/0/19493/coverbig.jpg?v=21055803784c3b5d05764b39328ca14a)
ชีวิตเธอกำลังมีความสุข แต่แล้วก็ประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในยุคโบราณ อยู่โบราณไม่ว่าถ้ามาอยู่ในร่างเด็กที่แม่ป่วย พ่อพิการ แถมตัวเองก็เป็นคนเดียวที่พอจะหาอาหารให้พวกเขาได้!!
ชีวิตเธอกำลังมีความสุข แต่แล้วก็ประสบอุบัติเหตุมาอยู่ในยุคโบราณ อยู่โบราณไม่ว่าถ้ามาอยู่ในร่างเด็กที่แม่ป่วย พ่อพิการ แถมตัวเองก็เป็นคนเดียวที่พอจะหาอาหารให้พวกเขาได้!!
ชุดกระโปรงยาวสีขาวบริสุทธิ์ฟูฟ่องดุจเจ้าหญิงสวมทับอยู่บนร่างของต้าเหนิง เธอมองภาพสะท้อนตัวเองในกระจกด้วยความรู้สุขปลาบปลื้ม วันที่เธอเฝ้าฝันมาถึงแล้ว เสียงระฆังวิวาห์วันนี้คงถูกจดจำในใจเธอไปตราบนานเท่านาน หญิงสาวหมุนตัวหน้ากระจกด้วยความอิ่มเอมใจ อยากจะจดจำตัวเองในวันนี้ไว้ เพราะเธอคงมีโอกาสใส่มันแค่ครั้งเดียว และเธอก็ปรารถนาให้มันเป็นแค่ครั้งเดียวชั่วชีวิตนี้จริงๆ
หญิงสาวนักพฤษศาสตร์วัยยี่สิบห้าปีขององค์กรเอกชนแห่งหนึ่งกำลังจะได้เริ่มต้นชีวิตครอบครัวอย่างเป็นทางการในอีกไม่กี่ชั่วโมง
"ต้าเหนิง รถพร้อมแล้วนะ" เพื่อนเจ้าสาวคนหนึ่งเดินมาเรียกเธอในห้อง วันนี้เพื่อนๆ ของเธอก็สวยพริ้มทุกคน ต้าเหนิงรู้สึกดีใจมากที่เพื่อนๆ เธอสามารถมากันได้ครบทุกคน เพราะวัยทำงานนั้นโอกาสในการรวมตัวกันกับกลุ่มเพื่อนน้อยยิ่งกว่าน้อย
"วันนี้ขอบใจพวกเธอมากนะ"
"วันสำคัญของเพื่อนทั้งทีนี่นา รีบไปขึ้นเถอะ ราชรถของเจ้าหญิงมาแล้ว" หญิงสาวคนเดิมเอ่ยแซวก่อนจะดันหลังของเธอให้ขึ้นไปนั่งบนรถที่ตกแต่งด้วยผ้ามันวาวอย่างสวยงาม ต้าเหนิงจะนั่งไปกับคนขับรถ และเพื่อนของเธอจะตามมาในภายหลัง
ปลายทางคือโบสถ์ที่ใช้ทำพิธี ซึ่งเจ้าสาวคนนี้ยิ้มกว้างไปตลอดทาง ใครเห็นก็รับรู้ได้ว่าเธอต้องมีความสุขมาแน่ๆ หญิงสาวพยายามทำใจให้สงบแม้เธอจะตื่นเต้นมากก็ตาม
เจ้าบ่าวของเธอคือคนที่คบกันมาตั้งแต่เรียนมหา’ลัยปีหนึ่ง เป็นความมั่นคงอันยาวนานที่ทำให้เธอยอมตกลงสวมแหวนจากเขา
"คุณพ่อคะ หนู...มีความสุขมาก" เธอไม่รู้จะหาคำใดมาบ่งบอกความรู้ตอนนี้ได้ชัดเจนไปกว่านี้อีกแล้ว
"ยินดีกับลูกด้วยนะ เจ้าหนุ่มนั่นเป็นคนดี แต่ถ้าเริ่มไม่ดีก็กลับมาบ้านนะ"
"โธ่ พ่อคะ ไม่เป็นไรหรอกน่า หนูเก่งมากนะ"
