คำโปรย การกลับมาแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตครั้งนี้ ทำให้นางมารใจโฉดกลับกลายเป็นคนดี แต่กลับมีเหตุการณ์ที่ทำให้ ถานหยี่เหยียนซึ่งผสานจิตใจกับร่างในปัจจุุบัน จนสงบกลับปะทุขึ้นมาอีกครั้ง และกลับมาทำลายล้างทุกอย่างจนวอดวาย เอลิซาเบธ ลีหรือหยางลี่จู บินกลับประเทศจีนเป็นครั้งแรกในชีวิตและถูกดวงตาสวรรค์ที่มีวาสนาผูกพันกันนำนางหวนคืนกลับตระกูลถาน ซึ่งเป็นชาติอดีตของตัวเองเพื่อกลับมาแก้ไขเหตุการณ์ในอดีตตามที่เคยอ้อนวอนต่อสวรรค์เบื้องบน ดวงตาสวรรค์นำนางกลับมาในชาติที่เกิดเป็นสตรีที่แสนจะร้ายกาจที่สุดในตระกูลถาน และนางก็คือนางมารชื่อกระฉ่อน ถานหยี่เหยียน คุณหนูใจโฉดที่เต็มไปด้วยความอำมหิต สนใจแต่ตัวเองไม่เคยใส่ใจผู้ใดและต้องได้ทุกอย่างที่นางต้องการ จนเป็นต้นเหตุทำให้ตระกูลถานถูกประหารล้างตระกูล และการคัดเลือกพระชายาของอดีตฉู่อ๋องเพื่อเลือกเฟ้นให้กับพระอนุชา เป็นที่มาของการประหารล้างตระกูลถานในอดีต แต่การกลับมาอีกครั้งของถานหยี่เหยียน ซึ่งเป็นร่างในยุคปัจจุบันทำให้ร่างในอดีตและปัจจุบันหลอมรวมเป็นร่างเดียวกันและนางก็คือนางในฝันของบุรุษหน้าหยกผู้เลื่องลือ สตรีใจโฉดผู้เคยเป็นอนุชายาของชินอ๋องรูปงามก่อนที่จะกลับมาแก้ไขเปลี่ยนแปลง
ภายในห้องร้างที่มีแต่เพียงเสื่อเก่าๆ ปูทับบนกองฟางและผ้าห่มผืนบางเบาที่แทบจะเรียกได้ว่าเป็นเศษผ้าขี้ริ้วจึงจะถูก ร่างของหญิงสาวหน้าตามอมแมม ถูกขังเอาไว้ภายในห้องดังกล่าวที่อยู่ท้ายจวน ไม่ให้เห็นแสงตะวันและจันทรา
ร่างของนางผ่ายผอมจนเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกได้ดื่มแต่น้ำฝนเท่านั้นเพื่อประทังชีวิตให้อยู่รอดต่อไป แต่คนที่นำมาขังนั้นตั้งใจฆ่านางให้ตายทางอ้อมอย่างเงียบสนิทที่สุด
สายลมเย็นยะเยือกพาดผ่านเข้ามาตามช่องลมจนภายในห้องเหน็บหนาวไปถึงกระดูก ริมฝีปากทั้งล่างและบนแตกระแหงจนเลือดไหลแห้งกรังเกาะติดอยู่บนริมฝีปากงามของหญิงสาวไปเอง ถานเย่ย่าบุตรีคนโตของเสนาบดีถานอี้เฉิน ที่เกิดจากฉางฮูหยินหรือฉางอู๋ถง ภรรยาเอกที่สิ้นชีพลงทันทีที่ให้กำเนิดถานเย่ย่า และเพราะการเสียชีวิตของฮูหยินอันเป็นที่รักทำให้ถานอี้เฉินเสียใจต่อการจากไปของนางอย่างยิ่งยวด
ทันทีที่นางเกิดมาก็ทำให้คนเป็นแม่ต้องตาย ถานอี้เฉินจึงส่งตัวบุตรสาวให้ไปอยู่ที่อื่นโดยฝากน้องสาวภรรยาที่สามีเสียชีวิตไปเพราะถูกเกณฑ์ไปทำสงครามต่างแคว้นและนางก็เป็นหมันจึงทำให้อยู่อย่างโดดเดี่ยว
ด้วยเหตุนี้ถานอี้เฉินจึงส่งบุตรสาวที่เกิดจากภรรยาที่เขารักนางเป็นที่สุด ซึ่งยังไม่อาจทำใจมองหน้าบุตรสาวที่เกิดมาได้ จึงส่งทารกน้อยมาให้ฮว่านฮูหยินน้องสาวภรรยาที่ไร้บุตรให้นางเลี้ยงและดูแลแทน
โดยถานอี้เฉินส่งแต่เงินมาให้กับฮว่านฮูหยินเดือนละหนึ่งร้อยตำลึงเงินเท่านั้น แต่กลับไม่เคยมาเยี่ยมลูกสาวเลยแม้แต่ครั้งเดียวและภายหลังถานอี้เฉินได้แต่งงานใหม่กับบุตรสาวจากตระกูลขุนนางชั้นสูงจากแคว้นเจียงและมีบุตรชายหญิงด้วยกันถึงสามคน หากรวมถึงอนุภรรยาอีกสามคนซึ่งล้วนให้กำเนิดบุตรชายด้วยกันทั้งสิ้น ถานอี้เฉินมีบุตรชายถึงเก้าคนและมีบุตรสาวเพียงคนเดียวที่เกิดจากฮูหยินคนใหม่ของเขาซึ่งฉู่อ๋องพระราชทานนางมาให้
การแย่งชิงเพื่อเป็นคนโปรดของบรรดาบุตรชายจึงเกิดการห้ำหั่นกันอย่างเข้มข้นระหว่างคุณชายที่เกิดจากฮูหยินคนใหม่ที่เป็นเมียพระราชทานจากฮ่องเต้และลูกอนุภรรยา
มีเพียงบุตรสาวเพียงคนเดียวเท่านั้นที่เกิดจากฮูหยินคนใหม่ซึ่งให้กำเนิดบุตรสาวคนที่สองหลังจากคนแรกเป็นบุตรชายและในปีถัดมาก็ได้ให้กำเนิดบุตรชายซึ่งเป็นคนที่สามจากฮูหยินคนใหม่ผู้นี้ ด้วยนางขึ้นชื่อได้ว่าเป็นสตรีที่เลื่องชื่อในความงามจากแคว้นเจียง จึงทำให้ถานอี้เฉินโปรดปรานฮูหยินผู้นี้มากกว่าภรรยาทุกคน
แต่บุตรสาวคนโตที่เกิดจากฮูหยินคนแรกของฉางอู๋ถงกลับถูกลืมเลือนไปจากความทรงจำของคนเป็นพ่อ นางถูกละเลยและไม่ใส่ใจชีวิตความเป็นอยู่ของบุตรสาวคนนี้แม้แต่น้อยมีเพียงแค่ส่งเงินไปให้เดือนละหนึ่งร้อยตำลึงไปให้เท่านั้น เพื่อเอาไว้ใช้จ่ายอย่างไม่ขัดสนอย่างน้อยก็ยังคิดเห็นว่าเป็นลูกที่เกิดจากอดีตฮูหยินผู้ล่วงลับ จวบจนกระทั่งฉู่อ๋องได้มีพระบัญชาให้มีการคัดเลือกพระชายาให้แก่ชินอ๋องซึ่งเป็นพระอนุชา
โดยบุตรีคนโตของขุนนางในระดับเสนาบดีและจากตระกูลขุนนางเก่ารวมไปถึงคหบดีที่มีความสัมพันธ์กับเชื้อพระวงศ์ของแคว้นฉู่จะต้องถูกส่งตัวเข้าวังหลวงเพื่อทำการคัดเลือกพระชายา
