วแหวกอากาศมาฝังอยู่ในอกข้างซ้าย ตัดขั้วหัวใจดวงน้อยๆ จนหยุดการเคลื่อนไหว พินรีแสร้งปั้นหน้างอคล้ายจะร้องไห้ ส่งค้อนวงใหญ่ให้เจ้าของประโยคแทงใจดำ “แรง”
“ก็พูดความจริง แม้แต่ให้เขาปลดบล็อกเธอยังทำไม่ได้เลยพิ หาผู้ชายคนใหม่เถอะ เฮียสี่เขาไม่มีวันชอบเธอหรอก ถ้าเขาจะชอบคงชอบไปนานแล้ว”
หนึ่งในสมาชิกของโต๊ะแทรกขึ้น “เห็นด้วย”
“ใช่ไหม ก็มันเล่นแอบชอบแบบไม่แอบ ทุกคนรู้ เฮียสี่ก็รู้ ถ้าเขาจะชอบพิจริงๆ จะปล่อยให้เวลามันผ่านมาขนาดนี้เหรอ วัยอย่างเรามันยังสาวยังแส้ ยังได้เจอคนดีๆ อีกเยอะ ช่างหัวคนที่ไม่เห็นหัวเราดีกว่า”
“เห็นด้วยว่าแรงอะ โอ๋ ยายพิได้น้ำตาท่วมปราจีนแน่” ว่าพลางดึงตัวเพื่อนเจ้าสาวมาทำท่าปลอบประโลม
พินรีก็เล่นตามน้ำ ทำเสียงกระซิกๆ แล้วซบไปกับอกของเพื่อน
“ฉันพูดเพราะหวังดีย่ะ โน่น หมอขลุ่ยเขาปลื้มเธอมากนะ ถึงได้เช้าถึงเย็นถึง เทียวไปซื้อปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้บ้านเธอทุกเช้าน่ะ” นวมล พยาบาลสาวแห่งโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรพาดพิงไปถึงหมอหนุ่มที่ดันไปตกหลุมรักลูกแม่ค้าปาท่องโก๋เข้าอย่างจัง แต่พินรีสนใครที่ไหนนอกจากหนึ่งในผู้ติดตามของสส. สัตรา
เห็นเพื่อนทำหูทวนลมหล่อนก็เสริมสำทับไปอีกเพื่อประกอบการตัดสินใจ เพราะเล็งเห็นว่าหมอเมดอย่างสิงขรน่าจะเป็นตัวเลือกที่ดีกว่าไปมัวแต่จมปลักกับพี่ชายเพื่อน
“อย่างหมอขลุ่ยใช่ว่าจะหาได้ง่ายๆ นะยายพิ รูปหล่อ พ่อรวย นิสัยก็ดี รักเด็ก เลี้ยงหมา อบอุ่นยิ่งกว่าไมโครเวฟ ไหนยังเรียนโคตรเก่ง สาวน้อยสาวใหญ่ในโรงบาลเอาขนมจีบมาเร่ขายเขาทุกวันแต่เขาไม่ยักจะซื้อ ที่สำคัญไม่แก่แบบเฮียสี่ด้วย หมอเพิ่งยี่สิบเก้าเอง เฮียสี่อีกห้าหกปีก็สี่สิบละ เอามาเป็นพ่อหรือไงวัยแบบนั้น”
พวกเธออายุเท่ากับเจ้าสาวซึ่งเป็นน้องเล็กของบ้าน คือยี่สิบห้า แต่พี่ชายเพื่อนที่พินรีปันใจให้นั้นอายุมากกว่าเกือบหนึ่งรอบ