"พ่อรู้ลูกรัก แต่คนเราไม่ต้องเข้มแข็งตลอดเวลาก็ได้ พ่อกับแม่ยังอยู่ข้างลูกเสมอนั่นล่ะ"
ชายวัยย่างเข้ากลางคนระบายยิ้มอบอุ่นออกมา วันนี้แล้วที่ลูกจะออกไปจากอ้อมอกของพ่อแม่ สร้างครอบครัวของตัวเอง คนเป็นพ่อก็อดรู้สึกสุขปนเศร้าไม่ได้ สัญญาณไฟจราจรสั่งให้หยุด อีกไม่ไกลก็ถึงสถานที่จัดงานแล้ว ต้าเหนิงใช้ช่วงเวลานี้พยายามเรียกสติตัวเองกลับมา ทว่ากลับสัมผัสได้ถึงหัวใจที่เต้นกระหน่ำอยู่ในอกตัวเองอย่างชัดเจน
"ฮู่~"
"ตื่นเต้นเหรอลูก"
"ค่ะ"
"ไม่เป็นไร มันจะผ่านไปด้วยดี วันที่แต่งงานกับแม่ พ่อก็ตื่นเต้นมากเหมือนกัน"
หลังจากผู้เป็นพ่อพูดจบ สัญญาณไฟก็เปลี่ยนสี รถยนต์ประดับผ้าเคลื่อนตัวไปช้าๆ ทว่าหางตาหญิงสาวในชุดขาวก็สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างเข้าเสียก่อน
"คุณพ่อคะ!" เธอร้องลั่นด้วยความตกใจเมื่อรถซุปเปอร์คาร์จากฝั่งตรงข้ามเสียหลักพุ่งเข้ามาขณะที่เธอกับพ่ออยู่ตรงกลางแยก
พาหนะเหล็กกระแทกกันเสียงดังสนั่น ยังไม่ทันรับรู้เหตุการณ์ต่อจากนั้นเธอก็รู้สึกได้ถึงความเจ็บแปลบที่แล่นขึ้นมาของตัวเองก่อนแล้ว ร่างของต้าเหนิงลอยเคว้งอยู่ในอากาศ สะบัดตามแรงเหวี่ยงของรถที่กระแทกมาจนไถลร่วงลงพื้น
หูของเธออื้ออึงไปชั่วขณะ ไม่อาจขยับร่างกายได้ดั่งใจ ทิวทัศน์เดียวในคลองสายตาเวลานั้นคือรถยนต์สีขาวที่เธอกับพ่อนั่งมายับเยินจากอุบัติเหตุ เสียงโวยวายของผู้คนโดยรอบที่ฟังไม่ได้ศัพท์ ร่างกายเจ็บจนชาไปถึงอวัยวะภายใน ชุดเจ้าสาวถูกย้อมเป็นสีแดง แล้วสติของเธอก็ค่อยๆ เลือนหายไป
บางทีนั่นอาจเป็นแค่ฝันร้าย หรือไม่เธอก็กำลังฝันซ้อนฝัน ความอึดอัดที่แสนคุ้นเคยนี้เหมือนเคยเกิดขึ้นมาก่อนในวัยเด็ก ร่างทั้งร่างเย็นเฉียบจากสิ่งเร้าภายนอก สัมผัสแรกของฝ่ามือคือดินโคลนเหลวๆ ของก้นแม่น้ำ เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆ เปิดขึ้นตามสติการรับรู้ที่ค่อยๆ กลับมา ความอึดอัดจนทรมาณเสียดอกทำให้ดวงตาคู่นั้นเบิกโพลงขึ้นทันที เด็กหญิงผู้หนึ่งตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำสุดแรง รอบข้างมืดมิดจนน่าขนลุก เห็นแต่เพียงแสงสะท้อนของพระจันทร์ที่ทอดผ่านลงมานำทาง
อากาศหลุดลอยออกจากปากจนไปหมดจนไม่มีอะไรให้ออกมาแล้ว ทำให้นางต้องกัดฟันใช้แรงเฮือกสุดท้ายพาตัวเองขึ้นไป มือเล็กบางของมนุษย์วัยต้นอ่อนไขว่คว้าอากาศและผืนน้ำพาตัวเองขึ้นมาสูดอากาศจนเต็มปอดได้สำเร็จ
