“หนูชื่นคะ หนูจะฟันแล้วทิ้งพี่ไปแบบนี้ไม่ได้นะ พี่เสียหาย”
บทนำ
หน้าจอสี่เหลี่ยมของสมาร์ตโฟนเครื่องบางปรากฏภาพของหนึ่งในไพ่ยิปซีอย่าง The Chariot หรือก็คือไพ่เทพแห่งสงคราม พร้อมการอ่านไพ่ที่ว่าด้วยหมวดหมู่ของความรักที่ตนเป็นคนกดเลือก
‘คุณจะรู้สึกเหน็ดเหนื่อยกับสิ่งรอบตัวจนมิอาจสนใจเรื่องความรักได้ แต่ก็ใช่ว่าไม่มีโอกาสพบรักเลย สำหรับคนโสดอาจทำให้พบรักได้ แต่หากว่าไปชอบใครอยู่ก็ต้องลุยเข้าไปจีบถึงจะมีลุ้น ถ้าไม่ทำอะไรรับรองว่าชวดแน่ๆ’
ชื่นพธูถอนหายใจพรืด พึมพำกับตัวเอง “ไม่สนแล้วฉันจะเลือกหมวดนี้ทำไมยะหล่อน”
นานแล้วที่เธอก้าวเข้าสู่วงการไพ่ยิปซี ในทุกๆ เช้าจะต้องเข้ามาเลือกไพ่ในเว็บไซต์ชื่อดังที่สามารถดูดวงได้ฟรี หลักๆ เพราะมันฟรี เพื่อที่จะได้รู้ว่าดวงวันนี้เป็นอย่างไร ตรงบ้าง ไม่ตรงบ้าง ปะปนกันไป แต่มันกลายเป็นหนึ่งในกิจวัตรประจำวันที่ต้องทำไปเสียแล้ว
ช่วงเรียนเธอค่อนข้างหมกหมุ่นอยู่กับหมวดการเรียน ทว่าหลังจบมาก็เปลี่ยนมาเป็นการเงินและการงาน แต่ตั้งแต่หัวใจเริ่มไม่รักดี ปาทูคิดมีรัก รู้ตัวอีกทีมันก็เปิดเป็นแต่หมวดนี้
ชื่นพธู ชื่น หรือปาทู เรียกชื่อไหนเธอก็หัน เดิมทีชื่อชื่นเฉยๆ แต่ปาทูได้มาจากพธู หลายคนเรียกเธอเช่นนั้น ด้วยมองว่าน่ารักดีจึงนับเป็นอีกชื่อของเธอ
นัยน์ตากลมโตจดจ้องประโยคท้ายอย่างคิดไม่ตก เธอเข้าใจดีว่าควรทำอะไรสักอย่าง แต่อะไรสักอย่างที่ว่ามันเสี่ยงเกินไป ก็ถ้าคนที่เธอปันใจให้ไม่ได้คิดเหมือนกัน มันแปลได้ว่าเธอและเขาอาจจะเข้าหน้ากันไม่ติดอีกเลย
แบบนั้นมันก็แย่มิใช่หรือ
ก่อนจะได้คิดอะไรมากไปกว่านั้น หน้าจอพลันเปลี่ยนจากไพ่ยิปซีเป็นชื่อของเพื่อนสนิทที่โชว์หราพร้อมเสียงเรียกเข้าที่ดังกระทบโสตประสาท นิ้วเรียวแตะเพื่อกดรับสายอย่างไม่รอช้า
(อยู่หน้าหอแล้ว)
“โอเค เดี๋ยวลงไป”
เธอเลิกสนใจเรื่องไพ่ความรักประจำวันเพราะอย่างไรก็ไม่กล้าหาญมากพอที่จะเดินเกมรุก อาจจะเพราะเธอไม่ได้เก่งแบบพี่สาวคนสนิทที่จีบคนที่ตัวเองชอบจนตอนนี้เป็นว่าที่คุณแม่ไปแล้วอย่างพินรี ทว่าตอนนี้เจ้าหล่อนไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพฯ เพราะกลับไปอยู่บ้านเกิดเนื่องจากมีอาการแพ้ท้อง หากจำไม่ผิดก็เข้าเดือนที่สองแล้วกระมังที่แม่ค้าน้ำหอมหายหน้าหายตาไป ไม่ต่างกับบาริสต้าสาวสวยอย่างอัปสรากับมือขวานามว่าสดายุ
