ชาดสีเหลือดเป็นนิยายแล้วย้อนเวลาและกลับมาแก้แค้นคนที่รัก ซึ่งในเนื้อเรื่องนี้เป็นสามีที่ผูกปิ่นกราบไหว้ฟ้าดินกันเอาไว้ หากแต่การแก้แค้นก็ล้วนอยู่บนเหตุผล ซึ่งทำให้หลินเหมยได้พบกับความสุขหรือว่าความทุกข์ตลอดไป โปรดติดตามได้ในเล่มค่ะ
ชาดสีเหลือดเป็นนิยายแล้วย้อนเวลาและกลับมาแก้แค้นคนที่รัก ซึ่งในเนื้อเรื่องนี้เป็นสามีที่ผูกปิ่นกราบไหว้ฟ้าดินกันเอาไว้ หากแต่การแก้แค้นก็ล้วนอยู่บนเหตุผล ซึ่งทำให้หลินเหมยได้พบกับความสุขหรือว่าความทุกข์ตลอดไป โปรดติดตามได้ในเล่มค่ะ
สายฝนที่เทลงมาอย่างหนักตกลงบนเรือนร่างเปลือยเปล่าที่เต็มไปด้วยรอยแผลและเลือด ชะล้างเลือดลงสู่พื้นดิน แต่เจ้าของร่างกลับนอนรวยรินใกล้ตาย ไม่อาจจะขยับตัวไปไหนได้ ยังคงได้ยินเสียงหัวเราะของพวกมันที่ดังใกล้หู
“หยุดทำไม!!” เสียงทรงอำนาจของรัชทายาทฟงหวินแห่งแคว้นเจี่ยกล่าววาจาขุ่นเคือง เพราะเหล่าทหารต่างเริ่มเบามือเมื่อฝนเทลงหนัก
เหล่าทหารที่เปลือยเปล่าท่อนล่าง ต่างขาดอาหารมาแรมเดือน บัดนี้มีเหยื่อสาวมากองให้เชยชมอยู่ตรงหน้า ต่อให้ฟ้าผ่าหรือแผ่นดินสะเทือนก็ไม่อาจทำให้พวกเขาหยุดมือได้
ร่างระหงบอบบาง ผิวขาวนวลถูกน้ำโคลนเปอะเปื้อนจนมองไม่เห็นผิวขาวอีกแล้ว สตรีนางนี้มีนามว่าเหอหลินเหมย เป็นชายาเอกของมู่หยางจวิ้นอ๋อง โอรสของฮ่องเต้เฟยเทียนแห่งแคว้นโจว ของเล่นบรรณาการที่จวิ้นอ๋องมอบให้เขาเมื่อสองวันก่อน
เป็นสาวงามที่ต้องตาต้องใจเขาเหลือเกิน มุมปากปีศาจนั้นขยับยกขึ้นอย่างพอใจเมื่อเห็นบรรดาทหารต่างเข้าไปรุมกินทั้งตัว ด้านบนป้อนอาหาร ด้านล่างใส่อาหารให้ไม่ได้ขาด เลือดในกายนางไหลออกมาผสมกับเนื้อโคลนจนมองไม่ออกว่าเป็นเลือดหรือเป็นน้ำอะไร
ความโหดเหี้ยมของรัชทายาทฟงหวินไม่ได้มีเพียงแค่ได้เห็นภาพสนุก แต่ความโหดร้ายของเขาไม่จบสิ้น หลังจากทรมานนางจนหายใจรวยรินเกือบตาย เขาก็สั่งให้ทหารล้างตัวนาง แล้วจับลงอ่างน้ำไว้ในกระท่อม
ผู้เป็นนายกองธงแห่งแคว้นเจี่ยนั้นย่างก้าวไปยังอ่างไม้อย่างเลือดเย็น เขาหันมองถังใบเล็กก็ยกขึ้น แล้วเทเกลือลงไปในน้ำ ได้ผล ร่างที่เกือบไร้วิญญาณเริ่มขยับตัว แต่ไม่อาจมีเสียงออกมา เปลือกตาหงส์ขยับเปิดออก ปากแห้งมีรอยเลือดเปรอะเอ่ยด้วยเสียงสั่น แต่ก็ไม่อาจส่งเสียงได้