นางพาตัวเองว่ายเข้าหาฝั่ง ทันทีที่พาตัวเองขึ้นไปได้ก็สำลักน้ำออกมาหลายคำ ไอจนเจ็บอกเจ็บคอก่อนจะทิ้งตัวนอนแผ่อยู่แบบนั้น เด็กหญิงหายใจหอบเหมือนใช้เรี่ยวแรงส่วนของวันนี้ทั้งวันนี้หมดไปแล้วกับการเอาชีวิตรอด หลังจากสติได้เล็กน้อยก็พึ่งได้มีเวลาสังเกตตัวเอง
"นี่มัน...อะไร"
มองมือตัวเองที่เล็กจิ๋วไม่ต่างจากมือเด็ก ทั้งยอมผอมแห้งติดกระดูกเหมือนไม่เคยได้กินอะไรดีๆ ตั้งแต่เกิด ปากเล็กๆ อ้ากว้างด้วยความตื่นตะลึง ต้าเหนิงพุ่งไปที่ริมน้ำอีกครั้ง แล้วหญิงสาวก็ได้เห็นภาพสะท้อนเต็มตา บุคคลตรงหน้านี้ต้าเหนิงไม่รู้จักอย่างแน่นอน
ทำไมฉันถึงกลายเป็นเด็กไปได้!?
ผู้อยู่ในร่างเด็กน้อยเริ่มสติหลุดอีกหน ใจเย็นแทบไม่อยู่ แต่ก็ระลึกได้ว่ายิ่งเสียสติจะยิ่งแย่ เธอต้องใจเย็นๆ ก่อน มือน้อยๆ ตบแก้มตัวเองเบาๆ เรียกสติ ต้าเหนิงนั่งอยู่อย่างนั้นครู่หนึ่งเพื่อปรับลมหายใจให้เข้าที่ คิดย้อนไปถึงเหตการณ์ที่เกิดขึ้นอีกครั้ง
ในห้วงคะนึงหนึ่งสักแห่งหนหนึ่งที่เธอไม่รู้จัก หญิงสาวในชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์เหมือนไม่เคยมีเลือดเปรอะเปื้อนมาก่อนยืนอยู่ต่อหน้าบุรุษผมยาว เขาสวมชุดฮั่นฝูดูสง่างาม ใบหน้าเข้ารูปไร้ที่ติเหมือนพระเจ้าตั้งใจแกะสลักอย่างบรรจง
ชายคนนั้นโบกมือพัดในมือด้วยท่าทีเอื่อยเฉื่อย เดินวนรอบนางเหมือนสำรวจวัตถุแปลกตา
"แม่นางน้อยผู้นี้ เจ้าช่างประหลาด อยู่ต่อหน้าข้ากลับไม่มีท่าทีตกใจเลยนะ"
"จริงๆ แล้วฉันตกใจมากค่ะ แค่สติไม่มากพอจะตกใจไปกว่านี้แล้ว" เธอตอบตามจริง เพราะตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าสติเธอกลับมาหรือยัง ตอนนี้เธอพูดอยู่ใช่หรือเปล่า ที่นี่ที่ไหน หลายคำถามสาดซัดใส่ในหัวจนเหมือนระบบประมวลผลขัดข้องอย่างไรอย่างนั้น
บุรุษผู้นั้นหัวเราะเบาๆ ไม่รู้ว่าชอบใจหรือตลกสิ่งที่เธอพูดอยู่จริงๆ กันแน่ มองดูดีๆ แล้วตัวเขาคล้ายว่าเรืองแสงอยู่ตลอดเวลา และเวลาที่เปิดปากเอื้อนเอ่ยสักคำรัศมีรอบกายนั้นก็ยิ่งสว่างขึ้นวาบขึ้นไปอีก
ผู้ชายคนนี้เป็นสิ่งที่นอกเหนือจากมนุษย์ไปแล้วอย่างไม่ต้องสงสัย หรือถ้าเป็นมนุษย์ ก็ไม่ใช่คนธรรมดาแบบเธอแน่ๆ
"คุณมารับวิญญาณฉันหรือคะ?"
