พิมพิกา หรือน้ำพริกเป็นหลานเจ้าของโรงงานน้ำพริก แต่กลับชอบในการเป็นนักเขียน ในตอนที่กำลังจะหมดไอเดียนั้นเธอก็มีความคิดที่จะไปเป็นคนใช้ของพี่ชายเพื่อน คนที่เธอแอบชอบมานาน งานนี้เธอจะได้ไอเดียหรือได้แฟนติดมือมาด้วยไปลุ้นกันค่ะ
พิมพิกา หรือน้ำพริกเป็นหลานเจ้าของโรงงานน้ำพริก แต่กลับชอบในการเป็นนักเขียน ในตอนที่กำลังจะหมดไอเดียนั้นเธอก็มีความคิดที่จะไปเป็นคนใช้ของพี่ชายเพื่อน คนที่เธอแอบชอบมานาน งานนี้เธอจะได้ไอเดียหรือได้แฟนติดมือมาด้วยไปลุ้นกันค่ะ
พิมพิกา หรือน้ำพริกเดินเหม่อลอยเรื่อยเปื่อยไปตามถนนด้วยความเบื่อหน่าย เธอตั้งใจออกมาหาขนมกินรองท้องก่อนถึงเวลาอาหารเที่ยง แต่เอาเข้าจริงหญิงสาวกลับเดินผ่านร้านสะดวกซื้อใกล้บ้านไปอย่างไม่สนใจใยดี ความจริงเธอยังไม่หิวเท่าไหร่ เพียงแต่รู้สึกเซ็งจนทนนั่งเฉย ๆ อยู่กับบ้านไม่ได้เท่านั้นเอง
จะให้เธอเบิกบานสำราญใจอยู่ได้อย่างไร ในเมื่อนิยายสองเรื่องหลังที่ส่งให้สำนักพิมพ์พิจารณาไม่ได้รับการตีพิมพ์เลยแม้แต่เรื่องเดียว
เฮ้อ...ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้ม
พิมพิกาเริ่มมีผลงานนวนิยายออกสู่สายตานักอ่านตั้งแต่ยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัย ซึ่งแต่ละเรื่องต่างได้รับความนิยมไม่ยิ่งหย่อยไปกว่ากัน จนได้รับการตีพิมพ์ซ้ำหลายครั้ง แต่สองเรื่องหลังสุด บรรณาธิการกลับบอกว่าการผูกเรื่องไม่ชวนให้ติดตามบ้างล่ะ บทรักยังไม่หวือหวาพอบ้างล่ะ ไม่ว่าเพียรแก้ไขอย่างไรก็ยังไม่ผ่านเสียทีจนหญิงสาวเริ่มอ่อนใจ
...หรืออาชีพนักเขียนในฝันจะต้องปิดฉากลงเพียงเท่านี้แล้วหนอ
นี่ถ้าแม่รู้เข้าคงบังคับให้เลิกเป็น ‘นักเขียนไส้แห้ง’ อย่างถาวรแน่
แต่ไหนแต่ไร แม่ก็ไม่เคยเห็นด้วยที่ลูกสาวคนเดียวยืนกรานจะเป็นนักเขียนอาชีพให้ได้อยู่แล้ว
“ไม่ได้นะ! เราจะยอมให้เรื่องอย่างนั้นเกิดขึ้นไม่ได้เด็ดขาด สู้มาถึงขนาดนี้แล้วจะยอมแพ้ง่าย ๆ ได้ยังไง”
พิมพิกาชูกำปั้นขึ้นสูง ตั้งท่าลุกขึ้นสู้ราวกับแม่ทัพใหญ่กำลังลงสนามรบ ทำเอาคนที่เดินผ่านไปผ่านมามองด้วยความงงงันกันเป็นแถว แต่หญิงสาวที่มีโลกแห่งจิตนาการสูงหาสนใจไม่
เธอเป็นนักเขียนนะ...นักเขียน...ถ้าไม่มีนิยายเรื่องใหม่ ๆ ออกมายังจะเรียกตัวเองว่านักเขียนได้อยู่หรือ?