“เจ้าช่างอดทนเหลือเกิน คิดหรือว่าจวิ้นอ๋องขี้ขลาดผู้นั้นจะมาช่วยเจ้า”
คนได้ยินสั่นสะท้าน หัวใจนางเหมือนคนตายไปแล้ว แต่ความรักที่มีต่อพระสวามีก็ยังไม่จางหาย ยังคงหวังว่าจวิ้นอ๋องจะมาช่วยนาง หากด้วยลมหายใจรวยรินนั้น ก็ไม่รู้ว่านางจะมีชีวิตต่ออีกนานเท่าไร
รัชทายาทฟงหวินมองดวงตาที่ลืมขึ้น แม้จะเปิดไม่หมด แต่ก็พบว่าอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความโกรธแค้น สายตานั้นไม่แม้แต่จะยอมศิโรราบ นั่นจึงนำมาซึ่งความโมโหให้คนมีอำนาจมากกว่า จึงยกมือขึ้นบีบคางนาง
“เจ้ายังไม่สาแก่ใจ ยังคิดจะมีชีวิตต่อเพื่อไปเป็นชายาผู้ทรงเกียรติอย่างนั้นรึ สภาพเจ้าเช่นนี้กลัวแต่จวิ้นอ๋องผู้นั้นจะยกดาบขึ้นฆ่าให้ตายเสียมากกว่า”
“ท่านอ๋องจะไม่ทำเช่นนั้น” เสียงอันอ่อนแรงนั้นพยายามเค้นออกมาทั้งที่แทบอ้าปากไม่ออก นำพาความโกรธให้รัชทายาทฟงหวินยิ่งกว่าเดิม จึงเปลี่ยนมือจากจับคาง มาจับคอด้านหลังแล้วกดหัวลงไปในอ่างน้ำ น้ำเกลือนั้นผสมกับเลือดทำให้นางปวดแสบไปทั่วร่าง หลินเหมยสำลักน้ำเกลือเข้าปาก หายใจรวยรินเหมือนคนใกล้ตาย แต่สมองนางกลับได้ยินเพียงประโยคแสนหวาน
‘เจ้าแค่ขึ้นรถม้าไป หลังจากนั้นเชื่อใจข้า ข้าจะพาเจ้ากลับมาให้จงได้’
แล้วเหตุใดนางถึงถูกจับตัวอย่างง่ายดายเล่า หัวใจนางปวดร้าวคิดเพียงแต่ห่วงใยพระสวามีว่าตอนนี้เป็นเช่นไร ไม่ได้ห่วงเลยว่าตัวเองจะตายในอีกไม่ช้า
รัชทายาทฟงหวินมองร่างที่เริ่มอ่อนแรงลง พอคิดว่าอีกฝ่ายกำลังจะตายก็คิดว่าคงหมดสนุก จึงจับคอนางขึ้นมา ใบหน้านั้นซีดเผือดไร้เลือดเหมือนคนตายจริงๆ
เพียะ!! มือหนาตบลงไปทันที เลือดในปากของหลินเหมยก็กระอักออกมาพร้อมกับเสียงไอ มุมปากคนกระทำพอใจเมื่อเห็นว่าพระชายาเอกของจวิ้นอ๋องยังไม่ตาย
“ลากนางขึ้นมาจากอ่างแล้วรักษาแผล ยังไงก็ให้ตายภายในสามวันไม่ได้” เหยื่อตายแล้วจะสนุกอะไร ยังไงเขาจะขุดหลุมล่อให้จวิ้นอ๋องเดินเข้ามาเอง แบบนั้นต่างหากถึงจะสนุกที่สุด
เหล่านางกำนัลที่ได้ยินก็รีบพาเรือนร่างที่เต็มไปด้วยบาดแผลออกจากอ่าง ในใจพวกนั้นต่างอกสั่นขวัญหาย สงสารพระชายาผู้นี้ก็สงสาร แต่พวกนางสงสารตัวเองมากกว่า ว่าจะโดนแบบนางหรือไม่ ดังนั้นพวกนางจึงพยายามรักษาพระชายาอย่างดี