ในขณะที่ตระกูลถานบันทึกของพลเมืองภายในแคว้นฉู่ทะเบียนเกิดกลับปรากฏชื่อของถานเย่ย่าซึ่งเกิดจากฉางฮูหยิน เป็นบุตรีคนโตของตระกูล ด้วยเหตุนี้รายชื่อของนางจึงถูกเรียกให้เข้าร่วมการคัดเลือกพระชายาให้แก่ชินอ๋องในครั้งนี้
เป็นเหตุให้ถานหยี่เหยียนซึ่งเป็นบุตรสาวที่เกิดจากฮูหยินคนใหม่เกิดความไม่พอใจอย่างยิ่งยวด รวมไปถึงเหลียนฮูหยินซึ่งคนเป็นแม่เจ็บแค้นแทนลูกเสียยิ่งกว่า ที่ลูกสาวของอดีตฮูหยินผู้วายชนม์ไปนานแล้วกลับมีชื่อเข้ารับการคัดเลือกพระชายาชินอ๋องในครั้งนี้ แทนที่จะเป็นถานหยี่เหยียนซึ่งเป็นลูกสาวของนาง แต่เพราะทะเบียนพลเรือนไม่อาจแก้ไขได้และทั่วทั้งแคว้นฉู่ต่างล่วงรู้กันอย่างถ้วนหน้าว่าถานอี้เฉินมีบุตรสาวคนโตที่เกิดจากฉางฮูหยิน
แรงริษยาและความทะเยอทะยานของถานหยี่เหยียนรวมไปถึงเหลียนฮูหยินซึ่งต้องการให้ลูกสาวของนางได้เข้าไปเป็นหนึ่งในพระชายาหรือพระสนมของชินอ๋อง
เพื่ออยากให้ลูกสาวคนโปรดสมหวัง เหลียนฮูหยินจึงได้ลงมือวางแผนจ้างวานให้คนลักพาตัวถานเย่ย่าในขณะที่นางกำลังปลูกผักอยู่ในไร่นำมากักขังไว้อยู่บริเวณท้ายจวนตระกูลถานเพื่อไม่ให้ถานอี้เฉินไปรับนางกลับมาเข้ามาร่วมการคัดเลือกพระชายาชินอ๋อง
สองแม่ลูกมีคำสั่งให้นำบุตรสาวคนโตของตระกูลถานในวัย 20 ปี ซึ่งใช้ชีวิตอยู่ในชนบทที่หมู่บ้านเล็กๆ ท่ามกลางป่าเขาเต็มไปด้วยธรรมชาติและเพื่อนบ้านที่เป็นมิตร นางถูกลักพาตัวล่องแม่น้ำมากับเรือจนมาถึงจวนตระกูลถานและถูกนำไปขังไว้ที่เรือนร้างท้ายจวนที่ไม่เคยมีผู้ใดย่างกายเข้ามาใกล้
ด้วยเพราะอยู่ห่างไกลจากเรือนใหญ่มากยิ่งนักประกอบกับพื้นที่ภายในจวนตระกูลถานก็กว้างใหญ่สุดลูกหูลูกตา มีพื้นที่ได้รับพระราชทานจากการทำความดีความชอบจากฉู่อ๋อง จึงถูกละเลยไม่มีผู้ใดสนใจเรือนร้างที่มีอยู่หลายหลังบริเวณท้ายจวนแต่อย่างใด
และการหายตัวไปของถานเย่ย่าอย่างไร้ร่องรอยทำให้ทุกคนเข้าใจว่า นางหลบหนีบิดาเพื่อไม่ให้นำนางกลับเมืองหลวงเพื่อเข้าร่วมคัดเลือกพระชายาชินอ๋อง ทำให้ถานอี้เฉินหัวเสียเป็นอย่างมากที่ได้รับรายงานกลับมาเช่นนั้นแต่ในขณะเดียวกันอีกใจหนึ่งเป็นห่วงลูกสาวคนโตด้วยเช่นกัน
เพราะไม่มีผู้ใดล่วงรู้ว่าบุตรสาวคนโตของเขาพำนักอยู่ที่ไหน ยกเว้นเหลียนฮูหยินเท่านั้นที่ล่วงรู้ว่าเขาส่งเงินให้บุตรสาวคนโตไปที่เมืองตวนหงทุกเดือนไม่เคยขาดตลอดระยะเวลา 20 ปีที่ผ่านมา
ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ถานอี้เฉินมีความคิดที่จะทำหนังสือแจ้งกลับไปยังวังหลวง เพื่อส่งถานหยี่เหยียนเข้าคัดเลือกแทนถานเย่ย่าที่หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยโดยตั้งใจที่จะแจ้งกลับไปว่าบุตรสาวคนโตของเขาได้สูญหายไปขณะเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ไปทุกพื้นที่ของแคว้นฉู่
จนบัดนี้ก็ยังไม่พบตัวสมดั่งใจของสองแม่ลูกที่สามารถก้าวเข้ามาแทนที่ถานเย่ย่าได้เป็นผลสำเร็จ และภาวนาขอให้นางสิ้นใจตายคาเรือนร้างเพราะกว่าจะมีคนมาพบศพก็ไม่สามารถล่วงรู้ว่า ซากศพนั้นเป็นของผู้ใดซึ่งไม่สามารถพิสูจน์ได้เลย
ในขณะเดียวกันถานอี้เฉิน ก็ยังมีคำสั่งให้ออกค้นหาบุตรสาวคนโตอีกครั้ง เพื่อให้แน่ใจก่อนจะทำหนังสือส่งไปที่วังหลวงว่าจะเปลี่ยนให้ถานหยี่เหยียนเข้าไปคัดเลือกพระชายาแทน
ด้วยเพราะคนเป็นพ่อรู้สึกสังหรณ์ใจว่า บุตรสาวคนโตกำลังได้รับอันตราย อีกทั้งการหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนั้นหากจะกล่าวกันว่านางตั้งใจหลบหนีบิดา เพื่อไม่ต้องการเข้าเมืองหลวงไปคัดเลือกพระชายาของชินอ๋องในครั้งนี้ก็เป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีวันที่นางจะล่วงรู้ว่าคนเป็นพ่อส่งรถม้ามารับเข้าเมืองหลวงเพื่อกลับจวนสกุลถานด้วยสาเหตุอะไร
แต่มีความเป็นไปได้สูงว่าเหลียนฮูหยินจะล่วงรู้ว่าถานเย่ย่าอยู่ที่ไหน เพราะนางดูแลบัญชีและทรัพย์สินทุกอย่างภายในจวนและล่วงรู้ว่าเขาส่งเงินให้บุตรสาวคนโตเดือนละหนึ่งร้อยตำลึงเงินซึ่งเป็นเงินส่วนตัวของถานอี้เฉิน ที่ได้แยกออกจากบัญชีเรือนของจวน
แต่นางก็ไม่เคยห้ามปรามหรือมาก้าวก่ายเรื่องนี้แต่อย่างใด มิหนำซ้ำยังสนับสนุนให้สามีส่งเงินให้กับบุตรสาวผู้นี้มาโดยตลอดจึงทำให้ถานอี้เฉินไม่สงสัยในตัวเหลียนฮูหยินแม้แต่น้อย