คนตัวเล็กยันตัวกลับมานั่งท่าเดิม ไหวไหล่เล็กน้อยด้วยท่าทีไม่ค่อยจะยี่หระ “ต่อให้เฮียสี่แก่กว่านี้ก็ชอบแค่เฮียสี่”
“งั้นตามใจเหอะ อกหักมาที่บ้านหล่อนมีแต่น้ำเต้าหู้นะ หาใบบัวบกไปคั้นกินเองแล้วกัน”
“ขอบคุณที่ซ้ำเติม จุดเดิมที่เคยเจ็บ” นวมลทิ้งสายตาเรียบสนิทมาทางแม่ดอกทานตะวันของกลุ่ม “ร้องเพลงจ้ะ”
ก่อนบรรยากาศบนโต๊ะอาหารจะกลับสู่สภาวะปกติ คือมีเสียงพูดคุยหยอกล้อระหว่างกลุ่มเพื่อน และพูดคุยกันถึงงานแต่งงานของหนึ่งในสมาชิกของกลุ่ม
พินรีไม่เก็บคำพูดแทงใจดำของพยาบาลสาวมาคิด เธอชอบอยู่ในโลกของตัวเอง โลกที่หลับตาแล้วฝันถึงวสุ แต่ก่อนเขาเป็นแค่พี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น เธอนับถือเขาเพราะเป็นพี่ของเพื่อน ด้วยความสนิทสนมจึงมีโอกาสได้ไปมาหาสู่กันอยู่บ่อยครั้ง บ้านเธอไม่ได้ยากจนแต่ก็ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนอย่างเจ้าของห้างทองเทวาลัยที่มีถึงเจ็ดสาขาทั่วจังหวัด แบ่งเป็นสาขาละหนึ่งอำเภอ ทั้งยังมีเหมืองทองที่กบินทร์บุรีอีกด้วย
โรจนวาณิชย์น่ะเศรษฐี ส่วนเชาว์เจริญเป็นแม่ค้าพ่อขาย เช้ามาบ้านเธอขายปาท่องโก๋น้ำเต้าหู้ ตกเย็นขายซาลาเปาขนมจีบ โดยมีพ่อและแม่ช่วยกันทำ ส่วนเธอก็ช่วยบ้างแต่หลักๆ แล้วขายน้ำหอมในช่องทางออนไลน์ เป็นแม่ค้าเหมือนกันแค่ยังไม่รวยเหมือนแม่ค้าออนไลน์คนอื่นๆ
ครั้งยังเป็นเด็ก ทุกครั้งที่บ้านโรจนวาณิชย์พากันไปเที่ยววลีมักหิ้วปีกเพื่อนสนิทไปด้วย วันหนึ่งมีโอกาสได้ไปน้ำตกภายในจังหวัด เด็กสาววัยแปดขวบเล่นน้ำอยู่ดีๆ ก็เกิดเหตุไม่คาดฝันเมื่อร่างกายดิ่งลงสู่ความเวิ้งว้างไร้ที่ยึดเหนี่ยวของสายน้ำเย็นเยียบ เธอตะเกียกตะกายเอาตัวรอดแต่ก็ไม่เป็นผล ร่างทั้งร่างหนักอึ้ง ทว่าก่อนจะจมไปลึกกว่านั้นกลับมีมือของใครบางคนมาคว้าเอาไว้แล้วฉุดกระชากลากเด็กน้อยขึ้นมาบนบก
เป็นพี่มัธยมปลายปีสุดท้ายอย่างวสุ