หลินเหมยลืมตาขึ้นมองนางกำนัลที่กำลังทำแผล
“พระชายามิต้องกลัวเพคะ หม่อมฉันเพียงแค่ช่วยทำแผล”
น้ำเสียงนั้นดูเป็นมิตร สายตาหลินเหมยมองสำรวจหญิงสาว ใบหน้านั้นงดงามล่มเมือง กิริยามารยาทก็เหมือนได้รับการอบรมมาเป็นอย่างดี ไม่รู้ว่านางมองอีกฝ่ายมากเกินไปหรือเปล่า หญิงสาวจึงหันมายิ้มแล้วเล่าให้ฟัง
“ข้าชื่อซูเม่ย เป็นหญิงหอคณิกาที่ไทจื่อ[ องค์รัชทายาท]พามาชุบเลี้ยง”
“นางเป็นหญิงเดียวที่ไทจื่อเลี้ยงดูอย่างดี” เสียงหญิงสาวอีกคนเอ่ยขึ้น หลินเหมยมองแล้วก็คิดว่าอีกฝ่ายคงเป็นสาวใช้ที่คอยดูแลแม่นางซูเม่ย
“จะกล่าวเช่นนั้นก็มิได้ ต้องเรียกว่าข้ายังโชคดี แต่ถ้าวันใดพระองค์เกิดเบื่อหน่ายข้าขึ้นมา เกรงว่าเมื่อนั้นก็คงมีสภาพไม่ต่างจากเจ้าเท่าใดนัก” นางเอ่ยไปก็พยายามทำใจไปด้วย แม้ว่าองค์รัชทายาทจะเมตตานางกว่าคนอื่น ก็ใช่ว่าจะไม่ฆ่านางในวันพรุ่งนี้
“ท่านก็อดทนหน่อย อีกไม่นานพระสวามีของท่านก็จะมาช่วยท่านแล้ว”
ในใจของหลินเหมยก็คิดเช่นนั้น แต่สภาพนางตอนนี้ต่อให้กลับไปก็คงถูกหย่าในเร็ววัน หรือแม้จะกลับไปได้ นางก็ไม่กล้าที่จะยืนเคียงข้างเขาอีก สายตานางมองไปโดยรอบ ไม่ได้มองหาทางออก แต่มองหาอาวุธที่จะทำให้นางตาย เพื่อให้พระสวามีของนางไม่ต้องเสี่ยงชีวิตมาช่วยนาง
“นางฟื้นแล้วใช่ไหม” เสียงทรงอำนาจทำให้คนที่กำลังทำแผลมือสั่นตกใจ ซูเม่ยรีบขยับหันมองแล้วถอยออกมา สายตานั้นเป็นห่วงพระชายาที่นอนนิ่งไม่ขยับเช่นกัน
“ออกไป”
ซูเม่ยจะไม่ตกใจเลยสักนิด ถ้าไม่เห็นว่าในมือขององค์รัชทายาทนั้นมีสิ่งใดอยู่ เชือกหนังสีดำในมือนั้นแทบจะทำให้นางก้าวขาไม่ออก
ดวงตาทรงอำนาจหันมามองซูเม่ย “หรือเจ้าอยากจะโดนมันด้วย”
แน่นอนว่าเมื่อได้ยินเช่นนั้นซูเม่ยก็รีบขยับออกไปทันที ในใจนั้นได้แต่ขอโทษอีกฝ่ายที่ไม่สามารถช่วยอะไรได้
ทันทีที่ก้าวออกจากกระโจม นางก็ได้ยินเสียงกรีดร้องดังขึ้น พร้อมกับเงาขององค์รัชทายาทที่กำลังใช้เชือกหนังในมือฟาดลงไปยังร่างที่ทำแผลก่อนหน้า เสียงร้องเจ็บปวดนั้นยิ่งดังมากเท่าไรก็ยิ่งทำให้เสียงหัวเราะขององค์รัชทายาทฟงหวินดังขึ้นไปอีก
เสียงทรงอำนาจดังขึ้น “เจ้าน่าสนุกกว่าหมูพวกนั้นเสียอีก!!”