หากแต่ในความเป็นจริงแล้วภายใต้ใบหน้างดงามและรอยยิ้มที่เป็นมิตรและมีไมตรีของเหลียนฮูหยินที่แสดงออกมานั้น เป็นเพียงหน้ากากที่ปิดบังนิสัยอันแท้จริงของนางที่มีความทะเยอทะยานและต้องการก้าวขึ้นมาเหนือกว่าสตรีทุกคน
นางได้ขึ้นมาเป็นนายหญิงของจวนสกุลถาน เป็นภรรยาเอกของขุนนางใหญ่ในราชสำนักฉู่ ซึ่งความใฝ่ฝันของนางไม่ได้ต้องการเป็นเพียงฮูหยิน ของชนชั้นขุนนางแต่ความจริงแล้วนางต้องการเข้าไปอยู่ในชนชั้นเชื้อพระวงศ์
แต่วาสนาของเหลียนฮูหยินนั้นไปไม่ถึงเมื่อนางไม่มีโอกาส แต่ลูกสาวของนางถานหยี่เหยียนยังมีโอกาส และนางต้องได้เข้าไปเป็นพระชายาของชินอ๋องให้ได้แม้จะไม่ได้ถูกเลือกให้เป็นชายาเอกก็ตามที แต่ถึงกระนั้นก็ขอให้เป็นหนึ่งในอนุชายา ถือได้ว่าไม่ออกแรงเสียเปล่า หลังจากนั้นนางจะผลักดันให้ลูกก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งให้ได้ในภายหลัง ดังนั้นการกำจัดถานเย่ย่าเป็นเพียงการเริ่มต้นเท่านั้น
และถานหยี่เหยียนก็มีนิสัยที่ได้รับการถ่ายทอดจากแม่มาอย่างเต็มรูปแบบ แต่จะแตกต่างก็ตรงที่เด็กสาวซึ่งมีอายุเพียงแค่ 15 ปีเท่านั้น เพิ่งจะผ่านพ้นพิธีปักปิ่นไปได้ไม่นานกลับมีใจโหดเหี้ยมและอำมหิตกว่าคนเป็นแม่มากมายหลายเท่ายิ่งนัก
กลางดึกในยามวิกาลเสียงฝีเท้าบ่งบอกว่ามีจำนวนเกินกว่าสองคนขึ้นไปกำลังเดินตรงมายังบริเวณเรือนร้างท้ายจวน ท่ามกลางความมืดมิดที่เต็มไปด้วยอากาศอันหนาวเหน็บ แสงจากคบไฟถูกจุดขึ้นจนลุกโชนไปทั่วเพื่อส่องแสงนำทาง ซึ่งเต็มไปด้วยใบไม้แห้งกองสูงเต็มทางเดินและปกคลุมเรือนร้างหลังนั้นก่อนที่ร่างของชายฉกรรจ์จำนวนสองคนและร่างของถานอี้เฉินเจ้าของจวนมาหยุดยืนอยู่บริเวณหน้ากระท่อมดังกล่าว
“พวกเจ้ารีบเข้าไปในกระท่อมว่ามีใครอยู่ในนั้นหรือเปล่า”เสนาบดีใหญ่สั่งบ่าวไพร่
“ขอรับ”บ่าวรับใช้ทั้งสองขานรับอย่างรวดเร็วพร้อมรีบเดินตรงไปยังเรือนร้างตรงหน้าก่อนจะเปิดประตูเข้าไปภายใน
เพียงครู่บ่าวรับใช้หนึ่งในนั้นรีบวิ่งออกมาจากกระท่อมอย่างรวดเร็วเพื่อกลับมารายงานถานอี้เฉิน
“มีแม่นางผู้หนึ่งอยู่ในกระท่อมขอรับใต้เท้า”สิ้นเสียงของบ่าวรายงาน ถานอี้เฉินรีบเดินตรงไปแทบจะวิ่งก็ว่าได้
ทันทีที่ก้าวเข้ามาภายในกระท่อมดังกล่าว สายตาเห็นร่างของหญิงสาวในวัย 20 ปีนอนนิ่งไม่ไหวติงในท่าคว่ำหน้าอยู่ในขณะนั้นใบหน้าถูกเส้นผมสีดำตกลงปรกหน้า ร่างกายผ่ายผอมจนแทบจะเหลือแต่โครงกระดูกก็ว่าได้ บริเวณข้อเท้าถูกล่ามโซ่เอาไว้กับเสาไม้กลางเรือนไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองและหนีออกไปจากที่นี่ได้
ถานอี้เฉินรีบตรงเข้าไปที่ร่างดังกล่าวพร้อมดึงคบไฟจากมือของบ่าวมาไว้ในมือ พลางพลิกร่างของหญิงสาวนางนั้นให้มาอยู่ในท่านอนหงายเพื่อพิจารณาใบหน้าของนางให้ชัดเจนว่ามีลักษณะตรงตามภาพวาดที่ฮว่านฮูหยินได้บอกลักษณะเด่นของบุตรสาวคนโตถางเย่ย่าหรือไม่
พรึบ! ร่างผอมของสตรีนางนั้นถูกพลิกกลับมาอยู่ในท่านอนหงายอย่างรวดเร็ว พร้อมแสงจากคบไฟสาดส่องใบหน้าของนางเผยรูปโฉมให้ถานอี้เฉินได้เห็นบุตรสาวคนโตของเขาถานเย่ย่า ที่เติบโตเป็นสาวเต็มตัวในวัย 20 ปี แม้ว่าจะถูกขังอยู่ภายในเรือนร้างแห่งนี้มานานเกือบเดือน อดข้าวและน้ำแต่นางก็แข็งแกร่งและมีชีวิตอยู่รอดมาได้จนถึงเวลานี้ท่ามกลางลมหายใจอันรวยริน
“ถงเอ๋อ!”ถานอี้เฉินเรียกชื่อฮูหยินคนแรกของเขาที่มักเรียกหานางอยู่เป็นประจำเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู่ ไม่ต้องมีภาพวาดบอกตัวตนให้พิสูจน์ว่าจะใช่ถางเย่ย่าบุตรสาวคนโตของเขาหรือไม่ แต่ใบหน้าของนางเป็นตัวบ่งบอกได้เป็นอย่างดี
ด้วยใบหน้าของถานเย่ย่าถอดแบบคนเป็นแม่ฉางอู๋ถง ฮูหยิน คนแรกเจ้าของหัวใจของถานอี้เฉินผู้เป็นรักแรกและรักแท้ของเขาเพียงหนึ่งเดียวมาโดยตลอดตราบจนถึงทุกวันนี้ ไม่เคยมีวันใดที่สามารถลืมนางไปจากความทรงจำได้แม้แต่น้อย
ตุบ! คบไฟในมือร่วงหล่นตกลงสู่พื้นอย่างรวดเร็วพร้อมสองแขนรีบโผเข้าคว้าร่างงามของบุตรสาวนำมากอดเอาไว้แนบอก ด้วยหัวใจที่สำนึกผิดและสงสารบุตรสาวผู้นี้ของเขาอย่างยิ่งยวด
“พ่อขอโทษที่เพิ่งมาหาเจ้า! พ่อขอโทษจริงๆ ไม่ต้องกลัวนะพ่อมาช่วยเจ้าแล้ว”สิ้นเสียงคำกล่าวขอโทษถานอี้เฉินหันไปออกคำสั่งกับบ่าวรับใช้ทันที
“รีบจัดการตัดโซ่ที่ล่ามลูกข้าเอาไว้เร็วเข้า!”เสนาบดีใหญ่สั่งเสียงกร้าว
“ขอรับ!”บ่าวรับใช้ทั้งสองขานรับอย่างรวดเร็วพร้อมหนึ่งในนั้นเงื้อดาบที่มีใบมีดคมกริบและหนาซึ่งนำติดตัวมาด้วยฟันลงไปบนโซ่ดังกล่าวอย่างแรง