ต้าเหนิงคิดความเป็นไปได้อื่นไม่ออกจริงๆ ในเมื่อเธอตายแล้วก็ควรต้องข้ามทางหวงเฉวียนใช่หรือเปล่า
เขาไม่ได้ตอบคำถามเธอในทันที แต่ยื่นน้ำแกงถ้วยหนึ่งมาให้
"นี่คือ?"
"ไม่ใช่ของอันตรายอะไรหรอก เจ้าไม่มีพันธะผูกพันกับที่นั่นแล้ว จึงต้องไปที่อื่นก็เท่านั้น"
เขากล่าวด้วยท่าทีสบายๆ แต่หญิงสาวขมวดคิ้วขึ้นมาทันทีที่ฟังจบ เธอรับถ้วยใบนั้นมาถือไว้ด้วยมือสั่นเทา อยู่ๆ ดวงตาก็ร้อนผ่าวขึ้น
"หมายความว่ายังงที่ว่าไม่มีพันธะผูกพันแล้ว ฉันพึ่งตกลงแต่งงานกับคนรัก ยังไม่ทันได้แต่งก็เป็นแบบนี้ ท่านคิดว่าฉันจะยอมรับได้หรือ" เธอร้องออกมาพร้อมหยาดน้ำตาพรั่งพรู ที่ยืนอยู่ตรงนี้ก็ยังทำใจไม่ได้ด้วยซ้ำ ยังยืนอยู่ได้ก็ปาฏิหาริย์แล้ว แล้วพ่อของเธออีกล่ะ ไม่รู้เขาจะเป็นอย่างไร ปลอดภัยไหม
ทำไมเธอจะไม่มีพันธะ ทำไมเธอจะไม่ผูกพันกับใคร ชีวิตยี่สิบห้าปีมันว่างเปล่าขนาดพูดคำนั้นออกมาได้เชียวหรือ นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้นอยู่กันแน่
ชีวิตมนุษย์มันแค่นี้อย่างนั้นหรือ ไม่เข้าใจเลยสักนิด และไม่อยากเข้าใจด้วย ต้าเหนิงไม่แน่ใจว่าตัวเองโกรธหรือเศร้าอยู่กันแน่ อาจจะเป็นทั้งสองอารมณ์ปะปนกันอยู่ตอนนี้ แต่เธอรู้แน่ชัดว่าตัวเองกำลังไม่พอใจ
"มีภพมีจาก โชคชะตาวนเวียน เช่นนี้คือมนุษย์ ความตายไม่อาจเรียกคืนได้ แม้แต่เดรัจฉานยังรู้เรื่องนี้ แม่นางน้อยปล่อยวางเถิด"
“ผู้หญิงคนนี้เป็นของมาร์โก ใครก็ห้ามมายุ่งอีกเด็ดขาด” เขาประกาศให้รับรู้ทั่วกัน แต่ถามว่าผู้หญิงของเขาตอนนี้มีสีหน้ายังไง ถามได้! เธอยังช็อกไม่หายปล่อยให้เขาจับจูงเข้าไปในห้องจนเหตุการณ์สงบแล้วเธอก็ยังไม่รู้ตัวเหมือนเดิม! พระเจ้านี่มันเรื่องบ้าอะไร! เธอกลายเป็นผู้หญิงของมาเฟียได้ยังไง เรื่องชักจะวุ่นวายเกินไปแล้ว เธอตามไม่ทันจริง... ตั้งสติไว้ยัยแอน เธอต้องตั้งสติ ตั้งสติบ้าอะไร เขาก็ประกาศอยู่ว่าเธอเป็นของเขา ไม่ ๆ ไม่ใช่ พวกเราแค่นอนด้วยกันคืนเดียว ยังไงก็แค่เรื่องเข้าใจผิด ยังไงเขาก็คงคิดจะขู่เล่น ๆ โธ่เอ้ยยัยโง่ เขาประกาศขนาดนั้น ลองไปสิเธอได้ถูกผูกติดกับเตียงแน่ ชาตินี้อย่าหวังจะไปไหนได้เลย เธอลืมไปแล้วหรือไงว่าคนนั้นคือมาเฟียมาร์โก มาเฟียที่มีอิทธิพลสุดในเมืองนี้! เธอจะบ้าตายเพราะเถียงกับตัวเองนี่แหละ แถมยังต้องมานั่งเสียใจที่มาเจอคนที่น่ากลัวที่สุดในเมือง พระเจ้าแกล้งเธอเกินไปแล้ว แบบนี้เธอจะทำยังไงดี!!