หนึ่งเดือนแล้วที่ชื่นพธูต้องทำงานกับเจ้าของร้านเพียงสองคนเพราะอัปสราลาคลอด ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดก็คงจะเป็นเร็วๆ นี้ที่เธอจะได้เป็นคุณน้า
ขาเรียวก้าวออกจากห้องพักที่อยู่มาตั้งแต่สมัยเรียน เพราะหลังเรียนจบก็เลือกที่จะทำงานในร้านกาแฟใกล้ๆ กัน ทำให้ไม่ต้องหาที่พักใหม่ ทันทีที่เดินออกไปก็พบเข้ากับกัทลี ทั้งสองส่งยิ้มให้กัน
เป็นคนช่างจ้อที่เอ่ยทักทายก่อน “มาถึงนานยัง”
“ตอนโทร. ไปนั่นแหละ”
“งั้นไปกันเถอะ”
สองสาวจึงพากันไปยังห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองเพื่อใช้เวลาในวันหยุดไปด้วยกันอย่างที่มักทำเป็นประจำ แม้ว่าจะทำงานคนละที่ พักคนละหอ แต่ก็ไม่เคยขาดการติดต่อกัน ยังคงนัดเจอกันอยู่บ่อยครั้งด้วยพวกเธอก็มีกันอยู่แค่สองคน
ระหว่างทางชื่นพธูก็ชวนคุย “วันนี้ดวงฉันไม่ค่อยดีเลย”
“ดวงเธอมันเคยดีด้วยหรือไง”
คนบ้าดวงทำหน้าซังกะตายพร้อมส่งเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ “มันต้องมีสักวันที่เป็นวันของฉันแหละ แต่มาช้าโคตรๆ”
รถเมล์แล่นไปตามท้องถนน ชื่นพธูก็เบือนหน้าออกไปสนใจด้านนอก แต่พอนึกอะไรขึ้นมาได้ก็ผินหน้ากลับมาทางคนข้างกาย
“สรุปว่าเธอไม่เปลี่ยนใจจริงเหรอเกี๊ยะ”
เจ้าของชื่อครางรับสั้นๆ “เรื่อง?”
“ก็เรื่องที่จะไป Road Trip กับพวกพี่ใหญ่ตอนต้นเดือนหน้าไง”
กัทลีส่ายหน้าเบาๆ ประกอบคำพูด “เธอไปเถอะ ไม่สนิทอะ ไม่ค่อยอยากไปด้วย”
“ไม่มีเพื่อนไปคงเหงาแย่เลย” สิ้นคำนั้นชื่นพธูก็ได้รับสายตาเรียบสนิทของกัทลี เจ้าหล่อนเพียงปรายตามองนิ่งๆ เรียวคิ้วสวยเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม “หือ มีไรเหรอ”
“เปล่า”
“เปล่าอะไร เธอมองฉันแปลกๆ นะเกี๊ยะ มันทำไมฮึ”
“ไม่มีอะไร”
“เดี๋ยวนี้หัดโกหกเพื่อนเหรอยะ”
เจ้าของผมยาวสลวยเพียงระบายยิ้มกลับไปให้เพื่อนสาวร่างเล็ก ผมสั้นระลำคอขาวผ่องที่เพิ่งไปตัดมาเมื่อเดือนที่แล้ว นัยน์ตากลมโตสีดำขลับ จมูกรั้นนิดๆ ปากบางหน่อยๆ เครื่องหน้าของชื่นพธูจัดว่าน่ารักแต่ไม่รู้ทำไมคนน่ารักคนนี้ถึงหาแฟนไม่ได้สักที
สาวระยองทอดสายตาออกนอกหน้าต่างพร้อมคิดถึงใครบางคนไปด้วย
หัวสมองก็เริ่มจินตนาการภาพตัวเองได้นั่งที่เบาะข้างคนขับโดยมีคนคนนั้นนั่งอยู่หลังพวงมาลัย ขับรถไปเรื่อยๆ ตามท้องถนน เปิดเพลงคลอไปตลอดทาง นั่นคงจะเป็นการเดินทางที่แสนวิเศษ
เมื่อไรจะเดือนหน้านะ...?