แกร๊ง!!! โซ่ที่มีขนาดไม่ใหญ่มากนักขาดออกจากกันตามแรงฟันอย่างรวดเร็ว ถานอี้เฉินกระชับร่างของลูกเอาไว้แนบอกพร้อมรีบอุ้มร่างลูกสาวคนโตออกมาจากกระท่อมแทบจะวิ่งเลยก็ว่าได้
“พอถึงจวนเจ้าคนใดคนหนึ่งรีบแยกไปตามหมอมาดูอาการลูกของข้าเดี๋ยวนี้! รีบไปอย่าได้ชักช้า”เสียงสั่งกำชับอย่างร้อนรน
ถานอี้เฉินรีบมุ่งหน้าเดินตรงกลับไปที่รถม้าซึ่งจอดรออยู่ตรงปากทางเข้าของเรือนร้างด้วยเส้นทางที่จะมุ่งหน้ามาท้ายจวนนั้นเต็มไปด้วยเนินดินและโขดหินมากมายกระจายไปทั่วบริเวณ
ท่ามกลางความมืดมิดมีเพียงแสงจากคบไฟลุกโชนอยู่สองดวงกำลังรีบเร่งเดินตรงไปยังรถม้าที่จอดรออยู่ในขณะนั้น โดยไม่ล่วงรู้เลยว่ามีร่างของใครบางคนซ่อนเร้นอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ในชุดคลุมสีดำทะมึนปกปิดร่างและศีรษะกำลังจับจ้องอยู่ที่ดวงไฟซึ่งกำลังลุกโชนพร้อมรอยยกยิ้มที่มุมปากปรากฏขึ้นอยู่บนใบหน้า
“ในที่สุดก็ช่วยออกมาได้เป็นผลสำเร็จแล้ว คราวนี้ก็เหลือแต่รีบกลับไปรับหน้าที่จวนเท่านั้น”เสียงพึมพำของหญิงสาวปริศนาในชุดคลุมสีดำทะมึนกล่าวออกมาแผ่วเบา
ร่างในชุดคลุมสีดำค่อยๆ ก้าวเดินออกจากบริเวณเรือนร้างท้ายจวนเพื่อกลับไปที่เรือนใหญ่ของจวนสกุลถานอีกครั้ง เพราะอีกไม่นานจะต้องมีเหตุการณ์บางอย่างเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
นับตั้งแต่ถานอี้เฉินได้รับจดหมายลับส่งมาบอกว่าถานเย่ย่าไม่ได้หลบหนีหายไปไหน แต่ถูกลักพาตัวและนำมากักขังที่เรือนร้างท้ายจวน และนางกำลังใกล้จะตาย!
ตำหนักไร้รัก สถานที่พำนักของอุปราชหนุ่มแห่งเทียนจิน เจ้าของตำหนักนี้ หัวใจเต็มไปด้วยความด้านชามาแทบทุกพระองค์ แต่แล้ววันหนึ่ง คุณหมอสาวแสนสวย นามว่าจ้าวย่าเจินได้รับของขวัญ ย้ายเข้าบ้านใหม่เป็นภาพวาดตำหนักโบราณ มีชื่อว่าตำหนักเย่วเชียง ในภาพนั้นมีผู้ชายยืนเอามือไพล่หลังไม่เห็นหน้า เฝ้ามองตำหนักฝั่งตรงกันข้าม และที่น่าประหลาดผู้ชายในภาพวาดจะโตขึ้นทุกวัน จวบจนกระทั่ง คุณหมอคนสวยถูกดึงเข้าไปในภาพวาดตำหนักโบราณดังกล่าวและได้พบกับ เจ้าของตำหนักไร้รัก ซึ่งเขาก็คืออุปราชแห่งเทียนจินและเป็นผู้ชายคนเดียวกัน ที่อยู่ในภาพวาดที่หญิงสาวเห็นเขาอยู่ทุกค่ำคืน ตำหนักไร้รักเมื่อไร้หัวใจ ตำหนักไร้กังวลเมื่อหัวใจกลับมามีรักอีกครั้ง
อุปราชปีศาจ สมญานามนี้เลื่องลือไปทั่วหล้า อุปราชเฟิงหลง ผู้ก่อตั้งแผ่นดินเป่ยถังจนเป็นปึกแผ่นเป็นหนึ่งเดียว วิชาอมตะทำให้มีชีวิตเป็นนิรันดร์ และมีญาณหยั่งรู้ล่วงรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าและหูทิพย์ หากแม้นผู้ใดเข้ามาใกล้พระวรกายน้อยกว่ารัศมีสิบฉื่อ ร่างจะต้องสลายกลายเป็นเถ้าธุลีขาวไปทันที อุปราชในตำนานประทับอยู่ในพระตำหนักลืมเลือนมานานกว่า 329 ปีนับตั้งแต่สถาปนาแคว้น จวบจนกระทั่งองค์หญิงเย่วเพ่ยเพ่ย จากแคว้นเย่วปรากฎกาย นางเป็นสตรีเพียงหนึ่งเดียวที่สามารถเข้าใกล้และสัมผัสพระองค์ได้ และนางคือสตรีที่ผูกพันกับพระองค์นับตั้งแต่พานพบกันตั้งแต่ครั้งแรก แรงรักแรงพิศวาสเริ่มก่อตัวขึ้นภายในตำหนักลืมเลือน ก่อนจะถึกปิดตายหายไปอย่างไร้ร่องรอยเพื่อรอคอยนางหวนคืนกลับมาอีกครั้ง กลับมาเพื่อครองรักกับอุปราชปีศาจอีกครั้งตามสัญญาที่มีไว้ให้ต่อกัน ไม่ว่ากาลเวลาจะผ่านไปนานนับพันปีก็ตาม
เพราะการพบกันครั้งแรกระหว่าง จอมอำมหิตแห่งกู้กงและหวางเย่หลิง ทำให้รองผู้บัญชาการองครักษ์เสื้อแพร ต้องการนางเก็บไว่้ใกล้ตัวเพื่อ เหตุผลบางอย่าง และเพื่อสืบเสาะหามารดาผู้ให้กำเนิดจากนาง ครั้นเกิดเหตุการณ์เงินห้าหมื่นตำลึงทองสูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย ภายในสำนักคุ่้มกันหวางซื่อของตระกูลหวาง จึงทำให้จอมอำมหิตสบโอกาส หวางเย่หลิง บุตรีเพียงคนเดียวของหวางเจี้ยนเฉิง จะต้องถูกนำส่งเข้าจวน ในฐานะสตรีของอิ๋งชวนโหว เพื่อช่วยทุกชีวิตของตระกูลหวางให้รอดพ้นจาก การถูกประหารชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว
ตงฟางลี่หยาง แม่ทัพหนุ่มแห่งแคว้นเทียนหยวน หัวใจของเขาเต็มไปด้วยความด้านชาและเต็มไปด้วยความแค้น ที่ฝังแน่นอยู่ภายในใจที่รอวันชำระแค้นกับอดีตสหายเก่า หากแต่หัวใจที่เต็มไปด้วยความด้านชา กลับปรากฏหมอหญิงจากสกุลหลิง ผู้มาจากยุคปัจจุบัน ผุดขึ้นอยู่ภายในหัวใจ หยกบุบผานำเธอให้มาพบกับแม่ทัพจอมโหด และหลิงลี่ย่านางคือสตรีที่แม่ทัพหนุ่มต้องตามจับเธอ !!!