เจียซินที่อยู่ในชีวิตปั่นปลายนั้น กลับต้องรู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางรักผิด เมื่อเลือกหนทางใหม่ได้ เธอก็จะเลือกหนทางที่ดีที่สุด และเขาชายที่เธอเคยละทิ้งไปก็กลายมาเป็นคู่ชีวิต ที่พร้อมจะร่ำรวยไปด้วยกัน
ชมดาวต้องทนรับสภาพสถานะเลขาของเจ้านายและสถานะบนเตียงมาตลอดห้าปี เธอคิดว่าอีกไม่นานเขาก็จะขอเธอแต่งงาน หากแต่ว่าเขากลับเห็นเธอเป็นเพียงสถานะรองเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ต้องแต่งงาน ไม่ใช่กับเธอแต่เป็นคนอื่น เธอจะเลือกจำยอมอยู่ในความลับต่อไป หรือเลือกที่จะเดินออกมาพร้อมกับเด็กในท้อง!!
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
จ้าวเหม่ยซื้อนิยายมาอ่าน พระเอกของเรื่องเป็นทรราชที่ได้รับการยกย่อง บ้าไปแล้วเป็นทรราชจะดีได้อย่างไร ปากบ่นไปสมองก็ด่าไปดันถูกเครื่องทำน้ำอุ่นช็อตตายไป ฟื้นมาอีกทีก็กลายเป็นสนมของทรราชผู้นั้น!! งานนี้เธอจะสามารถกลับออกจากนิยายได้ไหม หรือว่าต้องอุ้มให้ทรราชผู้นั้นตลอดไป ไปลุ้นกันค่ะ ****************** จบดีมีความสุขค่ะ
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หลังจากที่แต่งงานเข้ามาในตระกูลมู่ หลินซีได้ทำหน้าที่เป็นคุณนายมู่ที่ยอมอดทนกับทุกอย่างโดยไม่ปริปากเป็นเวลาสามปี เธอรักมู่จิ่วเซียว จึงยอมอดทนดูแลเขาอย่างเต็มใจ แม้ว่าเขาจะมีคนอื่นอยู่ข้างนอกก็ตามแต่เขากลับไม่เคยเห็นค่าของเธอ เหยียบย่ำความรักของเธอให้แหลกสลาย และถึงขั้นปล่อยให้น้องสาวของเขามอมเหล้าเธอแล้วส่งไปยังเตียงของลูกค้า หลินซีนั้นถึงเพิ่งจะตาสว่างเมื่อรู้ว่าความรักที่มีมานานนั้นช่างน่าขันและน่าเศร้าในใจของเขา เธอไม่ต่างอะไรกับผู้หญิงคนอื่นๆ ที่เข้ามาเกาะเขา เธอจึงทิ้งข้อตกลงการหย่าไว้แล้วจากไปโดยไม่ลังเล มู่จิ่วเซียวมองดูเธอประสบความสำเร็จ กลายเป็นดวงดาวที่ส่องแสงในสายตาของผู้คนเมื่อได้เจอกันอีกครั้ง เธอเต็มไปด้วยความมั่นใจและสงบเสงี่ยม โดยมีผู้ชายที่มีฐานะสูงส่งอยู่เคียงข้าง มู่จิ่วเซียวมองดูใบหน้าของคู่แข่งหัวใจที่ดูคล้ายกับของเขามาก จากนั้นเขาก็ตระหนักได้ว่าในสายตาเธอ เขาเป็นเพียงตัวแทนของคนอื่นในมุมแห่งหนึ่ง เขาขวางทางเธอไว้ “หลินซี คุณเล่นตลกกับผมใช่ไหม”