หน้าปัดสีดำเข้มของ Rolex Yacht-Master 42 ราคาครึ่งล้านบอกเวลาสิบเอ็ดโมงนิดๆ ราวกับต้องการย้ำกับเจ้าของว่าใช้เวลาตรงนี้ไปมากเกินพอดีและควรจากไปได้แล้ว
ทว่าเสียงหวานเจือความหนักใจก็ดังกระทบโสตประสาทอีกครั้ง เรียกให้นัยน์ตาดำขลับคาดเดาได้ยากละจากข้อมือไปมองทางต้นเสียง
“เรารู้ว่าพี่ช่วยเราได้”
เขาเลือกที่จะไม่ตอบรับหรือปฏิเสธ
หญิงสาวย้ำ “พี่ตง”
“อือ ว่า”
“ช่วยเราอีกสักครั้งนะ ครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ”
ไตรทศระบายลมหายใจอย่างไม่ปิดบัง แววตาฉายชัดถึงความเบื่อหน่ายระคนเอือมระอาใจ “ครั้งที่แล้วก็บอกว่าครั้งสุดท้าย” ไม่วายยังถามแกมตำหนิ “เธอใช้เงินเป็นเบี้ยแบบนี้ได้ไง”
“มันจำเป็น”
“พ่อกับแม่ล่ะ”
“เขาบอกว่ามันไม่ใช่เรื่องของเขา ให้เราแก้ปัญหาเอง”
“ก็ถูกแล้ว ปัญหาของเธอทำไมไม่หาทางแก้เอง”
สาวเจ้าสวนเสียงเจือสะอื้น โดยมีความขุ่นเคืองแฝงอยู่ทุกอณู “ไหนตอนนั้นพี่บอกว่าถ้ามีปัญหาอยากให้ช่วยก็ติดต่อได้ตลอด พี่เป็นคนพูดเองไม่ใช่เหรอ ก็ตอนนี้เรามีปัญหาพี่จะไม่ช่วยหรือไง”
ผู้ชำนาญการประจำตัวสส. ระดับประเทศได้แต่มองหน้า ‘แฟนเก่า’ ด้วยสายตาเรียบสนิทไร้คลื่นอารมณ์ ที่ผ่านมาเขารู้สึกติดค้างในใจอยู่เสมอว่าดูแลคนรักได้ไม่ดี ไม่มีเวลาให้เธอเพราะง่วนอยู่กับการทำงาน ตรงนี้เขายอมรับว่าเป็นฝ่ายผิด เมื่อถึงเวลาที่ต้องแยกทางกันไปจึงยังหวังดีอยู่เสมอ และอยากช่วยเหลือเพื่อชดใช้ความผิดของตัวเองตลอดเวลาที่คบหากัน
แต่มันมากเกินไป เธอมีเรื่องให้เขาช่วยมากเกินงามและเขาไม่อยากช่วยเหลืออีกแล้ว
ก่อนคนอายุน้อยกว่าจะลดเสียงลง “นะพี่ ครั้งสุดท้ายแล้วจริงๆ”
“ที่ผ่านมาพี่ช่วยเธอทุกครั้งนะเข็ม แต่มันไม่เคยพอเลย เงินที่พี่ให้ไปเพราะเห็นว่าครั้งหนึ่งเราก็เคยรักกัน พี่เองก็อยากให้เราเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันถึงจะเลิกกันไปแล้วก็เลยให้ไป แต่แค่ไหนถึงจะพอ ที่สำคัญนะ...”