วันนั้นทุกคนเดินทางกลับบ้านด้วยบรรยากาศอึมครึม ต่างพากันใจสั่นไหวที่เกือบสูญเสียเธอไป หลังพาเด็กน้อยไปส่งคืนพ่อแม่ประมุขของโรจนวาณิชย์ขอโทษขอโพยยกใหญ่ จำได้ว่าหลังจากนั้นเธอก็ไม่ได้ไปเที่ยวกับบ้านของวลีอีกเลย แต่ก็ยังเป็นเพื่อนสนิทกันได้เหมือนเดิม
ที่ไม่เหมือนเดิมเห็นจะเป็นความนับถือน้ำใจที่พินรีมีให้พี่ชายเพื่อน มันทวีขึ้นหลายร้อยหลายพันเท่า เธอมองเขาเป็นฮีโร่ก็ไม่ปาน ไม่ว่าวสุจะทำอะไรก็ดูเก่งและยอดเยี่ยมในสายตาของเด็กน้อยเสมอ เธอชื่นชมเขาทุกอย่าง นับเป็นผู้มีพระคุณของชีวิตเลยด้วยซ้ำ พินรีตั้งใจไว้ว่าหากวสุมีเรื่องที่อยากขอให้เธอช่วย เธอจะช่วยด้วยความยินดี
แต่แล้วเธอก็เติบโตขึ้น จากเด็กน้อยในวันนั้นกลายเป็นเด็กสาววัยแรกแย้ม พี่ชายสุดหล่อก็หล่อขึ้นทุกวัน และแล้วความชื่นชมก็กลายเป็นความชอบ
เธอชอบถึงขนาดที่วันเกิดวัยสามสิบของเขาได้ลั่นวาจาออกไปว่า... ‘พิอยากเป็นเจ้าสาวของเฮีย’
นับจากนั้นวสุก็ตัดเธอทิ้งออกจากวงโคจรด้วยคำที่บอกว่า ‘เธอคบกับฉันไม่ได้หรอกพิ ฉันไม่ชอบเด็ก’
เขาบล็อกกันทุกช่องทาง เจอหน้าก็ไม่ยิ้มให้เหมือนแต่ก่อน กลับบ้านไม่บ่อยเหมือนเดิมโดยอ้างว่างานเยอะ เธอจึงแทบไม่ได้พบหน้าเขา แต่พินรีกลับหาทางสลัดรักแรกออกจากใจไม่ได้
เมื่องานเลี้ยงจบลง แขกเหรื่อต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน ไม่ต่างจากคณะของนักการเมืองท่านหนึ่งที่จำเป็นต้องเดินทางกลับไปยังกรุงเทพฯ ซึ่งเป็นที่น่าเสียดายเพราะเมียเจ้านายตั้งใจว่าจะอยู่เที่ยวชมธรรมชาติอันสมบูรณ์ของเมืองสมุนไพรสักหน่อย เจ้าบ้านอย่างสดายุก็ออกตัวว่าจะนำเที่ยว แต่เพราะพรุ่งนี้ท่านสส. มีนัดกับผู้นำจากฝั่งยุโรป จึงมิอาจอยู่ค้างคืนที่นี่ได้
ระหว่างที่คนนับสิบชีวิตเดินไปยังรถหรูหลังร่ำลาเจ้าของงานเสร็จเป็นที่เรียบร้อย พินรีก็ตัดสินใจสับเท้าตามหลังไปหวังให้ตนเองได้มีโอกาสพูดคุยกับวสุสักนิดก็ยังดี
ทันทีที่มายังโซนจอดรถที่ปลอดผู้คนเว้นกลุ่มของท่านสส. กับตัวเธอ เสียงหวานก็ดังแหวกอากาศพาให้เท้าทั้งสิบคู่ชะงักกึก “เฮียสี่!”