เพราะความใจดีทำให้เธอตกอยู่ในอันตราย หลังจากที่ยื่นมือเข้าไปช่วยนายน้อยแห่งตระกูลยากูซ่า
หลินตงหยาง อายุ 27 ปี เติบโตมากับแม่เพียงสองคน ในวัยเด็กหลินตงหยางเคยมีพ่อผู้ให้กำเนิดแต่หลังจากที่พ่อได้งานใหม่ในเมืองหลวงพ่อที่เคยมีก็ไม่มีอีกแล้ว พ่อกลับมาหย่าขาดกับแม่ทันทีที่ไปทำงานในเมืองหลวงได้เพียง 2 เดือน ด้วยให้เหตุผลในการหย่าว่า แม่กับและเขาคือตัวถ่วงความเจริญในชีวิตพ่อ สาเหตุก็ไม่มีอะไรมากแค่พ่อหน้าตาหล่อเหลาและเป็นที่ถูกใจของลูกสาวหัวหน้างาน เพื่อตำแหน่งงานและความเป็นอยู่ที่สบายขึ้น พ่อเลือกที่จะทิ้งภรรยาคู่ทุกข์คู่ยากที่ผ่านเรื่องยากลำบากมาด้วยกัน หย่าขาดกับภรรยาเพื่อไปแต่งงานใหม่ มีชีวิตใหม่ในเมืองหลวง โดยทิ้งคนข้างหลัง ทิ้งภรรยาที่เคยสาบานว่าจะอยู่ครองคู่กันตลอดไป ในปีที่เขาเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่ก็ล้มป่วยและจากเขาไปในที่สุด สาเหตุที่หลินตงหยางเสียชีวิต เพราะทำงานหนัก อาชีพโปรแกรมเมอร์ตัวเล็กๆ อย่างเขา ต้องพยายามทำงานให้ได้ตามที่หัวหน้าสั่งมา ในที่สุดเขาก็พัฒนาเกมกำลังภายในของบริษัทได้สำเร็จ หลินตงหยางนอนหลับไปด้วยความสบายใจ แต่ทว่าพอเขาลืมตาตื่นขึ้นมาอีกที นี่ไม่ใช่คอนโดหรูย่านใจกลางเมืองปักกิ่ง หลังคามุงหญ้านี่คืออะไร มันควรจะเป็นเพดานสีขาวสิ เมื่อมองไปรอบๆ ห้องนี่คืออะไร นี่มันไม่ใช่ผนังที่ทำมาจากคอนกรีต มันคือดินเหนียว หลินตงหยางคิดว่าตัวเองฝันไป เขาหลับตาลงอีกครั้งแล้วลืมตาขึ้น ทุกอย่างยังเหมือนเดิม มารดามันเถอะ เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง หลังจากแน่ใจแล้วว่าไมไ่ด้ฝัน ตอนนั้นเองเขารู้สึกปวดหัวขึ้นมาอย่างรุนแรง และในหัวของเขามีภาพเหตุการณ์ของเด็กชายที่ชื่อเดียวกับเขา หลินตงหยาง อายุ 10 ขวบ เรื่องราวชีวิตตั้งแต่เกิดจนตายไปของเด็กชาย ทำเอาหลินตงหยางกำมือแน่น ก่อนจะสบถออกมา “พ่อสารเลว เฉินซื่อเหม่ยชัดๆ” และตามมาด้วยเสียงร้องไห้ของน้องสาว สาเหตุที่เด็กชายหลินตงหยางเสียชีวิต เพราะถูกผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นย่าแย่งผักป่าและทุบตี ทั้งๆ ที่คนพวกนั้นได้ตัดขาดพับพวกเขาสามแม่ลูกแล้ว แต่ยังมิวายข่มเหงรังแก