...ฮือ ยิ่งคิดยิ่งเศร้า
สำหรับเรื่องรายได้ พิมพิกาไม่เดือดร้อน เพราะทุกวันนี้เธอได้เงินเดือนจากการช่วยงานที่บ้านอยู่แล้ว แถมถ้าเงินไม่พอใช้ก็ยังขอแม่ได้ไม่อั้น แต่เพราะอยากทำฝันให้เป็นจริง หญิงสาวจึงยังดื้อดึงที่จะเขียนนิยายควบคู่ไปกับการช่วยงานที่บ้านต่อไป และพยายามไม่ใส่ใจกับเสียงบ่นกระปอดกระแปดของแม่กับยายที่ลอยเข้าหูให้ได้ยินไม่เว้นแต่ละวัน
บ้านของพิมพิกาคือโรงงานน้ำพริกแม่ย้อย...น้ำพริกสูตรพิเศษของยายที่มีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ แถมตอนนี้กิจการยังเติบโตถึงขั้นส่งน้ำพริกไปขายที่ต่างประเทศเป็นที่เรียบร้อย แม่และยายจึงคาดหวังให้เธอเป็นทายาทสืบทอดกิจการต่อไป
ใช่ว่าหญิงสาวไม่อยากรับช่วงโรงงานน้ำพริกต่อจากครอบครัว เพียงแต่เธออยากทำตามความฝันของตัวเองควบคู่ไปด้วยเท่านั้น
ทำไมพวกผู้ใหญ่ถึงไม่ยอมเข้าใจวัยรุ่นบ้างเลย ทั้งแม่และยายถึงได้ร่วมมือกันคัดค้านหัวชนฝานัก...และไม่ต้องเดาก็รู้ว่าถ้าพ่อยังอยู่ท่านต้องเข้าร่วมกับพรรคฝ่ายค้านทั้งสองเป็นแน่
พ่อของพิมพิกาเป็นตำรวจตระเวนชายแดน ท่านตายในหน้าที่ตั้งแต่เธออายุเจ็ดขวบ หญิงสาวจึงไม่ค่อยมีความทรงจำเกี่ยวกับท่านมากนัก แม้จะมีโอกาสเห็นหน้าพ่อเพียงในภาพถ่าย แต่หญิงสาวก็ไม่ใช่เด็กมีปัญหาอย่างที่ใคร ๆ นึกกลัว เพราะแม่และยายมอบความรักให้เธออย่างเต็มเปี่ยมเสมอมา...จะมามีปัญหาก็ตอนโตนี่ล่ะ
ถ้ายังหาทางแก้ไขต้นฉบับให้ดีกว่านี้ไม่ได้ บุพการีทั้งสองของเธอคงได้สมใจล่ะ...แต่คนอย่างพิมพิกามีหรือจะยอมแพ้ ไม่ว่าอย่างไรเธอก็ต้องหาทางแก้ปัญหานี้ให้ได้...คอยดูสิ
“น้ำพริก...ยายพริก จะเดินไปไหนน่ะ”
เสียงใสคุ้นหูที่ดังออกมาจากบ้านหลังใหญ่ทำให้พิมพิกาหยุดเดิน แล้วหันไปยิ้มแหย่ ๆ ให้เจ้าของเสียงนั้น
“กิ่งนั่นเอง ตกใจหมดเลย...เรากะจะออกมาหาขนมกินน่ะ แต่เดินมาถึงนี่ได้ไงก็ไม่รู้”
“กลุ้มใจอยู่ล่ะสิ โดนคุณแม่ดุเรื่องเขียนนิยายมาอีกหรือไง” กิ่งแก้วดักคออย่างรู้ทัน
พิมพิกากับกิ่งแก้วเป็นเพื่อนกันมาตั้งแต่เรียนชั้นอนุบาล และเรียนที่เดียวกันมาตลอดจนกระทั่งจบมหาวิทยาลัย ทั้งคู่จึงเป็นเพื่อนสนิทที่รักและรู้ใจกันเป็นอย่างดี เรียกว่าไม่ต้องอ้าปากก็เห็นลิ้นไก่กันแล้ว