กลุ่มคนที่ว่าหันมามองยังต้นเสียงเป็นตาเดียว ว่าที่คุณแม่ในชุดคลุมท้องสีอ่อนเปรยขึ้นเบาๆ ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “พี่พินี่เอง” อัปสราเพิ่งยี่สิบสี่ อายุน้อยกว่าเจ้าสาวและเพื่อนเจ้าสาวอยู่หนึ่งปี จึงเรียกขานอีกฝ่ายว่าพี่ ทั้งพินรีและวลี ที่คนตรงหน้านั้นเพิ่งได้รู้จักก็วันนี้เพราะอีกฝ่ายเป็นเพื่อนเจ้าสาวเลยได้ทักทายกันพอหอมปากหอมคอ แต่กับวลีเคยเห็นที่งานแต่งของตนเองเมื่อสองเดือนก่อนแล้ว อาจจะไม่ได้คุยอะไรกันนักเพราะวันนั้นเธอก็ง่วนอยู่กับการรับแขก
งานแต่งเป็นอะไรที่ใช้พลังงานเยอะจริงๆ
เจ้าของชื่อยกมือไหว้ปลกๆ ก่อนเอ่ย “สวัสดีค่ะ”
คนอ่อนวัยกว่ารีบยกมือขึ้น “สวัสดีค่ะ พี่พิมีอะไรหรือเปล่าคะ”
มือบางถูกยกขึ้นมาลูบท้ายทอยแก้เก้อ พอดีกับที่สดายุโค้งริมฝีปากให้ “เมื่อกี้น้องพิเรียกเฮียสี่ใช่ไหม งั้นตามสบายเลยนะ” แล้วจึงหันไปหาพี่ชายแท้ๆ ของตน “เฮียเดี๋ยวพวกผมไปก่อนแล้วกัน” ก่อนคนทั้งเก้าจะพากันเดินไปขึ้นรถโดยระหว่างนั้นก็โพล่งขึ้นสั้นๆ ให้พรรคพวกรับรู้ “คนนี้แหละ”
หนุ่มๆ ทั้งหกอย่างไตรทศ ไมยราพ ลิขิต คมชาญ อนันต์และเขมราฐ ทราบได้ทันทีเพราะสดายุเคยแง้มไว้ตั้งแต่คราวงานแต่งของเจ้านาย จะมีก็แต่ท่านสส. กับภรรยาที่ตกข่าว
สุ้มเสียงเข้มของนักการเมืองเอ่ยอย่างใคร่รู้ “อะไร”
อัปสราก็หันไปมองสดายุตาแป๋ว “นั่นสิคะ ถ้าหนูไม่รู้คืนนี้หนูนอนไม่หลับนะคุณยี่”
หนึ่งในสมาชิกโรจนวาณิชย์ยกยิ้มกริ่ม “ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาด คนนี้นี่แหละครับพี่สะใภ้ผม”
คล้อยหลังการไปของทุกคน บริเวณนี้จึงหลงเหลือเพียงวสุ พินรี และความเงียบที่คืบคลานเข้ามาปกคลุมจนพาใจดวงน้อยสั่นไหว มันหนาวเหน็บจนสาวเจ้านึกอยากยกแขนมากอดตัวเอง
เป็นชายร่างสูงที่ทำลายมันลงด้วยเสียงผ่อนลมหายใจอย่างนึกระอา แล้วจึงกระชากเสียงถามด้วยใบหน้าเหนื่อยหน่าย “มีอะไร”
พินรีโกยอากาศเข้าปอด ทำสมาธิเพียงครู่สั้นๆ ก็ขยับริมฝีปากเพื่อเปล่งวาจาที่อยากเอ่ยกับเขามาเนิ่นนาน
“ตอนนั้นพิอายุยี่สิบ ตอนนี้ยี่สิบห้าแล้วนะ”
เรือนคิ้วเข้มตัดกับผิวขาวขมวดเป็นปม “แล้ว?”
“เฮียบอกว่าไม่ชอบเด็ก”
“ใช่”
“แต่ตอนนี้พิไม่เด็กแล้วค่ะ” ว่าพลางส่งยิ้มแสนสดใสให้คุณรักแรก “พิโตพอจะเป็นเจ้าสาวของเฮียสี่ได้หรือยังคะ”
/0/25946/coverbig.jpg?v=e25d65e091bda474a08674cb246b5b19) 
 เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]
/0/28097/coverbig.jpg?v=7edfe07528e391fca6d96711affb9051) 
 ในคืนแต่งงาน เธอไม่ได้พบเจ้าบ่าว ชายแปลกหน้าที่บุกเข้ามา ทำลายทุกอย่างของเธอ แม่สามีทั้งทุบตีและดูหมิ่น สามีเย็นชาและไร้ความปรานี อีกทั้งยังมีหญิงอื่นหัวเราะเยาะและอวดโอ้ เธอจึงถูกไล่ออกไปจากบ้าน ไม่มีใครรู้ว่าเธอเป็นทนายความมือหนึ่ง ที่สามารถใช้เอกสารฟ้องร้องชายที่ทำลายชีวิตเธอได้ แต่เธอไม่รู้ว่าชายคนนั้นคือเศรษฐีที่มีชื่อเสียงในเมืองใหญ่ คนผู้นี้ผ่านผู้หญิงมาหลายคนแต่ไม่เคยผูกพันกับใครเลย มีความสะอาดอย่างมาก อารมณ์แปรปรวน เป็นคนดื้อรั้นและเผด็จการ บังคับให้เธอแต่งงานกับเขา ทำทุกวิธีทางที่เขาจะทำได้ เธอเพิ่งรู้ว่าตัวเองมีปัญหาที่ใหญ่กว่าเดิม...