เจียซินที่อยู่ในชีวิตปั่นปลายนั้น กลับต้องรู้สึกเสียใจที่เลือกเส้นทางรักผิด เมื่อเลือกหนทางใหม่ได้ เธอก็จะเลือกหนทางที่ดีที่สุด และเขาชายที่เธอเคยละทิ้งไปก็กลายมาเป็นคู่ชีวิต ที่พร้อมจะร่ำรวยไปด้วยกัน
ชมดาวต้องทนรับสภาพสถานะเลขาของเจ้านายและสถานะบนเตียงมาตลอดห้าปี เธอคิดว่าอีกไม่นานเขาก็จะขอเธอแต่งงาน หากแต่ว่าเขากลับเห็นเธอเป็นเพียงสถานะรองเท่านั้น จนกระทั่งวันหนึ่งเขาก็ต้องแต่งงาน ไม่ใช่กับเธอแต่เป็นคนอื่น เธอจะเลือกจำยอมอยู่ในความลับต่อไป หรือเลือกที่จะเดินออกมาพร้อมกับเด็กในท้อง!!
ลู่เจียหง นักวิทยาศาสตร์ชื่อดังในยุคปัจจุบัน จับผลัดจับพลูลงลิฟต์ก็โผล่ไปยังยุคโบราณ แถมยังอยู่ในชุดเจ้าสาวอีก ถ้าประหลาดแค่นั้นไม่พอคงไม่เป็นไร ถ้าไม่พบว่าตัวเองกำลังถูกตามล่าจากว่าทีสามีที่ยังไม่ทันเข้าหอ งานนี้นางถือคติไม่ยุ่งเกี่ยวต่างคนต่างอยู่ แต่ท่านอ๋องผู้นั้นก็เอาแต่วนเวียนอยู่ข้างตัวนางไม่หยุด แบบนี้นางจะหย่าสำเร็จได้ตอนไหนกัน!!
จ้าวเหม่ยซื้อนิยายมาอ่าน พระเอกของเรื่องเป็นทรราชที่ได้รับการยกย่อง บ้าไปแล้วเป็นทรราชจะดีได้อย่างไร ปากบ่นไปสมองก็ด่าไปดันถูกเครื่องทำน้ำอุ่นช็อตตายไป ฟื้นมาอีกทีก็กลายเป็นสนมของทรราชผู้นั้น!! งานนี้เธอจะสามารถกลับออกจากนิยายได้ไหม หรือว่าต้องอุ้มให้ทรราชผู้นั้นตลอดไป ไปลุ้นกันค่ะ ****************** จบดีมีความสุขค่ะ
นราเป็นเพียงหญิงสาวยากชน ต้องทำงานแลกเงินแต่เธอก็มีตุลย์แฟนหนุ่มที่มีฐานะดีคอยช่วยเหลือตลอด จนกระทั่งวันหนึ่งเธอก็พบว่าตัวเองตั้งครรภ์ ในขณะที่อีกฝ่ายก็มีคนที่ดีพร้อมไว้ข้างกายเช่นกัน เพราะรักจึงยอมเลิก เธอจึงเลือกที่จะหอบลูกในท้องจากไปเพื่อให้เขามีอนาคตที่ดีขึ้น ดีกว่าที่จะอยู่กับคนแบบเธอแม้หัวใจจะเจ็บปวดมากเท่าไรก็ตาม
เสิ่นชิงชิว หลานสาวของเศรษฐีที่รวยที่สุดในเมืองไห้ คบหาอยู่กับลู่จั๋วมาเป็นเวลาสามปีแล้ว แต่ความจริงใจของเธอกลับสูญเปล่า ลู่จั๋วปฏิบัติกับเธอเพียงในฐานะหญิงบ้านนอกคนหนึ่ง และทอดทิ้งเธอในวันแต่งงาน โดยไปหารักแรกของเขา หลังจากเลิกรากันอย่างเด็ดขาด เสิ่นชิงชิวก็กลับมามีสถานะเป็นสาวรวยอีกครั้ง ได้รับมรดกมูลค่าหลายร้อยพันล้าน และเริ่มต้นชีวิตที่รุ่งโรจน์ที่สุด แต่แล้วมักจะมีคนโผล่มาทไให้กับเธอหงุดหงิดอยู่เสมอ! ขณะที่เธอกำลังจัดการกับผู้ร้าย คุณชายฟู่ผู้มีอำนาจนั้นก็ปรบมือและโห่ร้องว่า "ที่รักของฉันสุดยอดมากจริงๆ"