คู่สนทนาสบตากับเขานิ่งๆ
“เธอไม่เคยคืนพี่เลย นับๆ ดูแล้วพี่ให้ไปไม่ต่ำกว่าแสนแน่ๆ”
“ถ้าเรามีเราจะคืน เราคืนแน่นอน”
“ไม่จำเป็น ที่ให้ไปแล้วพี่ไม่คิดเอาคืน พี่คิดให้เธอตั้งแต่แรกเพราะรู้ว่าถ้ารอเธอคืนเงินเธอคงไม่คืน แต่มันเกินลิมิตจะให้แล้ว จากนี้มันไม่ได้แล้วเข็ม”
มือบางกำแน่นจนเห็นเส้นเลือดเด่นชัด ถึงกระนั้นใบหน้างามก็ยังไร้แววขุ่นเคือง น้ำสีใสไหลมาคลอหน่วยอยู่ที่เบ้าตา มันเริ่มแดงก่ำและร้อนผ่าวแลดูน่าสงสาร
หล่อนเอ่ยเสียงอ่อยอย่างขอความเมตตา “พี่ตง”
แต่นัยน์ตากร้าวสีเข้มกลับมองมายังหญิงสาวอย่างไม่นึกแยแส “เธอก็ทำงานไม่ใช่รึ แฟนเธอก็ทำ”
“ก็มันไม่พอใช้”
“ใช้ไรเยอะแยะ ใช้เท่าที่หาได้สิ”
“พี่ไม่เข้าใจ” เจ้าหล่อนยกมือมากุมขมับอย่างเครียดจัด ก่อนสบสายตาเข้ากับชายหนุ่ม “แต่เศษเงินของพี่ช่วยชีวิตเราได้ ขอร้องเถอะนะพี่ตง”
เขาเอาแต่เงียบจนเขมจิราใจไม่ดี
“นะพี่ แค่ครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย”
หัวเด็ดตีนขาดอย่างไรก็ต้องได้เงินห้าหมื่นจากไตรทศ ไม่อย่างนั้นเธอและแฟนหนุ่มแย่แน่ๆ
“ครั้งที่แล้วต่างหากสุดท้าย”
เธอเปลี่ยนมาตัดพ้อ “พี่เป็นคนใจร้ายแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไรกัน”
“เพราะไม่ช่วยครั้งหนึ่งเลยใจร้ายรึ นี่ถ้าพี่ช่วยเธออีกพี่ก็ยังเป็นคนใจดีอยู่ใช่ไหม”
ไตรทศรู้ดี สิบลบหนึ่งไม่เคยเหลือเก้า มันเหลือศูนย์ ต่อให้ทำดีมาสิบครั้งแต่ทำไม่ดีครั้งเดียว สิ่งที่หมั่นทำมาตลอดก็กลายเป็นไม่มีค่าให้ใครมองเห็น
หล่อนเอ่ยเจือสะอื้น รู้สึกว่าครั้งนี้ตึงมือกว่าครั้งไหนๆ “ไม่ใช่นะ พี่เป็นคนใจดี พี่ช่วยเราทุกครั้งที่เรามีปัญหา เราก็แค่หวังว่าครั้งนี้พี่จะช่วยเราอีก เราสัญญานะพี่ตงว่าหลังจากนี้เราจะไม่ขอความช่วยเหลืออะไรจากพี่อีกแต่จะพยายามเก็บเงินมาคืนพี่ให้ครบทุกบาททุกสตางค์”
ขณะนั้นเองที่สายตาคู่คมมองออกไปนอกกระจกของร้านเครื่องดื่มภายในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมือง ซึ่งเป็นที่นัดหมายของเขาและแฟนเก่า ก็ดันเห็นใครบางคนที่พอจะรู้จักอยู่ในครรลองจักษุ
เขาเหลือบสายตามายังโทรศัพท์ที่ตั้งอยู่ตรงหน้า ก่อนคว้ามาถือไว้แล้วลดมือลงไปอยู่ใต้โต๊ะ
เขมจิรายังคงพยายามหว่านล้อมให้ไตรทศเห็นใจและยอมโอนเงินครึ่งแสนให้กับตนเอง เพราะเจ้าหนี้ที่แฟนหนุ่มไปกู้เงินเพื่อไปเล่นพนันออนไลน์ขีดเส้นตายแค่พรุ่งนี้ ถึงเธอไม่อยากบากหน้ามาหาเขาแต่เขาก็ดันเป็นท่อน้ำเลี้ยงเดียวที่เธอมี คนอื่นๆ ก็ไม่มีใครให้หยิบยืม และเงินมากมายขนาดนี้ถ้าไม่ใช่ไตรทศก็ไม่รู้แล้วว่าจะไปหาเอาจากใคร
“เรารู้ว่าพี่คงไม่พอใจที่เราเอาแต่ขอเงิน แต่ถ้าเลือกได้ก็ไม่อยากมาเจอพี่ในสภาพแบบนี้”