หวังฉิงชวน สาวสวยจากศตวรรษที่ 21 นักศึกษาคณะศิลปะการแสดงและการละคร ซึ่งจะต้องเขียนบทละครแนวพีเรียดย้อนยุคเพื่อผลิตซีรีย์เรื่องยาว 40 ตอนจบ และยังเป็นผลงานภาคบังคับที่นักศึกษาทุกคนจะต้องทำบทละครเพื่อขออนุมัติจบการศึกษา หญิงสาวจึงนำเกร็ดประวัติของท่านหญิงธิดาลูกเจ้าเมือง จากยุคจ้านกว๋อ มาเขียนบทละคร ทว่าประวัติของท่านหญิงผู้นั้นเป็นของปลอมที่ถูกทำขึ้นในยุคนั้น เป็นเหตุให้หวังฉิงชวนเกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้นกับชีวิต เมื่อเธอเกิดหัวใจวายกะทันหัน ครั้นฟื้นขึ้นมาอีกครั้งดวงวิญญาณของเธอกลับอยู่ในร่างของท่านหญิงหยางเฉียนเฉียน ธิดาเจ้าเมืองอูเจี๋ยนผู้วายชนม์ เธอถูกกลับมาในเหตุการณ์ของท่านหญิงที่นำประวัติของนางมาทำเป็นบทละคร เพื่อล่วงรู้เหตุการณ์จริงในอดีตที่เกิดขึ้น และเธอกลับมาเพื่อผูกวาสนากับจอมโจรเยี่ยคัง ซึ่งมีอดีตเป็นถึงองค์ชายเฉินคัง องค์ชายห้าแคว้นหมิ่นเย่ว วาสนาผูกพันลึกซึ้งเกิดขึ้นกับคนทั้งสอง และสัญญารักมั่นจากหัวใจที่พี่คังมีต่อเฉียนเฉียน นำหวังฉิงชวนให้หวนกลับคืนสู่อ้อมกอด องค์ชายเฉินคังแห่งแคว้นหมิ่นเย่วอีกครั้งเพื่อครองคู่ไปชั่วนิจนิรันดร์
ว่านฉีฉี ลูกสาวเจ้าพ่อจากเมืองเซี่ยงไฮ้ถูกส่งตัวไปเมืองปักกิ่ง เพื่อความปลอดภัยจึงต้องแยกจากพ่อของเธอ ซึ่งเป็นเจ้าพ่อผู้มีอิทธิพลครองเมือง หญิงสาวเข้าเรียนสถาบันที่มีชื่อเสียงที่สุดในเมืองปักกิ่ง และสถานที่แห่งนั้นทำให้เธอ ถูกนำกลับไปเมืองหลวงจี้ แห่งเมืองต้าเยียน ซึ่งกำลังถูกฆ่าล้างเมืองอยู่ในเวลานั้น หลี่เหวินฉาง แม่ทัพผู้โหดเหี้ยมและอำมหิตผิดมนุษย์ ได้พบกับว่านฉีฉี ในวันคือพระจันทร์สีเลือด แม่ทัพหนุ่มนำลูกสาวเจ้าพ่อในยุคอนาคตมาเป็นสตรีบำเรอ โดยไม่รู้ว่าเธอมีพลังปีศาจของนางพญามาร และเขาคือแม่ทัพปีศาจแห่งเฉียนฉิน
ซ่งหยุนหยุนแต่งงานไปแล้ว แต่เจ้าบ่าวไม่เคยปรากฏตัวตั้งแต่ต้นจนจบเลย ด้วยความโกรธหนัก เธอจึงมอบกายให้กับชายแปลกหน้าคนหนึ่งแทนในคืนการแต่งงานนั้น หลังจากวันนั้น เธอก็ถูกชายคนนั้นจับตาเข้า...
จือหลินเธอเป็นเด็กกำพร้า ที่ถูกมารดาทอดทิ้งไว้ที่โรงพยาบาลตั้งแต่วันแรกที่ลืมตามาดูโลก ต่อมาทางโรงพยาบาลจึงส่งตัวเธอให้กับสถานสงเคราะห์ พออายุได้สามปี ก็มีองค์กรหนึ่งมารับเลี้ยงตัวเธอ แต่พวกเขาเลี้ยงเธอและเด็กคนอื่นๆ ไว้เพื่อเป็นหนูทดลองเท่านั้น ครั้งแรกที่ถูกนำตัวมา ต่างก็โดนจับฉีดยาเข้าสู่ร่างกาย เพื่อหาเด็กที่เลือดต้านเชื้อที่ฉีดเข้าไปได้เท่านั้น หากร่างกายทนรับไม่ไว้สิ่งที่ทางองค์กรมอบให้คือความตาย จือหลินอาจเป็นเพราะเลือดของเธอพิเศษกว่าเด็กคนอื่น ไม่ว่าฉีดยาตัวไหนเข้าสู่ร่างกายเธอก็ทนรับได้ทั้งนั้น นับจากนั้นมาเธอจึงถูกเลี้ยงดูจากองค์กรมาอย่างดี เรื่องการศึกษาเธอก็สามารถเรียนรู้ทุกสิ่งได้อย่างเต็มที่ แต่เพราะความฉลาดของเธอจึงถูกส่งให้เรียนวิทยาศาสตร์การแพทย์และเรียนแพทย์ควบคู่ไปด้วย เมื่อเรียนจบมาแล้ว จือหลินยังคงทำการให้องค์กรเช่นเดิม แม้จะไม่ได้เป็นนักฆ่าเช่นเพื่อนคนอื่นที่มาพร้อมกัน แต่เธอก็ต้องฝึกไม่ต่างจากพวกเขา ยิ่งเมื่อต้องนำเด็กเข้ามาเป็นหนูทดลองเช่นเดียวกับเธอในตอนเล็ก ต่อให้ไม่อยากทำก็ต้องทำ หากฝ่าฝืนไม่ทำการชิปที่ถูกฝังอยู่ในตัวจะถูกกระตุ้นให้ได้รับความทรมานทันที นานวันเข้า ความดำมืดก็ก่อเกิดในใจ ไม่ว่าจะฉีดยาให้เด็กร้ายแรงเพียงใดจือหลินก็เลิกรู้สึกผิดไปเสียแล้ว เพราะการทำงานของเธอตลอดหลายปีที่ผ่านมาทำให้ทางองค์กรยกย่องและมักจะให้สิ่งดีๆ กับเธอเสมอ เมื่อมีชิปตัวหนึ่งที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อฝังมิติอีกห้วงหนึ่งไว้ภายในร่างกาย จือหลินนางก็ได้รับเลือกให้ทดลองใช้สิ่งนี้ด้วยเช่นกัน จือหลินถูกฝังชิปมิติเข้าที่แกนสมองของเธอ ความเจ็บปวดที่ได้รับทำให้เธอแทบสิ้นสติ เมื่อชิปถูกฝังลงไปแล้ว เพียงไม่นานก็มีเสียงจากระบบให้เธอยืนยันตัวตน ก่อนที่จะปรากฏภาพต่างๆ ภายในหัวของเธอ ของจากภายนอกล้วนแต่ถูกส่งเข้าไปเก็บไว้ด้านในได้ทั้งสิ้น หากเป็นเนื้อสด ผักผลไม้ ยังคงความสดอยู่เช่นเดิมแม้จะเก็บไว้นานมากเพียงใด ห้วงมิติของจือหลินเหมือนเป็นห้องสูทในคอนโดของเธอเองที่มีทุกอย่างพร้อมใช้อยู่ภายใน แม้แต่ห้องทดลอง ห้องทำงานของเธอก็ปรากฏอยู่ในนั้นเช่นกัน นับจากนั้นจือหลินจึงซื้อของเขาเก็บภายในมิติของเธอเป็นจำนวนมาก