เมื่อยมทูตหน้าใหม่ดึงวิญญาณมาผิดดวง เพื่อรักษาไว้ซึ่งสมดุลของโลกวิญญาณ หลินลู่ฉีผู้มีปราณมงคลในยุคปัจจุบัน จึงถูกส่งไปยังต่างโลก สวมร่างเด็กน้อยวัยสามขวบ ที่เพิ่งถูกงูกัดตายด้านหลังอารามเต๋า เจ้าอาวาสไม่อาจยอมรับวิญญาณสวมร่างได้ แต่เมื่อขับไล่วิญญาณร้ายออกจากร่างกายไม่ได้ จึงจำเป็นต้องขับไล่คน ออกจากอารามแทน ++++ "อนิจจาวาสนาเด็กน้อยได้ดับสิ้นลงแล้ว จี้คงเตรียมพิธีสวดส่งวิญญาณให้นางเถอะ" นักพรตเฒ่าสั่งการลูกศิษย์ตัวน้อย หันหลังหมายจะเดินกลับไปยังที่พักของตน "ขอรับท่านอาจารย์" จี้คงขานรับคำสั่ง หันไปเตรียมสิ่งของสำหรับทำพิธีสวดส่งวิญญาณผู้ตาย ทว่าผ่านไปเพียงอึดใจเดียว "อ๊ากกก ! มีผี !" เสียงกรีดร้องดังลั่น ร่างเล็ก ๆ ของเขาวิ่งไปหลบอยู่ด้านหลังผู้เป็นอาจารย์ "จี้คงมีอะไร" "นะนางลืมตาขอรับท่านอาจารย์" เด็กน้อยชี้นิ้วสั่น ๆ ไปที่ศพบนพื้น "ว่าอย่างไรนะ" นักพรตเฒ่ารีบตรงไปคุกเข่าอยู่ด้านข้างศพ เห็นเปลือกตาของนางขยับไปมา ก่อนจะปรือลืมขึ้นอย่างลำบากยากเย็น "นี่มัน...เป็นไปไม่ได้" รีบคว้าข้อมือของเด็กน้อยมาจับชีพจรดู ดวงตาของนักพรตเฒ่ามืดมนลงในทันที แตะนิ้วทำนายชะตา นี่มันคือการสลับร่างเปลี่ยนวิญญาณ ดึงตัวลูกศิษย์ถอยหลังไปสามก้าว "ผีร้ายตนไหนกล้ามาสวมร่างคนตาย จงออกไปเสีย !" ผีร้ายที่ว่ากำลังมึนงงกับเหตุการณ์ตรงหน้า จำได้ว่าเธอกำลังขับรถกลับบ้าน ใช่แล้ว เกิดอุบัติเหตุขึ้น มีรถบรรทุกเสียหลัก พุ่งมาชนรถของเธอ จากนั้นทุกอย่างก็ดับวูบไป ท่าทางเหม่อลอยไร้สติของนางทำนักพรตเฒ่าหวาดระแวงในทันที เตรียมหยิบยันต์ป้องกันภูตผีออกมา ขณะที่เด็กน้อยยกฝ่ามือของตัวเองขึ้นเพ่งมองอย่างประหลาดใจ ดวงตาคู่กลมน้อยกลอกกลิ้งไปมาอย่างสับสน นิ้วมือสั้น ๆ นี่มันอะไร ขยับปลายเท้าเข้าหากัน ขาก็สั้น พลิกฝ่ามือตัวเองไปมา สีหน้าคล้ายคนอยากร้องไห้ นี่มันโลกถล่มใส่หัวของเธอหรืออย่างไรกัน เปรี๊ยะ ! ยันต์ขับไล่ภูตผีถูกปาใส่นางสุดแรง ก่อนที่มันจะปลิวร่อนลงไปกองอยู่บนพื้น ยันต์ไม่เกิดการเผาไหม้ ผีร้ายยังคงอยู่ในร่างกายของเด็กน้อย "เจ้า ๆ ๆ ออกไปจากร่างของนางเดี๋ยวนี้ !" นักพรตเฒ่าชี้นิ้วพร้อมดึงยันต์สายฟ้าฟาดออกมาอีกแผ่น นี่นับเป็นยันต์ที่ทรงพลังที่สุดของเขาแล้ว รีบปาใส่เด็กน้อยสุดแรง เปรี๊ยะ ! ทว่าไร้ผลอยู่ดี... ตาเฒ่านี่เล่นตลกอะไรกัน... [นิยาย3เล่มจบ 252ตอน]
© 2018-now MeghaBook
บนสุด