ไตรทศละสายตาจากช่องแชตของน้องชายคนสนิทไปมองคู่สนทนา เขมจิราในวันนั้นกับวันนี้ต่างกันมาก เธอซูบกว่าเดิม ขอบตาคล้ำเหมือนพวกอดหลับอดนอน แต่เท่าที่เขาได้เคยช่วยเหลือในฐานะคนเคยรักกันก็ถือว่าทำได้ดีไม่มีอะไรบกพร่อง หรืออาจจะดีกว่าหลายๆ คู่ที่จากกันด้วยดีด้วยซ้ำ
หล่อนยังคงส่งสายตาที่เต็มไปด้วยความอ้อนวอนไปให้เขา “เราไม่รู้จะพึ่งใครนอกจากพี่แล้ว มีแค่พี่คนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเหลือเราได้ ตอนนี้เรามืดแปดด้าน แม้แต่ที่บ้านยังไม่คิดยื่นมือมาให้จับ แล้วเราจะทำยังไงถ้าไม่บากหน้ามาหาพี่ที่เป็นคนเดียวที่คอยช่วยเหลือเรามาตลอด”
ชายหนุ่มลอบถอนหายใจ เลือกที่จะปฏิเสธออกไปตรงๆ โดยไม่คิดถึงความสัมพันธ์อันดีในอดีต เพราะเขาก็ไม่ใช่ตู้เอทีเอ็มให้ใครมากดเงินตามใจชอบ “ไม่ได้หรอกเข็ม พี่ช่วยเธอไม่ได้อีกแล้ว”
“ทำไมล่ะ ที่ผ่านมาพี่ก็ช่วยเรามาตลอด ช่วยอีกครั้งไม่ได้เหรอ อีกอย่างเราสัญญาว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายจริงๆ”
“ไม่ได้ พี่ไม่อยากมีปัญหา”
“ปัญหาอะไร” หญิงสาวเอ่ยเสียงแข็งกระด้าง “พี่ไม่ได้ขัดสน เรารู้ว่าพี่รวย” ก่อนสายตาผู้พูดจะเหลือบไปยังนาฬิกาหรูที่อยู่บนข้อมือซ้ายของอดีตคนรัก “พี่มีของแพงประโคมตัวเยอะแยะไปหมด เงินพี่มีเหลือใช้ขนาดนั้นจะมีปัญหาเรื่องอะไรอีกพี่ตง”
“แฟน”
หัวคิ้วคนฟังมุ่นจนจะผูกเป็นโบได้ “หมายถึง...?”
“แฟนพี่คงไม่พอใจแน่ๆ ถ้ารู้ว่าพี่ยังติดต่อกับแฟนเก่า”
เธอยิงคำถามใส่ทันที “พี่มีแฟน?”
“อาฮะ”
“ทำไมเราไม่รู้”
“แล้วทำไมเธอต้องรู้ด้วย มันเรื่องของพี่”
ก่อนไตรทศจะพิมพ์อะไรยิกๆ ลงไปในมือถือของตน
คุณตง: ยี่ ขอไลน์น้องปาทูหน่อย
ในช่วงสามปีที่หลูเฉียนหนิงอยู่ข้างๆ เขา โจวเป่ยจิ้งคิดอยู่เสมอว่าเธอเป็นเพียงผู้ช่วยพิเศษ เธอต้องการเงินเพื่อรักษาอาการป่วยของแม่ และจะไม่มีวันจากตนเองไป ครั้งแล้วครั้งเล่า ให้เงินแลกกับความต้องการอย่างชัดเจน ในที่สุด เมื่อเขาเกือบจะหลงใหลนั้น หลูเฉียนหนิงก็ไม่อดทนอีกต่อไป "มีคนรักในใจแล้ว ยังนอนกับฉันทุกวัน คุณชั่วชัดๆ" เมื่อข้อตกลงการหย่าถูกโยนต่อหน้าต่อตา โจวเป่ยจิ้งก็ตระหนักว่าภรรยาลึกลับที่เขาแต่งงานเมื่อหกปีที่แล้วกลับคือเธอ? จากนั้นเป็นต้นมา เขาก็ขึ้นชื่อเป็นชายเจ้าชู้อละตามจีบภรรยาทั้งยังเอาเปรียบเธอ! เขาอุ้มเธอไว้ในอ้อมแขนด้วยทัศนคติที่เผด็จการและเอาใจเธออย่างเต็มที่ เมื่อทุกคนรังเกียจที่เธอมีภูมิหลังที่ต่ำต้อย เขาก็มอบทรัพย์สินและหุ้นของตระกูลทั้งหมดอย่างตรงๆ และเข้าไปอยู่บ้านของตระกูลหลู จู่ๆ เธอก็กลายเป็นประธานหลู ซึ่งเป็นเจ้าของทรัพย์สินนับไม่ถ้วน และทุกคนอิจฉา แต่โจวเป่ยจิ้งกลับตกลงไปในวังวนที่ใหญ่กว่านั้น...