ตัวเธอเพียงผู้เดียวที่สามารถเข้าออกในห้วงมิติได้ วันเวลาผ่านไปจนจือหลินล่วงเข้าวัยสามสิบปี เธอสามารถผลิตยาที่ทำให้ทั่วโลกจับตามองออกมาได้ ยายื้อชีวิตจากความตาย แต่การทดลองของเธอที่ผ่านมาต้องใช้คนจำนวนมากในการเข้าทดลอง จือหลินสามารถยื้อชีวิตของชายชราที่กำลังจะหมดลมหายใจให้กลับมามีชีวิตปกติได้ เมื่อเธอกักตัวเขาไว้ได้หกเดือนเห็นว่าไม่มีสิ่งใดที่ผิดปกติจึงคิดจะปล่อยเขาออกไปใช้ชีวิตเช่นเดิม แต่แล้วสิ่งที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อชายชราที่กำลังจะเดินออกจากห้องทดลองล้มลงต่อหน้าทุกคนที่เข้าร่วมชื่นชมผลงานของเธอ จือหลินรีบเข้าไปตรวจดูความผิดปกติทันที ก็พบว่าเขาหยุดหายใจเสียแล้ว เจ้าหน้าที่ทั้งหมดจึงต้องพาชายชราคนนั้นกลับเข้าไปในห้องทดลองเพื่อหาสาเหตุ ผ่านไปเพียงสองครึ่งชั่วโมงเขากลับลืมตาขึ้นมาอย่างไม่น่าเชื่อ แต่แววตาที่มองมาทางทุกคนได้เปลี่ยนไป ในดวงตาของชายชราผู้นั้นมีเพียงตาขาวไม่มีตาดำเช่นคนมีชีวิต “เกิดเรื่องอะไรขึ้น” ผู้อำนวยการองค์กรเดินเข้ามาหาจือหลินแล้วเอ่ยถามอย่างตื่นตระหนก เพราะนักข่าวที่ข่าวเชิญมายังอยู่ที่ด้านนอกเพื่อรอฟังคำตอบ “ขอดิฉันตรวจสอบก่อนค่ะ” จือหลินกุมหน้าผากอย่างมึนงง เธอก็ไม่เข้าใจเช่นกันว่าเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร คนทั้งหมดยืนมองชายชราที่เดินท่าทางประหลาดอยู่ในห้องทดลอง ในตอนนี้เขาเริ่มหยิบสิ่งของทำร้ายตัวเองอย่างบ้าคลั่ง เจ้าหน้าที่คนหนึ่งรีบวิ่งเข้าไปในห้องทดลองเพื่อห้ามไม่ให้เขาทำร้ายตัวเอง ชายชราเมื่อได้ยินเสียงคนเดินเข้ามาก็พุ่งเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว และเริ่มกัดกินเนื้อตัวของเขาอย่างโหดร้าย คนที่เห็นเหตุการณ์ทั้งหมดต่างยกมือขึ้นปิดปากอย่างตกใจ เพราะกลัวข่าวเรื่องนี้จะรั่วไหล ผู้อำนวยการสั่งให้คนไปแจ้งนักข่าวให้กลับไปก่อน ทางองค์กรจะแถลงการณ์เรื่องนี้ในภายหลัง เจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายล้มลงเสียชีวิตไม่นานก็มีสภาพไม่ต่างจากชายชราคนนั้น เสียงวุ่นวายไม่ได้จบลงที่ห้องทดลองของจือหลินเพียงแห่งเดียว เพราะห้องทดลองอื่นก็ล้วนพบเหตุการณ์เช่นนี้ไม่ต่างกัน ผู้อำนวยการจำต้องส่งสัญญาณเคลื่อนย้ายเจ้าหน้าที่ออกจากตึกทดลองให้เร็วที่สุด จือหลินไม่รู้ว่ายาของนางจะสร้างผลเสียมากถึงเพียงนี้ เพราะเจ้าหน้าที่หลายคนล้วนจบชีวิตจนกลายเป็นซอมบี้ไปเสียแล้ว ตึกทดลองถูกปิดตาย เพื่อไม่ให้ซอมบี้ที่อยู่ด้านในออกมาสร้างความเสียหายภายนอกได้ “เรื่องนี้ดิฉันขอจัดการด้วยตนเองค่ะ” จือหลินเดินเข้าไปหาผู้อำนวยการที่ห้องทำงานของเขา เพื่อบอกสิ่งที่เธอคิดว่าอย่างดีแล้วในหลายวันที่ผ่านมา เมื่อเห็นว่าผู้อำนวยการไม่ห้ามในสิ่งที่เธอจะทำจือหลินจึงเดินไปที่หน้าตึกทดลองพร้อมระเบิดเวลาในมือ เธอคิดจะทำลายสิ่งของทุกอย่างที่เธอสร้างขึ้นมาลงด้วยมือของเธอเอง จือหลินเปิดประตูตึกทดลองแล้วรีบปิดลงทันที เธอเดินเข้าไปที่กลางตึกให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพราะระหว่างทางเธอต้องคอยต่อสู้กับซอมบี้ที่จะเข้ามาทำร้ายเธอไปด้วย เสียงสัญญาณระเบิดดังขึ้น จือหลินหลับตาลง พร้อมทั้งถอนหายใจให้กับเรื่องราวในชีวิตที่ผ่านมา เสียงระเบิดดังไปทั่วบริเวณพร้อมทั้งตึกทดลองที่ถล่มลงมาจนแทบไม่เหลือซาก “เจ็บชะมัด” จือหลินร้องครางออกมาเบาๆ แต่เมื่อรู้สึกตัวได้เธอก็รีบพยุงตัวขึ้นนั่งอย่างรวดเร็วพร้อมมองไปรอบๆ อย่างไม่อยากเชื่อ เธอคิดว่าตายไปแล้วเสียอีก แต่ทำไมถึงได้มีความรู้สึกเจ็บได้ “นี้มันเรื่องบ้าอะไรอีกว่ะเนี่ย” จือหลินเบิกตากว้างอย่างไม่อยากเชื่อ รอบๆ ตัวเธอในตอนนี้เป็นป่าทึบ มือของเธอก็ไม่ใช่ของเธออย่างแน่นอนเพราะมีขนาดเล็กราวกับเป็นเด็กน้อยคนหนึ่งเท่านั้น ตอนที่เธอมึนงงสับสน เรื่องราวความทรงจำของเจ้าของร่างก็ไหลเข้าสู่หัวของเธอจนต้องลงไปนอนดิ้นกับพื้น
หลังจากแต่งงานกันสามปี เจียงหยุนถังพยายามสุดความสามารถเพื่อช่วยชีวิตสามีที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากอุบัติเหตุทางรถยนต์ โดยไม่คาดคิด ว่าเขาได้ละทิ้งเธอเหมือนกับขยะ รับรักแรกของเขากลับประเทศและตามใจเธอทุกอย่าง เจียงหยุนถังที่ท้อใจตัดสินใจหย่า และทุกคนต่างก็หัวเราะเยาะเธอที่กลายเป็นภรรยาที่ถูกทอดทิ้งจากตระกูลเศรษฐี อย่างไรก็ตาม เธอกลับเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างกะทันหันเป็นหมอเทวดาที่พบเจอยาก "Lillian"แชมป์แข่งรถที่มีฐานแฟนคลับจำนวนมาก และยังเป็นนักออกแบบสถาปัตยกรรมระดับโลกอีกด้วย ชายร้ายหญิงชั่วคู่นั้นเยาะเย้ยเธอว่า เธอจะไม่มีวันหาคู่รักได้ใ แต่ไม่คาดคิดว่าลุงของอดีตสามีของเธอ ซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดทำกแงทัพกลับมาเพียงเพื่อขอแต่งงานกับเธอ