กิ่งแก้วเป็นหญิงสาวรูปร่างอ้วนป้อม ทว่าน่ารักเหมือนตุ๊กตาแก้มยุ้ย ชอบสวมเสื้อผ้าสีสันสดใสแต่มันก็เข้ากับบุคลิกของผู้สวมได้เป็นอย่างดี เธอยิ้มจนตาหยี่ขณะเดินมาเปิดประตูเล็กให้พิมพิกาและเอ่ยชวนว่า
“เข้ามากินขนมในบ้านก่อนสิพริก วันนี้คุณแม่ทำคุกกี้ธัญพืชล่ะ น่าอร่อยเชียว...ความจริงกิ่งก็กำลังคิดว่าจะไปหาพริกที่บ้านอยู่พอดี แต่พริกดันเดินมาซะก่อน ใจเรานี่ตรงกันจริง ๆ เลยนะ”
หญิงสาวเรือนร่างสูงโปร่งก้าวผ่านรั้วเหล็กดัดสีทองอร่ามเข้าไปภายในบริเวณบ้านหลังใหญ่อย่างคุ้นเคยเพราะมาวิ่งเล่นที่นี่ตั้งแต่เล็กเธอจึงสนิทสนมกับครอบครัวนี้เป็นอย่างดี
บิดาของกิ่งแก้วเสียชีวิตเวลาไล่เลี่ยกับบิดาของพิมพิกา กัญญาแม่ของเพื่อนรักจึงกลายเป็นเสาหลักที่ต้องดูแลทั้งธุรกิจส่งออกอะไหล่เครื่องจักร และลูกทั้งสองคนเพียงลำพังเช่นเดียวกับแม่ของเธอ
“ว่าแต่ กิ่งจะไปหาพริกที่บ้านทำไมเหรอ?”
“ทำไม ถ้าไม่มีธุระจะไปหาเพื่อนรักไม่ได้หรือ” สาวร่างอวบแกล้งว่ากระเง้ากระงอดเหมือนเด็ก ๆ
“แหม...ได้สิจ๊ะ ทำไมจะไม่ได้ล่ะ ทำเป็นงอนไปได้ แล้ววันนี้คุณป้าอยู่หรือเปล่าพริกจะได้เข้าไปสวัสดีท่านก่อน”
“ไม่อยู่หรอก” กิ่งแก้วตอบแก้มป่อง “ช่วงนี้คุณแม่ทำงานหนักทุกวันเลย เห็นว่าจะรีบเคลียร์งานที่คั่งค้างอยู่ให้เสร็จ พอพี่วิกกลับมาจะได้ส่งมอบงานต่อได้ทันที แล้วหลังจากนั้นคุณแม่คงจะวางมือแล้วล่ะ” เธอเล่าไปเรื่อยแทบไม่หยุดหายใจ
ชื่อที่เพื่อนเอ่ยออกมาทำให้พิมพิกาหัวใจกระตุก จนเกือบทำให้เธอเดินสะดุดหน้าทิ่มพื้น
“พี่วิก...จะกลับมาแล้วเหรอ”
“แหม...ได้ยินชื่อพี่ชายเราเป็นไม่ได้เชียวนะ” กิ่งแก้วแซวเพื่อนที่กำลังหน้าแดงเหมือนลูกตำลึงสุก
“บ้าไม่ใช่อย่างนั้นซะหน่อย”
“จริงอ่ะ”
“อืม”
“แน่นะ” นิ้วป้อม ๆ โบกไปโบกมาตรงหน้าพิมพิกาอย่างล้อเลียน “ไม่อยากรู้เรื่องของพี่ชายเราแน่เหร๊อ”
“ทำไมเราต้องอยากรู้เรื่องของพี่วิกด้วยล่ะ ไม่ได้เป็นอะไรกันซะหน่อย” แม้จะทำปากแข็ง แต่ในใจกลับอยากรู้เรื่องของชายหนุ่มผู้เป็นรักแรกของตนใจจะขาดรอน ๆ
...แต่เธอไม่ยอมเผยไต๋ให้เสียฟอร์มหรอก
พิมพิกาแกล้งเดินหนีไปอีกทางเพื่อไม่ให้กิ่งแก้วเห็นหน้าแดง ๆ ของตนแล้วเอาไปล้อเลียนได้อีกเป็นคำรบสอง
นางถูกขับไล่ออกจากสกุลสามี คนพวกนั้นให้เหตุผลว่านางเป็นตัวซวยทำให้สามีสอบไม่ผ่าน หากแต่ออกมาได้สามวัน เขากลับแขวนโคมไฟสีแดง รับเกี้ยวเจ้าสาวเข้าจวน!!