/0/27594/coverbig.jpg?v=e523c9e7808053db05a677d2a679fee6) 
 ซูหลีพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจตระกูลซูมาตลอดห้าปี แต่ก็ต้องพ่ายแพ้ต่อคำใส่ร้ายของน้องสาวเพียงคำเดียว เรื่องที่ซูหลีเป็นคุณหนูปลอมก็ถูกเปิดเผย ทำให้คู่หมั้นทิ้งเธอ เพื่อนๆ ก็ห่างเหิน และพี่ชายขับไล่เธอออกจากบ้าน บอกให้เธอกลับไปหาพ่อแม่ชาวนาของเธอ ในที่สุดซูหลีก็สิ้นหวังและตัดสินใจตัดขาดความสัมพันธ์กับตระกูลซู ยึดความช่วยเหลือทุกอย่างคืนและไม่อดทนอีกต่อไป แต่เธอไม่คาดคิดเลยว่าชาวนาที่พี่ชายพูดถึงนั้นกลับกลายเป็นตระกูลลั่วผู้มั่งคั่งที่สุดในประเทศ ในคืนเดียวเธอเปลี่ยนจากคุณหนูตัวปลอมที่ถูกทุกคนรังเกียจเป็นลูกสาวของมหาเศรษฐีที่มีพี่ชายสามคนที่รักเธอ พี่ชายคนโตที่เป็นผู้บริหารใหญ่“เลิกประชุม จองตั๋วเครื่องบินกลับประเทศ ฉันอยากดูสิว่าใครกล้าแกล้งน้องสาวฉัน” พี่ชายคนที่สองที่เป็นนักวิทยาศาสตร์ยอดเยี่ยมระดับโลก“หยุดการวิจัย ฉันจะไปรับน้องสาวกลับบ้านเดี๋ยวนี้ ” พี่ชายคนที่สามที่เป็นนักดนตรีระดับโลก “เลื่อนคอนเสิร์ต ไม่มีอะไรสำคัญเท่าน้องสาวของฉัน” จู่ๆ คนทั้งเมืองจิงก็ต้องตกใจช็อก ตระกูลซูเสียใจจนสุดขีด คู่หมั้นก็กลับมาขอคืนดี ผู้คนที่มาขอจีบเธอก็แห่กันมาถึงหน้าบ้าน ไม่ทันที่ซูหลีจะตอบสนอง ตระกูลชือซึ่งเป็นตระกูลสูงสุดในเมืองจิงและมีตำแหน่งสูงสุดในกองทัพเรือ ก็เสนอใบสมรสให้เธอ ทำให้เธอกลายเป็นคนดังในสังคมชั้นสูง!
/0/23909/coverbig.jpg?v=a49b013188191f7068b736775c429fdd) 
 ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
/0/24899/coverbig.jpg?v=9e8cbd226f23370594e5119e2245e686) 
 ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
/0/21403/coverbig.jpg?v=c5ddc44b397a777855227e2eec95fd2d) 
 หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
 
  © 2018-now MeghaBook
บนสุด
 GOOGLE PLAY
 GOOGLE PLAY
/0/20363/coverbig.jpg?v=b748eefb428df8e0fbf8537c06125bc6)