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เฉียวลู่ นักแสดงแถวหน้าของจีนมีข่าวฉาวออกมาทำให้ทางต้นสังกัดของเธอสั่งให้เธองดออกสื่อชั่วคราว จึงเป็นโอกาสที่หาได้ยากสำหรับคนงานยุ่งตลอดทั้งปีของเธอที่จะได้พักผ่อน เฉียวลู่เดินทางกลับบ้านเกิดของเธอและการกลับไปครั้งนี้ทำให้ชีวิตของเฉียวลู่เปลี่ยนไปตลอดการ ฉีหมิงเยี่ยน อนุชาองค์เล็กของฮ่องเต้แห่งแคว้นฉี ถูกลอบปลงพระชนม์ระหว่างที่เดินทางมาทำหน้าที่เจรจาสงบศึกกับเเเคว้นเซียว เพราะได้รับบาดเจ็บสาหัสทำให้ชินอ๋องความจำเสื่อมและได้รับการช่วยเหลือจากพ่อลูกตระกูลเฉียว เซียวยิ่น ฮ่องเต้แคว้นเซียวมีพระสนมมากมายเเต่กลับไม่สามารถให้กำเนิดพระโอรสได้โหรหลวงได้ทำนายเอาไว้ว่า ในอนาคตองค์รัชทายาทที่แท้จริงจะกลับมาเซียวยิ่นจึงมีรับสั่งให้ทหารออกตามหาพระโอรสและอดีตฮองเฮาของตนอย่างลับๆ ฉินอี้เหยา ได้รับบาดเจ็บสาหัสร่างลอยตามแม่น้ำมาพร้อมกับเด็กทารกในอ้อมแขนเมื่อฟื้นขึ้นมานางจึงแสร้งจำเรื่องราวในอดีตไม่ได้ เพื่อให้นางและบุตรชายมีชีวิตรอดต่อไป
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
หลังจากแต่งงานได้ 2 ปี ในที่สุดเจียงเนี่ยนอันก็ตั้งครรภ์สักที ความดีอกดีใจของเธอแต่กลับแลกกับคำขอหย่าของสามี หลังจากการสมคบคิด เธอนอนในกองเลือด และต้องการขอร้องเขาให้ช่วยเด็กเอาไว้ แต่กลับไม่สามารถติดต่อกับอีกฝ่ายได้ ด้วยความสิ้นหวังเธอจึงออกจากประเทศไป ต่อมาในงานแต่งงานของเจียงเหนียนอัน คุณกู้เสียการควบคุมและคุกเข่าลง ดวงตาของเขาแดงก่ำ "มีลูกของฉัน แล้วเธออยากจะแต่งงานกับใครกัน?"
นางเจ็บปวดปางตายเมื่อเขาโยนร่างบอบช้ำทิ้งไว้หลังจวนโดยไม่แยแส เมิ่งลี่เฟยน้ำตาไหลพรากทว่ากลับไม่ทำให้คนที่เพิ่งเหยียบย่ำร่างกายเล็กเห็นใจแต่ประการใด"เฝ้านางเอาไว้ให้ดีอย่าให้ออกมาทำเรื่องชั่วอีก"