เจียซินที่อยู่ในชีวิตปั่นปลายนั้น กลับต้องรู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางรักผิด เมื่อเลือกหนทางใหม่ได้ เธอก็จะเลือกหนทางที่ดีที่สุด และเขาชายที่เธอเคยละทิ้งไปก็กลายมาเป็นคู่ชีวิต ที่พร้อมจะร่ำรวยไปด้วยกัน
ชมดาวต้องทนรับสภาพสถานะเลขาของเจ้านายและสถานะบนเตียงมาตลอดห้าปี เธอคิดว่าอีกไม่นานเขาก็จะขอเธอแต่งงาน หากแต่ว่าเขากลับเห็นเธอเป็นเพียงสถานะรองเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ต้องแต่งงาน ไม่ใช่กับเธอแต่เป็นคนอื่น เธอจะเลือกจำยอมอยู่ในความลับต่อไป หรือเลือกที่จะเดินออกมาพร้อมกับเด็กในท้อง!!
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
จ้าวเหม่ยซื้อนิยายมาอ่าน พระเอกของเรื่องเป็นทรราชที่ได้รับการยกย่อง บ้าไปแล้วเป็นทรราชจะดีได้อย่างไร ปากบ่นไปสมองก็ด่าไปดันถูกเครื่องทำน้ำอุ่นช็อตตายไป ฟื้นมาอีกทีก็กลายเป็นสนมของทรราชผู้นั้น!! งานนี้เธอจะสามารถกลับออกจากนิยายได้ไหม หรือว่าต้องอุ้มให้ทรราชผู้นั้นตลอดไป ไปลุ้นกันค่ะ ****************** จบดีมีความสุขค่ะ
นิยายเรื่องนี้มีพระนาง2คู่ "อย่าหวังจะเอาความบริสุทธิ์ผุดผ่องมาจับฉัน ผู้หญิงของฉันทุกคนก็สาวบริสุทธิ์ทั้งนั้นแล้วอย่าลืมคุมกำเนิด ถ้าไม่อยากทำแท้ง! เพราะฉันไม่มีทางมีทายาทกับผู้หญิงชั้นต่ำ" VS "อะไรที่ฉันอยากได้ ฉันต้องได้ แม้แต่ตัวนายถ้าฉันต้องการ นายก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ"
ความทะเยอทะยานผลักดันให้นางปีนขึ้นสู่ตำแหน่งฮองเฮาทว่ายังมิทันจะได้เสวยสุข กลับถูกฮ่องเต้ผู้เป็นสวามีสวมข้อหากบฏวางลงบนศีรษะนาง เกิดใหม่คราวนี้นางไม่ขอเป็นฮองเฮาของฮ่องเต้สารเลวผู้นั้น ชีวิตนี้ที่ได้มาใหม่อีกครั้ง นางจะลิขิตเอง
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
ซูลี่สวยแต่ชอบเสแสร้ง โม่สิงหย่วนไม่เคยสนใจฟังคำหวานที่ซูลี่พูดล้อเล่นเลย ต่อมา ซูลี่ก็เลิกเอาใจเขา โม่สิงหย่วนคว้าเธอเข้ามากอด “ซูลี่ เอาใจฉันหน่อยสิ ฉันจะยกทุกอย่างให้หมด” โม่สิงหย่วนมักจะสุขุมรอบคอบเสมอ จนกระทั่งพบซูลี่ เขาก็หมดความควบคุม
หลินจิงซู หญิงสาวผู้ล้มเหลวทุกอย่างในชีวิตเพราะครอบครัวเฮงซวย เธอย้อนเวลาไปยังปี1990 อาศัยความรู้ในโลกอนาคตเพื่อเก็บเกี่ยวโอกาสทางธุรกิจ ก่อร่างสร้างตัวจนมั่งคั่งร่ำรวย เพื่อบดขยี้ทุกคนที่เคยรังแก!
© 2018-now MeghaBook
บนสุด
GOOGLE PLAY