ฉู่ว่านยู ผู้สืบเชื้อสายมาจากตระกูลแพทย์แผนโบราณ มีทักษะทางการแพทย์ที่ยอดเยี่ยม ยาที่เธอทำนั้นทุกคนต่างอยากได้ สามารถรักษาได้ทุกโรค แต่กลับไม่คาดคิดว่าจะย้อนยุค กลายเป็นผู้หญิงที่ขี้เหร่ที่สุดในใต้หล้า และยังเอาชนะใจท่านอ๋องด้วย การเริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ไม่เป็นไร มาดูกันว่าเธอจะพลิกผันยังไง การแย่งการแต่งงานงั้นเหรอ? เธอทำให้น้องต้องรับบทเรียน แย่งสินเิมดลับมา ให้ชายั่วหญิงร้ายคู่นี้อยู่ด้วยกันตลอดไป ขี้ขลาดเหรอ? เธอจัดการพ่อร้าย สั่งสอนผู้หญิงเสแสร้ง! ขี้เหร่เหรอ? เธอรักษาพิษในตัว และกลายเป็นคนงามอันน่าทึ่ง! ลูกสาวขี้เหร่ของจวนอัครมหาเสนาบดี กลายเป็นผู้สูงส่ง แม้แต่ผู้โหดเหี้ยมบางคนยังหวั่นไหวกับเธอ เมื่อสุดที่รักจะจัดการผู้ใด เขามักจะช่วยเสมอ... แต่น่าเสียดายสุดที่รักคนนั้นไม่มีเขาอยู่ในใจ ฉู่ว่านยู "ออกไป หย่าเลย ผู้ชายมีแต่เป็นภาระของข้าเท่านั้น" เสี่ยวลี่จิงรู้สึกน้อยใจ "ไม่ได้ ข้าให้ครั้งแรกกับเจ้าแล้ว เจ้าต้องรับผิดชอบข้า"
หลี่เมิ่งเหยาย้อนเวลามาอยู่ในร่าง ของเด็กสาววัยสิบสองปี ในวันที่มารดาอนุผู้โง่เขลา ถูกขับไล่ออกจากจวน โชคยังดีที่ตอนตาย นางสวมกำไลหยกโลกันตร์เอาไว้ มันจึงติดตามนางมาที่นี่ด้วย +++ 1 : มารดาโง่ จนถูกไล่ออกจากตระกูล จวนตระกูลหลี่เจ้าเมืองถัง สตรีสองนางถูกสาวใช้จับคุกเข่าลง ตรงหน้าของหลี่หงซวนเจ้าเมืองถัง ทั้งยังเป็นพ่อสามีของทั้งคู่อีกด้วย ท่านกำลังสอบสวนเรื่องของสะใภ้ใหญ่ของบ้านสาม ถูกฮูหยินรองกับอนุรวมหัวกันลอบทำร้าย ด้วยการวางยาขับเลือดในถ้วยน้ำแกงบำรุงครรภ์ ทำให้นางต้องสูญเสียทารกในครรภ์ไป “ท่านพ่อข้าไม่รู้จริง ๆ ว่านั่นเป็นยาขับเลือด ฮูหยินรองบอกว่าเป็นน้ำแกงบำรุงครรภ์ ให้ข้าเป็นคนนำไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ เป็นนางนั่นเอง นางหลอกข้า !” เฉาซูหลิ่งชี้นิ้วไปทางสตรีด้านข้าง ร้อนรนเอ่ยออกมาเหมือนคนไม่ได้รับความเป็นธรรม “อนุเฉาเจ้าอย่ามาใส่ร้ายข้านะ เจ้าทำคนเดียวทั้งนั้นไม่เกี่ยวกับข้าเลย” ฮูหยินรอง ถูซวงอี้ ชี้นิ้วใส่หน้าเฉาซูหลิ่งกลับคืน ต่างคนต่างโยนความผิดให้กัน ฮูหยินผู้เฒ่าหลิวเยี่ยนหนานโบกมือให้คนเข้ามา “ข้าให้โอกาสพวกเจ้าสองคนพูดความจริง แต่กลับไม่มีใครยอมรับความผิดแม้แต่คนเดียว มันน่าจับส่งทางการให้รู้แล้วรู้รอด” พ่อบ้านหลัวให้คนลากสาวใช้คนหนึ่งเข้ามา สภาพของนางถูกทรมานจนเนื้อตัวบวมช้ำไปหมด “เรียนนายท่านข้าให้คนไปค้นห้องสาวใช้ทุกคนในจวน พบเทียบยาซ่อนไว้ใต้หมอน จากห้องของสาวใช้คนนี้ขอรับ” ถูซวงอี้ถึงกับคุกเข่าต่อไปไม่ไหว ทิ้งตัวลงไปนั่งอยู่บนพื้น สาวใช้ที่ถูกทรมานจนสภาพน่าเวทนานั่น เป็นเสี่ยวอิงสาวใช้สินเดิมของนางเอง “ฮูหยินรอง ข้าขอโทษ ข้าทนต่อไปไม่ไหวจริง ๆ ข้าขอโทษ !” เสี่ยวอิงโขกศีรษะลงตรงหน้าของถูซวงอี้แรง ๆ น้ำตาไหลนองหน้าจน แทบไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่แล้ว พ่อบ้านหลัวเอ่ย “ข้าให้คนไปถามที่หอโอสถแล้วขอรับนายท่าน เป็นเทียบยาขับเลือดจริง ๆ” หลี่หงซวนมองไปทางบุตรชายคนที่สามของตน พบว่าเขามีสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก สตรีที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้าคือฮูหยินรอง กับอนุภรรยาที่เขารักใคร่ไม่ต่างกัน เหตุใดถึงได้คิดร้ายต่อฮูหยินใหญ่ของเขาได้ เป็นเหตุให้เขาต้องสูญเสียลูกที่อยู่ในท้องของนางไป เดิมทีฮูหยินใหญ่ของเขาก็ตั้งท้องยากอยู่แล้ว เขารอมาตั้งนานกว่าจะมีวันนี้ได้ ไม่คิดมาก่อนว่าจะต้องสูญเสียไปเช่นนี้ “หย่วนเจ๋อนี่เป็นเรื่องในเรือนของเจ้า เจ้าอยากตัดสินเรื่องนี้ด้วยตัวเองหรือไม่” ผู้เป็นบิดาเอ่ยถามบุตรชาย “ไม่ ข้าไม่อยากเห็นหน้าพวกนางอีกต่อไป แล้วแต่ท่านพ่อเถอะขอรับ ข้าขอตัวไปดูฮูหยินใหญ่ก่อน” หลี่หย่วนเจ๋อคำนับบิดา สะบัดแขนเสื้อเดินจากไปในทันที หางตายังไม่แม้แต่จะมองสตรีทั้งสองนาง เฉาซูหลิ่งลนลานตามเขาไป “ท่านพี่ช่วยข้าด้วย ข้าไม่ผิดนะเจ้าคะ ท่านพี่ !” แต่ถูกบ่าวรับใช้ขวางทางเอาไว้ หลี่หงซวน “หยุดโวยวายได้แล้วอนุเฉา เจ้าเป็นคนถือถ้วยน้ำแกงใส่ยาขับเลือด ไปมอบให้ฮูหยินใหญ่ด้วยตัวเอง ยังคิดจะหนีความผิดนี้ไปได้อีกรึ” “ท่านพ่อขะข้าข้า...