เดิมทีนางเป็นทายาทของตระกูลแพทย์เทพ แต่จู่ๆ นางก็กลายเป็นบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีที่พ่อไม่สนใจใยดีและแม่ก็เสียชีวิตตั้งแต่ยังนางยังเด็ก ในวันที่นางย้อนยุค นางถูกใส่ร้ายว่าเป็นผู้ร้ายตัวจริงที่สังหารฮูหยินจวนโหว นางพยายามพลิกผัน พลิกสถานการณ์ และพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของนาง นางคิดว่าภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกนั้นจบลงแล้ว แต่นางไม่รู้ว่าสิ่งที่นางจะต้องเผชิญคือเหวอันไม่มีที่สิ้นสุด เป็นถึงบุตรีของภรรยาเอกจากจวนเสนาบดีกลับมีอันตรายอยู้รอบตัวมากมาย ทุกคนก็รังแกนางได้ พ่อไม่สนใจนางจะเป็นหรือจะตาย แม่เลี้ยงและน้องสาวต่างแม่สนุกกับการทรมานนาง คู่หมั้นชั่วร้ายของนางอยากจะใช้นางเป็นประโยชน์เพื่อขึ้นไปที่สูง และแม้แต่น้องชายแท้ๆ ของนางยังทรยศนาง นางจึงเริ่มต่อสู้กับคนเจ้าเล่ห์ ข่มเหงแม่เลี้ยงของนาง และดูแลน้องชายและน้องสาวของนาง ดังนั้นนางวางแผนที่จะเล่นงานผู้ชายชั่ว เอาคืนแม่เลี้ยง และแก้แค้นน้องๆ ระหว่างที่นางแก้แค้นนั้น นางมีชีวิตที่มีความสุข แต่กลับไม่รู้ว่าไปยั่วยุคนใหญคนหนึ่งเข้าเมื่อไร เมื่อนางจะทำเรื่องไม่ดีหรือฆ่าคน เขาก็ช่วยนางหมด ในที่สุดนางก็อดไม่ได้ที่ถามออกมาว่า "ท่าน แม้ว่าข้าจะทำลายโลกที่ไม่มความยุติธรรมนี้ ท่านก็จะช่วยข้าเช่นกันหรือ" เขาทำหน้าใจเย็น "ตราบใดที่เจ้าอยู่เคียงข้างข้า แม้ว่าจะเป็นโลกใบนี้ ข้าก็สามารถให้เจ้าได้"
ในระยะเวลาสองปีที่แต่งงานกัน เนี่ยเหยียนเซินจู่ๆ ก็เสนอขอหย่า เขาพูดว่า "เธอกลับมาแล้ว เราหย่ากันเถอะ คุณอยากได้อะไรบอกมาได้เลย" ชีวิตการแต่งงานสองปีสู้อีกคนที่หันหลังกลับมาไม่ได้ ตามอย่างที่คนเขาว่ากัน "คนรักเก่าแค่ร้องไห้สักหน่อย คนรักปัจจุบันก็ย่อมแพ้แน่นอน" เหยียนซีไม่ได้โวยวายอะไร เลือกที่จะตอบตกลงและเสนอเงื่อนไขว่า "ฉันต้องการรถซูเปอร์คาร์ที่แพงที่สุดของคุณ" "ได้" "วิลล่าสุดหรูชานเมือง" "ตกลง" "กำไรหลายพันล้านที่หามาในช่วงสองปีนี้ แบ่งคนละครึ่ง" "อะไรนะ"