ไม่ผิด” เฉาซูหลิ่งทิ้งตัวไปด้านหลังอย่างหมดเรี่ยวแรง เดิมทีนางก็ไม่เป็นที่โปรดปรานของพ่อแม่สามีอยู่แล้ว เพราะไม่สามารถให้กำเนิดบุตรชายได้ ครั้นได้บุตรสาวก็นิสัยขี้ขลาดขี้กลัว ไหนเลยจะเชิดหน้าชูตาให้ตระกูลหลี่ได้ เฉาซูหลิ่งนั่งเหม่อลอย คล้ายคนจิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว ขณะที่หลี่หงซวนกำลังประกาศโทษทัณฑ์ของพวกนาง ถูซวงอี้กับคนของนาง ถูกขายออกจากจวน ไปอยู่หอนางโลมอย่างเงียบ ๆ ชาตินี้อย่าได้ก้าวเท้า กลับมาเหยียบที่จวนตระกูลหลี่อีก ส่วนเฉาซูหลิ่งถูกขับไล่ออกจากจวน ไปพร้อมกับบุตรสาว ให้ไปอยู่เรือนร้างของตระกูลหลี่ที่เมืองฉาง ห้ามกลับมาที่ตระกูลหลี่อีกชั่วชีวิต “ท่านพ่อท่านขับไล่ข้าไป ข้ายังพอรับได้ เหตุใดต้องขับไล่เหยาเอ๋อร์ไปด้วย นางเพิ่งจะสิบสองปีเองนะเจ้าคะ” เฉาซูหลิ่งนึกถึงบุตรสาวร่างกายผ่ายผอม นอนซมเพราะพิษไข้อยู่ เกิดนึกสงสารนางขึ้นมาจับใจ ฮูหยินผู้เฒ่าหันไปมองสามีเล็กน้อย นางเห็นเด็กสาวคนนั้นมาตั้งแต่เกิด แม้ไม่ได้เอ็นดูแต่ก็นับว่าเป็นสายเลือดเดียวกัน “ฮูหยินเรื่องนี้ข้าตัดสินใจไปแล้ว ไม่อาจคืนคำได้” คำพูดของประมุขของตระกูล มีหรือใครจะกล้าขัด เฉาซูหลิ่งปล่อยเสียงร้องไห้โฮออกมาดัง ๆ นางโง่งมจนทำให้บุตรสาว ต้องมารับเคราะห์กรรมตามไปด้วย “ลากตัวอนุเฉาออกไป หารถม้าสักคันให้คนส่งนาง ไปที่เรือนร้างเมืองฉาง” คำสั่งของหลี่หงซวนเป็นคำขาด บ่าวไพร่รีบทำตามในทันที ครั้นได้อยู่ด้วยกันเพียงลำพังกับฮูหยินผู้เฒ่า หลี่หงซวนถึงได้บอกเหตุผล ที่ต้องตัดสินใจทำเช่นนี้ นั่นเพราะตระกูลจี้ได้ยื่นคำขาดมา ให้ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมด อย่าให้เหลืออยู่แม้แต่ตนเดียว ไม่ต้องการให้คนที่ทำร้ายบุตรสาวของพวกเขา อยู่ระคายสายตาของจี้ชิวหรงอีกต่อไป ฮูหยินผู้เฒ่าแค่นออกมาหนึ่งคำ “อ้างเหตุผลข้าง ๆ คู ๆ ความจริงแล้วต้องการกำจัดอนุในเรือนบุตรสาวทิ้งให้หมด นี่กระทั่งเด็กคนหนึ่งก็ไม่เว้น แต่ก็เอาเถอะ เหยาเอ๋อร์อยู่ที่นี่ ก็ใช่จะมีประโยชน์อันใด นางไม่ได้อยู่ในสายตาของพวกเราด้วยซ้ำ ให้นางไปกับแม่ของนางนั่นแหละดีแล้ว” หลี่หงซวนนั้นเป็นเพียงเจ้าเมืองเล็ก ๆ มีตำแหน่งเป็นขุนนางขั้นที่ห้า ฝั่งตระกูลจี้บ้านเดิมของจี้ชิวหรงนั้น อยู่ในเมืองหลวงมีตำแหน่งใหญ่โตกว่าหนึ่งขั้น เรื่องนี้เขาจึงต้องขบคิด ถึงผลได้ผลเสียในอนาคตอีกด้วย การเสียสละอนุกับหลานสาวคนหนึ่ง เพื่อชดเชยให้แก่คนตระกูลจี้ นับว่าเป็นเรื่องสมควรทำแล้ว “ข้าก็คิดเช่นฮูหยินนั่นแหละ เพียงแต่สะใภ้สามแท้งคราวนี้ ไม่รู้จะยังสามารถตั้งท้องได้อีกหรือไม่ พวกเรารอดูไปก่อนดีกว่า หากนางไม่สามารถตั้งท้องได้จริง ๆ เราค่อยหาอนุมาให้หย่วนเจ๋อภายหลังก็ยังได้ ยามนั้นคนตระกูลจี้จะเอาอะไรมาง้างกับเราได้อีก” “จริงดังท่านว่าเจ้าค่ะ” ฝ่ายเฉาซูหลิ่งที่ถูกคนใช้ ลากตัวออกมาให้เก็บของในเรือน นางส่งเสียงเอะอะโวยวายตลอดทาง พร่ำบอกต้องการพบหลี่หย่วนเจ๋อให้ได้ แต่ถูกสาวใช้ขวางไว้ไม่ให้ไป นางจำใจกลับไปยังห้องนอนของตัวเอง รีบเก็บของสำคัญใส่ห่อผ้าเพื่อออกเดินทาง
"เราหย่ากันเถอะ"หนึ่งประโยคนี้ ทำให้ชีวิตการแต่งงานสี่ปีของฉินซูเหนียนกลายเป็นเรื่องตลก ในขณะนี้ ฉินซูเหนียนถึงตระหนักว่าสามีของเธอไม่เคยมีใจให้เธอ น้ำเสียงของเขาเย็นชา: "ตั้งแต่ต้นจนจบ ฉันมีเพียงหว่านหว่านอยู่ในใจ และคุณเป็นเพียงแผนชั่วคราวในการจัดการกับการแต่งงานในครอบครัวที่กำหนด" ด้วยความสิ้นหวัง ฉินซูเหนียนลงนามในใบหย่าอย่างไม่ลังเล ถอดผ้ากันเปื้อนของภรรยาที่ดีออก สวมมงกุฎของราชินีขึ้นมา และกลายเป็นผู้ยิ่งใหญ่ กลับมาอีกครั้ง เธอไม่ใช่คุณนายลี่ที่สวยแต่เปลือกอีกต่อไป แต่เป็นผู้หญิงที่แข็งแกร่งที่น่าทึ่งใจ เธอแสดงความสามารถต่อหน้าคนอื่นๆ และอดีตสามีที่หยิ่งก็ถามเธอว่า: "ฉินซูเหนียน นี่เป็นเคล็ดลับใหม่ของเธอในการดึงดูดฉันงั้นเหรอ" ก่อนที่เธอจะพูดอะไร ประธานลึกลับก็ดึงเธอเข้ามาในอ้อมแขนของเขาและประกาศไปว่า "ดูให้ชัดเจน นี่คือคุณนายฟู่ คนอื่นห้ามเข้าใกล้เธอ" ฉินซูเหนียนถึงกับพูดไม่ออก อดีตสามีก็ตกตะลึงไปด้วย