ในวันแต่งงาน เจ้าบ่าวของเฉียวซิงเฉินหนีไปกับผู้หญิงอีกคน เธอโกรธมาก จึงสุ่มหาชายคนหนึ่งมาแต่งงานด้วยทันที "ตราบใดที่คุณกล้าแต่งงานกับฉัน ฉันก็ยอมเป็นเมียคุณ" หลังจากแต่งงาน เธอได้ค้นพบว่าสามีของเธอคือลูกชายคนโตของตระกูลลู่ที่ขึ้นชื่อว่าไร้ประโยชน์ ชื่อลู่ถิงเซียว ทุกคนเยาะเย้ยว่า "เธอยนี่ช่วยไม่ได้จริงๆ" และผู้ชายที่ทรยศเธอก็มาเกลี้ยกล่อมว่า "ไม่เห็นต้องทำร้ายตัวเองเพราะฉันหรอก สักวันเธอต้องเสียใจแน่ๆ" เฉียวซิงเฉินหัวเราะเยาะและโต้ตอบว่า "ไปให้พ้น ฉันกับสามีรักกันมาก" ทุกคนต่าก็คิดว่าเธอเป็นบ้า ไปแล้ว อย่างไรก็ตาม เมื่อตัวตนที่แท้จริงของลู่ถิงเซียวถูกเปิดเผย ที่แท้เขาเป็นคนรวยอันดับต้นๆในโลก ในการถ่ายทอดสดทั่วโลก ชายคนนี้คุกเข่าข้างเดียว ถือแหวนเพชรมูลค่าหลักพันล้าน และพูดช้าๆ ว่า "คุณภรรยา ชีวิตที่เหลือนี้ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะ"
นางเคยมอบความรัก ความภักดี ให้เขาด้วยความจริงใจ แต่เขากลับตอบแทนนางด้วยการทรยศ หักหลัง สกุลของนางต้องล่มสลาย ยามที่สวรรค์มอบโอกาสให้นางได้หวนคืนชะตา นางจึงตั้งมั่นไม่ขอหวนกลับไปยุ่งเกี่ยวพัวพันกับเขาอีก เพียงแต่นางพยายามหลีกหนี คนหน้าหนากลับพยายามไล่ตาม ใช้ความเจ้าเล่ห์ทั้งหลอกล่อบีบคั้นจนนางไร้หนทางหลีกหนี ในเมื่อมิอาจหลีกหนีเช่นนั้นครั้งนี้นางก็จะทำให้เขาได้รู้ว่า สตรีสกุลหลิวจะไม่ยอมโง่เขลาเป็นครั้งที่สอง "กู่เหว่ยหยวน ตลอดชีวิตของข้า สิ่งที่ข้าเสียใจที่สุด คือมอบใจให้บุรุษชั่วช้าเช่นเจ้า หากสวรรค์มีจริง ไม่ว่าจะกี่ภพชาติอย่าได้พบกันอีกเลย"
เพื่อค่ารักษาของพ่อ ฟางจิ้งหร่านยอมแทนที่น้องสาว แต่งงานกับชายผู้เสื่อมเสียชื่อเสียงและหูหนวก คืนแรกของวันแต่งงาน เธอค่อยๆ ถอดชุดทีละชิ้น ด้วยความคาดหวัง... แต่กลับได้ยินเพียงคำเตือนเย็นชาจากเขา "การแต่งงานของเราเป็นแค่สัญญา" อยู่ข้างกายชายเจ้าอารมณ์คนนี้ ฟางจิ้งหร่านต้องระมัดระวังทุกเมื่อ โดยกลัวว่าจะทำเขาไม่พอใจเข้า ทุกคนรอคอยดูเธอเสียหน้า... แต่ใครจะไปคิดว่า สามีคนนี้กลับกลายเป็น"ที่พึ่งที่มั่นคงที่สุด"ของเธอ จนกระทั่งวันที่สัญญาครบกำหนด ฟางจิ้งหร่านถือกระเป๋าเตรียมตัวจะจากไป... ชายคนนั้นกลับมีดวงตาแดงก่ำ กระซิบขอร้องว่า "อย่าไป..."
© 2018-now MeghaBook
บนสุด